เสี่ยวหนานกับสือซานเข็นรถขนของคันโตกลับบ้านซู มือเรียวเปื้อนเศษดินและคราบเหงื่อ แต่แววตานั้นกลับเปล่งประกายดั่งหยาดอรุณ เงาเคียงที่เดินอยู่ข้างเธอคือโจวสือซาน ชายหนุ่มรูปงามจากบ้านโจว ชายผู้มีร่างสูงทะมัดทะแมง ใบหน้าชวนมองไม่น้อยหน้าใคร
"ให้ฉันเข็นเองก็ได้ พี่สือซาน"
เสี่ยวหนานเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น ขณะชายหนุ่มจับรถลากเอาไว้แน่นด้วยท่าทีขึงขัง
"บ้านเราทางเดียวกัน เดินด้วยกันก็เข็นด้วยกันเถอะ"
เขาตอบแล้วส่งยิ้มให้เสี่ยวหนานอย่างสุภาพ
"เรื่องเมื่อคืนพี่พูดจริงนะ...กลับไปถึงบ้านพี่จะรีบบอกให้พ่อแม่มาคุยกับอาซู"
เสียงของโจวสือซานดังขึ้นแผ่วเบา แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความจริงใจ เสี่ยวหนานหันมามองเขา แววตาคมของเธออ่านสีหน้าชายตรงหน้าอย่างแนบเนียน เหตุใดนัยน์ตาของเขาแฝงความดีใจเอาไว้ มันเรื่องอะไรกันแน่
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนี่ ตอนที่อยู่บ้านหานฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ"
เสี่ยวหนานตอบเสียงนุ่ม แต่เธอก็พยายามเตือนใจตัวเองว่าคนตรงหน้าคือพระเอกของนิยายเรื่องนี้ คู่ของเขาก็คือไป๋ลี่เหยาลูกสาวหัวหน้าสมาคมประมงของเมืองเยี่ยนเทียน ไม่ใช่เธอ!
ตามบทเดิมเมื่อกลับไปถึงบ้านเธอจะต้องร้องไห้จนคิดสั้น แล้วลงมือฆ่าตัวตายในคืนนี้ แต่ถ้าเธอตอบตกลงแต่งเข้าบ้านโจวเนื้อเรื่องก็ต้องเปลี่ยนไปสิ!
"แต่พี่เป็นผู้ชาย พี่ทำให้เธอเสียหายก็ต้องรับผิดชอบเธอสิ หรือว่า...เธอรังเกียจพี่เหรอ?"
คำถามนั้นทำให้เสี่ยวหนานต้องหันหน้ามามองเขาอีกครั้ง คราวนี้มองอย่างเต็มตา ใบหน้าเขามีเค้าหล่อคมเข้มแต่แฝงไว้ด้วยความละมุน เสี่ยวหนานอดเปรียบเทียบในใจไม่ได้...
'หล่อกว่าหานเจาในความทรงจำฉันหลายขุม… หน้าตาดีกว่า นิสัยก็ดีกว่า นี่มัน...โชคชะตาหรืออะไร?'
