อีกฝั่งหนึ่งทางทิศเหนือเส้นทางที่สามารถเดินทางเข้าสู่แคว้นหยวน องค์ชายใหญ่จ้าวฉีหนานที่มาดักซุ่มโจมตีขบวนหลบหนีขององค์หญิงแห่งแคว้นซ่ง เห็นขบวนรถม้าที่มีทหารคุ้มกันแน่นหนาก็ส่งสัญญาณให้คนของตนเข้าโจมตีทันที แต่คาดไม่ถึงว่าเพียงออกมาจากที่ซ่อนกลับมีห่าธนูมากมายพุ่งเข้ามาคร่าชีวิตของเหล่าทหาร จนร่วงหล่นล้มตายราวใบไม้ร่วง จนตั้งรับแทบไม่ทัน ก่อนจะเกิดการต่อสู้กันของคนทั้งสองกลุ่ม
พระองค์พลาดท่าเสียทีให้ฝั่งตรงข้ามเข้าเสียแล้ว องค์ชายใหญ่จ้าวฉีหนานที่คิดอย่างเจ็บใจที่พลาดท่าเสียทีตกลงไปในหลุมพรางของอีกฝ่าย คาดไม่ถึงว่าแคว้นซ่งจะคมในฝักได้ถึงเพียงนี้ ดาบในมือฟาดฟันฝ่ายตรงข้ามอย่างเจ็บแค้นกว่าจะฝ่าวงล้อมนั้นออกมาได้ก็สูญเสียทหารฝีมือดีของตนไปไม่น้อย จึงสั่งให้คนที่เหลือถอยออกมาเมื่อเห็นว่าฝั่งตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ยังไม่ทันที่พระองค์จะได้หลบหนี ก็ปรากฏชายชุดดำอีกกลุ่มที่เข้ามาโจมตีคนของตน จนล้มตายจนหมด พระองค์เองก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอด ความเจ็บแค้นในครั้งนี้จะต้องได้รับการชำระอย่างสาสม
ทหารแคว้นซ่งที่เข้ามารุมล้อมกลุ่มชายชุดดำลึกลับที่เข้ามาช่วยเหลืออย่างระแวดระวัง ก่อนชายชุดดำทั้งหมดจะเปิดเผยใบหน้า หนึ่งในชายชุดดำที่น่าจะเป็นหัวหน้าของคนทั้งหมดที่ปลดผ้าคลุมหน้าออก ปรากฏใบหน้าหล่อเหลาคมคาย นัยน์ตาพยัคฆ์คมดุกวาดมองเหล่าทหารหารแคว้นซ่ง ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ร่างของสตรีเพียงหนึ่งเดียว ที่คงจะเป็นตัวหลอกขององค์หญิงซ่งเฟยหย่า
"พวกเราคือทหารแคว้นหยวนที่ถูกส่งให้ล่วงหน้ามาเพื่อคุ้มครองขบวนเสด็จขององค์หญิงซ่งเฟยหย่า"
บุรุษผู้มีกลิ่นอายลึกลับนั้นกล่าวกับหัวหน้าเหล่าทหารแคว้นซ่ง พร้อมกับตราหยกประจำตัว ก่อนทั้งหมดจะถูกพาตัวกลับไปยังวังหลวงแคว้นซ่งและได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากองค์ฮ่องเต้ซ่งเต๋อเทียน
เมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ความสงบอีกครั้ง ตอนนี้ซ่งเฟยหย่านางมาอยู่ในที่แห่งนี้เป็นเวลากว่าห้าวันแล้ว เพราะมัวแต่จัดการเรื่องของทหารที่ได้รับบาดเจ็บและแบ่งหน้าที่ในกองทัพให้เป็นสัดส่วนและเป็นระเบียบระบบมากขึ้น นางจึงยังไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับคนของแคว้นหยวน วันนี้จึงหาโอกาสสืบเรื่องราวของอีกฝ่ายจากองครักษ์เว่ยเสียหน่อย
ความว่าตอนนี้กองทัพของแคว้นหยวนจำนวนสามหมื่นนายภายใต้การบัญชาการของชินอ๋องไท่หมิงหลงกำลังเดินทางมายังแคว้นซ่ง หลังจากที่องค์ฮ่องเต้แคว้นหยวนได้รับพระราชสาส์นจากฮ่องเต้ซ่งเต๋อเทียนขอให้องค์ฮองเฮาและพระธิดาของพระองค์ลี้ภัยไปยังแคว้นหยวน ไท่หรวนหวงตี้จึงมีบัญชาให้ชินอ๋องไท่หมิงหลงผู้เป็นพระโอรสพร้อมกับกำลังทหารสามหมื่นนายเดินทางมายังแคว้นซ่ง เพื่อมาช่วยเหลือแคว้นซ่งในศึกครั้งนี้ ผู้ที่ถูกส่งให้ล่วงหน้ามาก่อนนั้นข่าวว่าเขาเป็นคนสนิทของชินอ๋องไท่หมิงหลง
