องค์หญิงเฟยหย่าที่กำลังชักม้าเข้ามาหาผู้เป็นบิดา ดาบในมือเล็กตวัดฟาดฟันบั่นคอศัตรูอย่างกล้าหาญ แม้จะขัดใจกับร่างกายอ่อนปวกเปียกนี้อยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก ร่างเล็กบนหลังอาชาที่พุ่งทะลวงตวัดดาบออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่ตวัดดาบ ล้วนพรากทุกลมหายใจภายในดาบเดียว จนองครักษ์เว่ยและเหล่าทหารที่คอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ ต้องรอบกลืนน้ำลายลงคอ มองดูดวงตาหงส์ที่ไร้ซึ่งแววหวาดหวั่นใบหน้างามนั้นดูเฉยชาราวกับเจ้าตัวนั้นกระทำการเข่นฆ่าอยู่เป็นนิจ
ร่างบางที่มิได้สนใจองครักษ์ข้างกาย กลับฝ่าทหารฝั่งตรงข้ามที่ดาหน้าเข้ามาไม่หยุดหย่อนมุ่งเข้าไปหาผู้เป็นบิดาที่อยู่ในระยะสายตา อีกเพียงไม่ไกลนางก็จะได้เห็นใบหน้าบิดาผู้ให้กำเนิดหลังจากที่มักจะจินตนาการอยู่เสมอว่าใบหน้าของผู้ให้กำเนิดนั้นจะเป็นเช่นไร นางเฝ้าถามตัวเองอยู่เสมอว่าเหตุใดบิดามารดาถึงได้ทอดทิ้งนาง แต่เมื่อวันนี้ได้เข้าใจ นางก็จะขอปกป้องครอบครัวของนางเอาไว้ด้วยชีวิต ดวงตาหงส์พลันแข็งกร้าวขึ้น เมื่อเห็นบุรุษบนหลังอาชาสีดำทะมึน ที่กำลังมุ่งตรงเข้ามาหาผู้เป็นบิดา จ้องมองบิดาของตนอย่างมาดร้ายในอกพลันสั่นไหว องค์ชายรองจ้าวฉีหมิง เจ้าคนต่ำทรามที่สังหารบิดาของนางในอดีต แต่ในวันนี้อย่าได้หวังจะได้กระทำมันเป็นครั้งที่สอง
"องครักษ์เว่ยคุ้มกันข้า"
เสียงหวานที่ประกาศกร้าว ร่างบอบบางแผ่กลิ่นอายสังหารจนดวงตาหงส์แดงก่ำคล้ายดังอัญมณีบนคันธนูที่โดดเด่น ดาบในมือตวัดบั่นคอศัตรูจนเลือดสาด ก่อนจะโยนดาบเล่มนั้นให้องครักษ์เว่ยที่ระแวดระวังอยู่ข้างกาย มือบางคว้าบังเหียนบังคับม้าให้หยุดนิ่ง คว้าธนูเฟิ่งหวงมาถือเอาไว้ในมือเล็ก สองเท้าเล็กหยัดยืนบนโกลนม้าทรงตัวขึ้นอย่างมั่นคง ยกคันธนูตั้งฉากกับพื้น หลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิ สงบสติอารมณ์ของตนและหัวใจที่กำลังสั่นไหว นางจะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด ก่อนนัยน์ตาหงส์จะลืมขึ้นอีกครั้งอย่างนิ่งสงบ มือซ้ายที่จับคันธนูดันไปทางเป้าหมายที่เข้ามาใกล้ร่างของผู้เป็นบิดาเรื่อยๆ พร้อมกับน้าวสายธนูด้วยมือขวามาจนถึงจุดน้าว ปล่อยลูกธนูออกไปอย่างมั่นคงและแม่นยำ
วี้ดดดดดด
ฉึก!
