วันนี้เนสิตาตื่นเต้นและดีใจมากที่จะได้ไปเที่ยวที่ไร่องุ่นของฐากูร เธอขับรถเก๋งคันเก่าของมารดาเข้าสู่ถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าสู่ไร่องุ่นของฐากูรอีกครั้ง กลิ่นหอมจางๆ ของดินและองุ่นที่คุ้นเคยลอยมาปะทะจมูกตั้งแต่ก่อนจะเห็นรั้วไร่
เธอไม่ได้ติดรถเขามาอย่างเคย แต่การได้ขับรถมาด้วยตัวเองแบบนี้กลับให้อิสระและรู้สึกเหมือนตัวเองโตขึ้นกว่าเดิม
เมื่อรถจอดสนิทที่หน้าออฟฟิศทางด้านหลังของร้านอาหารนวพลก็เดินออกมาต้อนรับหลาน
“น้านึกว่าเนสจะหลงไปที่อื่นแล้ว ทำไมถึงช้าจัง”
“ก็สองข้างทางวิวดีมากนี่คะหนูเลยขับช้า วันนี้น้าพลยุ่งไหมคะ”
“ไม่เท่าไหร่ อยากดูเขาทำไวน์ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะแต่หนูไม่รบกวนน้าพลหรอกค่ะหนูนัดกับคุณฐาไว้แล้ว” เนสิตาบอกกับน้าชายเพราะเมื่อวานเธอโทรศัพท์มานัดกับฐากูรไว้แล้ว
“แน่ใจนะว่านัดไว้แล้ว”
“แน่ค่ะ แล้วตอนนี้คุณฐาอยู่ที่ไหนคะ”
“อยู่ในห้องทำงาน ห้องนั้นไง” นวพลชี้ไปยังห้องหนึ่งที่อยู่อีกด้านของออฟฟิศ
“หนูขอตัวก่อนนะคะ”
“อย่าไปกวนเขามากล่ะ” เขากำชับหลานสาวแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะฟังคำเตือนของเขาหรือเปล่า
หญิงสาวเคาะประตูพอเขาอนุญาตก็รีบเปิดเข้าไป เธอยิ้มทักทายเจ้าของห้องที่นั่งทำงานเอกสารกองโตอยู่
“ยุ่งอยู่เหรอคะ”
“พอประมาณครับ”
“คุณต้องทำงานเอกสารกองโตนั้นก่อนไปพาเนสไปดูเขาทำไวน์หรือเปล่า”
“ไม่หรอกเอกสารพวกนี้ไม่ใช่งานด่วน ไปกันเลยไหม กินอะไรมาหรือยัง”
“เรียบร้อยค่ะ คุณล่ะ”
“ผมก็เรียบร้อยแล้วครับไปกันเถอะ”
เขาขับรถกระบะพาเธอมายังโรงงานผลิตไวน์ซึ่งเวลานี้นักท่องเที่ยวหลายคนกำลังฟังพนักงานของเขาอธิบายถึงขั้นตอนการผลิตไวน์อย่างตั้งใจ
“คนสนใจเยอะเหมือนกันนะคะ เนสเห็นแต่ในยูทูปพอมาเห็นของจริงรู้เลยว่ามันน่าสนุกกว่ามาก”
“เขากำลังผลิตไวน์ขาวใช่ไหม” เธอถามเมื่อเห็นองุ่นสีเขียวกำลังไหลไปตาสายพานลงไปยังเครื่องอะไรสักอย่างตรงหน้า
“ใช่ครับ พวกเราคัดแยกองุ่น เอาก้านองุ่นและองุ่นลูกเล็กออกจากนั้นก็นำเข้าเครื่องบีบอัดพอได้น้ำองุ่นแล้วก็เอาไปพักไว้ในถังหมักสแตนเลสครับ”
“ฟังดูไม่ยากนะคะ”
“ไม่หรอกครับ มันมีหลายขั้นตอนมากกว่าเราจะได้น้ำองุ่นเราต้องใส่ทั้งยีสต์ ใส่น้ำแข็งแห้งลงไปด้วย จากนั้นพนักงานจะต้องชิมทุกวันและวัดความหนาแน่นเมื่อได้น้ำองุ่นที่มีค่าน้ำตาลเป็นศูนย์และกลายเป็นแอลกอฮอล์จากนั้นก็หมักต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะย้ายไปใส่ถังโอ๊คครับ ไวน์แต่ละอย่างมีขั้นตอนที่ผลิตต่างกัน ผมคงไม่ลงรายละเอียดมาก คุณคงไม่ว่าใช่ไหมครับ”
“ไม่หรอกค่ะ”
ขณะที่เสียงของพนักงานที่กำลังอธิบายให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นดังแว่วมาฐากูรก็พาเนสิตาเดินไปยังอีกโซนหนึ่งที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของไม้โอ๊คและไวน์เก่าแก่
