พลั่ก! กรี๊ดด!! ตุบ!
“คุณหนู!”
เสียงกรีดร้องของสาวใช้คนสนิทของหญิงสาวดังขึ้นด้วยความตกใจ หลังจากเห็นร่างของคุณหนูของตนพลัดตกจากบันไดลงไปยังชั้นล่าง ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนที่อยู่ภายในโรงเตี๊ยมชื่อดังของเมือง
หญิงสาวที่ร่วงลงมาจากบันไดนับสิบขั้นแน่นิ่งหมดสติไปหลังจากกลิ้งลงถึงพื้นด้านล่างพร้อมกับเลือดสีแดงสดไหลรินออกมาบริเวณขมับด้านซ้ายที่เกิดจากแผลกระแทก
สาวใช้ตัวเล็กที่ได้สติรีบวิ่งลงไปดูคุณหนูของตนเองด้วยสีหน้าตื่นตระหนกระคนหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“คุณหนูเจ้าคะ! คุณหนู อึก…คุณหนูอย่าเป็นอันใดไปนะเจ้าคะ อึก.. ใครก็ได้ช่วยตามหมอให้ข้าที..”
สาวใช้ตัวเล็กที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างน่ารักทั้งที่อายุก็ปาไป 18 ปีแล้วนั้นในตอนนี้ดวงตากลมโตของเจ้าตัวกำลังเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลรินเป็นทาง
พร้อมกับพร่ำเอ่ยเรียกคุณหนูของตนด้วยสีหน้าหวาดกลัวเป็นภาพที่ทำให้ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์อยู่นั้นต้องเบือนหน้าหนีด้วยความเห็นใจ
ส่วนตัวต้นเหตุที่ทำให้หญิงสาวตกลงมานั้นทำเพียงยืนมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าราบเรียบอย่างไร้ความรู้สึกอยู่ที่เดิม โดยที่ภายในอ้อมกอดของบุรุษผู้นั้นยังมีร่างของหญิงสาวอีกคนอยู่ด้วย
หญิงสาวที่โดนผลักตกบันไดลงมานอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นคือ ไป๋อวี้หลัน คุณหนูใหญ่ของจวนตระกูลเสบาบดีฝ่ายขวาไป๋ฮุ่ยหมิง อายุ 17 หนาว คู่หมั้นขององค์รัชทายาท ไท่เฟยฉี อายุ 20 ปี
ส่วนหญิงสาวในอ้อมกอดของชายหนุ่มก็คือ หวังซูเซียน อายุ17 หนาว บุตรสาวคนโตของเสนาบดีฝ่ายซ้าย
“อึก…โอ๊ย”
ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของสาวใช้ไป๋อวี้หลันก็ได้เปิดเปลือกตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกงุนงง ก่อนที่นางจะรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ไหลอาบลงมาตามกรอบหน้าสวย พร้อมกับอาการเจ็บปวดบริเวณบาดแผลจนหลุดเสียงร้องออกมา
“โอ๊ย เจ็บชะมัดนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกัน”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเบากับตนเองอย่างสับสน
“คุณหนู! ในที่สุดท่านก็ฟื้นขึ้นมา อึก…”
เสี่ยวถิง สาวใช้คนสนิทของไป๋อวี้หลันเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ
“เอ๊ะ ใครกัน แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหนกัน”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยความงุนงง แต่คำพูดนั้นของนางกลับทำให้คนด้านข้างอย่างเสี่ยวถิงถึงกับดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจที่คุณหนูของตนเองนั้นเป็นอะไรไปแล้วถึงได้พูดจากแปลกประหลาดเช่นนี้หรือเป็นเพราะว่าได้รับบาดเจ็บที่หัวใช่หรือไม่ ต้องใช้แน่ ๆ
“ท่านหมอมารึยัง ใครตามหมอมาให้ข้ารึยัง!”
เสี่ยวถิงร้องถามผู้คนรอบ ๆ อย่างร้อนใจ
“ข้าตามให้แล้วแม่นาง โปรดรอสักครู่”
พนักงานชายในร้านเอ่ยบอกกลับ
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ คุณหนูโปรดรอสักครู่ท่านหมอกำลังมาแล้วเจ้าค่ะ”
สาวใช้ของหญิงสาวเอ่ยบอกด้วยสีหน้าปลอบประโลม
“ทำไมถะ…..โอ๊ย!”