เสียงลูกธนูแหวกอากาศด้วยความเร็วและแรง จนแทบจะมองไม่เห็น ก่อนจะปักทะลวงลงกลางอกของเป้าหมายอย่างแม่นยำ ทะลวงเสื้อเกราะจนทะลุหลัง
องค์ชายรองจ้าวฉีหมิงที่หยุดชะงัก ร่างกายแข็งทื่อ ก้มลงมองลูกธนูที่ปักอยู่กลางอกนัยน์ตาเบิกโพลง ก่อนกายหนาจะตกจากหลังอาชา ขาดใจตายในทันที
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ สิ่งรอบกายนั้นราวกับหยุดการเคลื่อนไหว เหล่าทหารแคว้นจ้าวที่เห็นเหตุการณ์ต่างจ้องมองอย่างตกตะลึง ก่อนจะพากันถอยร่น เมื่อผู้นำทัพนั้นสิ้นใจตาย ทหารแคว้นจ้าวและแคว้นอู่แตกฮือ ราวกับฝูงผึ้งแตกรัง
องค์รัชทายาทอู่หวังเล่อที่หายจากการตกตะลึง มองร่างเล็กบางที่เห็นอยู่ไกลๆ นั้นอย่างพิจารณา เส้นผมดำขลับที่แผ่สยาย พลิ้วไหวอยู่บนหลังอาชา เจ้าของลูกธนูที่ปลิดชีพองค์ชายรองจ้าวฉีหมิงเป็นสตรีเช่นนั้นหรือ นางคือใครกัน เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วจึงสั่งคนของตนถอยกลับในทันที
ซ่งเฟยหย่าที่ทิ้งตัวลงบนหลังอาชาอย่างโล่งใจ ราวกับยกภูเขาออกจากอกที่เหตุการณ์มิได้เป็นไปตามเดิม รีบชักม้าเข้าไปหาผู้เป็นบิดา
ทหารแคว้นซ่งต่างโห่ร้องอย่างยินดี ก่อนจะหลีกทางให้ร่างบางบนหลังอาชา จ้องมองเจ้าของลูกธนูดอกนั้นเป็นตาเดียว
ร่างบางที่กระโดดลงจากหลังม้าด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ใบหน้างามที่ยิ้มส่งให้นายเหนือหัวช่างดูคุ้นตายิ่งนัก
"หย่าหยา"
พระสุรเสียงที่เปล่งออกมาจากพระโอษฐ์ของฮ่องเต้ซ่งเต๋อเทียน ทำให้ทุกคนยิ่งตกตะลึง เป็นองค์หญิงซ่งเฟยหย่าแน่แล้ว
"หย่าหยา เหตุใดถึงเป็นลูก"
ฮ่องเต้ซ่งเต๋อเทียนที่เอ่ยถามธิดาของตน แม้จะยินดี แต่ก็อดที่จะหวาดกลัวไม่ได้ที่เห็นนางอยู่ที่นี่ หากเกิดเหตุการณ์มิคาดฝันขึ้นจะทำเช่นไร พระองค์คงขาดใจแน่หากเกิดอันตรายขึ้นกับนาง สายพระเนตรที่จ้องมองธิดาตัวน้อยด้วยความรักหมดใจ ทำให้ร่างบอบบางตรงหน้าที่สัมผัสได้ถึงความรักนั้น ถึงกับหลั่งน้ำตา โผเข้าหาร่างหนาของบุรุษตรงหน้าอย่างไร้ซึ่งความอาย
"เสด็จพ่อ เสด็จพ่อของลูก"
ฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู เมื่อสตรีผู้กล้าหาญเมื่อครู่ตอนนี้ร้องไห้งอแงราวกับเด็กน้อยเสียแล้ว
"นี่ลูก"
ฮ่องเต้ซ่งเต๋อเทียนที่สังเกตเห็นธนูที่นางใช้ถึงกับตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อว่านางจะเป็นผู้ที่สามารถยกธนูเฟิ่งหวงที่ไม่ว่าพระองค์จะพยายามมากเพียงใดก็ไม่แม้แต่จะขยับมันได้ แต่ธิดาของพระองค์กลับสามารถเป็นผู้ครอบครองมัน สวรรค์ช่างเมตตาแคว้นซ่งแล้ว
พรึบ พรึบ พรึบ
"ฝ่าบาททรงพระเจริญ องค์หญิงทรงพระเจริญ"
เหล่าทหารกล้าที่ต่างคุกเข่าลงตรงหน้าทั้งสองพระองค์ เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังไปทั่วทั้งแผ่นดิน
ซ่งเฟยหย่าที่ยกยิ้มขึ้นอย่างงดงาม นางรู้สึกรักและหวงแหนแผ่นดินผืนนี้ และตั้งมั่นว่าจะปกป้องคนเหล่านี้ คนที่เป็นประชาชนของนางด้วยชีวิต
"ทุกคนลุกขึ้นเถิด หลังจากนี้เรามีสิ่งที่ต้องทำอีกมากมายนัก แต่เพียงพวกเราร่วมมือร่วมใจกัน ศัตรูใดก็ไม่อาจที่จะเหยียบย่ำ"
เสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นนั้น สร้างความฮึกเหิมและภูมิใจให้เหล่าทหารกล้ายิ่งนัก โดยเฉพาะบุรุษผู้เป็นจ้าวผู้ครองแคว้นที่ในนัยน์ตาพยัคฆ์นั้นแดงก่ำมองสตรีผู้เป็นยอดดวงใจด้วยความภาคภูมิใจและปลาบปลื้มอย่างสุดซึ้ง พระพักตร์ที่ล่วงโรยด้วยวัยที่ผ่านเรื่องราวมากว่าครึ่งชีวิตระบายยิ้มแห่งความตื้นตันเกลื่อนใบหน้า
"ตอนนี้เรามาช่วยกันนำทหารที่ได้รับบาดเจ็บไปทำการรักษาก่อนเถิด การณ์ข้างหน้ายังต้องลำบากพวกท่านอีกมาก"
ในที่สุดนางก็สามารถพลิกชะตาในอดีต แคว้นซ่งยังคงอยู่ หลังจากนี้นางจะทำทุกวิถีทางแผ่นดินของนางจะต้องคงอยู่สืบไป
ขบวนทัพที่เคลื่อนผ่านต่างได้รับคำสรรเสริญแซ่ซ้องจากปวงประชาที่มารอต้อนรับทั้งสองพระองค์เต็มสองฟากถนน ร่างบอบบางบนหลังอาชาที่กวาดตามองประชาชนแคว้นซ่งที่เนืองแน่นนั้น ปฏิญาณกับตนเองว่าประชาชนเหล่านี้จะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้
จนกระทั่งขบวนทัพเคลื่อนถึงวังหลวงที่มีองค์ฮองเฮายืนรอรับเสด็จด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างยินดีที่ดวงใจของพระนางทั้งสองมีชีวิตรอดปลอดภัยและยังสามารถคว้าชัยชนะในครั้งนี้ได้สำเร็จ
ผืนดินเขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตา มองไปทางใดก็มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี อากาศบริสุทธิ์ปลอดโปร่งกลิ่นอายธรรมชาติโอบล้อม แผ่นดินที่เคยแตกระแหงแห้งแล้ง บัดนี้ล้วนเต็มไปด้วยสีเขียวของพืชผัก ผลหมากรากไม้พากันเบ่งบานออกดอกผลิผล ฝูงสัตว์เลี้ยงมากมายเดินหากินอยู่ในทุ่งกว้าง ชาวบ้านชาวเมืองล้วนอยู่ดีมีสุขมองไปทางใดล้วนเห็นแต่บรรยากาศอันชื่นมื่น ใบหน้าของทุกคนยามนี้ประดับประดาไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี ทุกหัวเมืองถนนหนทาง ร้านรวงต่างๆ ต่างประดับประดาเต็มไปด้วยผ้าแดงมงคล ทุกหนทุกแห่งในแผ่นดินนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลอง เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของบุคคลอันเป็นที่รักและเทิดทูนของเหล่าประชาชนแคว้นซ่ง วันที่ทุกคนต่างตั้งตารอคอยและร่วมยินดี วันอภิเษกสมรสที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ขององค์หญิงซ่งเฟยหย่าของพวกเขากับชินอ๋องไท่หมิงหลงแห่งแคว้นหยวนที่บัดนี้กลายเป็นรัชทายาทของแคว้นซ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความยินดีของทั้งสองแคว้นเสียงจุดประทัดมงคลดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ในขณะที่ทุกคนกำลังดื่มฉลองอย่างสนุกสนานและชื่นมื่น คู่บ่าวสาวก็กำลังดื่มด่ำกับความสุขเช่นกัน หลังจากที่ผ่านการกราบไหว้ฟ้าดินอย่างถ
คำตอบที่ออกมาจากริมฝีปากของสตรีตรงหน้า สตรีที่พระองค์มอบหัวใจรักให้กับนางราวกับดังมาจากที่ไกลแสนไกล แต่มันกลับดังก้องอยู่ในหัว อื้ออึงเต็มสองหู จนรู้สึกถึงความเจ็บแปลบในโพรงอก หัวใจมันบีบรัดจนปวดหนึบ ชินอ๋องไท่หมิงหลงที่จ้องมองใบหน้างามตรงหน้าอย่างรวดร้าวในอก จ้องลึกลงไปในดวงตาคู่งามที่พระองค์หลงใหลและหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่สบสายตา ราวกับจะค้นหาความจริงในนั้น อยากให้คำตอบนั้นนางเพียงแค่ล้อพระองค์เล่น แต่ยิ่งจ้องมองพระองค์ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดเพราะมันมีแต่ความจริงจังอยู่ในนั้น