Share

ซื้อ

Author: 橙花
last update Last Updated: 2025-10-19 17:00:34

หลังจากดูด้านหลังได้สักพัก เจ้าหน้าที่ก็เดินนำทั้งสองคนเข้าไปด้านหน้าร้านเพื่อขึ้นไปดูห้องบนชั้นสอง ซูเมี่ยวจินและฉางเล่ยค่อย ๆ เปิดประตูดูพื้นที่ห้องไปทีละห้องก็พบว่า บนชั้นสองนี้มีห้องนอนใหญ่หนึ่งห้อง ห้องนอนขนาดเล็กอีกสองห้อง และมีห้องน้ำอยู่หนึ่งห้อง ถึงจะบอกว่าเป็นห้องนอนเล็ก แต่ห้องทั้งสองก็ยังใหญ่กว่าห้องนอนพวกเขาที่อยู่ในหมู่บ้านเสียอีก สร้างความพอใจให้ซูเมี่ยวจินและฉางเล่ยไม่น้อย

“พวกคุณคิดว่าที่นี่เป็นอย่างไรบ้างครับ” เจ้าหน้าที่สอบถามเมื่อเห็นทั้งสองคนดูห้องทั้งหมดครบแล้ว

“ที่นี่ดีมากเลยค่ะ ไม่ทราบว่าสามารถโอนโฉนดหลังซื้อขายได้ภายในวันนี้เลยหรือเปล่าคะ พวกเราจะได้ไม่ต้องมาหลายเที่ยว” ซูเมี่ยวจินเห็นว่าเลยเที่ยงมาสักพักแล้วจึงสอบถามเจ้าหน้าที่เสียก่อน

“ผมจัดการให้ได้ครับ พวกคุณจะไปทานข้าวเที่ยงกันก่อนแล้วค่อยมาทำเอกสารซื้อขายและโอนร้านค้าตอนบ่ายก่อนไหมครับ” เจ้าหน้าที่ถามเพราะเขาหิวข้าวแล้ว

“ตกลงค่ะ เราจะไปกินข้าวกันก่อนแล้วจะเข้าไปหาคุณที่ที่ทำการนะคะ”

“ถ้าอย่างนั้นผมจะรอพวกคุณนะครับ เอกสารประจำตัวพวกคุณนำมาด้วยหรือเปล่าครับ”

“ฉันเอามาด้วยค่ะ คุณไม่ต้องกังวล” ซูเมี่ยวจินที่สะพายกระเป๋าเงินและเอกสารมาด้วยตั้งแต่เช้าตอบ

“ดีครับ เจอกันที่ห้องทำงานผมช่วงบ่ายนะครับ ผมจะรอ” เจ้าหน้าที่พาพวกเขาออกจากร้านค้าและแยกย้ายกันไปกินข้าวเที่ยง

“ภรรยาอยากกินอะไรครับ” ฉางเล่ยถามระหว่างปั่นสามล้อออกจากถนนเส้นนี้

“ฉันเห็นร้านบะหมี่ไม่ไกล เราไปกินที่นั่นดีไหมคะ” ซูเมี่ยวจินไม่อยากให้ฉางเล่ยต้องเหนื่อยปั่นจักรยานไปกินไกลถึงร้านอาหารของรัฐ

“ตกลงครับ” ฉางเล่ยเองก็สังเกตเห็นร้านบะหมี่ก่อนหน้าเช่นกัน เขาจึงปั่นไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว

เมื่อพวกเขาจอดรถไว้ที่หน้าร้านบะหมี่และถือกระเป๋ามาด้วย ซูเมี่ยวจินเป็นคนสั่งบะหมี่ให้กับฉางเล่ยเพื่อความรวดเร็ว ฉางเล่ยกอดกระเป๋าเงินก้อนใหญ่เอาไว้แนบอกอย่างหวงแหน ซูเมี่ยวจินเห็นเข้าก็อดที่จะเอ็นดูเขาไม่ได้

“คุณวางกระเป๋าไว้เก้าอี้ข้าง ๆ ก็ได้ค่ะ ถือไว้แบบนั้นจะกินบะหมี่สะดวกได้ยังไง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลัวกระเป๋าหายมากกว่า” ฉางเล่ยไม่ยอมวางไกลตัว เขารู้ดีว่าเงินในกระเป๋านี้สำคัญมากแค่ไหน

“เฮ้อ! ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณค่ะ ที่ฉันยังมีเงินเก็บอยู่เกือบสี่พันหยวน เดี๋ยวใช้เงินในนี้ซื้อร้านค้าก็แล้วกัน” ซูเมี่ยวจินบอกสามี