"และนี่คือส่วนที่เราใช้บ่มไวน์ในถังไม้โอ๊กครับ”
“เยอะมากเลยนะคะ” เธอมองไปยังถังไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงรายเป็นระเบียบในห้องที่ปรับอุณหภูมิไว้ต่ำมาก
“แต่ละถังเหมือนกันไหมคะ”
“ไม่ครับ ไวน์แต่ละรุ่นจะใช้เวลาบ่มไม่เท่ากัน บางรุ่นอาจจะแค่หกเดือน แต่บางรุ่นก็อาจจะนานถึงสองปีหรือมากกว่านั้น เพื่อให้ได้รสชาตินุ่มนวลมากขึ้น”
เนสิตาฟังอย่างตั้งใจ แววตาบ่งบอกว่าเธอสนใจกับสิ่งที่เขาพูดมากแค่ไหน ฐากูรอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้และความหลงใหลในงานของเขา ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทที่เขามีให้กับไร่องุ่นและไวน์ทุกขวด
หลังจากเดินชมกระบวนการผลิตและฟังคำอธิบายอย่างละเอียดแล้วทั้งคู่ก็กลับมายังส่วนชิมไวน์ เนสิตาได้ชิมไวน์หลายชนิด ตั้งแต่ไวน์ขาวเบาๆ ไปจนถึงไวน์แดงเข้มข้นรสชาตินุ่มนวลกลิ่นหอมหวานปนขมขององุ่นและไม้โอ๊กก็ยิ่งทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ
“อร่อยทุกชนิดเลยค่ะ”
"พอแล้วมั้งเนสดูท่าจะเริ่มมึนแล้วนะ” ฐากูรเตือนเมื่อเห็นแก้มเธอเริ่มแดงระเรื่อเสียงพูดเริ่มไม่ค่อยเหมือนตัวเองเท่าไหร่
“นิดหน่อยค่ะแต่ยังไหวค่ะ” เธอหัวเราะคิกคัก
"ไปพักที่ออฟฟิศก่อนไหม” เขาเสนออย่างเป็นห่วง
"ไม่เอาค่ะ แต่เนสคิดว่าถ้าได้เล่นน้ำคงจะสดชื่นขึ้นเยอะเลย พาเนสไปเล่นน้ำได้ไหมคะ”
“แน่ใจนะว่าไหว” ฐากูรมองเธอด้วยความอ่อนใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มให้กับความร่าเริงนั้น
“ไหวค่ะ ไปเล่นน้ำกันนะคะ” หญิงสาวอ้อนเสียงหวานพลางกอดแขนเขาไม่แน่นโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่น
ฐากูรไม่ชอบสายตาที่มองมาเท่าไหร่เขาจึงรีบพาเดินมาที่รถกระบะและขับไปยังท้ายไร่ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้ามสำหรับทุกคน
เมื่อถึงเขตน้ำตกหญิงสาวก็รู้สึกได้ถึงเสียงของธารน้ำที่ตกลงมากระทบกับก้อนหิน
“ไหนคุณบอกว่ามันแค่ลำธารเล็กๆ เนสว่านี่มันจะเรียกน้ำตกก็ได้นะคะ เนสขอลงไปเล่นน้ำนะคะ”
เนสิตาไม่รอให้เขาตอบหญิงสาวลงจากกระบะและถอดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวนอกออกเหลือแค่เพียงเสื้อกล้ามสีครีมด้านในแล้ววางกองไว้กับโทรศัพท์มือถือที่เปิดโหมดถ่ายวิดีโอไว้ เธอถอดรองเท้าออกแล้วพับขากางเกงยีนม้วนขึ้นไปถึงเข่าแล้วก้าวลงไปในน้ำที่เย็นเฉียบ
“น้ำเย็นมากเลยค่ะ ลงมาเล่นด้วยกันไหมคะ” เสียงหัวเราะสดใสของเธอดังก้องไปทั่วบริเวณ เธอสาดน้ำใส่ฐากูรที่ยืนมองอยู่บนโขดหินริมน้ำ
ฐากูรหัวเราะแต่ก็ยังไม่ลงไปเขามองดูเธอที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานนานแล้วที่ไม่ได้ยินใครหัวเราะอย่างสดใสแบบนี้