จนวูบโหวงไปทั้งโพรงอก อยากไปให้พ้นจากตรงนี้โดยไว ก่อนที่จะแสดงความอ่อนแอออกมา แต่กว่าจะเปร่งคำพูดออกไปได้ช่างทรมานยิ่งนัก"พี่เข้าใจแล้ว"เสียงแหบโหยที่ดังอย่างโรยแรง ทำให้คนฟังนั้นสะท้านในอกซ่งเฟยหย่าที่มองคนตรงหน้าที่มองนางอย่างเจ็บปวดและผิดหวัง ก่อนจะหันหลังให้นาง แผ่นหลังกว้างลู่ลงดูน่าสงสารและก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวเดินออกไป นางจึงรีบเอ่ยขึ้น"ข้ายังมิได้บอกท่านเลยว่าจะเป็นไท่จื่อเฟยของแคว้นใด"เสียงหวานที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เท้าหนักอึ้งที่กำลังจะก้าวไปด้านหน้าหยุดชะงัก ทบทวนสิ่งที่นางกล่าวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะห
หลังจากที่แคว้นซ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ การปลูกพืชผักต่างๆ จึงเป็นไปได้โดยง่าย ตอนนี้ทุกคนต่างช่วยกันพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้ง ขะมักเขม้นปลูกพืชผลทางการเกษตรกันอย่างขยันขันแข็ง และยังช่วยกันปลูกไม้ยืนต้นที่องค์หญิงที่พวกเขาเทิดทูนกล่าวว่า ต่อไปต้นไม้ที่พวกเขาช่วยกันปลูกจะสร้างคุณให้พวกเขาอย่างใหญ่หลวง ซึ่งพวกเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับทำตามสิ่งที่พระองค์บอก ขอเพียงแค่พระองค์รับสั่ง พวกเขาก็พร้อมที่จะทำตามบัญชา เมื่อน้ำท่าสมบูรณ์ สิ่งดีดีต่างๆ ย่อมตามมาสถานการณ์ในแคว้นซ่งตอนนี้กำลังเกิดการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ประชาชนล้วนมีใบหน้าที่เอิบอิ่มแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแ่งความสุข ภายในแคว้นกลับมาคึกคักอีกครั้ง ความสงบร่มเย็นกลับมาเยือนแผ่นดินซ่ง และดูเหมือนว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”เสียงของคนสนิทที่เอ่ยเรียกทำให้ชินอ๋องไท่หมิงหลงจำต้องละสายตาจากภาพเบื้องล่างของโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของแคว้นซ่งที่เปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากที่ปิดให้บริการมาเนิ่นนาน ภาพอันสวยงามของแผ่นดินซ่ง แผ่นดินของสตรีที่พระองค์ทรงปักใจรัก สตรีที่พระองค์มิเคยพบเจอที่ใดมาก่อน และตอนนี้นางได้เข้ามาครอบครองทั้งหมดในพร
วันนี้มีทหารและชาวบ้านชาวเมืองมากมายที่เดินมุ่งหน้าไปยังภูเขาอันเขียวชอุ่มที่มีเพียงลูกเดียวด้านหลังของแคว้น เพื่อจะไปชมการเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำขององค์หญิงซ่งเฟยหย่าที่กลายเป็นหัวข้อการสนทนาตลอดหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่มีการขุดลอกคูคลองและสร้างฝายกั้นน้ำ ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะมีน้ำดื่มน้ำใช้ และอยากรู้ว่ามันจะเป็นความจริงและเห็นกับตาตนเอง ว่ามิใช่เป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ อีกต่อไป ผู้คนที่มามุงดูทั้งหมดถูกกันออกมาให้อยู่ในบริเวณที่ถูกกั้นเอาไว้โดยเหล่าทหาร มิให้เข้าไปในพื้นที่การทำงานเพราะเกรงว่าจะมีอันตรายและกีดขวางการทำงานของทหารที่กำลังขนย้ายถังไม้ที่บรรจุดินระเบิดเอาไว้เหล่าชาวบ้านชาวเมืองที่มามุงดูยาวไปตั้งแต่จุดที่เป็นต้นน้ำที่มองเห็นอยู่ไกลๆ ในระยะสายตา เห็นเหล่าทหารกำลังลำเลียงถังไม้ขึ้นไปอย่างแข็งขัน เลียบไปตลอดแนวตลิ่งของคูคลองที่ถูกขุดขึ้นยาวไปจนถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกขุดขึ้นใจกลางแปลงเกษตร ต้นน้ำถูกจับจ้องว่าถังเหล่านั้นคือสิ่งใด และจะสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของน้ำได้เช่นไร เลียบแนวตลิ่งทุกสายตาต่างจ้องมองอย่างจดจ่อว่าเมื่อไหร่จะมีน้ำไหลมาเติมเต็มผืนดินที่แห้งแล้งนี้ซ่งเฟ
สัมผัสอุ่นละมุนที่ประทับลงมาแผ่วเบาซาบซ่านไปทั่วริมฝีปากอ่อนนุ่ม ความอ่อนโยนนั้นทำให้ดวงตาหงส์หลับพริ้มซึมซับความรู้สึกอ่อนหวานอย่างเต็มใจ ชินอ๋องไท่หมิงหลงที่เห็นว่าสตรีในอ้อมแขนมิได้รังเกียจสัมผัสจากพระองค์ให้รู้สึกยินดียิ่งนัก เจ็บกายคราวนี้ช่างคุ้มค่าเสียจริงที่ทำให้สตรีในอ้อมแขนเปิดใจให้พระองค์ ริมฝีปากหนาที่ผละออกเพียงเล็กน้อยเพื่อสบตากับสตรีตรงหน้าราวกับจะขออนุญาต เมื่อเห็นว่านางไม่กล่าวอันใดและมิได้มีท่าทีโกรธเคืองมีเพียงพวงแก้มนวลที่แดงก่ำอย่างเขินอาย เวลานางเขินอายก็ดูน่าเอ็นดูยิ่งนัก จึงยกยิ้มละมุน ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้จุมพิตนั้นช่างอ่อนหวานลึกซึ้งจนสองกายที่โอบกอดกันอยู่นั้นสั่นสะท้าน เรียวลิ้นอุ่นนุ่มที่สอดแทรกเข้ามาชิมความหวานในอุ้งปากเล็กนั้นให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทำให้ร่างบางรู้สึกวาบหวิวตอบรับสัมผัสจากร่างหนาอย่างน่ารักน่าใคร่ จนจุมพิตอ่อนหวานในคราแรกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนปรารถนา"โอ๊ย...!"ร่างสูงที่ผละออกจากร่างบางร้องเสียงหลง สาเหตุเพราะแผลของพระองค์ถูกกดอย่างแรงจากคนตัวเล็กในอ้อมแขน"สมน้ำหน้า ได้คืบจะเอาศอก ฉวยโอกาสดีนัก""เจ็บ..."ใบหน
ภาพของสตรีที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าเรือนของผู้เป็นนายทำให้ลู่จิ่นยกยิ้มขึ้น เดินเข้าไปหาสตรีสูงศักดิ์ที่วันนี้ไม่ได้มาในคราบคุณชายหนุ่มรูปงาม แต่วันนี้ทรงสวมอาภรณ์งดงามเฉกเช่นสตรีแลดูอ่อนหวานจนเหล่าบุปผารอบกายนั้นพร้อมใจกันเบ่งบานชูช่อดูมีชีวิตชีวาไปด้วย "คารวะองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ"ลู่จิ่นที่ค้อมกายให้สตรีตรงหน้าอย่างนอบน้อมฮะแฮ่ม"ท่านลู่จิ่นอย่าได้มากพิธีเลย ท่านอ๋องเป็นเช่นไรบ้าง"ซ่งเฟยหย่าที่กระแอมไอเล็กน้อยเอ่ยถามอีกฝ่าย ใบหน้างามนั้นดูรู้สึกผิดกับเรื่องในคืนนั้น วันนี้จึงทำให้นางต้องมาเยือนที่เรือนรับรองแห่งนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อคิดได้ว่านางกลั่นแกล้งอีกฝ่ายมากเกินไป ทั้งๆ ที่พระองค์อุตส่าห์ไปช่วยเหลือนางแท้ๆ"ดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย จึงได้เบาใจขึ้น"เอ่อ แล้วนั่นท่านกำลังจะไปที่ใดหรือ""กระหม่อมจะไปตามท่านหมอมาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเปลี่ยนให้ก็ไม่ยอมท่าเดียว บอกว่ากระหม่อมมือหนัก"ลู่จิ่นที่เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มขัน ดูเหมือนท่านอ๋องจะผวาไม่น้อยกับรอยแผลบนแผ่นหลังนั้นเพราะโดนฤทธิ์เดชขององค์หญิงคนงามตรงหน้า"อ้อเช่นนั้น