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เอ่ยจบประโยค จู่ ๆ ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ของใครบางคนก็ไหลทะลักเข้ามาภายในหัวของนางมากมายราวกับเขื่อนแตก
จนหญิงสาวต้องกลั้นใจข่มกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้เหมือนเวลาแห่งความเจ็บปวดนั้นนานมากทั้งที่จริง ๆ แล้วมันเพิ่งจะผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น
แต่เมื่อความเจ็บปวดจางหายไปแล้วนั้น ดวงตาเรียวหงส์นัยน์ตาสีเหลืองอำพันก็ได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับความทรงจำทั้งหมดของเจ้าของร่างเดิม อวี้หลันถึงกับนั่งนิ่งงุนงงอย่างไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเพียงความฝัน
เดิมทีแล้วอวี้หลันเป็นผู้กองสาวของหน่วยรบของทหาร ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในสนามรบและกำลังปะทะกับฝ่ายตรงข้ามอยู่
แต่เพราะต้องการที่จะปกป้องลูกน้องใต้บังคับบัญชาเธอจึงได้เอาตัวเองไปขวางวิถีของระเบิดจนตายลง
แต่เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกทีกับมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ จนเมื่อได้รับความทรงจำของหญิงสาวเจ้าของร่างก็คือ ไป๋อวี้หลันที่ชีวิตของนางดูจะน่าเวทนาอยู่มากทั้งที่เป็นบุตรสาวของฮูหยินเอกแต่กลับโดนบิดาแท้ ๆ ของตนเองเมินเฉย ไม่สนใจ
ตั้งแต่ที่มารดาของนางตายจากไปบิดาก็เอาแต่รักใคร่บ้านของฮูหยินรองกับบุตรสาวของนาง
ยิ่งเมื่อสตรีผู้นั้นให้กำเนิดบุตรชายให้กับบิดา เขาก็ยิ่งมอบความรักและความเอาใจใส่ให้กับคนพวกนั้น
ส่วนกับนางก็แล้วราวกับว่าเป็นเพียงฝุ่นอากาศ แต่ที่นางยังคงได้อยู่อย่างสบายไม่ลำบากก็เพราะสัญญาหมั้นหมายที่นางมีกับองค์รัชทายาท
ถ้าไม่มีเรื่องนี้เกรงว่านางก็คงจะต้องใช้ชีวิตไม่ต่างจากสาวใช้ภายในจวนเป็นแน่
“ท่าน...พี่...”เสียงเอ่ยเรียกของภรรยารองนั้นยิ่งทำให้โทสะของไป๋ฮุ่ยหมิงปะทุขึ้นจนเอ่ยตะคอกอีกฝ่ายด้วยความเกรี้ยวกราด“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าเสีย! เสียแรงที่ข้านั้นรักและเอ็นดูเจ้ามาตลออด แต่เจ้ากลับกล้าหักหลังข้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร”“ไม่เพียงแค่หลอกลวงข้าเรื่องหลินเอ๋อร์ แต่เจ้ายังวางยาฮูหยินเอกจนนางต้องตายจากไป เจ้าทำเรื่องเลวร้ายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกันหา!”คำถามมากมายที่หลุดออกจากปากผู้เป็นสามีนั้นช่างบาดลึกลงไปในจิตใจของเป่าลี่อินเป็นอย่างมาก จริงอยู่ที่ในตอนแรกนางนั้นเข้าหาเขาเพียงเพราะต้องทำตามแผนของบุรุษชั่วช้าผู้นั้น แต่เมื่อได้ใกล้ชิดและได้รับความรัก เอาใจใส่ดูแลจากอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้กับนางจึงทำให้นางเริ่มที่จะหึงหวงและอยากครอบครองไม่อยากให้เขาไปมอบความรักให้กับสตรีอื่น นางจึงได้วางแผนการทุกอย่างเพื่อที่จะใส่ร้ายฮูหยินเอกสตรีอีกหนึ่งคนที่เขารัก ด้วยการใส่ความต่าง ๆ จนในที่สุดนางก็สามารถทำสำเร็จและในขณะที่สตรีผู้นั้นตรอมใจนางจึงใช้โอกาสนี้ให้คนวางยาจนในที่สุดสตรีนางนั้นก็