“ได้ครับ เรารีบกินกันก่อนเถอะ จะได้ไปทำเอกสาร ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานไหม”

ฉางเล่ยบอกภรรยาเมื่อเจ้าของร้านนำบะหมี่มาส่งให้ที่โต๊ะ ซูเมี่ยวจินพยักหน้ารับคำเขา เธอยังไม่ลืมว่าจะต้องนำเงินไปฝากธนาคารเอาไว้ก่อนส่วนหนึ่ง และแบ่งเงินอีกส่วนหนึ่งเอาไว้ซื้อสินค้าเข้าร้าน ไหนจะค่าตกแต่งร้านที่ต้องใช้อีก เธอจึงไม่อยากเข้าออกธนาคารบ่อยนัก

หลังกินบะหมี่และจ่ายเงินเสร็จ ฉางเล่ยก็พาซูเมี่ยวจินกลับไปที่ที่ว่าการเพื่อทำเรื่องซื้อขายและโอนที่ดิน

“ภรรยา ชื่อผู้ครอบครองใช้ชื่อของคุณเลยนะครับ” ฉางเล่ยกลัวว่าภรรยาจะซื้อร้านค้าเป็นชื่อของเขาหรือคนในครอบครัวจึงบอกไว้ก่อน

“ทำไมล่ะคะ ฉันว่าจะใส่เป็นชื่อพ่อกับแม่สักหน่อย” ซูเมี่ยวจินตั้งใจจะให้ร้านค้าเป็นของขวัญพ่อแม่สามี

“ไม่ต้องหรอกนะครับ ถ้าใส่ชื่อพ่อกับแม่แล้วในอนาคตเราต้องการขายร้านเพื่อย้ายที่อยู่ใหม่มันจะลำบาก ผมว่าใส่ชื่อคุณสะดวกกว่าครับ” ฉางเล่ยบอกไปตามที่คิด เขาจำได้ว่าภรรยาเอ่ยถึงเรื่องการสอบของน้องสาวในปีหน้า หากต้องย้ายที่อยู่กันจริง ร้านค้านี้จะต้องขายออกไปเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการย้ายถิ่นฐาน

“ตกลงค่ะ ฉันจะทำตามที่คุณบอก” ซูเมี่ยวจินเพิ่งนึกออกว่าน้องสาวของฉางเล่ยน่าจะสอบติดมหาวิทยาลัยดี ๆ ในเมืองหลวงได้ ในอนาคตเธอก็อยากพาพวกเขาย้ายไปอยู่ที่นั่นเพื่อเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ๆ เช่นกัน

เมื่อมาถึงที่ว่าการ ทั้งสองก็เข้าไปในที่ว่าการและเดินตรงไปที่ห้องของเจ้าหน้าที่ซึ่งนัดกันเอาไว้ทันที

“เชิญนั่งก่อนครับ รบกวนขอเอกสารส่วนตัวของผู้ซื้อด้วยครับ ผมจะทำเอกสารให้ครับ และขอค่าร้านค้าเพื่อออกใบเสร็จรับเงินด้วยครับ ส่วนค่าบริการในการโอนที่ดินนั้น คุณต้องจ่ายเพิ่มอีก 20 หยวนครับ” เจ้าหน้าที่บอกรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมซื้อขายในครั้งนี้

“รอสักครู่นะคะ” ซูเมี่ยวจินเปิดประเป๋าสะพายที่พกมาและยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ก่อน จากนั้นเธอจึงนับเงินออกมา 1,820 หยวนแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่

“ขอบคุณครับ พวกคุณนั่งรอที่นี่ก่อนนะครับ ผมจะรีบทำเอกสารให้” เจ้าหน้าที่นำทุกอย่างที่ซูเมี่ยวจินให้มาออกไปนอกห้อง

ระหว่างที่กำลังรอเจ้าหน้าที่ไปทำเอกสารให้ ฉางเล่ยก็หันไปถามภรรยาเรื่องการฝากเงินในธนาคารหลังจากนี้

“คุณคิดจะฝากเงินเอาไว้เท่าไหร่ครับ”

“ฉันคิดว่าฝากไว้สักหนึ่งหมื่นห้าพันหยวนดีไหมคะ เงินที่เหลือจะได้เอาไว้ซื้อของเข้าร้านและตกแต่งร้าน” ซูเมี่ยวจินคิดว่าเงินที่เธอมีอยู่รวมกับเงินที่เพิ่งได้มาน่าจะพอสำหรับการเปิดร้าน

