ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้คนมองนั้นตกตะลึง กลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้ง บอกให้รับรู้ว่าภาพตรงหน้านั้นมิได้เป็นเพียงภาพฝัน ไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ท่ามกลางซากศพและเสียงร้องอย่างเจ็บปวดในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร เธอไม่ได้หวาดกลัวกับซากศพมากมายและกลิ่นคาวเลือดเหล่านี้ เพราะคุ้นเคยกับมันมาตลอด แต่ที่รู้สึกตกใจเพราะคนเหล่านี้นั้นล้วนแต่งกายด้วยชุดที่ดูแปลกประหลาด ดังกับนักรบในยุคโบราณ เสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดยังคงดังขึ้นกระทบเข้ามาในโสตประสาท หันมองรอบกายด้วยความสับสนมึนงง ภาพผู้คนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บทั้งสตรีและเด็กที่กำลังช่วยกันเคลื่อนย้ายคนเจ็บด้วยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสกปรกและคราบน้ำตา เพราะบุคคลเหล่านั้น คือบุคคลที่รักและคนในครอบครัว คนที่บาดเจ็บนั้นล้วนเป็นชายฉกรรจ์ เปลวเพลิงที่กำลังโหมกะพรืออยู่นั้นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกร้อนรุ่มเท่าในจิตใจที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกที่ดังขึ้น เหมือนกับว่ามันกำลังดังอยู่ในที่ไกลแสนไกล หรือที่นี่จะเป็นนรก แต่เธอทำกรรมใดไว้ถึงได้ต้องตกนรกกัน คนที่ถูกเธอฆ่าตายก็สมควรที่จะตายทั้งนั้น นั่นเป็นคำถามที่ดังกึกก้องอยู่ในใจ ก่อนที่ร่างโปร่งแสงจะถูกดึงวูบจนสติของเธอดับมืดลง
แพขนตางอนที่กะพริบถี่ๆ ก่อนจะลืมขึ้นเมื่อสายตาสามารถปรับกับแสงสว่างอันเจิดจ้าได้เป็นปกติแล้ว ภาพที่เห็นตรงหน้า คือผ้าม่านพลิ้วไหวสีชมพูสลับขาวงดงาม มือบอบบางที่ลูบไล้ผ้าแพรนุ่มลื่นใต้ร่างอย่างรู้สึกดี เบาะที่นอนอยู่ช่างสบายนัก ให้ความอบอุ่นจนไม่อยากลุก และยังมีกลิ่นหอมที่ชวนให้รู้สึกปลอดโปร่งอีกด้วย
ที่นี่คงเป็นสวรรค์สินะ ซ่งเฟยหย่ายกยิ้มกว้างขึ้น นึกไว้อยู่แล้ว ว่าคนดีอย่างตนต้องได้ขึ้นสวรรค์ ถึงแม้จะฆ่าคนมามาก แต่คนพวกนั้นก็ล้วนแต่เป็นคนเลว นี่คงเป็นผลจากการทำความดีแน่ๆ
"องค์หญิงฟื้นแล้ว"
เสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นอย่างยินดี ทำให้ร่างบางทะลึ่งพรวดขึ้นจากที่นอนนุ่ม หันซ้ายแลขวาเพื่อหาองค์หญิงที่ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถึง แต่มองจนทั่วก็ไม่เห็นมีใคร จนผู้หญิงคนนั้นมาทรุดกายลงข้างเตียง จับมือของตนร้องไห้สะอึกสะอื้น
ซ่งเฟยหย่าที่มองสตรีรูปร่างอวบอ้วนตรงหน้า ผู้หญิงคนนี้พูดกับเธออย่างนั้นหรือ ก่อนจะพิจารณารอบตัวอีกครั้งที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ หัวสมองน้อยๆ รีบประมวลผลอย่างรวดเร็ว ตายแล้วไม่ได้อยู่ในนรกหรือสวรรค์ แล้วเธอมาอยู่ที่ไหนกันนี่
"องค์หญิงเพคะ เป็นอันใดไปเพคะ ให้อาจูตามท่านหมอหรือไม่เพคะ"
สตรีตรงหน้าที่ละล่ำละลักเอ่ยถาม ซ่งเฟยหย่ายิ่งงุนงง พลันนึกถึงเหตุการณ์ที่ได้พบเจอกับผู้หญิงที่มีใบหน้าเหมือนตัวเอง ร่างกายพลันเกร็งขึ้น
"องค์หญิง อาจูจะไปตามเสด็จฮองเฮานะเพคะ รอก่อนนะเพคะ"
"ไม่ต้อง"
ซ่งเฟยหย่าที่มองร่างตุ้ยนุ้ยของผู้หญิงที่น่าจะชื่อว่าอาจูอย่างช่างใจ ก่อนมือบอบบางจะกำเข้าหากันแน่น มือที่นุ่มนิ่มดูบอบบางไม่เหมือนมือของตนเลยสักนิด ที่มันค่อนข้างจะหยาบกระด้างกว่านี้ มีบางอย่างไม่ปกติ หัวใจที่ไม่เคยหวาดกลัวกับสิ่งใดมาก่อนสั่นระรัว หรือเรื่องที่ผู้หญิงที่นางพบตอนเป็นวิญญาณจะหมายถึงสิ่งนี้
"เกิดอะไรขึ้น"
เสียงแผ่วเบาเอ่ยดังขึ้น ราวกับถามตัวเองเสียมากกว่า
"องค์หญิงหมดสติไปเพคะ เพราะว่า เพราะ..."
