공유

บทที่ 2

last update 최신 업데이트: 2025-07-11 01:05:05

เสี่ยวหนานกับสือซานเข็นรถขนของคันโตกลับบ้านซู มือเรียวเปื้อนเศษดินและคราบเหงื่อ แต่แววตานั้นกลับเปล่งประกายดั่งหยาดอรุณ เงาเคียงที่เดินอยู่ข้างเธอคือโจวสือซาน ชายหนุ่มรูปงามจากบ้านโจว ชายผู้มีร่างสูงทะมัดทะแมง ใบหน้าชวนมองไม่น้อยหน้าใคร

"ให้ฉันเข็นเองก็ได้ พี่สือซาน"

เสี่ยวหนานเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น ขณะชายหนุ่มจับรถลากเอาไว้แน่นด้วยท่าทีขึงขัง

"บ้านเราทางเดียวกัน เดินด้วยกันก็เข็นด้วยกันเถอะ"

เขาตอบแล้วส่งยิ้มให้เสี่ยวหนานอย่างสุภาพ

"เรื่องเมื่อคืนพี่พูดจริงนะ...กลับไปถึงบ้านพี่จะรีบบอกให้พ่อแม่มาคุยกับอาซู"

เสียงของโจวสือซานดังขึ้นแผ่วเบา แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความจริงใจ เสี่ยวหนานหันมามองเขา แววตาคมของเธออ่านสีหน้าชายตรงหน้าอย่างแนบเนียน เหตุใดนัยน์ตาของเขาแฝงความดีใจเอาไว้ มันเรื่องอะไรกันแน่

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนี่ ตอนที่อยู่บ้านหานฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ"

เสี่ยวหนานตอบเสียงนุ่ม แต่เธอก็พยายามเตือนใจตัวเองว่าคนตรงหน้าคือพระเอกของนิยายเรื่องนี้ คู่ของเขาก็คือไป๋ลี่เหยาลูกสาวหัวหน้าสมาคมประมงของเมืองเยี่ยนเทียน ไม่ใช่เธอ!

ตามบทเดิมเมื่อกลับไปถึงบ้านเธอจะต้องร้องไห้จนคิดสั้น แล้วลงมือฆ่าตัวตายในคืนนี้ แต่ถ้าเธอตอบตกลงแต่งเข้าบ้านโจวเนื้อเรื่องก็ต้องเปลี่ยนไปสิ!

"แต่พี่เป็นผู้ชาย พี่ทำให้เธอเสียหายก็ต้องรับผิดชอบเธอสิ หรือว่า...เธอรังเกียจพี่เหรอ?"

คำถามนั้นทำให้เสี่ยวหนานต้องหันหน้ามามองเขาอีกครั้ง คราวนี้มองอย่างเต็มตา ใบหน้าเขามีเค้าหล่อคมเข้มแต่แฝงไว้ด้วยความละมุน เสี่ยวหนานอดเปรียบเทียบในใจไม่ได้...

'หล่อกว่าหานเจาในความทรงจำฉันหลายขุม… หน้าตาดีกว่า นิสัยก็ดีกว่า นี่มัน...โชคชะตาหรืออะไร?'

"ไม่ใช่นะคะ ที่ฉันไม่ให้พี่รับผิดชอบ เพราะฉัน...ไม่รู้ว่าพี่มีคนรักอยู่แล้วรึเปล่า หรือว่ามีคู่หมั้นอยู่แล้วรึยัง? ฉันไม่อยากสร้างปัญหาให้ใคร"

เสี่ยวหนานพูดช้า ๆ นุ่ม ๆ แต่มือยังเข็นรถต่อไปไม่หยุด

"ไม่มี..ไม่มีใครทั้งนั้น มีแต่ลูกสาวคนหนึ่ง หน่วนหน่วน เป็นลูกของพี่ชายกับพี่สะใภ้ ทั้งคู่เสียไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน พี่ก็เลยเลี้ยงดูหน่วนหน่วนเหมือนลูกตัวเอง มีพ่อแม่คอยช่วยอีกแรง"