“ตกลงครับ คุณถือเงินเยอะมากก็ไม่ดีนัก ผมกลัวชาวบ้านที่รู้ว่าบ้านเรามีเงินแล้วจะคิดไม่ดีน่ะครับ” ฉางเล่ยกังวลว่าเงินจะหาย

“คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ หลังจากนี้เราคงยังไม่ต้องขึ้นเขาอีกนาน เพราะต้องช่วยกันเตรียมร้านค้าและไปซื้อของมาเข้าร้านอีกนะ แต่ก่อนอื่นเราต้องย้ายบ้านมาที่อำเภอกันก่อนจะดีที่สุด อย่างน้อยที่นี่ก็ใกล้กับสถานที่ราชการ คงไม่มีใครกล้าลักขโมยต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่หรอกค่ะ” ซูเมี่ยวจินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เจ้าหน้าที่ก็กลับเข้ามาพร้อมกับเอกสารทั้งหมด เขาชี้บอกให้ซูเมี่ยวจินลงลายมือชื่อในเอกสารไปทีละแผ่น กระทั่งซูเมี่ยวจินลงชื่อในเอกสารโฉนดที่ดินเสร็จ เจ้าหน้าที่จึงบอกว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว และร้านค้านี้ก็เป็นของซูเมี่ยวจินถูกต้องตามกฎหมาย

“นี่เป็นเอกสารทั้งหมดของคุณครับ และนี่เป็นกุญแจทั้งหมดของร้านค้า ในพวงนี้มีกุญแจสำรองอยู่ด้วยนะครับ คุณสามารถแยกเป็นสองชุดแล้วเก็บไว้ได้” เจ้าหน้าที่ส่งกุญแจและเอกสารส่วนหนึ่งให้กับซูเมี่ยวจิน เอกสารอีกส่วนเขาเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานทางราชการ

“ขอบคุณมากนะคะ พวกเราขอตัวกลับก่อนค่ะ” ซูเมี่ยวจินรับทุกอย่างใส่กระเป๋า

“ลาก่อนครับ” เจ้าหน้าที่ลุกขึ้นกล่าวลาตามมารยาท การซื้อขายครั้งนี้เขาได้รับส่วนแบ่งการขายไม่น้อยเลย

ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินออกจากที่ว่าการและไปยังธนาคารซึ่งอยู่ติดกันทันที ทั้งสองเข้าไปด้านในและสอบถามเจ้าหน้าที่เรื่องการฝากเงิน

“ไม่ทราบถ้าต้องการฝากเงินต้องทำยังไงบ้างคะ” ซูเมี่ยวจินถามขึ้นเมื่อเดินเข้าไปเห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งว่างอยู่

“พวกคุณนำบัตรประจำตัวมาเปิดบัญชีก่อนนะคะ แล้วค่อยเขียนใบฝากเงิน” เจ้าหน้าที่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม ปกติผู้ที่มาฝากเงินที่นี่มักจะเป็นพนักงานโรงงานและเจ้าหน้าที่รัฐเป็นส่วนใหญ่ น้อยนักที่ชาวบ้านจะมาทำธุรกรรมในธนาคาร

“นี่บัตรประจำตัวของฉันค่ะ รบกวนคุณช่วยเปิดบัญชีให้ด้วยนะคะ” ซูเมี่ยวจินส่งบัตรประจำตัวให้เจ้าหน้าที่

“ค่าเปิดบัญชี 5 หยวนค่ะ” เจ้าหน้าที่รับบัตรมาแล้วเรียกค่าบริการก่อน

“นี่เงินค่าเปิดบัญชีค่ะ” ซูเมี่ยวจินหยิบเงินในกระเป๋ามายื่นให้เจ้าหน้าที่ เธอไม่คิดว่าค่าเปิดบัญชีในยุคสมัยนี้จะถูกมากจริง ๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ซูเมี่ยวจิน   ถูกจับตา

    “หยกของคุณทั้งหมดผมรับซื้อในราคาห้าแสนหยวน ไม่ทราบพวกคุณคิดยังไงครับ”ผู้จัดการเถาปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมา เขาไม่รู้ว่าลูกค้าทั้งสองจะทราบไหมว่าหยกแก้วทั้งสองก้อนใหญ่นั้นหากนำไปประมูลแล้วมูลค่าของมันจะสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียวเชียวนะซูเมี่ยวจินคิดอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากเธอไม่ทราบราคาในการประมูลหยกล้ำค่าแต่แรก เมื่อหันไปมองสามีที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปเสียแล้ว ซูเมี่ยวจินจึงได้แต่ต้องพยักหน้ารับคำผู้จัดการเถาว่าเธอรับราคานี้ได้“รบกวนพวกคุณรอที่นี่สักครู่นะครับ ผมจะไปจัดการนำเงินเข้าไว้ในบัตรให้คุณ”“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเรียบเหมือนปกติ เธอไม่ได้สนใจว่าร้านจะจ่ายเงินให้พวกเธอยังไงแต่แรก เมื่อได้ยินว่าผู้จัดการสามารถนำเงินเข้าบัตรกดเงินได้ก็ทำให้เธอโล่งใจไม่น้อย นับว่าเมืองเถิงซงนี้ก้าวหน้ามากกว่าเมืองเจิ้งไห่ที่สามารถนำเงินโอนเข้าในบัตรกดเงินได้ฉางเล่ยหลังจากตกตะลึงอยู่พักใหญ่ เมื