แต่ประโยคที่ตอบกลับมาอย่างตะกุกตะกักปนเสียงสะอื้นนั้นทำให้คนฟังถึงกับสติขาดผึงอย่างไม่ได้ดังใจ
"เพราะอะไรเล่า พูดมาสิ"
วาจาที่กล่าวขึ้นอย่างแข็งกระด้างทำให้อาจูสะดุ้งมองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง องค์หญิงผู้อ่อนหวานของนางไม่เคยแสดงกิริยาเช่นนี้มาก่อน หรืออาจเป็นเพราะความเสียพระทัยจึงทำให้พระองค์เปลี่ยนไป
"เพราะเมืองหน้าด่านถูกโจมตีจนต้องถอยทัพ ตอนนี้ทัพของศัตรูกำลังจะบุกเข้ามาในเมืองหลวง ฝ่าบาทจึงต้องทรงนำกำลังไปต่อต้านด้วยพระองค์เองเพคะ อึก ฮื้อ..."
กล่าวจบอาจูก็ปล่อยโฮออกมา รู้สึกหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ แต่สตรีอีกนางกลับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ซ่งเฟยหย่าที่กวาดตามองรอบกายอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงมองสำรวจร่างกายตนเองที่อยู่ในชุดสีขาวบางเบา ผิวขาวที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีดูนุ่มนิ่ม ไม่ใช่ผิวที่กร้านแดดจนกลายเป็นสีแทนของตน คงจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดกระมัง
"ข้าคือใคร"
เสียงหวานที่เอ่ยถามขึ้น เมื่อพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้บ้าง แม้จะรู้สึกหวั่นใจเพียงใดก็ตาม
อาจูที่แหงนเงยใบหน้านองน้ำตาขึ้นมองใบหน้างามของผู้เป็นนาย เห็นดวงตาหงส์ที่ไหวระริกอย่างสับสนจ้องมองมาให้รู้สึกไม่เข้าใจ
"ข้าคือใคร"
น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างกดดัน แววตาที่มักจะอ่อนโยนอยู่เสมอดูแข็งกร้าวจนน่ากลัว ทำให้อาจูละล่ำละลักตอบ
"องค์หญิง องค์หญิงซ่งเฟยหย่า แห่งแคว้นซ่งเพคะ"
ซ่งเฟยหย่า ซ่งเฟยหย่า หนังสือเล่มนั้น หนังสือที่เธออ่านก่อนตาย ถ้าอย่างนั้น ผู้ที่กำลังออกรบอยู่นั้นก็คือบิดานางอย่างที่ซ่งเฟยหย่าผู้นั้นบอกจริงๆ หากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าบิดาของนางกำลังจะตายเช่นนั้นหรือ ไม่ได้นางจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เป็นไปดังเช่นในหนังสือเด็ดขาด
ร่างบางที่ตะหวัดขาเรียวลงจากเตียงนอนนุ่มอย่างรวดเร็วพร้อมกับออกคำสั่งเสียงเย็น
"เตรียมเสื้อผ้าให้ข้า"
"อาภรณ์หรือเพคะ องค์หญิงจะไปที่ใดเพคะ"
อาจูที่รีบเอ่ยถามผู้เป็นนาย ที่เจ้าตัวก็ดูเหมือนชะงักไปเช่นกัน
ซ่งเฟยหย่าที่หลับตาลงรวบรวมสติ ตอนนี้นางคือซ่งเฟยหย่า องค์หญิงแห่งแคว้นซ่ง จงท่องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ก่อนดวงตาหงส์จะลืมตาขึ้นอย่างมุ่งมั่น
"เตรียมอาภรณ์ที่รัดกุมให้ข้า ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่"
"เพคะ"
เมื่อเอ่ยคำว่าเสด็จแม่ เหตุใดใจของนางถึงได้เต้นแรงก็ไม่ทราบได้ ย้อนนึกไปถึงใบหน้างดงามที่ดูมีเมตตาของสตรีที่เคยเห็นในครั้งที่เป็นดวงจิตลอยล่อง ให้รู้สึกตื่นเต้นมิได้ สตรีที่ดูอบอุ่นผู้นั้นคือมารดาของนางจริงๆ หรือ
ผืนดินเขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตา มองไปทางใดก็มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี อากาศบริสุทธิ์ปลอดโปร่งกลิ่นอายธรรมชาติโอบล้อม แผ่นดินที่เคยแตกระแหงแห้งแล้ง บัดนี้ล้วนเต็มไปด้วยสีเขียวของพืชผัก ผลหมากรากไม้พากันเบ่งบานออกดอกผลิผล ฝูงสัตว์เลี้ยงมากมายเดินหากินอยู่ในทุ่งกว้าง ชาวบ้านชาวเมืองล้วนอยู่ดีมีสุขมองไปทางใดล้วนเห็นแต่บรรยากาศอันชื่นมื่น ใบหน้าของทุกคนยามนี้ประดับประดาไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี ทุกหัวเมืองถนนหนทาง ร้านรวงต่างๆ ต่างประดับประดาเต็มไปด้วยผ้าแดงมงคล ทุกหนทุกแห่งในแผ่นดินนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลอง เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของบุคคลอันเป็นที่รักและเทิดทูนของเหล่าประชาชนแคว้นซ่ง วันที่ทุกคนต่างตั้งตารอคอยและร่วมยินดี วันอภิเษกสมรสที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ขององค์หญิงซ่งเฟยหย่าของพวกเขากับชินอ๋องไท่หมิงหลงแห่งแคว้นหยวนที่บัดนี้กลายเป็นรัชทายาทของแคว้นซ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความยินดีของทั้งสองแคว้นเสียงจุดประทัดมงคลดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ในขณะที่ทุกคนกำลังดื่มฉลองอย่างสนุกสนานและชื่นมื่น คู่บ่าวสาวก็กำลังดื่มด่ำกับความสุขเช่นกัน หลังจากที่ผ่านการกราบไหว้ฟ้าดินอย่างถ
คำตอบที่ออกมาจากริมฝีปากของสตรีตรงหน้า สตรีที่พระองค์มอบหัวใจรักให้กับนางราวกับดังมาจากที่ไกลแสนไกล แต่มันกลับดังก้องอยู่ในหัว อื้ออึงเต็มสองหู จนรู้สึกถึงความเจ็บแปลบในโพรงอก หัวใจมันบีบรัดจนปวดหนึบ ชินอ๋องไท่หมิงหลงที่จ้องมองใบหน้างามตรงหน้าอย่างรวดร้าวในอก จ้องลึกลงไปในดวงตาคู่งามที่พระองค์หลงใหลและหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่สบสายตา ราวกับจะค้นหาความจริงในนั้น อยากให้คำตอบนั้นนางเพียงแค่ล้อพระองค์เล่น แต่ยิ่งจ้องมองพระองค์ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดเพราะมันมีแต่ความจริงจังอยู่ในนั้น จนวูบโหวงไปทั้งโพรงอก อยากไปให้พ้นจากตรงนี้โดยไว ก่อนที่จะแสดงความอ่อนแอออกมา แต่กว่าจะเปร่งคำพูดออกไปได้ช่างทรมานยิ่งนัก"พี่เข้าใจแล้ว"เสียงแหบโหยที่ดังอย่างโรยแรง ทำให้คนฟังนั้นสะท้านในอกซ่งเฟยหย่าที่มองคนตรงหน้าที่มองนางอย่างเจ็บปวดและผิดหวัง ก่อนจะหันหลังให้นาง แผ่นหลังกว้างลู่ลงดูน่าสงสารและก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวเดินออกไป นางจึงรีบเอ่ยขึ้น"ข้ายังมิได้บอกท่านเลยว่าจะเป็นไท่จื่อเฟยของแคว้นใด"เสียงหวานที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เท้าหนักอึ้งที่กำลังจะก้าวไปด้านหน้าหยุดชะงัก ทบทวนสิ่งที่นางกล่าวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะห
หลังจากที่แคว้นซ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ การปลูกพืชผักต่างๆ จึงเป็นไปได้โดยง่าย ตอนนี้ทุกคนต่างช่วยกันพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้ง ขะมักเขม้นปลูกพืชผลทางการเกษตรกันอย่างขยันขันแข็ง และยังช่วยกันปลูกไม้ยืนต้นที่องค์หญิงที่พวกเขาเทิดทูนกล่าวว่า ต่อไปต้นไม้ที่พวกเขาช่วยกันปลูกจะสร้างคุณให้พวกเขาอย่างใหญ่หลวง ซึ่งพวกเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับทำตามสิ่งที่พระองค์บอก ขอเพียงแค่พระองค์รับสั่ง พวกเขาก็พร้อมที่จะทำตามบัญชา เมื่อน้ำท่าสมบูรณ์ สิ่งดีดีต่างๆ ย่อมตามมาสถานการณ์ในแคว้นซ่งตอนนี้กำลังเกิดการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ประชาชนล้วนมีใบหน้าที่เอิบอิ่มแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแ่งความสุข ภายในแคว้นกลับมาคึกคักอีกครั้ง ความสงบร่มเย็นกลับมาเยือนแผ่นดินซ่ง และดูเหมือนว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”เสียงของคนสนิทที่เอ่ยเรียกทำให้ชินอ๋องไท่หมิงหลงจำต้องละสายตาจากภาพเบื้องล่างของโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของแคว้นซ่งที่เปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากที่ปิดให้บริการมาเนิ่นนาน ภาพอันสวยงามของแผ่นดินซ่ง แผ่นดินของสตรีที่พระองค์ทรงปักใจรัก สตรีที่พระองค์มิเคยพบเจอที่ใดมาก่อน และตอนนี้นางได้เข้ามาครอบครองทั้งหมดในพร
วันนี้มีทหารและชาวบ้านชาวเมืองมากมายที่เดินมุ่งหน้าไปยังภูเขาอันเขียวชอุ่มที่มีเพียงลูกเดียวด้านหลังของแคว้น เพื่อจะไปชมการเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำขององค์หญิงซ่งเฟยหย่าที่กลายเป็นหัวข้อการสนทนาตลอดหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่มีการขุดลอกคูคลองและสร้างฝายกั้นน้ำ ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะมีน้ำดื่มน้ำใช้ และอยากรู้ว่ามันจะเป็นความจริงและเห็นกับตาตนเอง ว่ามิใช่เป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ อีกต่อไป ผู้คนที่มามุงดูทั้งหมดถูกกันออกมาให้อยู่ในบริเวณที่ถูกกั้นเอาไว้โดยเหล่าทหาร มิให้เข้าไปในพื้นที่การทำงานเพราะเกรงว่าจะมีอันตรายและกีดขวางการทำงานของทหารที่กำลังขนย้ายถังไม้ที่บรรจุดินระเบิดเอาไว้เหล่าชาวบ้านชาวเมืองที่มามุงดูยาวไปตั้งแต่จุดที่เป็นต้นน้ำที่มองเห็นอยู่ไกลๆ ในระยะสายตา เห็นเหล่าทหารกำลังลำเลียงถังไม้ขึ้นไปอย่างแข็งขัน เลียบไปตลอดแนวตลิ่งของคูคลองที่ถูกขุดขึ้นยาวไปจนถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกขุดขึ้นใจกลางแปลงเกษตร ต้นน้ำถูกจับจ้องว่าถังเหล่านั้นคือสิ่งใด และจะสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของน้ำได้เช่นไร เลียบแนวตลิ่งทุกสายตาต่างจ้องมองอย่างจดจ่อว่าเมื่อไหร่จะมีน้ำไหลมาเติมเต็มผืนดินที่แห้งแล้งนี้ซ่งเฟ
