LOGINเจ้าของร้านมองดูสิ่งของมากมายที่ลูกค้ารายใหญ่นำมาก็ตกตะลึงไม่น้อย ของเหล่านี้น้อยคนนักที่จะซื้อเป็นจำนวนมาก แต่ในเมื่อลูกค้าทั้งสองต้องการ เขาก็ทำการคิดเงินทีละรายการ หน้าไม้ของซูเมี่ยวจินเป็นของดี ราคาจึงสูงถึง 500 หยวน ส่วนของฉางเล่ยราคาเพียง 250 หยวนเท่านั้น สำหรับลูกดอกก็เช่นกัน ลูกดอกของซูเมี่ยวจินทั้งหมดราคา 500 หยวนเช่นกัน ส่วนของฉางเล่ยราคาเพียง 100 หยวน ยังไม่รวมมีดพกแบบต่าง ๆ ถึงสิบด้ามหลายขนาดที่ซูเมี่ยวจินเลือกมา แต่ละอันราคาไม่น้อยเลย เสื้อผ้าสำหรับขึ้นเขาแม้ว่าจะราคาสูงกว่าเสื้อผ้าทั่วไป แต่เนื้อผ้าก็สามารถทนต่อการเดินทางในถิ่นทุรกันดารและบนเขาได้เป็นอย่างดี
“ทั้งหมดราคา 4,450 หยวนครับ นี่เป็นราคาที่ผมลดให้แล้วนะครับ” เจ้าของร้านบอกระหว่างที่นำสินค้าใส่ถุงให้ลูกค้าไปด้วยหลังจากคิดเงิน
“ขอบคุณค่ะ นี่เงิน 4,450 หยวนค่ะ” ซูเมี่ยวจินจ่ายเงินโดยตาไม่กระพริบสักนิด สิ่งของพวกนี้เธอต้องมี อย่างไรก็ต้องซื้อมาให้ได้
ฉางเล่ยที่กำลังหยิบถุงสิ่งของที่ซื้อมา พอได้ยินราคาก็ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เขาไม่คิดว่าราคาจะแพงมากขนาดนี้ แต่เมื่อมองสีหน้านิ่งเรียบของภรรยาแล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป เพราะเขารู้ดีว่าเธอคงคิดมาดีแล้ว
“โอกาสหน้ามาใหม่นะครับ ขอบคุณที่อุดหนุนครับ” เจ้าของร้านรับเงินมาแล้วกล่าวลาพร้อมรอยยิ้มกว้าง วันนี้วันเดียวเขาทำกำไรได้ไม่น้อยจากลูกค้าตรงหน้า
“ไม่มีปัญหาค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ซูเมี่ยวจินช่วยฉางเล่ยถือถุงสิ่งของที่เหลืออีกหลายถุงแล้วเดินออกจากร้านไปพร้อมเขา
ระหว่างทางฉางเล่ยไม่ได้พูดอะไร เขาคิดเพียงแค่ว่าการเดินทางไกลครั้งนี้จะต้องปกป้องภรรยาให้ได้เท่านั้น ซูเมี่ยวจินเองก็ไม่ได้พูดถึงของทั้งหมดที่เธอซื้อมาให้ฉางเล่ยฟัง รอให้ใกล้ถึงวันเดินทางเสียก่อน เธอถึงจะบอกเขาว่าทำไมถึงซื้อของพวกนี้มามากขนาดนี้ ต้องรู้ว่าในปีที่การดูแลประเทศยังไม่ทั่วถึง มีคนจำนวนมากที่ขับรถขนส่งแล้วถูกปล้นจนตาย ซูเมี่ยวจินจึงไม่คิดที่จะประมาทแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ว่าพวกเธอจะไม่ใช่รถส่งของเหมือนที่ถูกปล้นบ่อย ๆ แต่การระมัดระวังตัวเองเอาไว้ย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
ฉางเล่ยพาซูเมี่ยวจินกลับถึงบ้านตอนสี่โมงครึ่งพอดี พวกเขาช่วยกันขนของลงจากรถไปใส่ไว้ในโกดังนานถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งกว่าจะเสร็จ เพราะมีสิ่งของจำนวนมากจึงทำให้เสียเวลาเดินไปมาบ่อย ๆ ที่ร้านไม่มีรถเข็น พวกเขาจึงทำได้แค่ขนไปทีละอย่างสองอย่างเท่านั้น
หน้าร้านช่วงเย็นมักจะมีลูกค้ามาตลอด พวกเขาจึงยกกันเอง เมื่อปิดโกดังเสร็จแล้ว ของที่พวกเขาเตรียมไว้สำหรับเดินทางไกลยังไม่ถูกยกลงนอกจากเสื้อผ้าของพวกเขาที่ซื้อมาใหม่เท่านั้น