เล่นน้ำไปสักพักเนสิตาก็เริ่มเบื่ออยากให้ฐากูรลงมาเล่นกับเธอด้วยแต่ไม่ว่าจะชวนยังไงเขาก็ไม่ลงมาสักที หญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อนึกออกว่าจะทำยังไงให้เขาลงมาเล่นน้ำกับเธอ
“โอ๊ย!....คุณฐาคะ ช่วยด้วยค่ะ ตะคริวจะกินขาเนส”
เสียงของเนสิตาฟังดูเจ็บมากฐากูรรีบเดินลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว
“ไปนั่งตรงนู้นก่อน” เขาประคองหญิงสาวไปนั่งที่โขดหินก่อนจะจับไปบนน่องของเธอ
“ข้างไหนเนส”
“ข้างขวาค่ะ”
“เจ็บหน่อยนะ” เขายกปลายเท้าดันเข้าหาตัวด้วยมือข้างหนึ่งส่วนอีกข้างหนึ่งจับไปที่น่องแล้วนวดเบาๆ
“น่าจะดีขึ้นแล้วค่ะ” หญิงสาวยิ้มเมื่อเห็นท่าทางห่วงใยของเขา
“เรากลับกันเถอะนะ เดี๋ยวผมช่วย” ฐากูรลุกขึ้นแล้วยื่นมือให้หญิงสาวจับ แต่เธอไม่ได้ทำแค่จับมือ หญิงสาวหันหน้าเขาหาแล้วคล้องแขนไปบนคอของเขาอย่างรวดเร็ว
“เนสจะทำอะไร”
“อยู่แบบนี้ก่อนได้ไหม”
“ผมว่าปล่อยก่อนดีกว่าถ้าใครมาเห็นมันจะไม่ดีนะ”
เนสิตาทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาบอกเธอเบียดกายที่เปียกปอนเข้าหาอย่างยั่วยวน
“เนสชอบคุณฐาค่ะ”
“ผมว่าคุณคงเมา”
“ไม่ได้เมาค่ะ เนสชอบคุณจริงๆ ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ”
ดวงตาของทั้งคู่สบกันในระยะประชิด เธอมองเขานิ่งๆ ราวกับจะเชื้อเชิญ ฐากูรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากกลิ่นกายหอมจากสาวบริสุทธิ์กับเรือนร่างที่เย้ายวนทำให้เขาคุมตัวเองแทบไม่อยู่ สัญชาตญาณเข้าครอบงำชั่วขณะ เขาค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปอย่างช้าๆ ราวกับจะให้โอกาสเธอได้ถอยหนี แต่เนสิตาไม่ถอยเธอยังคงมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ไม่สามารถตีความได้ชัดเจนนัก
แล้วริมฝีปากอุ่นของฐากูรก็ประทับลงบนริมฝีปากนุ่มของเนสิตาอย่างแผ่วเบาสัมผัสแรกนั้นอ่อนโยนราวกับจะหยั่งเชิง ลมหายใจของทั้งคู่หยุดชะงักไปชั่วขณะ เนสิตารับรู้ถึงสัมผัสอุ่นร้อนที่แตะลงมาบนกลีบปากของเธอ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไวน์ที่ติดอยู่บนริมฝีปากของเขาผสมกับกลิ่นกายอบอุ่นที่หอมเฉพาะตัว มันเป็นสัมผัสที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แปลกใหม่ แต่กลับทำให้หัวใจเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอก เธอรู้สึกเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเบาๆ ทั่วทั้งร่าง ความมึนเมาจากไวน์ถูกแทนที่ด้วยความมึนงงและอาการชาตามปลายประสาท มันไม่ใช่การจูบที่ร้อนแรง แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่อัดแน่น ทั้งความอ่อนโยน ความปรารถนาและการเริ่มต้นของบางสิ่งบางอย่างที่ไม่อาจย้อนคืน
สัมผัสแรกจากริมฝีปากของเขาที่อ่อนโยนค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย ไม่รุกเร้า แต่ก็หนักแน่นพอที่จะทำให้เธอรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาได้อย่างชัดเจน เนสิตาหลับตาพริ้มปล่อยให้ความรู้สึกใหม่นี้เข้าครอบงำอย่างเต็มที่ ไม่มีเสียงใดมีเพียงหัวใจที่เต้นแรงทั้งสองและความรู้สึกที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดได้