  • ซูเมี่ยวจิน   ดวงดี

    ซูเมี่ยวจินชี้บอกหินที่เธอต้องการให้สามีหยิบให้ หินในกองนี้ราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันหยวน เธอจึงให้เขาหยิบมาเพียงสามก้อน เพราะกลัวว่าเงินที่นำมาจะไม่พอ“ภรรยา พอแล้วเหรอครับ” ฉางเล่ยที่หยิบหินใส่รถเข็นถามขึ้น“พอก่อนดีกว่าค่ะ ให้ร้านคิดเงินแล้วผ่าหินดูกันเถอะ” ซูเมี่ยวจินทั้งที่รู้ว่าหินก้อนใหญ่ทั้งสามนั้นเป็นหยกคุณภาพดีทั้งหมดบอกสามี“ตกลงครับ พี่ชาย ช่วยคิดเงินแล้วเอาหินไปผ่าให้ด้วยครับ” ฉางเล่ยหันไปบอกพนักงานที่ยืนรออยู่ห่างออกไปนิดหน่อย“เชิญมาคิดเงินกับผมทางนี้เลยครับ” พนักงานผายมือเชิญพวกเขาไปยังโต๊ะคิดเงินที่อยู่ไม่ไกลนักซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยที่เข็นรถอยู่ตามไปติด ๆ ดีที่ร้านนี้ไม่มีคนเข้ามาอีก พวกเขาจึงไม่ต้องรอคิวให้เสียเวลา“หินก้อนเล็กทั้งหมดห้าก้อน ราคา 800 หยวนครับ ส่วนก้อนใหญ่สามก้อนนั้นราคา 4,000 หยวนครับ” พนักงานคิดเงินตามขนาดข

  • ซูเมี่ยวจิน   ตลาดพนันหิน

    “ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกคุณโจวจะเป็นยังไงบ้างนะครับ” ฉางเล่ยพูดระหว่างที่กำลังกินอาหารที่สั่งไปก่อนหน้านี้ พวกเขาตื่นสายจนไม่ได้ออกมาส่งทหารพวกนั้น“พวกเขาคงกลับไปทำหน้าที่แล้วล่ะค่ะ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”“ผมเห็นพวกเขาแล้วก็อยากเป็นทหารอย่างพวกเขาบ้าง สวัสดิการทหารดีมากจริง ๆ ผมจะได้ปกป้องคุณกับครอบครัวได้ด้วย” ฉางเล่ยเอ่ย“แต่ฉันไม่อยากให้คุณลำบากนะคะ เราไม่มีเส้นสาย ถ้าคุณสมัครเป็นทหาร กว่าตำแหน่งของคุณจะก้าวหน้าก็คงอีกหลายสิบปีเลยล่ะ” ซูเมี่ยวจินส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เธอไม่คิดว่าอาชีพทหารจะเหมาะกับสามีเธอ แล้วเธอก็ไม่อยากให้เขาต้องไปเสี่ยงอันตรายในหน้าที่การงานแบบนี้“คุณคิดอย่างนั้นเหรอครับ” ฉางเล่ยเอ่ยอย่างเสียดายที่ภรรยาไม่อยากให้เขาเป็นทหาร“หรือคุณอยากทิ้งฉันกับครอบครัวไปล่ะคะ” ซูเมี่ยวจินตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญ หากเขาสมัครทหารก็จะต้องไปพักอยู่ที่ค