สัมผัสอุ่นละมุนที่ประทับลงมาแผ่วเบาซาบซ่านไปทั่วริมฝีปากอ่อนนุ่ม ความอ่อนโยนนั้นทำให้ดวงตาหงส์หลับพริ้มซึมซับความรู้สึกอ่อนหวานอย่างเต็มใจ ชินอ๋องไท่หมิงหลงที่เห็นว่าสตรีในอ้อมแขนมิได้รังเกียจสัมผัสจากพระองค์ให้รู้สึกยินดียิ่งนัก เจ็บกายคราวนี้ช่างคุ้มค่าเสียจริงที่ทำให้สตรีในอ้อมแขนเปิดใจให้พระองค์ ริมฝีปากหนาที่ผละออกเพียงเล็กน้อยเพื่อสบตากับสตรีตรงหน้าราวกับจะขออนุญาต เมื่อเห็นว่านางไม่กล่าวอันใดและมิได้มีท่าทีโกรธเคืองมีเพียงพวงแก้มนวลที่แดงก่ำอย่างเขินอาย เวลานางเขินอายก็ดูน่าเอ็นดูยิ่งนัก จึงยกยิ้มละมุน ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้จุมพิตนั้นช่างอ่อนหวานลึกซึ้งจนสองกายที่โอบกอดกันอยู่นั้นสั่นสะท้าน เรียวลิ้นอุ่นนุ่มที่สอดแทรกเข้ามาชิมความหวานในอุ้งปากเล็กนั้นให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทำให้ร่างบางรู้สึกวาบหวิวตอบรับสัมผัสจากร่างหนาอย่างน่ารักน่าใคร่ จนจุมพิตอ่อนหวานในคราแรกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนปรารถนา"โอ๊ย...!"ร่างสูงที่ผละออกจากร่างบางร้องเสียงหลง สาเหตุเพราะแผลของพระองค์ถูกกดอย่างแรงจากคนตัวเล็กในอ้อมแขน"สมน้ำหน้า ได้คืบจะเอาศอก ฉวยโอกาสดีนัก""เจ็บ..."ใบหน
ภาพของสตรีที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าเรือนของผู้เป็นนายทำให้ลู่จิ่นยกยิ้มขึ้น เดินเข้าไปหาสตรีสูงศักดิ์ที่วันนี้ไม่ได้มาในคราบคุณชายหนุ่มรูปงาม แต่วันนี้ทรงสวมอาภรณ์งดงามเฉกเช่นสตรีแลดูอ่อนหวานจนเหล่าบุปผารอบกายนั้นพร้อมใจกันเบ่งบานชูช่อดูมีชีวิตชีวาไปด้วย "คารวะองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ"ลู่จิ่นที่ค้อมกายให้สตรีตรงหน้าอย่างนอบน้อมฮะแฮ่ม"ท่านลู่จิ่นอย่าได้มากพิธีเลย ท่านอ๋องเป็นเช่นไรบ้าง"ซ่งเฟยหย่าที่กระแอมไอเล็กน้อยเอ่ยถามอีกฝ่าย ใบหน้างามนั้นดูรู้สึกผิดกับเรื่องในคืนนั้น วันนี้จึงทำให้นางต้องมาเยือนที่เรือนรับรองแห่งนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อคิดได้ว่านางกลั่นแกล้งอีกฝ่ายมากเกินไป ทั้งๆ ที่พระองค์อุตส่าห์ไปช่วยเหลือนางแท้ๆ"ดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย จึงได้เบาใจขึ้น"เอ่อ แล้วนั่นท่านกำลังจะไปที่ใดหรือ""กระหม่อมจะไปตามท่านหมอมาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเปลี่ยนให้ก็ไม่ยอมท่าเดียว บอกว่ากระหม่อมมือหนัก"ลู่จิ่นที่เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มขัน ดูเหมือนท่านอ๋องจะผวาไม่น้อยกับรอยแผลบนแผ่นหลังนั้นเพราะโดนฤทธิ์เดชขององค์หญิงคนงามตรงหน้า"อ้อเช่นนั้น