ทว่าองค์หญิงเจียงหนิงที่เดินเข้ามากลับยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มไม่รู้สึกรู้สา ทั้งยังถามน้ำเสียงไร้เดียงสาต่อ “ข้าถามท่านทำไมไม่ตอบเล่า หรือว่าท่านมีเรื่องอะไรปิดบังข้ากัน” พูดจบก็แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวไม่พอใจทันทีเยว่หลินมองอย่างชินชา คนในราชวงศ์พวกนี้เปลี่ยนสีหน้าไวยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี เขาชินเสียแ
ช่างนิสัยแย่เสียจริงนางไม่ใช่คนไร้เดียงสา ย่อมไม่คิดแน่นอนว่าการทำดีด้วยจะโน้มน้าวใจหลิวซื่อไว้ได้ แต่ที่เซี่ยฉงอวิ๋นกล่าวก็ถือได้ว่าถูกต้องอยู่ครึ่งหนึ่ง นั่นก็คือนางมีความคิดอยากรั้งตัวคนจริงๆไม่จำเป็นต้องมาอยู่ด้วยกันก็ได้ นางแค่ต้องการให้อีกฝ่ายออกจากหลุมลึกของสกุลเยว่ สามารถใช้ชีวิตที่ดีมั่นค
แม่เฒ่าเยว่อายุไม่น้อยแล้วเรี่ยวแรงย่อมไม่อาจสู้จางซื่อ นางผงะหงายหลังลงไปนอนเอ้งเม้งบนพื้น โดยมีฝ่ายหลังล้มตามลงไปติดๆแม่เฒ่าเยว่ถูกทับด้วยร่างอวบอ้วนของลูกสะใภ้ ความเจ็บแปลบจากกระดูกสันหลังที่ถูกกระแทกทำให้นางไรเรี่ยวแรงจะผลักคนออก ได้แต่นอนร้องโอดโอยน้ำเสียงแหบแหลม“ท่านแม่!”เยว่ฉินกับเยว่เจินเ
“นั่นก็จริง” แม่เฒ่าเยว่พยักหน้าเห็นด้วย รอยยิ้มของมารดาผู้รักและเมตตาบุตรจึงค่อยๆ คืนกลับมาอีกครั้ง “เจ้าเองก็เหนื่อยมาเยอะแล้ว กินอะไรแล้วก็ไปนอนพักเถอะ”บอกบุตรชายเสร็จนางก็หันไปตะโกนสั่งให้สะใภ้คนโตตั้งโต๊ะอาหาร ก่อนจะมีสีหน้าบูดบึ้งอีกครั้งเมื่อจางซื่อตอบกลับมาว่าอาหารยังทำไม่เสร็จ“เจ้าจะใช้เว
เจ้านายของนางอารมณ์รุนแรงเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ นางเป็นคนสนิทที่ปรนนิบัติรับใช้ข้างกายเจ้านายมาเนิ่นนาน มีครั้งไหนบ้างที่อีกฝ่ายบันดาลโทสะแล้วไม่ถูกลูกหลง“ธุระสำคัญอะไรกันนักหนา เมื่อวานข้ารอจนดึกดื่นเขาก็ยังไม่กลับ วันนี้พอข้าตื่นมาเขาก็ออกไปแต่เช้า ข้าว่าเขาจงใจจะหลบเลี่ยงข้าเสียมากกว่า” เสียงแหลม
แม้จะรู้ว่าความคิดของตนเองนั้นไม่ถูกต้อง ทว่าเมื่อเผชิญกับความกดดันที่ได้รับ การกระทำของนางก็คล้ายกับสายน้ำที่ได้รับการระบายนางเปลี่ยนความเสียใจความรู้สึกแย่ๆ ของตนมาเป็นความเกลียดชัง หลอกตัวเองโทษว่าทุกสิ่งเป็นความผิดของบุตรสาว ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง นางที่ทำเรื่องชั่วร้ายเหล่าน