องค์หญิงซ่งเฟยหย่าที่นั่งฟังคำรายงานขององครักษ์เว่ยจี้ชวนที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนสนิทของนาง สายตายังคงจับจ้องแผนที่ภูมิศาสตร์ในมืออย่างใช้ความคิด ด้านหน้านั้นยังมีตำราที่บันทึกเกี่ยวกับประชากรและการประกอบอาชีพ ความเป็นอยู่ของราษฎรแคว้นซ่งที่นางตั้งใจศึกษามาหลายชั่วยามก่อนหน้า
"คนของชินอ๋องไท่หมิงหลงเช่นนั้นหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ เขาเป็นองครักษ์คนสนิทของชินอ๋อง นามว่าซุน แซ่หยางพ่ะย่ะค่ะ"
ร่างบางที่นั่งฟังพลางใช้ความคิด แคว้นหยวนยกทัพมาช่วยเหลือเช่นนั้นหรือ หนังสือนั่นนางก็อ่านไม่จบเสียด้วยสิ เจ้าคนแซ่หยางนั้นดูท่าจะน่าสนใจมิน้อย ได้ข่าวว่าฝีมือไม่ธรรมดา สงสัยคืนนี้นางต้องไปเยี่ยมเยียนเสียหน่อย
"ตอนนี้คนแคว้นหยวนพักอยู่ที่ใด"
"พักอยู่ตำหนักรับรองพ่ะย่ะค่ะ"
ใบหน้างามที่พยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
"ทหารที่ได้รับบาดเจ็บเป็นเช่นไรบ้าง มีหมอเพียงพอหรือไม่"
"ตอนนี้เราได้ติดประกาศและให้ทหารป่าวประกาศออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ว่าให้ผู้ที่พอจะมีความรู้ทางด้านการแพทย์เข้ามาช่วยเหลือในกองทัพ ไม่มีอะไรที่น่าห่วงพ่ะย่ะค่ะ"
ซ่งเฟยหย่าที่พยักหน้ารับอย่างพอใจ ก่อนร่างบางในอาภรณ์บุรุษทะมัดทะแมงจะหยัดตัวขึ้น ก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ
"ไปกัน"
"ไปไหนพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง"
องครักษ์เว่ยที่เอ่ยถามผู้เป็นนายคนใหม่ ก่อนจะเดินตามไม่ห่าง เขาได้รับมอบหมายจากฝ่าบาทให้คอยดูแลคุ้มครององค์หญิงอย่าได้ห่าง ตอนนี้เขาจึงกลายเป็นคนสนิทขององค์หญิงไปโดยปริยาย
"ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าห้ามเอ่ยเรียกข้าว่าองค์หญิง ตอนนี้ข้าคือแม่ทัพเฟย เจ้านี่บอกไม่รู้จักจำจริงๆ แล้วก็ไม่ต้องพะยะคะ พ่ะย่ะค่ะเข้าใจหรือไม่"
"พ่ะย่ะค่ะ เอ่อ ขอรับท่านแม่ทัพ"
องครักษ์เว่ยที่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า มองร่างบางในชุดบุรุษอย่างจนใจ
"เราจะไปไหนกันหรือขอรับท่านแม่ทัพ"
"ไปหาของเล่นสนุกๆ ไว้ต้อนรับแคว้นจ้าวอย่างไรเล่า"
ร่างบางที่หยัดตัวขึ้นไปนั่งบนหลังม้าตัวโตอย่างทะมัดทะแมง เอ่ยตอบคนสนิทด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกระทุ้งม้าให้ออกเดิน ตอนนี้นางต้องเร่งมือหาวิธีรับมือศึกใหญ่ที่จะเกิดขึ้น เพราะแคว้นจ้าวคงไม่คิดรามือโดยง่ายหลังจากที่ต้องสูญเสียองค์ชายไปองค์หนึ่ง ป่านนี้คงกำลังเตรียมทัพที่จะบุกแคว้นซ่งแล้วกระมัง หากรอกองทัพของแคว้นหยวนที่จะมาช่วย คงอีกนานกว่าจะเดินทางมาถึง นางคงจะเหลือแต่ชื่อ