“ท่านอ๋องเพคะ”อวี้หลันเอ่ยเรียกชายหนุ่มด้วยคำเรียกที่จริงจังจนทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มต้องหันกลับมามองยังหญิงสาวที่ในตอนนี้กำลังยืนจ้องมองมาที่ตนเอง“พี่บอกแล้วใช่หรือไม่ว่าให้เรียกพี่ว่าอย่างไร”ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับวงแขนแกร่งเองก็คว้าเอาเอวบางเข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองอย่างต้องการทำโทษ“พี่ชายท่านหลอกกินเต้าหู้ข้าอีกแล้วนะเจ้าคะ”อวี้หลันเอ็ดชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีไม่จริงจังนักคล้ายว่านางเองก็เริ่มที่จะชินกับนิสัยมือไวของอีกฝ่ายเสียแล้ว“ก็ใครกันเล่าที่ทำให้พี่ต้องเป็นแบบนี้”ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับยื่นใบหน้าหล่อเหลาของตนเองที่ตั้งแต่วันงานเลี้ยงจบลงนางก็ไม่เห็นว่าเขาจะยอมสวมใส่หน้ากากเช่นที่ข่าวลือบอกแม้แต่น้อยเข้ามาใกล้ใบหน้าของหญิงสาวอย่างต้องการหยอกล้ออีกฝ่ายให้เขินอาย“เป็นพี่ชายเองมากกว่าที่คิดมากไปเองเจ้าคะ แต่ก็ช่างเรื่องนั้นก่อนเถิดข้าในตอนนี้ต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องสมรสพระราชทานที่ฝ่าบาททรงมอบให้เมื่อเช้านี้มากกว่า”หญิงสาวเองก็ไม่ได้คิดที่จะผ
ในที่สุดก็มาถึงสมรสพระราชทานระหว่างชินอ๋องกับคุณหนูซ่งอวี้หลัน งานแต่งงานในครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะมีกำหนดการที่กระชั้นชิดไปหน่อยแต่ว่างานทุกอย่างนั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติของว่าที่พระชายาของชินอ๋อง โดยงานในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ตำหนักส่วนตัวของชินอ๋องที่ผู้คนรู้จัก เพียงแต่นั้นเป็นแค่ฉากบังหน้าเพราะอวี้หลันได้พูดคุยตกลงกับชายหนุ่มเอาไว้แล้วว่าหลังจากแต่งงานเสร็จตนเองจะไปอยู่ที่จวนข้าง ๆ จวนของนาง ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่คิดที่จะคัดค้าน เพราะเขานั้นตามใจหญิงสาวอยู่แล้ว ขอเพียงนางอยู่แล้วมีความสุขไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ล้วนแต่ยินดีทั้งสิ้นวันนี้ในเมืองหลวงต่างก็เต็มไปด้วยขบวนเจ้าบ่าวที่ในตอนนี้ร่างสูงสง่างามสวมชุดสีแดงสดนั่งสง่าอยู่บนหลังอาชาสีขาวตัวโปรดกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนของว่าที่พระชายาที่เพียงแค่ขบวนสินสอดก็ยาวไปจนแทบจะสุดประตูเมือง ด้วยเกวียนขนหีบกว่าสามร้อยหีบไหนจะมีสิ้นเดิมของเจ้าสาวที่เหล่าท่านตาท่านลุงของนางนั้นมอบให้อีกกว่าสองร้อยกว่าหีบอีกเล่า เรียกได้ว่าการแต่งงานในครั้งนี้ของทั้งสองคนนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าชาวบ้านและเหล่าคุณหนูต่าง
ในที่สุดก็มาถึงวันนัดส่งมอบสินค้าของชาวหัวแดงกับกลุ่มของผู้ช่วยเผิงเจียง โดยพวกมันนั้นได้นัดพบกันที่แนวชายป่าใกล้ ๆ กับเมืองท่าที่พวกมันมักจะใช้เป็นจุดนัดพบส่งของกันอยู่บ่อยครั้งนั่นเองซึ่งข่าวเรื่องสถานที่ในการนัดพบของพวกมันนั้นเป็นชินอ๋องที่ส่งหน่วยองครักษ์ลับไปสืบข่าวมาจนได้รู้สถานที่ชัดเจนในครั้งนี้ ดังนั้นในวันนี้กลุ่มของนายท่านซ่งกับบุตรชายจึงได้เดินทางมายังสถานที่นัดพบกันในครั้งนี้กลุ่มของซ่งเฉิงป๋อนั้นทราบถึงกำหนดการจัดส่งสินค้าของพวกมันนั้นคือเวลายามซื่อของวันนี้และในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงกำหนดเวลานัดของพวกมันแล้วเมื่อกลุ่มของซ่งเฉิงป๋อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วทั้งสามคนพ่อลูกรวมทั้งเหล่าองครักษ์อีกกว่ายี่สิบนายต่างก็ซุ่มอยู่ในที่กำบังอย่างเงียบเชียบไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองกลุ่มก็ได้ยินเสียงของรถม้าหลายคันกำลังวิ่งตรงมายังทิศทางที่พวกเขารออยู่เมื่อรถม้าทั้งสามคันจอสนิทลงที่จุดนัดพบก็เป็นเวลาเดียวกันกับเกวียนวัวของพวกกลุ่มพ่อค้าชาวหัวแดงเองก็มาถึงยังสถานที่นัดหมายเช่นเดียวกันหลังจากที่รถม้าจอดสนิทดีแล้วนั้นไม่นานก็มีบ
“คุณหนูซ่งรับราชโองการ....เนื่องด้วยคุณหนูซ่งอวี้หลันนั้นเป็นสตรีที่มากความสามารถอีกทั้งยังเป็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทอ่อนหวานเรียบร้อย จึงประทานสมรสพระราชทานให้แต่งเป็นพระชายาเอกในชินอ๋องจวินซีฮันในอีก 7 วันต่อจากนี้จบราชโองการ.....”จบราชโองการทั่วทั้งจวนต่างก็ตกอยู่ในความเงียบไม่เว้นแต่หญิงสาวเองที่ตั้งตัวไม่ทันว่าตนเองจะต้องแต่งงานให้กับชายหนุ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่เองในตอนนี้หญิงสาวจึงได้ยังคงก้มหน้าเงียบจนเสี่ยวอิงต้องสะกิดเพื่อให้คุณหนูของตนรีบตอบรับราชโองการโดยไว“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี เพคะ”จบคำของหญิงสาวกงกงคนสนิทของฮ่องเต้ก็ยื่นราชโองการสีเหลืองทองมาตรงหน้าของหญิงสาวจากนั้นมือบางจึงได้ยื่นไปรับมาถือไว้พร้อมกับเอ่ยขอบใจกงกงชราตรงหน้า“ลำบากท่านหม่ากงกงแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวอิงเจ้าจงตามไปส่งท่านหม่ากงกงให้ข้าด้วยนะ”ประโยคแรกนั้นหญิงสาวเอ่ยกับกงกงชราตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนที่หญิงสาวจะหันไปเอ่ยกำชับกับสาวใช้คนสนิทอีกทั้งยังกำชับให้อีกฝ่ายมอ
ความเงียบยังคงปกคลุมไปทั่วชายป่าที่พวกเขายืนอยู่ หลังจากเอ่ยกับผู้เป็นตาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นอวี้หลันจึงได้หันหน้าไปมองยังก็ผิงซานคุนก่อนที่ริมฝีปากบางของนางจะเริ่มเอ่ยวาจาออกมา“นายท่านเผิงกล่าวมาเมื่อครู่นี้ข้าเองก็เห็นด้วยกับพวกท่านนะเจ้าคะ คนทำผิดคิดชั่วย่อมสมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม แต่ที่ข้าไม่เห็นด้วยก็คงจะเป็นคนที่ต้องโทษคิดกบฏนั้นหาใช่ตระกูลซ่งของข้า แต่เป็นตระกูลเผิงของพวกท่านต่างหากเล่า”“ท่านอย่าได้คิดจะเอ่ยปากแก้ตัวเพราะข้ากับท่านอ๋องนั้นต่างก็เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ที่พวกท่านมาถึงจนพูดคุยตกลงเกี่ยวกับการค้าในครั้งนี้จนไปถึงการส่งมอบสิ่งของพร้อมกับเงินทองเพื่อแลกเปลี่ยนกันแล้วอย่างไรเล่า”“นี่คงจะเพียงพอที่จะเอาผิดพวกท่านได้แล้วกระมัง แล้วไหนจะยังมีหัวหน้านายกองที่รับสินบนทั้งยังทำงานให้กับท่านมิใช่ให้กับฝ่าบาทเพียงเท่านี้ข้าคิดว่าโทษของตระกูลท่านก็คงจะมีหัวไม่พอให้ประหารชดใช้ความผิดแล้วละ”คำพูดของหญิงสาวทุกคำที่เอ่ยออกมานั้นช่างราวกับคมมีดที่กรีดลึกลงไปสุดขั้วหัวใจของคนฟังยิ่งนัก ไหนจะยังสามารถแจกแจงความผ