"ไม่ใช่นะคะ ที่ฉันไม่ให้พี่รับผิดชอบ เพราะฉัน...ไม่รู้ว่าพี่มีคนรักอยู่แล้วรึเปล่า หรือว่ามีคู่หมั้นอยู่แล้วรึยัง? ฉันไม่อยากสร้างปัญหาให้ใคร"
เสี่ยวหนานพูดช้า ๆ นุ่ม ๆ แต่มือยังเข็นรถต่อไปไม่หยุด
"ไม่มี..ไม่มีใครทั้งนั้น มีแต่ลูกสาวคนหนึ่ง หน่วนหน่วน เป็นลูกของพี่ชายกับพี่สะใภ้ ทั้งคู่เสียไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน พี่ก็เลยเลี้ยงดูหน่วนหน่วนเหมือนลูกตัวเอง มีพ่อแม่คอยช่วยอีกแรง"
สือซานรีบตอบกลับแววตาของเขาเต็มไปด้วยการรอคอยคำตอบอย่างมีความหวัง เสี่ยวหนานเองพอได้ฟังคำนั้น..ในอกพลันอุ่นใจวาบกับความอบอุ่นของผู้ชายตรงหน้า
'โสดมาทั้งชาติ พอได้เกิดใหม่ก็มีผู้ชายดี ๆ ขอดูแล… ชีวิตใหม่ฉันช่างไม่เลวเลยจริง ๆ'
หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง
"พี่แน่ใจเหรอ ว่าครอบครัวพี่จะไม่รังเกียจฉัน ฉันไม่อยากมีปัญหาแม่สามีกับลูกสะใภ้ ถ้าพ่อแม่พี่ไม่ชอบฉัน...ฉันก็ไม่แต่งเข้าไปหรอกนะ ฉันไม่อยากอยู่แบบอึดอัดใจต้องฝืนยิ้มปั้นหน้าใส่กัน"
โจวสือซานยิ้มทันที รอยยิ้มของเขาเหมือนลมทะเลยามเช้า ลูบผ่านใจนางจนวูบไหว ไม่ใช่ว่าเขาหลงตัวเอง แต่ผู้หญิงในหมู่บ้านหลายคนต่างก็อยากแต่เข้ามาเป็นสะใภ้บ้านโจว มีเพียงแค่ซูเสี่ยวหนานคนนี้แหละที่ไม่ปั้นหน้าเอาอกเอาใจเขาจนดูไม่จริงใจ
"พ่อแม่พี่ใจดีมาก ทั้งสองรักหน่วนหน่วน ถ้าหนานหนานเป็นคนดูแลหน่วนหน่วน พวกท่านจะยิ่งรักหนานหนานเข้าไปใหญ่ และถ้าแต่งกันแล้ว พี่จะรักหนานหนานมากกว่าใคร จะดีกับภรรยาที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้"
'หนานหนาน แม่เจ้า ฉันจะละลายเพราะผู้ชายคนนี้'
เสี่ยวหนานฟังแล้วหัวใจเต้นถี่โดยไม่รู้ตัว
"นะ..หนานหนาน พี่ตั้งชื่อใหม่ให้ฉันเหรอ"
เธอชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วหันหน้ามองเขา ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่มีแววหยอกล้อแฝงอยู่เล็กน้อย
"อื้อ..เรียกแบบนี้น่ารักดี จริงไหม?"
'ให้ตายเถอะ ความรู้สึกเขินอายเพราะถูกผู้ชายจีบเป็นแบบนี้เองสินะ เอ๋...แต่ในนิยายบอกว่าพระเอกเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูดไม่ใช่เหรอ?'
"งั้นฉันให้เวลาพี่ไปปรึกษาที่บ้านก่อนนะ ถ้าฉันตอบตกลงแล้ว พี่จะมาเสียใจทีหลังไม่ได้แล้วนะ บอกไว้ก่อนว่าฉันเป็นคนสู้คน กล้าได้กล้าเสีย กล้ารักกล้าเกลียด ซูเสี่ยวหนานคนเก่าตายไปแล้ว ตอนนี้มีแต่ซูเสี่ยวหนานคนใหม่"
ดวงตาเธอสบตาเขาอย่างกล้าหาญ โจวสือซานเห็นแบบนั้นก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ใครจะมองภาพนั้นยังไงเขาไม่สน แต่สำหรับเขาเธอช่างพยศแต่น่าเอ็นดู ซุกซนแต่น่าค้นหา
"พี่ชอบคนแบบนี้แหละ เด็ดขาด กล้าได้กล้าเสีย ไม่กลัวการเผชิญหน้า ไม่เสียดายเวลาในอดีต"
"ใครว่าล่ะ ฉันเสียดายเวลาที่เสี่ยวหนานคนเดิมทุ่มเทให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่ามากเลยนะ แต่ก็เข้าใจว่าที่ทำไปทั้งหมดมันเต็มที่แล้วจริง ๆ ที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำเพื่อคนที่เธอรักได้"
"เสี่ยวหนานคนเดิม?.."
