LOGINซูเมี่ยวจินยืนรออยู่ 20 นาที พนักงานของร้านก็เข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยกล่องนาฬิกาออกมาหน้าร้าน
“ฉันขอตัวก่อนนะคะเถ้าแก่” ซูเมี่ยวจินบอกลา
“โอกาสหน้ามาใหม่นะครับ เอาของไปส่งคุณผู้หญิงดี ๆ นะ” เจ้าของร้านบอกพนักงานที่กำลังเข็นรถตามหลังซูเมี่ยวจินไป
“ทราบแล้วครับเจ้านาย” พนักงานร้องบอกอย่างอารมณ์ดี วันนี้ร้านค้าของเจ้านายเขาขายสินค้าออกมากในครั้งเดียว พนักงานในร้านจะต้องได้รับเงินพิเศษเหมือนกับทุกครั้งเป็นแน่
ซูเมี่ยวจินไปถึงรถก็เห็นฉางเล่ยกำลังดูพนักงานร้านเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังจัดเรียงสินค้าขึ้นรถใกล้เสร็จพอดี เธอรีบเดินเข้าไปยืนข้างเขาและเอ่ยขึ้น
“รอพวกเขาขนของเสร็จ เราไปกินมื้อเที่ยงกันก่อนนะคะ จากนั้นค่อยเดินหาร้านขายเครื่องมือล่าสัตว์กัน” ซูเมี่ยวจินรู้ดีว่ายุคสมัยนี้การขอใบอนุญาตพกปืนนั้นยากลำบากนัก เธอไม่คิดที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการจึงไม่อยากหาซื้อปืนเถื่อนมาใช้
หมอกับพยาบาลเข้ามาหลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที เมื่อเห็นว่าทุกคนในห้องกำลังโศกเศร้า หมอก็ได้แต่ทอดถอนใจ“จะให้หมอช่วยชีวิตอีกครั้งหรือเปล่าครับ” หมอจำใจถามตามจรรยาบรรณ“ฮึก… ไม่ต้องแล้วครับ ให้พวกท่านได้พักผ่อนเถอะ” ลุงใหญ่เป็นตัวแทนตอบ“อืม… เดี๋ยวญาติช่วยนำเสื้อผ้ามาให้พยาบาลด้วยนะครับ พวกเขาจะช่วยแต่งตัวให้”“อึก.. ได้ครับ” ลุงรองพยักหน้ารับคำ พวกเขาเตรียมชุดที่ฉางเซินกับอู๋หลินชอบเอาไว้ให้พวกท่านแล้วป้าใหญ่กับป้ารองปาดน้ำตาออก ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาส่งให้กับพยาบาลที่รอพวกเขาอยู่ในห้อง“รบกวนญาติไปทำเรื่องนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากโรงพยาบาลด้วยนะครับ ใบมรณะบัตรผมจะออกให้ตอนที่ญาติมารับร่างนะครับ” หมอบอกอีกครั้งก่อนจะขอตัวออกจากห้องไปก่อนเพื่อทำเอกสารลุงใหญ่พยักหน้ารับคำ คนอื่น ๆ
ซูเมี่ยวจินกับครอบครัวพักอยู่ที่อังกฤษนานเกือบหนึ่งเดือน พวกเขาจึงเดินทางกลับประเทศ ครั้งนี้ทั้งสี่คนไม่ได้ซื้อของฝากอะไรกลับไปมากนัก เพราะพวกเขากลัวว่าคนที่บ้านจะเบื่อของที่ซื้อให้เสียก่อน การมาครั้งนี้พวกเขาจึงหาซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ดังจากอังกฤษกลับไปฝากคนในตระกูลฉางเท่านั้นฉางเต๋อเป่ากับฉางเต๋อชิงเดินทางไปส่งพวกเขาที่สนามบิน พอได้เห็นเครื่องบินส่วนตัวของซูเมี่ยวจิน ทั้งสองต่างตื่นเต้นกันไม่น้อย พวกเขาไม่คิดว่าแม่ของตัวเองจะรวยมากถึงขนาดนี้จริง ๆ ในโลกนี้คนที่มีเครื่องบินส่วนตัวสามารถนับด้วยมือเดียวได้เลย พวกเขาจึงไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมถึงได้มีบอดี้การ์ดส่วนตัวมากมายมาคอยดูแลพวกเขาที่อังกฤษ จากที่เมื่อก่อนพวกเขาคิดว่าครอบครัวแค่รวยเพียงระดับหนึ่งเท่านั้นปิดเทอมฤดูร้อนปี 1993ฉางเต๋อเป่ากับฉางเต๋อชิงที่เริ่มสอบจบระดับปริญญาตรีและเกรดแปดเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เดินทางกลับประเทศเพื่อเยี่ยมทวดที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน พวกท่านป่วยมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว เพียง
