สำหรับซูจิ้นกับฉางเจานั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เจียงซวี่ย่อมไม่อยากผิดใจด้วย แต่เนื่องจากในสถานการณ์นี้สามารถเลือกได้เพียงหนึ่งเท่านั้น และเขาก็เลือกโจวหนีหากยืนกรานทำตามซูจิ้น ปล่อยให้โจวหนีถวายรายงานขึ้นไป เรื่องที่เขารักษาผิดพลาดก็จะถูกกล่าวถึงต่อหน้าพระพักตร์ นี่…ไม่ใช่เรื่องดีตอนนี้องค์ชายสี่ป่วย
“ข้าคิดว่าคนพวกนั้นต้องลงมือในเร็วๆ นี้แน่ ท่านเรียกพวกโจวหนีมาสั่งการเตรียมตัวไว้เถอะ” เยว่อวิ๋นบอกสามีเรียบๆหญิงสาวนึกถึงท่าทีระแวดระวังตัวของผู้มาใหม่ พลางคิดว่าตนสู้อุตส่าห์อดทนเฝ้าตอรอกระต่าย[1]อยู่นานขนาดนี้ จะต้องไม่ให้เกิดความผิดพลาดโดยเด็ดขาดเซี่ยฉงอวิ๋นตอบรับออกมาคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโ
ดังนั้นเรื่องนี้หากจะพูดตามจริงแล้ว ต้นเหตุของความผิดพลาดก็มาจากทางฝ่ายนั้นนั่นแหละ!เจียงซวี่คิดอย่างหงุดหงิด เขาไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่าสีหน้าและท่าทางทั้งหมดของตนนั้นถูกซูจิ้นกับฉางเจาสังเกตเห็นหมดแล้ว ทั้งคู่ลอบสบสายตาแล้วส่ายหน้า คิดเหมือนกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูด เจียงซวี่ผู้นี้... ช่างเป็นถุงฟางข้า
แม้เรื่องที่หลีจวินอาศัยอยู่กับครอบครัวเยว่อวิ๋นจะถูกเก็บเป็นความลับ มีแค่คนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่เรื่องอาการป่วยที่ทรุดหนักลงจนแทบเอาชีวิตไม่รอดของเขากลับถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วแม้แต่จวงกุ้ยเฟยที่อยู่วังหลังยังรู้เรื่องนี้“นี่ ฉีหวา เจ้าว่าคราวนี้เด็กนั่นจะตายไหม” จู่ๆ เ
คิดแล้วฝูซีก็ให้อารมณ์เสียขึ้นมาทันที นึกอยากลุกมาฟาดศีรษะลูกศิษย์ตนสักทีสองที แต่พอคิดถึงความขัดแย้งระหว่างเยว่อวิ๋นกับพวกซุนไฉก่อนหน้านี้ ชายชราอดรู้สึกร้อนตัวขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้“น่ะ… นั่นเป็นเพียงอุบัติเหตุ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่หากคิดให้กระจ่าง ก็จะรู้ว่าเรื่องราวที่เกิดเป็นเพราะเขาไม่เข้มงวดกวด
“สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”รอจนเยว่อวิ๋นส่งเสี่ยวอวี้น้อยออกจากห้องไปแล้ว เซี่ยฉงอวิ๋นจึงละใบหน้าจากตำราในมือขึ้นมาถาม เยว่อวิ๋นเดินมาข้างกายอีกฝ่าย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ไม่เลว น่าจะอีกไม่นานแล้วล่ะ เจ้าหมอหลวงแซ่เจียงนั่นนิสัยตื้นเขินนัก ไม่เพียงโลภในลาภยศผลงาน แต่ยังชั่วร้ายเห็นแก่