สือซานรีบตอบกลับแววตาของเขาเต็มไปด้วยการรอคอยคำตอบอย่างมีความหวัง เสี่ยวหนานเองพอได้ฟังคำนั้น..ในอกพลันอุ่นใจวาบกับความอบอุ่นของผู้ชายตรงหน้า

'โสดมาทั้งชาติ พอได้เกิดใหม่ก็มีผู้ชายดี ๆ ขอดูแล… ชีวิตใหม่ฉันช่างไม่เลวเลยจริง ๆ'

หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง

"พี่แน่ใจเหรอ ว่าครอบครัวพี่จะไม่รังเกียจฉัน ฉันไม่อยากมีปัญหาแม่สามีกับลูกสะใภ้ ถ้าพ่อแม่พี่ไม่ชอบฉัน...ฉันก็ไม่แต่งเข้าไปหรอกนะ ฉันไม่อยากอยู่แบบอึดอัดใจต้องฝืนยิ้มปั้นหน้าใส่กัน"

โจวสือซานยิ้มทันที รอยยิ้มของเขาเหมือนลมทะเลยามเช้า ลูบผ่านใจนางจนวูบไหว ไม่ใช่ว่าเขาหลงตัวเอง แต่ผู้หญิงในหมู่บ้านหลายคนต่างก็อยากแต่เข้ามาเป็นสะใภ้บ้านโจว มีเพียงแค่ซูเสี่ยวหนานคนนี้แหละที่ไม่ปั้นหน้าเอาอกเอาใจเขาจนดูไม่จริงใจ

"พ่อแม่พี่ใจดีมาก ทั้งสองรักหน่วนหน่วน ถ้าหนานหนานเป็นคนดูแลหน่วนหน่วน พวกท่านจะยิ่งรักหนานหนานเข้าไปใหญ่ และถ้าแต่งกันแล้ว พี่จะรักหนานหนานมากกว่าใคร จะดีกับภรรยาที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้"

'หนานหนาน แม่เจ้า ฉันจะละลายเพราะผู้ชายคนนี้'

เสี่ยวหนานฟังแล้วหัวใจเต้นถี่โดยไม่รู้ตัว

"นะ..หนานหนาน พี่ตั้งชื่อใหม่ให้ฉันเหรอ"

เธอชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วหันหน้ามองเขา ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่มีแววหยอกล้อแฝงอยู่เล็กน้อย

"อื้อ..เรียกแบบนี้น่ารักดี จริงไหม?"

'ให้ตายเถอะ ความรู้สึกเขินอายเพราะถูกผู้ชายจีบเป็นแบบนี้เองสินะ เอ๋...แต่ในนิยายบอกว่าพระเอกเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูดไม่ใช่เหรอ?'

"งั้นฉันให้เวลาพี่ไปปรึกษาที่บ้านก่อนนะ ถ้าฉันตอบตกลงแล้ว พี่จะมาเสียใจทีหลังไม่ได้แล้วนะ บอกไว้ก่อนว่าฉันเป็นคนสู้คน กล้าได้กล้าเสีย กล้ารักกล้าเกลียด ซูเสี่ยวหนานคนเก่าตายไปแล้ว ตอนนี้มีแต่ซูเสี่ยวหนานคนใหม่"

ดวงตาเธอสบตาเขาอย่างกล้าหาญ โจวสือซานเห็นแบบนั้นก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ใครจะมองภาพนั้นยังไงเขาไม่สน แต่สำหรับเขาเธอช่างพยศแต่น่าเอ็นดู ซุกซนแต่น่าค้นหา

"พี่ชอบคนแบบนี้แหละ เด็ดขาด กล้าได้กล้าเสีย ไม่กลัวการเผชิญหน้า ไม่เสียดายเวลาในอดีต"

"ใครว่าล่ะ ฉันเสียดายเวลาที่เสี่ยวหนานคนเดิมทุ่มเทให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่ามากเลยนะ แต่ก็เข้าใจว่าที่ทำไปทั้งหมดมันเต็มที่แล้วจริง ๆ ที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำเพื่อคนที่เธอรักได้"

"เสี่ยวหนานคนเดิม?.."