"อื้อ..เสี่ยวหนานคนเดิม ก็ฉันบอกพี่แล้วไงว่าเสี่ยวหนานคนเดิมตายไปแล้ว ตอนนี้มีแต่เสี่ยวหนานคนใหม่"
ทั้งสองเดินไปพลาง พูดคุยไปพลาง เสียงหัวเราะของโจวสือซานประสานกับเสียงคุยเจื้อยแจ้วของเสี่ยวหนานกลมกลืนไปกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งยามบ่าย
จนกระทั่ง...
"เสี่ยวหนาน"
แม่ซูชะงักมือเงยหน้าขึ้น พลางหยีตาเพ่งมอง ภาพหญิงสาวคนหนึ่งเข็นรถบรรทุกของจนล้นสูงเทินมาแต่ไกล เธอใส่เสื้อผ้าสีซีด หน้าแดงก่ำจากแดด
"เกิดอะไรขึ้น!"
เสียงพ่อซูดังขึ้นขณะวางขวานทิ้ง เขากับภรรยารีบเดินไปหาลูกสาวด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
เสี่ยวหนานชะงักไปครู่หนึ่ง เธอหยุดรถเข็นก่อนจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อ แต่พอเห็นใบหน้าของพ่อแม่ชัดเจน… น้ำตาก็ไหลร่วงในทันที
"พ่อ...แม่…" เธอพึมพำเบา ๆ ราวกับเสียงกระซิบที่เล็ดลอดออกมาจากความทรงจำ
เธอปล่อยมือจากรถอย่างลืมตัว แล้วพุ่งเข้าไปกอดพ่อแม่แน่นราวจะฝังร่างไว้ในอ้อมแขน
"..." "..."
"หนูคิดถึง"
เสียงสะอื้นปนเปื้อนน้ำตา และหัวใจที่เต้นโครมครามของคนเป็นพ่อแม่เจ็บไปหมด
"เฮ้ย ๆ นังหนู เป็นอะไรลูก?"
"นั่นสิเสี่ยวหนาน มีอะไรก็บอกแม่ได้นะลูก"
พ่อซูกับแม่ซูมองหน้ากันอย่างงุนงง แต่กลับกอดเธอแน่นขึ้นอย่างห่วงใย มือเหี่ยวย่นลูบหลังลูกสาวเบา ๆ แล้วเอ่ยกับลูกสาวอย่างอ่อนโยน
"ลูกกลับบ้านก็ดีแล้ว อย่าร้องไห้สิ ชีวิตคนมันก็ล้มลุกคลุกคลานแบบนี้แหละลูก... แต่บ้านก็ยังเป็นบ้านของลูกเสมอ"
พ่อซูกล่าวพลางใช้มือเกลี่ยน้ำตาบนแก้มให้ลูกสาว ระหว่างนั้นเสียงฝีเท้าอีกสองคู่ก็ดังมาจากในบ้าน ซูจื่อเหิงเดินออกมาพร้อมกับน้องชายคนเล็ก ซูจื่ออันวัย 15 ปี เจ้าตัวสูงโย่ง ผอมเก้งก้างแต่ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใยทันทีที่เห็นพี่สาว
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ พี่เสี่ยวหนาน?"