“ภรรยา เราไปซื้อของสดมาทำอาหารรอพ่อแม่กับน้องสาวดีไหมครับ” ฉางเล่ยเห็นว่าตอนนี้หกโมงแล้ว เขาจึงไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องมาเหนื่อยทำอาหารอีก
“ได้สิคะ ฉันยังไม่เคยไปตลาดที่นี่เลย เราเอาสามล้อไปดีไหม”
“ตกลงครับ คุณเอาเสื้อผ้าขึ้นไปเก็บก่อนเถอะ ผมจะรอที่นี่”
ซูเมี่ยวจินพยักหน้ารับคำและรีบเดินขึ้นชั้นสองเพื่อเก็บของ เธอเห็นเห็ดหลินจือแดงที่อยู่ใต้เตียงก็ต้องทอดถอนใจออกมา เพราะท้ายรถวันนี้มีของเต็มไปหมดทำให้เธอไม่สามารถซื้อกล่องไม้สำหรับใส่เห็ดพวกนี้ได้ ซูเมี่ยวจินคงได้แต่ต้องหาร้านทำกล่องไม้ในอำเภอแทน หรือไม่เธอก็คงต้องไปขอซื้อกล่องจากเจ้าของร้านขายยาลองดูในวันหลัง
ฉางเล่ยเปิดประตูข้างและนั่งรอซูเมี่ยวจนบนสามล้อแล้ว เมื่อเห็นเธอเดินมาเขาก็อมยิ้มมองใบหน้าสวยของภรรยา ถึงแม้เขากับซูเมี่ยวจินจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ แต่ทุกครั้งฉางเล่ยก็ยังคงอดที่จะภูมิใจเวลามีคนมองภรรยาของเขาไม่ได้
“ไปกันเถอะค่ะ” ซูเมี่ยวจินขึ้นไปนั่งบนสามล้อแล้วบอกฉางเล่ย เพราะตอนนี้เริ่มมืดแล้ว เธอกลัวว่าที่ตลาดจะมีของสดไม่มาก
“ครับผม นั่งดี ๆ นะครับ” ฉางเล่ยปั่นสามล้อออกไปอย่างรวดเร็ว เขารู้จากน้องสาวว่าตลาดอยู่ไม่ไกลจากร้านเท่าไหร่นัก
ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินไปถึงตลาดในเวลาไม่นาน ทั้งสองเดินเลือกซื้อของเข้าบ้านจำนวนมากเพื่อเก็บไว้ในตู้เย็นสำหรับทำอาหารในวันพรุ่งนี้ เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว พวกเขาก็ช่วยกันทำอาหารหลายอย่างทันที พอถึงเวลาหนึ่งทุ่มซึ่งหน้าร้านปิด ครอบครัวฉางทั้งหมดก็มานั่งร่วมโต๊ะกินอาหารกันอย่างมีความสุข
“ตอนนี้สินค้าพวกเราเก็บเอาไว้ในโกดังให้พ่อกับแม่แล้วนะคะ ถ้าของในร้านขาดก็นำมาเติมได้เลยค่ะ” ซูเมี่ยวจินเคี้ยวเสร็จก็บอกทุกคน
“ขอบใจมากนะลูก แล้วพวกลูกตั้งใจจะออกเดินทางเมื่อไหร่ล่ะ” หลิวเอ้อหลิงถาม
“น่าจะอีกสองวันข้างหน้าค่ะ พรุ่งนี้ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีกนิดหน่อย”
ฉางเล่ยไม่รู้ว่าภรรยามีอะไรที่ยังต้องจัดการอีก แต่ในเมื่อเธอบอกว่าอีกสองวันจึงจะเดินทาง เขาก็จะเตรียมตัวและสิ่งของทุกอย่างขึ้นรถไว้ให้เรียบร้อย
หลังกินข้าวเสร็จ ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน ฉางเซียงจูไม่รู้ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้จะไปเมืองอะไร แต่ระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่ เธอจะคอยดูแลร้านช่วยพ่อกับแม่แทนพี่ ๆ เอง
สายวันต่อมา ซูเมี่ยวจินปั่นสามล้อไปที่ร้านขายยาเพื่อสอบถามเรื่องกล่องไม้สำหรับใส่เห็ดหลินจือแดงกับเจ้าของร้าน แต่น่าเสียดายที่หน้าร้านติดป้ายปิดอยู่ ทำให้เธอต้องมาเสียเที่ยว