  • ซูเมี่ยวจิน   แยกย้าย

    “ถ้าอย่างนั้นฉันจะวนรถหาโรงแรมสักแห่งนะคะ” ซูเมี่ยวจินบอก“ขอบคุณมากครับ” ทั้งสามที่อยู่หลังรถรีบเอ่ยขึ้นพร้อมกัน เขาไม่คิดว่าผู้หญิงเย็นชาคนนี้ที่จริงก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำอะไร ไม่แปลกใจที่สามีเธออย่างฉางเล่ยจะภูมิใจที่มีซูเมี่ยวจินเป็นภรรยา เพราะหลายครั้งที่คุยกัน ฉางเล่ยมักจะอวยความเก่งกาจของภรรยาเขาให้ทั้งสามฟังอย่างไม่อายเลยสักนิดซูเมี่ยวจินขับรถวนหาโรงแรมไม่นานก็พบกับโรงแรมเอกชนแห่งหนึ่ง เธอไม่รอช้าที่จะจอดรถด้านหน้าแล้วให้สามีไปสอบถามเรื่องการเปิดห้องพักสักหลายวันทันที ซูเมี่ยวจินคิดว่าจะอยู่ที่โรงแรมนี้จนกว่าการพนันหินเสร็จสิ้นลง ด้านโจวอู่หมิงกับลูกน้องก็สะพายกระเป๋าลงไปพร้อมฉางเล่ยด้วยเช่นกันฉางเล่ยไปสอบถามไม่นานก็เดินกลับมาที่รถแล้วบอกรายละเอียดกับซูเมี่ยวจินเรื่องห้องพักของโรงแรมแห่งนี้“ภรรยาครับ ราคาห้องพักธรรมดาคืนละ 30 หยวน ห้องพิเศษคืนละ 50 หยวน คุณจะให้ผมจองห้องพักแบบไหนดีครับ แล้วเราจะพักกันสักกี่วัน”

  • ซูเมี่ยวจิน   10 ชั่วโมง

    ระหว่างเดินทาง ฉางเล่ยหันไปคุยกับทหารที่อยู่หลังรถจนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันทั้งหมด ซูเมี่ยวจินปกติไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า เธอจึงฟังสิ่งที่สามีคุยกับพวกเขาเท่านั้น“พวกคุณย้ายที่ประจำการกันหรอกเหรอครับ แล้วทำไมถึงได้ถูกดักทำร้ายล่ะครับ”“คนพวกนั้นน่าจะเป็นโจรที่ประจำอยู่เส้นทางนี้น่ะครับ พวกเราก็ไม่คิดว่าจะถูกปล้นทั้งที่ยังสวมเครื่องแบบอยู่” ฟู่จือหยางตอบ“น่ากลัวมากเลยนะครับ ดีที่ผมกับภรรยาไม่ได้พบพวกมันก่อน ไม่อย่างนั้นคงลำบากกว่าพวกคุณมากแน่” ฉางเล่ยพูดคุยอย่างเป็นกันเอง“สามี ข้างหน้าน่าจะเป็นเมืองเหยียนซานแล้ว เราจะได้แวะหาอะไรกินกันก่อน”“ครับ คุณขับหาร้านอาหารก่อนเลย ตอนนี้ยังไม่สายมากนัก โชคดีที่เรามาถึงเร็ว”“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินรับคำแล้วสอดส่ายสายตามองหาร้านอาหารในเมืองไม่ถึง 15 นาที ซูเม

  • ซูเมี่ยวจิน   เพื่อนร่วมทาง

    โจวอู่หมิงหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องทั้งสองคนออกไปจากที่ซ่อนเพื่อดูว่าผู้หญิงที่มาช่วยพวกเขาไว้นั้นหน้าตาเป็นยังไง“คุณช่วยพวกเราได้ยังไงครับ” โจวอู่หมิงที่เดินออกมาถามหญิงสาวร่างสูงโปร่งแต่สายตาของเธอช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน“ใช่ ๆ ทำไมพวกเราไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้เลยล่ะครับ” ฟู่จือหยางรีบถามต่อ“พวกคุณมีรถกันหรือเปล่า?” ซูเมี่ยวจินไม่สนใจตอบกลับคนแปลกหน้า เรื่องการต่อสู้ของเธอ เธอไม่อยากให้พวกเขารู้มากนัก“รถพวกเราถูกยิงพังหมดแล้วครับ แต่สัมภาระยังอยู่ในรถห่างจากตรงนี้ประมาณห้ากิโลเมตรครับ” ซ่งเซียวตอบ“ถ้าอย่างนั้นไปพักที่รถฉันก่อน ตามมา” น้ำเสียงเย็นชาของซูเมี่ยวจิน ทำให้ทั้งสามไม่กล้าถามเรื่องก่อนหน้านี้อีกระหว่างเดินออกจากป่า ทั้งสามคนมองเห็นศพคนร้ายนอนคว่ำหน้าอยู่คนหนึ่ง ที่ด้านหลังมีรูเจาะทะลุเข้าไปตรงตำแหน่งหัวใจ พวกเขาเพิ่งเห็นว่าใน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status