"ใครทำอะไรน้อง..เสี่ยวหนาน บอกพวกเรามาได้เลย เดี๋ยวพี่กับจื่ออันจะไปจัดการมันให้เอง พวกบ้านหานใช่ไหม?" ซูจื่อเหิงกล่าว
จื่ออันรีบปรี่เข้ามาหา พลางใช้แขนโอบไหล่พี่สาวไว้แน่น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน
ไม่ทันที่ใครจะทันได้พูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากระเบียงบ้านเสียงสูงห้วน หญิงสาวร่างผอมในเสื้อผ้าสีหม่นเดินกอดอกเดินออกมาช้า ๆ ดวงตาคมกริบจ้องไปยังเสี่ยวหนาน
"โอ๊ย... ทีนี้ล่ะรู้ว่าบ้านอยู่ที่ไหน โดนบ้านหานเขาเตะโด่งกลับมาแล้วสิ? วันก่อนเห็นทำท่าจะถวายหัวให้แทบตาย!"
ซูอี้หลัน พี่สะใภ้ของเสี่ยวหนานพูดอย่างไม่ไว้หน้า เธอเหลือบตามองรถขนของก่อนจะกระแทกเสียงต่อ
"..."
"ยังมีหน้ากลับมาที่นี่อีก... เงินที่พวกเราช่วยกันเก็บก็ขโมยไปจนหมด แม้แต่ค่าเทอมของจื่ออันก็ยังไม่เหลือ แล้ววันนี้จะกลับมาอาศัยอะไรห๊า!?"
คำพูดนั้นเหมือนคมมีดกรีดกลางใจ เสี่ยวหนานหน้าเจื่อน ดวงตาฉ่ำวาวคล้ายจะสะอื้นอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก จื่อเหิงก็หันขวับไปทางภรรยา
"อี้หลัน! พูดมากไปแล้วนะ กลับไปทำกับข้าว! ทำเผื่อเสี่ยวหนานด้วย"
น้ำเสียงของจื่อเหิงไม่ดัง แต่หนักแน่น อี้หลันชะงักนิดหนึ่งก่อนจะแค่นหัวเราะเบา ๆ
"ไม่ทำหรอก จะให้ฉันทำอะไรให้เธอกินเหรอ? ของกินในบ้านนี่ก็ให้เธอขนไปหมดแล้วนี่!"
คำพูดนั้นพ่นออกมาอย่างกัดกร่อน จนเงียบทั้งลานบ้าน… แต่จู่ ๆ จื่ออันก็ก้าวขึ้นข้างหน้า เอาตัวบังพี่สาวไว้เต็มตัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มกว่าที่เคยใช้
"งั้นก็ไม่ต้องทำ! ถ้าไม่อยากทำให้พี่เสี่ยวหนาน ผมทำเองก็ได้ แล้วถ้ามีใครคิดจะไล่พี่ออกจากบ้านนี้อีกล่ะก็...จะได้เห็นดีกัน!"
น้ำเสียงวัยรุ่นแตกหนุ่ม ฟังดูดื้อดัน แต่ดวงตาที่ลุกโชนปกป้องพี่สาวทำให้เสี่ยวหนานหัวใจเต้นสะท้าน ร่างกายอุ่นวาบไปทั้งตัว น้ำตาที่คลออยู่นานก็ไหลลงอีกครั้ง เธอก้มลงกอดน้องชายไว้แน่น
'แย่ชะมัด...ร่างนี้ทำเรื่องเห็นแก่ตัวไปมากมาย แต่ทำไมเธอถึงยังเป็นที่รักของบ้านได้ขนาดนี้นะ…'
เธอคิดในใจ พลางหลับตาแน่น อยากจะละลายหายเข้าไปในกลิ่นอายครอบครัวนี้ทั้งตัว
"จื่ออัน… ขอบใจนะ"
เสี่ยวหนานเอ่ยขอบคุณน้องชาย เธอไม่เคยมีพี่น้องมากก่อน พอได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ถูกปกป้องจากพี่น้อง มันช่างเป็นสิ่งที่น่าหวงแหนจริง ๆ
"อ้าวแล้วนั่น..สือซานเหรอ? ไปยังไงมายังไงถึงกลับมาพร้อมกับเสี่ยวหนานได้ล่ะ"
พ่อซูเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อหันไปเห็นโจวสือซานที่ยืนอยู่เงียบ ๆ มาได้พักใหญ่
"คือผม...."