"อื้อ..เสี่ยวหนานคนเดิม ก็ฉันบอกพี่แล้วไงว่าเสี่ยวหนานคนเดิมตายไปแล้ว ตอนนี้มีแต่เสี่ยวหนานคนใหม่"

ทั้งสองเดินไปพลาง พูดคุยไปพลาง เสียงหัวเราะของโจวสือซานประสานกับเสียงคุยเจื้อยแจ้วของเสี่ยวหนานกลมกลืนไปกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งยามบ่าย

จนกระทั่ง...

"เสี่ยวหนาน"

แม่ซูชะงักมือเงยหน้าขึ้น พลางหยีตาเพ่งมอง ภาพหญิงสาวคนหนึ่งเข็นรถบรรทุกของจนล้นสูงเทินมาแต่ไกล เธอใส่เสื้อผ้าสีซีด หน้าแดงก่ำจากแดด

"เกิดอะไรขึ้น!"

เสียงพ่อซูดังขึ้นขณะวางขวานทิ้ง เขากับภรรยารีบเดินไปหาลูกสาวด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

เสี่ยวหนานชะงักไปครู่หนึ่ง เธอหยุดรถเข็นก่อนจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อ แต่พอเห็นใบหน้าของพ่อแม่ชัดเจน… น้ำตาก็ไหลร่วงในทันที

"พ่อ...แม่…" เธอพึมพำเบา ๆ ราวกับเสียงกระซิบที่เล็ดลอดออกมาจากความทรงจำ

เธอปล่อยมือจากรถอย่างลืมตัว แล้วพุ่งเข้าไปกอดพ่อแม่แน่นราวจะฝังร่างไว้ในอ้อมแขน

"..." "..."

"หนูคิดถึง"

เสียงสะอื้นปนเปื้อนน้ำตา และหัวใจที่เต้นโครมครามของคนเป็นพ่อแม่เจ็บไปหมด

"เฮ้ย ๆ นังหนู เป็นอะไรลูก?"

"นั่นสิเสี่ยวหนาน มีอะไรก็บอกแม่ได้นะลูก"

พ่อซูกับแม่ซูมองหน้ากันอย่างงุนงง แต่กลับกอดเธอแน่นขึ้นอย่างห่วงใย มือเหี่ยวย่นลูบหลังลูกสาวเบา ๆ แล้วเอ่ยกับลูกสาวอย่างอ่อนโยน

"ลูกกลับบ้านก็ดีแล้ว อย่าร้องไห้สิ ชีวิตคนมันก็ล้มลุกคลุกคลานแบบนี้แหละลูก... แต่บ้านก็ยังเป็นบ้านของลูกเสมอ"

พ่อซูกล่าวพลางใช้มือเกลี่ยน้ำตาบนแก้มให้ลูกสาว ระหว่างนั้นเสียงฝีเท้าอีกสองคู่ก็ดังมาจากในบ้าน ซูจื่อเหิงเดินออกมาพร้อมกับน้องชายคนเล็ก ซูจื่ออันวัย 15 ปี เจ้าตัวสูงโย่ง ผอมเก้งก้างแต่ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใยทันทีที่เห็นพี่สาว

"เกิดอะไรขึ้นน่ะ พี่เสี่ยวหนาน?"

"ใครทำอะไรน้อง..เสี่ยวหนาน บอกพวกเรามาได้เลย เดี๋ยวพี่กับจื่ออันจะไปจัดการมันให้เอง พวกบ้านหานใช่ไหม?" ซูจื่อเหิงกล่าว

จื่ออันรีบปรี่เข้ามาหา พลางใช้แขนโอบไหล่พี่สาวไว้แน่น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน

ไม่ทันที่ใครจะทันได้พูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากระเบียงบ้านเสียงสูงห้วน หญิงสาวร่างผอมในเสื้อผ้าสีหม่นเดินกอดอกเดินออกมาช้า ๆ ดวงตาคมกริบจ้องไปยังเสี่ยวหนาน

"โอ๊ย... ทีนี้ล่ะรู้ว่าบ้านอยู่ที่ไหน โดนบ้านหานเขาเตะโด่งกลับมาแล้วสิ? วันก่อนเห็นทำท่าจะถวายหัวให้แทบตาย!"

ซูอี้หลัน พี่สะใภ้ของเสี่ยวหนานพูดอย่างไม่ไว้หน้า เธอเหลือบตามองรถขนของก่อนจะกระแทกเสียงต่อ

"..."

"ยังมีหน้ากลับมาที่นี่อีก... เงินที่พวกเราช่วยกันเก็บก็ขโมยไปจนหมด แม้แต่ค่าเทอมของจื่ออันก็ยังไม่เหลือ แล้ววันนี้จะกลับมาอาศัยอะไรห๊า!?"

คำพูดนั้นเหมือนคมมีดกรีดกลางใจ เสี่ยวหนานหน้าเจื่อน ดวงตาฉ่ำวาวคล้ายจะสะอื้นอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก จื่อเหิงก็หันขวับไปทางภรรยา

"อี้หลัน! พูดมากไปแล้วนะ กลับไปทำกับข้าว! ทำเผื่อเสี่ยวหนานด้วย"

น้ำเสียงของจื่อเหิงไม่ดัง แต่หนักแน่น อี้หลันชะงักนิดหนึ่งก่อนจะแค่นหัวเราะเบา ๆ

"ไม่ทำหรอก จะให้ฉันทำอะไรให้เธอกินเหรอ? ของกินในบ้านนี่ก็ให้เธอขนไปหมดแล้วนี่!"

คำพูดนั้นพ่นออกมาอย่างกัดกร่อน จนเงียบทั้งลานบ้าน… แต่จู่ ๆ จื่ออันก็ก้าวขึ้นข้างหน้า เอาตัวบังพี่สาวไว้เต็มตัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มกว่าที่เคยใช้

"งั้นก็ไม่ต้องทำ! ถ้าไม่อยากทำให้พี่เสี่ยวหนาน ผมทำเองก็ได้ แล้วถ้ามีใครคิดจะไล่พี่ออกจากบ้านนี้อีกล่ะก็...จะได้เห็นดีกัน!"

น้ำเสียงวัยรุ่นแตกหนุ่ม ฟังดูดื้อดัน แต่ดวงตาที่ลุกโชนปกป้องพี่สาวทำให้เสี่ยวหนานหัวใจเต้นสะท้าน ร่างกายอุ่นวาบไปทั้งตัว น้ำตาที่คลออยู่นานก็ไหลลงอีกครั้ง เธอก้มลงกอดน้องชายไว้แน่น

'แย่ชะมัด...ร่างนี้ทำเรื่องเห็นแก่ตัวไปมากมาย แต่ทำไมเธอถึงยังเป็นที่รักของบ้านได้ขนาดนี้นะ…'

เธอคิดในใจ พลางหลับตาแน่น อยากจะละลายหายเข้าไปในกลิ่นอายครอบครัวนี้ทั้งตัว

"จื่ออัน… ขอบใจนะ"

เสี่ยวหนานเอ่ยขอบคุณน้องชาย เธอไม่เคยมีพี่น้องมากก่อน พอได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ถูกปกป้องจากพี่น้อง มันช่างเป็นสิ่งที่น่าหวงแหนจริง ๆ

"อ้าวแล้วนั่น..สือซานเหรอ? ไปยังไงมายังไงถึงกลับมาพร้อมกับเสี่ยวหนานได้ล่ะ"

พ่อซูเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อหันไปเห็นโจวสือซานที่ยืนอยู่เงียบ ๆ มาได้พักใหญ่

"คือผม...."