องครักษ์เว่ยที่หันมาสั่งทหารจำนวนหนึ่งให้ติดตามมา ก่อนจะเร่งควบม้าตามผู้เป็นนายออกไป
ผืนดินเขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตา มองไปทางใดก็มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี อากาศบริสุทธิ์ปลอดโปร่งกลิ่นอายธรรมชาติโอบล้อม แผ่นดินที่เคยแตกระแหงแห้งแล้ง บัดนี้ล้วนเต็มไปด้วยสีเขียวของพืชผัก ผลหมากรากไม้พากันเบ่งบานออกดอกผลิผล ฝูงสัตว์เลี้ยงมากมายเดินหากินอยู่ในทุ่งกว้าง ชาวบ้านชาวเมืองล้วนอยู่ดีมีสุขมองไปทางใดล้วนเห็นแต่บรรยากาศอันชื่นมื่น ใบหน้าของทุกคนยามนี้ประดับประดาไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี ทุกหัวเมืองถนนหนทาง ร้านรวงต่างๆ ต่างประดับประดาเต็มไปด้วยผ้าแดงมงคล ทุกหนทุกแห่งในแผ่นดินนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลอง เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของบุคคลอันเป็นที่รักและเทิดทูนของเหล่าประชาชนแคว้นซ่ง วันที่ทุกคนต่างตั้งตารอคอยและร่วมยินดี วันอภิเษกสมรสที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ขององค์หญิงซ่งเฟยหย่าของพวกเขากับชินอ๋องไท่หมิงหลงแห่งแคว้นหยวนที่บัดนี้กลายเป็นรัชทายาทของแคว้นซ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความยินดีของทั้งสองแคว้นเสียงจุดประทัดมงคลดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ในขณะที่ทุกคนกำลังดื่มฉลองอย่างสนุกสนานและชื่นมื่น คู่บ่าวสาวก็กำลังดื่มด่ำกับความสุขเช่นกัน หลังจากที่ผ่านการกราบไหว้ฟ้าดินอย่างถ
คำตอบที่ออกมาจากริมฝีปากของสตรีตรงหน้า สตรีที่พระองค์มอบหัวใจรักให้กับนางราวกับดังมาจากที่ไกลแสนไกล แต่มันกลับดังก้องอยู่ในหัว อื้ออึงเต็มสองหู จนรู้สึกถึงความเจ็บแปลบในโพรงอก หัวใจมันบีบรัดจนปวดหนึบ ชินอ๋องไท่หมิงหลงที่จ้องมองใบหน้างามตรงหน้าอย่างรวดร้าวในอก จ้องลึกลงไปในดวงตาคู่งามที่พระองค์หลงใหลและหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่สบสายตา ราวกับจะค้นหาความจริงในนั้น อยากให้คำตอบนั้นนางเพียงแค่ล้อพระองค์เล่น แต่ยิ่งจ้องมองพระองค์ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดเพราะมันมีแต่ความจริงจังอยู่ในนั้น จนวูบโหวงไปทั้งโพรงอก อยากไปให้พ้นจากตรงนี้โดยไว ก่อนที่จะแสดงความอ่อนแอออกมา แต่กว่าจะเปร่งคำพูดออกไปได้ช่างทรมานยิ่งนัก"พี่เข้าใจแล้ว"เสียงแหบโหยที่ดังอย่างโรยแรง ทำให้คนฟังนั้นสะท้านในอกซ่งเฟยหย่าที่มองคนตรงหน้าที่มองนางอย่างเจ็บปวดและผิดหวัง ก่อนจะหันหลังให้นาง แผ่นหลังกว้างลู่ลงดูน่าสงสารและก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวเดินออกไป นางจึงรีบเอ่ยขึ้น"ข้ายังมิได้บอกท่านเลยว่าจะเป็นไท่จื่อเฟยของแคว้นใด"เสียงหวานที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เท้าหนักอึ้งที่กำลังจะก้าวไปด้านหน้าหยุดชะงัก ทบทวนสิ่งที่นางกล่าวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะห
หลังจากที่แคว้นซ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ การปลูกพืชผักต่างๆ จึงเป็นไปได้โดยง่าย ตอนนี้ทุกคนต่างช่วยกันพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้ง ขะมักเขม้นปลูกพืชผลทางการเกษตรกันอย่างขยันขันแข็ง และยังช่วยกันปลูกไม้ยืนต้นที่องค์หญิงที่พวกเขาเทิดทูนกล่าวว่า ต่อไปต้นไม้ที่พวกเขาช่วยกันปลูกจะสร้างคุณให้พวกเขาอย่างใหญ่หลวง ซึ่งพวกเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับทำตามสิ่งที่พระองค์บอก ขอเพียงแค่พระองค์รับสั่ง พวกเขาก็พร้อมที่จะทำตามบัญชา เมื่อน้ำท่าสมบูรณ์ สิ่งดีดีต่างๆ ย่อมตามมาสถานการณ์ในแคว้นซ่งตอนนี้กำลังเกิดการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ประชาชนล้วนมีใบหน้าที่เอิบอิ่มแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแ่งความสุข ภายในแคว้นกลับมาคึกคักอีกครั้ง ความสงบร่มเย็นกลับมาเยือนแผ่นดินซ่ง และดูเหมือนว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”เสียงของคนสนิทที่เอ่ยเรียกทำให้ชินอ๋องไท่หมิงหลงจำต้องละสายตาจากภาพเบื้องล่างของโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของแคว้นซ่งที่เปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากที่ปิดให้บริการมาเนิ่นนาน ภาพอันสวยงามของแผ่นดินซ่ง แผ่นดินของสตรีที่พระองค์ทรงปักใจรัก สตรีที่พระองค์มิเคยพบเจอที่ใดมาก่อน และตอนนี้นางได้เข้ามาครอบครองทั้งหมดในพร
วันนี้มีทหารและชาวบ้านชาวเมืองมากมายที่เดินมุ่งหน้าไปยังภูเขาอันเขียวชอุ่มที่มีเพียงลูกเดียวด้านหลังของแคว้น เพื่อจะไปชมการเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำขององค์หญิงซ่งเฟยหย่าที่กลายเป็นหัวข้อการสนทนาตลอดหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่มีการขุดลอกคูคลองและสร้างฝายกั้นน้ำ ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะมีน้ำดื่มน้ำใช้ และอยากรู้ว่ามันจะเป็นความจริงและเห็นกับตาตนเอง ว่ามิใช่เป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ อีกต่อไป ผู้คนที่มามุงดูทั้งหมดถูกกันออกมาให้อยู่ในบริเวณที่ถูกกั้นเอาไว้โดยเหล่าทหาร มิให้เข้าไปในพื้นที่การทำงานเพราะเกรงว่าจะมีอันตรายและกีดขวางการทำงานของทหารที่กำลังขนย้ายถังไม้ที่บรรจุดินระเบิดเอาไว้เหล่าชาวบ้านชาวเมืองที่มามุงดูยาวไปตั้งแต่จุดที่เป็นต้นน้ำที่มองเห็นอยู่ไกลๆ ในระยะสายตา เห็นเหล่าทหารกำลังลำเลียงถังไม้ขึ้นไปอย่างแข็งขัน เลียบไปตลอดแนวตลิ่งของคูคลองที่ถูกขุดขึ้นยาวไปจนถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกขุดขึ้นใจกลางแปลงเกษตร ต้นน้ำถูกจับจ้องว่าถังเหล่านั้นคือสิ่งใด และจะสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของน้ำได้เช่นไร เลียบแนวตลิ่งทุกสายตาต่างจ้องมองอย่างจดจ่อว่าเมื่อไหร่จะมีน้ำไหลมาเติมเต็มผืนดินที่แห้งแล้งนี้ซ่งเฟ
