ชายชราที่อยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้ในยามนี้หากโจวหนียังไม่กลับไป จะต้องจำเขาได้อย่างแน่นอน“น่าแปลก คนผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดถึงสามารถทำให้ท่านผู้เฒ่ารับเข้ามาเป็นศิษย์ได้” ฮ่องเต้ตรัสด้วยพระพักตร์เปี่ยมรอยยิ้ม ต้องรู้ว่าปีนั้นแม้แต่พระองค์ที่เป็นองค์ชายยังถูกคนตรงหน้าปฏิเสธเลย“เป็นคนหนุ่มที่ดีคนหนึ่งพ่
เห็นท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่องของมารดาเยว่ฉินก็พอเดาออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ นึกถึงองค์หญิงเจียงหนิงที่ทั้งงดงามและดูดี ในใจเยว่ฉินก็เต็มไปด้วยรสชาติเปรี้ยวฝาด ทั้งที่แต่ก่อนน้องรองไม่มีสิ่งใดสู้เขาได้เลยแท้ๆ เวลานี้กลับกลายเป็นแม่ทัพที่ใครๆ ก็ไม่สามารถล่วงเกินได้ มือกุมอำนาจมีสาวงามเคียงข้างเป็นที่ริษยา
หลังจากวันที่เยว่หลินไปหา บ้านเยว่ก็กลับมาสุขสงบอีกครั้ง ถึงแม้ว่าการล้มครั้งนั้นจะทำให้แม่เฒ่าเยว่บาดเจ็บจนเอวเคล็ดก็ตาม ทว่าก็ยังไม่อาจปกปิดรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาได้ โดยเฉพาะเยว่ฉินที่มีชนักติดหลังอยู่เพราะกลัวว่าหลิวอิงจะยังมีชีวิตอยู่แล้วกลับมาเปิดโปงการกระทำของตน สองสามวันมานี้เยว่ฉินจึงร้อน
ทว่าองค์หญิงเจียงหนิงที่เดินเข้ามากลับยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มไม่รู้สึกรู้สา ทั้งยังถามน้ำเสียงไร้เดียงสาต่อ “ข้าถามท่านทำไมไม่ตอบเล่า หรือว่าท่านมีเรื่องอะไรปิดบังข้ากัน” พูดจบก็แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวไม่พอใจทันทีเยว่หลินมองอย่างชินชา คนในราชวงศ์พวกนี้เปลี่ยนสีหน้าไวยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี เขาชินเสียแ
ช่างนิสัยแย่เสียจริงนางไม่ใช่คนไร้เดียงสา ย่อมไม่คิดแน่นอนว่าการทำดีด้วยจะโน้มน้าวใจหลิวซื่อไว้ได้ แต่ที่เซี่ยฉงอวิ๋นกล่าวก็ถือได้ว่าถูกต้องอยู่ครึ่งหนึ่ง นั่นก็คือนางมีความคิดอยากรั้งตัวคนจริงๆไม่จำเป็นต้องมาอยู่ด้วยกันก็ได้ นางแค่ต้องการให้อีกฝ่ายออกจากหลุมลึกของสกุลเยว่ สามารถใช้ชีวิตที่ดีมั่นค
แม่เฒ่าเยว่อายุไม่น้อยแล้วเรี่ยวแรงย่อมไม่อาจสู้จางซื่อ นางผงะหงายหลังลงไปนอนเอ้งเม้งบนพื้น โดยมีฝ่ายหลังล้มตามลงไปติดๆแม่เฒ่าเยว่ถูกทับด้วยร่างอวบอ้วนของลูกสะใภ้ ความเจ็บแปลบจากกระดูกสันหลังที่ถูกกระแทกทำให้นางไรเรี่ยวแรงจะผลักคนออก ได้แต่นอนร้องโอดโอยน้ำเสียงแหบแหลม“ท่านแม่!”เยว่ฉินกับเยว่เจินเ