“เฮ้อ! ไม่คิดว่าเจ้าของร้านจะปิดหลายวันขนาดนี้ สงสัยคงต้องหาร้านเองแล้ว”
[เจ้านายรีบไปเถอะครับ พรุ่งนี้จะได้เดินทางกันเลย]
[อะไรของนายเนี่ย ฉันอยากพักผ่อนก่อนสักวันค่อยเดินทาง จะมารีบร้อนอะไร]
[ขอร้องเถอะครับเจ้านาย เชื่อผมสักครั้ง รับรองว่าเจ้านายจะมีผลลัพธ์ที่ดี]
[ทำไมอีกล่ะ หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นั่นกันแน่]
[เรื่องนี้ผมยังบอกไม่ได้ครับ ต้องรอให้เจ้านายพบเหตุการณ์ด้วยตัวเอง ผมถึงจะสามารถบอกรายละเอียดได้]
[ตกลง ๆ ฉันจะเดินทางพรุ่งนี้ นายสำรวจดูสิว่าแถวนี้มีร้านขายของที่ทำจากไม้ไหม]
[ไปทางตะวันออกอีก 1 กิโลเมตร มีร้านขายไม้อยู่ครับ]
[ขอบใจมาก]
ซูเมี่ยวจินรีบปั่นสามล้อไปทางตะวันออกทันที ไม่นานเธอก็พบร้านขายเฟอร์นิเจอร์จากไม้และสินค้าที่ทำด้วยไม้มากมาย ซูเมี่ยวจินรีบจอดรถสามล้อเอาไว้หน้าร้านแล้วเดินเข้าไปสอบถามเรื่องกล่องไม้ใส่สมุนไพร
“โอ้! คุณผู้หญิงต้องการกล่องใส่สมุนไพรใหญ่ขนาดไหนครับ ที่นี่มีหลายขนาด”
“อืม… ขนาดสักประมาณนี้ค่ะ” ซูเมี่ยวจินกะประมาณให้เจ้าของร้านดู
“อ้อ ถ้าขนาดเท่าที่คุณผู้หญิงบอกที่ร้านเรามีขายครับ ไม่ทราบต้องการกี่กล่อง”
“สิบสองกล่องค่ะ รบกวนคิดเงินให้ด้วยนะคะ ฉันยังมีธุระต้องทำต่อ”
“ได้ครับ ๆ อาไฉ่ เอากล่องไม้ใส่สมุนไพรขนาดกลางใส่ถุงให้ลูกค้าสิบสองกล่อง”
“ครับเจ้านาย รอสักครู่” อาไฉ่ ลูกจ้างในร้านร้องรับคำสั่งและเข้าไปหลังร้าน
ไม่นานนักเขาก็เข็นรถที่มีกล่องไม้ขนาดเท่าที่ซูเมี่ยวจินต้องการออกมาหน้าร้านเพื่อให้เจ้าของร้านคิดเงิน
“ทั้งหมด 120 หยวนครับ” เจ้าของร้านบอกราคา
“นี่เงิน 120 หยวนค่ะ รบกวนเอากล่องไม้ใส่สามล้อให้ฉันด้วยนะคะ”
“ได้ครับ อาไฉ่ ยกไปให้คุณผู้หญิง” เจ้าของร้านรับเงินมาแล้วสั่งงานลูกน้องต่อ
“ครับผม” อาไฉ่เข็นรถออกไปหน้าร้านก็เห็นสามล้อจอดอยู่
“ขนไปวางด้านหลังได้เลยค่ะ” ซูเมี่ยวจินชี้บอกลูกจ้างของร้าน
อาไฉ่พยักหน้ารับคำและนำกล่องไปวางเรียงเอาไว้ให้ซูเมี่ยวจินจนครบทั้งหมดก่อนจะขอตัวเข้าร้านไป
ซูเมี่ยวจินปั่นสามล้อกลับร้านอย่างโล่งอก ตอนนี้เหลือเพียงนำเห็ดใส่กล่องให้เรียบร้อยและซ่อนเอาไว้ เธอถึงจะวางใจออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ได้
ซูเมี่ยวจินชี้บอกหินที่เธอต้องการให้สามีหยิบให้ หินในกองนี้ราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันหยวน เธอจึงให้เขาหยิบมาเพียงสามก้อน เพราะกลัวว่าเงินที่นำมาจะไม่พอ“ภรรยา พอแล้วเหรอครับ” ฉางเล่ยที่หยิบหินใส่รถเข็นถามขึ้น“พอก่อนดีกว่าค่ะ ให้ร้านคิดเงินแล้วผ่าหินดูกันเถอะ” ซูเมี่ยวจินทั้งที่รู้ว่าหินก้อนใหญ่ทั้งสามนั้นเป็นหยกคุณภาพดีทั้งหมดบอกสามี“ตกลงครับ พี่ชาย