สัมผัสอุ่นละมุนที่ประทับลงมาแผ่วเบาซาบซ่านไปทั่วริมฝีปากอ่อนนุ่ม ความอ่อนโยนนั้นทำให้ดวงตาหงส์หลับพริ้มซึมซับความรู้สึกอ่อนหวานอย่างเต็มใจ ชินอ๋องไท่หมิงหลงที่เห็นว่าสตรีในอ้อมแขนมิได้รังเกียจสัมผัสจากพระองค์ให้รู้สึกยินดียิ่งนัก เจ็บกายคราวนี้ช่างคุ้มค่าเสียจริงที่ทำให้สตรีในอ้อมแขนเปิดใจให้พระองค์ ริมฝีปากหนาที่ผละออกเพียงเล็กน้อยเพื่อสบตากับสตรีตรงหน้าราวกับจะขออนุญาต เมื่อเห็นว่านางไม่กล่าวอันใดและมิได้มีท่าทีโกรธเคืองมีเพียงพวงแก้มนวลที่แดงก่ำอย่างเขินอาย เวลานางเขินอายก็ดูน่าเอ็นดูยิ่งนัก จึงยกยิ้มละมุน ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้จุมพิตนั้นช่างอ่อนหวานลึกซึ้งจนสองกายที่โอบกอดกันอยู่นั้นสั่นสะท้าน เรียวลิ้นอุ่นนุ่มที่สอดแทรกเข้ามาชิมความหวานในอุ้งปากเล็กนั้นให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทำให้ร่างบางรู้สึกวาบหวิวตอบรับสัมผัสจากร่างหนาอย่างน่ารักน่าใคร่ จนจุมพิตอ่อนหวานในคราแรกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนปรารถนา"โอ๊ย...!"ร่างสูงที่ผละออกจากร่างบางร้องเสียงหลง สาเหตุเพราะแผลของพระองค์ถูกกดอย่างแรงจากคนตัวเล็กในอ้อมแขน"สมน้ำหน้า ได้คืบจะเอาศอก ฉวยโอกาสดีนัก""เจ็บ..."ใบหน
ภาพของสตรีที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าเรือนของผู้เป็นนายทำให้ลู่จิ่นยกยิ้มขึ้น เดินเข้าไปหาสตรีสูงศักดิ์ที่วันนี้ไม่ได้มาในคราบคุณชายหนุ่มรูปงาม แต่วันนี้ทรงสวมอาภรณ์งดงามเฉกเช่นสตรีแลดูอ่อนหวานจนเหล่าบุปผารอบกายนั้นพร้อมใจกันเบ่งบานชูช่อดูมีชีวิตชีวาไปด้วย "คารวะองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ"ลู่จิ่นที่ค้อมกายให้สตรีตรงหน้าอย่างนอบน้อมฮะแฮ่ม"ท่านลู่จิ่นอย่าได้มากพิธีเลย ท่านอ๋องเป็นเช่นไรบ้าง"ซ่งเฟยหย่าที่กระแอมไอเล็กน้อยเอ่ยถามอีกฝ่าย ใบหน้างามนั้นดูรู้สึกผิดกับเรื่องในคืนนั้น วันนี้จึงทำให้นางต้องมาเยือนที่เรือนรับรองแห่งนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อคิดได้ว่านางกลั่นแกล้งอีกฝ่ายมากเกินไป ทั้งๆ ที่พระองค์อุตส่าห์ไปช่วยเหลือนางแท้ๆ"ดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย จึงได้เบาใจขึ้น"เอ่อ แล้วนั่นท่านกำลังจะไปที่ใดหรือ""กระหม่อมจะไปตามท่านหมอมาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเปลี่ยนให้ก็ไม่ยอมท่าเดียว บอกว่ากระหม่อมมือหนัก"ลู่จิ่นที่เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มขัน ดูเหมือนท่านอ๋องจะผวาไม่น้อยกับรอยแผลบนแผ่นหลังนั้นเพราะโดนฤทธิ์เดชขององค์หญิงคนงามตรงหน้า"อ้อเช่นนั้น