"เดี๋ยวฉันเล่าเองพี่สือซาน" เสี่ยวหนานเอ่ยขึ้น

เสี่ยวหนานเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนในครอบครัวฟัง เสียงของเธอสะอื้นเป็นช่วง ๆ แต่สีหน้ากลับไม่ได้เจ็บปวด กลับเป็นประกายสุขเล็ก ๆ ที่ทำให้ทุกคนแปลกใจ

ซูจื่อหยางผู้เป็นพ่อนั่งฟังด้วยเปลวไฟในดวงตาที่ลุกโชน มือทั้งสองกำแน่นอย่างอดกลั้น

"ให้ตายเถอะ… บ้านหานมันกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง?"

จื่ออันโพล่งขึ้นทันที ขณะที่จื่อเหิงนิ่งไปนานก่อนเอ่ยเสียงขรึม

"พรุ่งนี้ผมจะไปคุยกับคนบ้านหานเอง มันจะทำกับน้องสาวแบบนี้ไม่ได้! ผมไม่ยอม"

"ไม่ต้องถึงพี่ก็ได้ ผมไปเอง! ผมจะไปพังบ้านมันวันนี้แหละ"

จื่ออันพูดพลางกำหมัดแน่น สีหน้าของเขาร้อนแรงเต็มไปด้วยความโกรธ

"ไว้ใจพี่เถอะเสี่ยวหนาน ต่อไปนี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรเธออีก ไม่ต้องสนใจคำพูดของคนอื่น"

เสียงของจื่อเหิงแน่นิ่งแต่มั่นคง จนเสี่ยวหนานเองก็ไม่เข้าใจว่าร่างนี้จะฆ่าตัวตายทำไม ในเมื่อทุกคนในครอบครัวรักและปกป้องเธอดีขนาดนี้

"แต่เรื่องนี้ผมยินดีจะรับผิดชอบ ยังไงผมก็คุยกับเสี่ยวหนานแล้ว"

เสียงทุ้มต่ำของโจวสือซานดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่เขาเป็นตาเดียว

"สือซาน หลานรู้ใช่ไหมว่าเสี่ยวหนานย้ายไปอยู่บ้านหานได้เกือบ 1 ปีแล้ว หลานแน่ใจเหรอว่าจะยอมเอาชื่อเสียงของตัวเองมาแบกรับเรื่องนี้"

พ่อซูเอ่ยถามโจวสือซานตรง ๆ สถานการณ์ตอนนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการชี้แจงทุกอย่างให้ชัดเจน บ้านโจวถึงจะได้ไม่รังเกียจเสี่ยวหนานหลังจากแต่งเข้าบ้านไป

"ผมรู้และมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจครับอาซู อีกเดี๋ยวผมจะกลับไปคุยกับพ่อแม่ให้ท่านมาคุยเรื่องสู่ขอเสี่ยวหนาน"

"ถ้าอย่างนั้นอาว่าหลานกลับไปปรึกษากับที่บ้านก่อนเถอะนะ ถ้าไม่มีปัญหาค่อยมาว่ากันอีกที"

"ได้ครับ..งั้นผมขอตัวก่อนนะครับอาซู อาสะใภ้"

พูดจบสือซานก็เดินกลับบ้านของตัวเองที่อยู่ห่างไปอีกประมาณ 100 เมตร ท่ามกลางสายตาของทุกคนในบ้านซู ตอนนี้พ่อซูกับแม่ซูกังวลใจไม่น้อย ทุกคนก็รู้ว่าบ้านโจวฐานะดี มีเรือประมงเป็นของตัวเอง