ช่วยคิดเงินแล้วเอาหินไปผ่าให้ด้วยครับ” ฉางเล่ยหันไปบอกพนักงานที่ยืนรออยู่ห่างออกไปนิดหน่อย“เชิญมาคิดเงินกับผมทางนี้เลยครับ” พนักงานผายมือเชิญพวกเขาไปยังโต๊ะคิดเงินที่อยู่ไม่ไกลนักซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยที่เข็นรถอยู่ตามไปติด ๆ ดีที่ร้านนี้ไม่มีคนเข้ามาอีก พวกเขาจึงไม่ต้องรอคิวให้เสียเวลา“หินก้อนเล็กทั้งหมดห้าก้อน ราคา 800 หยวนครับ ส่วนก้อนใหญ่สามก้อนนั้นราคา 4,000 หยวนครับ” พนักงานคิดเงินตามขนาดข
“ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกคุณโจวจะเป็นยังไงบ้างนะครับ” ฉางเล่ยพูดระหว่างที่กำลังกินอาหารที่สั่งไปก่อนหน้านี้ พวกเขาตื่นสายจนไม่ได้ออกมาส่งทหารพวกนั้น“พวกเขาคงกลับไปทำหน้าที่แล้วล่ะค่ะ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”“ผมเห็นพวกเขาแล้วก็อยากเป็นทหารอย่างพวกเขาบ้าง สวัสดิการทหารดีมากจริง ๆ ผมจะได้ปกป้องคุณกับครอบครัวได้ด้วย” ฉางเล่ยเอ่ย“แต่ฉันไม่อยากให้คุณลำบากนะคะ เราไม่มีเส้นสาย ถ้าคุณสมัครเป็นทหาร กว่าตำแหน่งของคุณจะก้าวหน้าก็คงอีกหลายสิบปีเลยล่ะ” ซูเมี่ยวจินส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เธอไม่คิดว่าอาชีพทหารจะเหมาะกับสามีเธอ แล้วเธอก็ไม่อยากให้เขาต้องไปเสี่ยงอันตรายในหน้าที่การงานแบบนี้“คุณคิดอย่างนั้นเหรอครับ” ฉางเล่ยเอ่ยอย่างเสียดายที่ภรรยาไม่อยากให้เขาเป็นทหาร“หรือคุณอยากทิ้งฉันกับครอบครัวไปล่ะคะ” ซูเมี่ยวจินตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญ หากเขาสมัครทหารก็จะต้องไปพักอยู่ที่ค
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะวนรถหาโรงแรมสักแห่งนะคะ” ซูเมี่ยวจินบอก“ขอบคุณมากครับ” ทั้งสามที่อยู่หลังรถรีบเอ่ยขึ้นพร้อมกัน เขาไม่คิดว่าผู้หญิงเย็นชาคนนี้ที่จริงก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำอะไร ไม่แปลกใจที่สามีเธออย่างฉางเล่ยจะภูมิใจที่มีซูเมี่ยวจินเป็นภรรยา เพราะหลายครั้งที่คุยกัน ฉางเล่ยมักจะอวยความเก่งกาจของภรรยาเขาให้ทั้งสามฟังอย่างไม่อายเลยสักนิดซูเมี่ยวจินขับรถวนหาโรงแรมไม่นานก็พบกับโรงแรมเอกชนแห่งหนึ่ง เธอไม่รอช้าที่จะจอดรถด้านหน้าแล้วให้สามีไปสอบถามเรื่องการเปิดห้องพักสักหลายวันทันที ซูเมี่ยวจินคิดว่าจะอยู่ที่โรงแรมนี้จนกว่าการพนันหินเสร็จสิ้นลง ด้านโจวอู่หมิงกับลูกน้องก็สะพายกระเป๋าลงไปพร้อมฉางเล่ยด้วยเช่นกันฉางเล่ยไปสอบถามไม่นานก็เดินกลับมาที่รถแล้วบอกรายละเอียดกับซูเมี่ยวจินเรื่องห้องพักของโรงแรมแห่งนี้“ภรรยาครับ ราคาห้องพักธรรมดาคืนละ 30 หยวน ห้องพิเศษคืนละ 50 หยวน คุณจะให้ผมจองห้องพักแบบไหนดีครับ แล้วเราจะพักกันสักกี่วัน”