ตุลาคม 1990ในที่สุดบริษัทของฉางเต๋อเป่าก็ได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เขาส่งแผนงานให้กับซูเมี่ยวจินเพื่อพิจารณาอนุมัติเงินทุนก้อนแรกเมื่อสองเดือนก่อน เขาที่ยุ่งอยู่กับการเรียนมีบอดี้การ์ดคนสนิทอย่างปาไจ๋กับไคหลงคอยช่วยเรื่องการก่อตั้งบริษัทมาตลอด ผู้จัดการที่ฉางเต๋อเป่ารับมาก็เป็นเขาที่คัดเลือกมาด้วยตัวเอง คนคนนี้คือผู้เชี่ยวชาญที่อาจารย์ของเขาแนะนำมา ถึงแม้ตอนแรกผู้จัดการชราคนนี้จะไม่มั่นใจในความสามารถของฉางเต๋อเป่า แต่พอได้พูดคุยกันถึงแนวทางของบริษัทที่ฉางเต๋อเป่าต้องการ เขาก็รู้สึกว่าอยากทำงานกับเด็กคนนี้เข้าจริง ๆ อย่ามองว่าฉางเต๋อเป่าอายุยังน้อยแล้วจะไม่รู้อะไร เพราะฉางเต๋อเป่ามองเห็นปัญหาหลายอย่างที่ตัวเขาเองละเลยไปได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งเขายังเห็นความมุ่งมั่นในแววตาของฉางเต๋อเป่าซึ่งไม่ต่างจากผู้ใหญ่ที่คร่ำหวอดในวงการธุรกิจมานานหลายปีด้วยเงินทุนก้อนแรกที่ซูเมี่ยวจินมอบให้ฉางเต๋อเป่าคือหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ เธอรู้ดีว่าเต๋อเป่าเทคโนโลยีต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อทรัพยากรในก
ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินพักผ่อนอยู่บ้านนานถึงสามวัน ก่อนที่ซูเมี่ยวจินจะบอกให้ฉางเล่ยไปทำงานเสียที เธอกลัวว่าที่บริษัทจะเกิดปัญหา“เฮ้อ ผมไปก็ได้ครับ แต่คุณต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายดีนะครับ” ฉางเล่ยจำใจต้องแยกกับภรรยาวันนี้“ฉันรู้แล้วค่ะ คุณอย่ากังวลไปเลยน่า” ซูเมี่ยวจินตอบอย่างระอาหลังทานมื้อเช้าที่พ่อครัวทำให้เสร็จ ฉางเล่ยก็ออกไปทำงานกับซวงหลินและเป่ยตี้ ซูเมี่ยวจินเดินกลับเข้าไปนั่งเล่นในห้องรับแขก เธอว่างจัดจนไม่รู้จะทำอะไรดี พอคิดว่าจะไปตัดหินดิบฆ่าเวลา เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอกลับดังขึ้นตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด“สวัสดีค่ะ” ซูเมี่ยวจินรับสายด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา เธอไม่รู้ว่าใครโทรมาแต่เช้า“คุณซูครับ นายท่านผู้เฒ่าชุ่ยป่วยหนัก ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลครับ” ชุ่ยฟ่านโทรบอกข่าวกับซูเมี่ยวจินตามคำสั่งของชุ่ยถง“อะไรนะคะ!
“ถ้าไม่อยากตายก็หยุดมือซะ!” ต้วนมู่ชิงตะโกนบอกซูเมี่ยวจินเสียงดัง“ฮึ! กระจอก เก่งแต่ใช้อาวุธสินะแกน่ะ” ซูเมี่ยวจินกล่าวอย่างดูถูก“นังสารเลวเอ้ย!” ต้วนมู่ชิงอยากยิงกรอกปากซูเมี่ยวจินให้รู้แล้วรู้รอด เพียงแต่มันไม่อยากให้เธอตายเร็วเกินไปนัก“ไอ้สวะ! แน่จริงก็เข้ามาตัวต่อตัวกับฉันสิ” ซูเมี่ยวจินมองอย่างท้าทาย“พวกแกมัวทำอะไรกันอยู่!!! รีบจัดการมันให้ฉันสิวะ” ต้วนมู่ชิงตะโกนบอกลูกน้องที่นอนโอดครวญอยู่อย่างโมโห“ครับ ๆ” เหล่าลิ่วล้อรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้ร่างกายของพวกมันต่างบอบช้ำกันไปหมดแล้ว ใครจะคิดบ้างล่ะว่าผู้หญิงสูงโปร่งคนนี้จะมีเรี่ยวแรงอย่างกับช้างสารตัวหนึ่งซูเมี่ยวจินแสยะยิ้มร้ายออกมาทันที เมื่อเธอเห็นคนร้ายพุ่งเข้ามาหาอีกครั้ง เสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้นไปทั่วบริเวณเหล่าบอดี้การ์ดท
กลุ่มคนร้ายเห็นว่าทางนี้ไม่ค่อยมีรถผ่านไปมา พวกมันรีบขับรถแซงขึ้นไปปาดหน้าจนทำให้รถของซูเมี่ยวจินเสียหลักและหยุดลงกลางถนนเอี๊ยด!!! ปัง! ปัง! ปัง!“หลบเร็ว!!!” ซูเมี่ยวจินตะโกนบอกบอดี้การ์ดทั้งสองที่อยู่ด้านหน้าทันทีฟุ่บ! แกร๊ก! ปัง! ปัง!บอดี้การ์ดทั้งสองคู้ตัวลงไปให้ต่ำที่สุดและยกมือที่ปลดล็อกปืนขึ้นไปยิงสวนกับคนร้ายอย่างไม่กลัวว่าจะบาดเจ็บ“พวกคุณรีบลงจากรถก่อน อย่าให้ตัวเองบาดเจ็บ ฉันจะล่อพวกมันไปทางอื่น”ซูเมี่ยวจินสั่งอย่างรวดเร็ว เธอดูวิถีกระสุนของคนร้ายแล้วไม่เหมือนว่าพวกมันต้องการจะเอาชีวิตเธอเลยสักนิด ซูเมี่ยวจินจึงสันนิษฐานว่าคนร้ายคงต้องการจับตัวเธอไปมากกว่า เธอเองก็อยากรู้ว่ารังของพวกมันอยู่ที่ไหนเช่นกัน ซูเมี่ยวจินจึงคิดจะใช้ตัวเองเป็นตัวล่อ เพื่อให้คนของเธอตามไปถล่มพวกมันทีหลัง“นายหญิงระวังตัวด้วยนะครับ พวกเราจะไม่ปล่อยให้นา