ต่อให้ชื่อเสียงของไต้ก๋งโจวจะขึ้นชื่อว่าใจดีมีเมตตา แต่พวกท่านก็ยังกังวลว่าบ้านโจวจะไม่พอใจกับลูกสะใภ้ที่มีชื่อเสียงด่างพร้อยมาก่อน

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 95

    ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน หน่วนหน่วน หยวนเปา หยวนเป่ย ต่างก็วิ่งตรงไปยังห้องนอนของตัวเองอย่างกระตือรือร้น ไม่นานนัก พวกเขาก็ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง ทั้งตุ๊กตาตัวโปรด ของเล่นชิ้นโปรด สมุดวาดรูป สมุดเขียน และดินสอสีสารพัดสีสัน แต่ละคนขนออกมาจากห้องของตัวเอง แล้วนำมากองรวมกันที่ห้อ

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 94

    หน่วนหน่วน เห็นอุปกรณ์ไฟฟ้าในห้อง ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เธอจึงเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วเตือนสองพ่อลูกด้วยความเป็นห่วง "คุณลุงคะ น้องอิงลั่ว ถ้าจะใช้กระทะไฟฟ้าหรือกาน้ำร้อน ห้ามใช้ช้อนที่ทำจากสเตนเลสหรือเหล็กลงไปสัมผัสโดยตรงเด็ดขาดนะคะ ให้ใช้กระบวยที่มีด้ามจับแบบนี้แทน ไม่อย่างนั้นไฟจะดูดเอาได้ ไฟดูดน

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 93

    เธอเริ่มแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและเป็นกันเองเซ่าเวินเงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวหนานด้วยความเกรงใจ เขาวางตะเกียบลงแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสั่นเครือ "ผม...ผมชื่อเซ่าเวินครับ นี่ลูกสาวของผม เซ่าอิงลั่ว พวกเราเป็นคนกว่างโจวครับ" เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้เสี่ยวหนานฟังด้วยความเจ็บ

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 92

    ในระหว่างนั้น เสี่ยวเปากับอันเจ๋อ ก็ช่วยกันยกถาดอาหารที่แม่ตักให้มาวางไว้ที่โต๊ะ อาหารร้อน ๆ กลิ่นหอมฟุ้งเต็มโต๊ะไปหมด ส่วน เสี่ยวเป่ย ก็รีบไปหยิบน้ำอัดลมที่เพิ่งซื้อมาพร้อมกับนมอีก 4 กล่อง รวมถึงขนมปังที่แม่เตรียมไว้ให้เป็นขนมของพวกเขา เสี่ยวเป่ยก็แบ่งส่วนหนึ่งมาวางไว้ให้ด้วยพอหน่วนหน่วนพาสองพ่อลู

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 91

    ห้าปีต่อมาห้าปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันคือปี ค.ศ. 1988 ซูจื่ออัน เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชิงหัวมาได้สักพักใหญ่แล้ว ด้วยความรู้และความสามารถที่ร่ำเรียนมา เขาได้เข้ามาช่วยงานในโรงงานของพี่สาวอย่างเต็มตัว โรงงานแห่งใหม่ ของ ซูเสี่ยวหนาน กำลังเริ่มก่อสร้างบนที่ดินที่เธอซื้อสะสมไว้ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 90

    สายตาของพนักงานสาวมองผ่านเพียงแค่วูบเดียว ก็ทำให้กิริยาของพนักงานเปลี่ยนไปในทันใด เธอกะพริบตาถี่ รีบยกมือขึ้นประสานพร้อมโค้งตัวเล็กน้อย"เชิญคุณลูกค้าทางนี้เลยนะคะ ห้องพิเศษของเราพร้อมแล้วค่ะ!"พนักงานผายมืออย่างนอบน้อม แล้วเดินนำแขกกลุ่มใหญ่ผ่านโถงกลางร้านเข้าไปยังห้องส่วนตัวที่จัดไว้โดยเฉพาะสำหรับ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status