ระหว่างเดินทาง ฉางเล่ยหันไปคุยกับทหารที่อยู่หลังรถจนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันทั้งหมด ซูเมี่ยวจินปกติไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า เธอจึงฟังสิ่งที่สามีคุยกับพวกเขาเท่านั้น“พวกคุณย้ายที่ประจำการกันหรอกเหรอครับ แล้วทำไมถึงได้ถูกดักทำร้ายล่ะครับ”“คนพวกนั้นน่าจะเป็นโจรที่ประจำอยู่เส้นทางนี้น่ะครับ พวกเราก็ไม่คิดว่าจะถูกปล้นทั้งที่ยังสวมเครื่องแบบอยู่” ฟู่จือหยางตอบ“น่ากลัวมากเลยนะครับ ดีที่ผมกับภรรยาไม่ได้พบพวกมันก่อน ไม่อย่างนั้นคงลำบากกว่าพวกคุณมากแน่” ฉางเล่ยพูดคุยอย่างเป็นกันเอง“สามี ข้างหน้าน่าจะเป็นเมืองเหยียนซานแล้ว เราจะได้แวะหาอะไรกินกันก่อน”“ครับ คุณขับหาร้านอาหารก่อนเลย ตอนนี้ยังไม่สายมากนัก โชคดีที่เรามาถึงเร็ว”“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินรับคำแล้วสอดส่ายสายตามองหาร้านอาหารในเมืองไม่ถึง 15 นาที ซูเม
โจวอู่หมิงหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องทั้งสองคนออกไปจากที่ซ่อนเพื่อดูว่าผู้หญิงที่มาช่วยพวกเขาไว้นั้นหน้าตาเป็นยังไง“คุณช่วยพวกเราได้ยังไงครับ” โจวอู่หมิงที่เดินออกมาถามหญิงสาวร่างสูงโปร่งแต่สายตาของเธอช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน“ใช่ ๆ ทำไมพวกเราไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้เลยล่ะครับ” ฟู่จือหยางรีบถามต่อ“พวกคุณมีรถกันหรือเปล่า?” ซูเมี่ยวจินไม่สนใจตอบกลับคนแปลกหน้า เรื่องการต่อสู้ของเธอ เธอไม่อยากให้พวกเขารู้มากนัก“รถพวกเราถูกยิงพังหมดแล้วครับ แต่สัมภาระยังอยู่ในรถห่างจากตรงนี้ประมาณห้ากิโลเมตรครับ” ซ่งเซียวตอบ“ถ้าอย่างนั้นไปพักที่รถฉันก่อน ตามมา” น้ำเสียงเย็นชาของซูเมี่ยวจิน ทำให้ทั้งสามไม่กล้าถามเรื่องก่อนหน้านี้อีกระหว่างเดินออกจากป่า ทั้งสามคนมองเห็นศพคนร้ายนอนคว่ำหน้าอยู่คนหนึ่ง ที่ด้านหลังมีรูเจาะทะลุเข้าไปตรงตำแหน่งหัวใจ พวกเขาเพิ่งเห็นว่าใน
[ใกล้ถึงสองชั่วโมงที่นายบอกแล้วนะ ฉันยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรเลย][รอก่อนครับ อีกไม่นาน ผมจะแจ้งให้ทราบครับ][อืม…ฉันต้องเตรียมตัวอะไรก่อนไหม][ตอนนี้ผมยังบอกไม่ได้ ขอโทษด้วยครับ]ซูเมี่ยวจินอยากถามต่อ แต่เจ้าระบบบ้านี่กลับเอาแต่เงียบไม่ตอบโต้ ทำให้เธอหงุดหงิดไม่น้อย ยิ่งซูเมี่ยวจินหันไปมองฉางเล่ยที่ดูท่าทางเหนื่อยล้ามากแล้ว ซูเมี่ยวจินก็อยากรีบจอดรถแล้วให้เขาได้พักผ่อนบ้างหลังจากขับรถมาเป็นเวลานาน“อีก 10 นาที เราหาที่จอดพักผ่อนกันก่อนดีกว่านะคะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว” ซูเมี่ยวจินไม่สนใจว่าระบบจะพูดอะไรอีก เธอไม่อยากเห็นฉางเล่ยเหนื่อยแล้ว“ตกลงครับ ผมจะลองหาที่จอดดูนะครับ” ฉางเล่ยที่ปวดตาไม่น้อยเพราะคร่ำเคร่งกับการขับรถอย่างระมัดระวังมาหลายชั่วโมงตอบกลับอย่างเหนื่อยล้าซูเมี่ยวจินที่เพิ่งคุยกับฉางเล่ยกลับแปลกใจที่ระบบไม่ตอบโต้กลับมาเมื่อเธอบอกว่าอี