"เดี๋ยวฉันเล่าเองพี่สือซาน" เสี่ยวหนานเอ่ยขึ้น
เสี่ยวหนานเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนในครอบครัวฟัง เสียงของเธอสะอื้นเป็นช่วง ๆ แต่สีหน้ากลับไม่ได้เจ็บปวด กลับเป็นประกายสุขเล็ก ๆ ที่ทำให้ทุกคนแปลกใจ
ซูจื่อหยางผู้เป็นพ่อนั่งฟังด้วยเปลวไฟในดวงตาที่ลุกโชน มือทั้งสองกำแน่นอย่างอดกลั้น
"ให้ตายเถอะ… บ้านหานมันกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง?"
จื่ออันโพล่งขึ้นทันที ขณะที่จื่อเหิงนิ่งไปนานก่อนเอ่ยเสียงขรึม
"พรุ่งนี้ผมจะไปคุยกับคนบ้านหานเอง มันจะทำกับน้องสาวแบบนี้ไม่ได้! ผมไม่ยอม"
"ไม่ต้องถึงพี่ก็ได้ ผมไปเอง! ผมจะไปพังบ้านมันวันนี้แหละ"
จื่ออันพูดพลางกำหมัดแน่น สีหน้าของเขาร้อนแรงเต็มไปด้วยความโกรธ
"ไว้ใจพี่เถอะเสี่ยวหนาน ต่อไปนี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรเธออีก ไม่ต้องสนใจคำพูดของคนอื่น"
เสียงของจื่อเหิงแน่นิ่งแต่มั่นคง จนเสี่ยวหนานเองก็ไม่เข้าใจว่าร่างนี้จะฆ่าตัวตายทำไม ในเมื่อทุกคนในครอบครัวรักและปกป้องเธอดีขนาดนี้
"แต่เรื่องนี้ผมยินดีจะรับผิดชอบ ยังไงผมก็คุยกับเสี่ยวหนานแล้ว"
เสียงทุ้มต่ำของโจวสือซานดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่เขาเป็นตาเดียว
"สือซาน หลานรู้ใช่ไหมว่าเสี่ยวหนานย้ายไปอยู่บ้านหานได้เกือบ 1 ปีแล้ว หลานแน่ใจเหรอว่าจะยอมเอาชื่อเสียงของตัวเองมาแบกรับเรื่องนี้"
พ่อซูเอ่ยถามโจวสือซานตรง ๆ สถานการณ์ตอนนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการชี้แจงทุกอย่างให้ชัดเจน บ้านโจวถึงจะได้ไม่รังเกียจเสี่ยวหนานหลังจากแต่งเข้าบ้านไป
"ผมรู้และมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจครับอาซู อีกเดี๋ยวผมจะกลับไปคุยกับพ่อแม่ให้ท่านมาคุยเรื่องสู่ขอเสี่ยวหนาน"
"ถ้าอย่างนั้นอาว่าหลานกลับไปปรึกษากับที่บ้านก่อนเถอะนะ ถ้าไม่มีปัญหาค่อยมาว่ากันอีกที"
"ได้ครับ..งั้นผมขอตัวก่อนนะครับอาซู อาสะใภ้"
พูดจบสือซานก็เดินกลับบ้านของตัวเองที่อยู่ห่างไปอีกประมาณ 100 เมตร ท่ามกลางสายตาของทุกคนในบ้านซู ตอนนี้พ่อซูกับแม่ซูกังวลใจไม่น้อย ทุกคนก็รู้ว่าบ้านโจวฐานะดี มีเรือประมงเป็นของตัวเอง
ต่อให้ชื่อเสียงของไต้ก๋งโจวจะขึ้นชื่อว่าใจดีมีเมตตา แต่พวกท่านก็ยังกังวลว่าบ้านโจวจะไม่พอใจกับลูกสะใภ้ที่มีชื่อเสียงด่างพร้อยมาก่อน