สามวันแล้วที่เนสิตาไม่ติดต่อมาหาหลังจากวันที่เขาจูบกับเธอที่น้ำตกท้ายไร่ ฐากูรรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับเธอแต่ในตอนนั้นบรรยากาศและอารมณ์มันพาไป เขาอยากจะเจอเนสิตาและขอโทษเธอแต่จะโทรศัพท์ไปหาแต่ก็ละอายใจเกินกว่าจะทำแบบนั้นเขาคิดว่าบางทีตอนนี้เนสิตาอาจจะโกรธเขาจนไม่อยากจะคุยกับเขาแล้วก็ได้เพราะปกติเธอมักจะโทรศัพท์หาเขาในเวลาหัวค่ำทุกวัน แต่นี่มันก็ผ่านมาสามวันแล้วที่เขาไม่ได้ยินเสียงของเธอเลยจากที่เป็นคนชอบความสันโดษชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเนสิตาเข้ามาในชีวิต เขารู้สึกชอบในความสดใสชอบเสียงคุยเจื้อยแจ้วที่คุยอยู่ข้างหูมันทำให้ความรู้สึกเหงาหายไปจนหมดสิ้นฐากูรต้องคุยเรื่องที่เกิดขึ้นกับเนสิตาให้รู้เรื่องเขาต้องขอโทษเธออย่างจริงจังต่อหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เขาจัดการเคลียร์งานทุกอย่างในไร่จนเสร็จจากนั้นก็ขับรถมาอย่างร้านอาหารของคุณนีรนุชเพื่อหวังว่าจะได้เจอกับเนสิตาอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะวันนี้หญิงสาวไม่ได้มาทำงานฐากูรนั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ ลูกค้าในร้านค่อนข้างเยอะทำให้เขาไม่มีโอกาสถามถึงเนสิตาเลย เมื่อมื้ออาหารจบลงเขาก็เดินออกจากร้านมาด้วยความผ
ทั้งสองเหมือนตกอยู่ในภวังค์เนิ่นนานกว่าจะผละออกจากกัน“ผมขอโทษ” เขาพูดอย่างสำนึกผิดก่อนจะประคองหญิงสาวกลับมาที่รถเนสิตานั่งเงียบมาตลอดทางเพราะกำลังสับสนกับความรู้สึกของตนเอง“จะกลับเลยเหรอ”“ค่ะเนสต้องรีบกลับไปอาบน้ำ”“เจ็บอยู่ไหมขับรถไหวหรือเปล่า” เขาถามอย่างห่วงใย“ไม่ค่ะ ไปก่อนนะคะ”“ขับรถดีๆ นะ” เขามองตามหลังรถคันเล็กของเธอไปจนสุดสายตาเนสิตาขับรถออกมาจากไร่ของฐากูรพอพ้นเขตรั้วได้ไม่นานหญิงสาวก็จอดรถข้างทาง ตอนนี้เธอแทบไม่มีสมาธิขับรถเลยเพราะสมองคิดถึงแต่จูบของฐากูรเมื่อครู่จูบแรกในชีวิตของเธอมันเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งกับผู้ชายที่เธอรู้จักมาได้ไม่นานนัก แต่กลับรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด ความรู้สึกที่เพิ่งได้รับนั้นไม่ใช่แค่การแตะต้องกันของริมฝีปาก แต่มันคือการเปิดโลกใบใหม่ที่ไม่เคยรู้จักเป็นประตูสู่ความรู้สึกที่ซับซ้อนและลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เคยเข้าใจตอนนี้ในใจของเนสิตาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความสุขที่เอ่อล้นจนอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนั้น ความกลัวที่อาจจะเกิดขึ้นกับการถูกรุกรานไม่มีอยู่เลย มีแต่ความรู้สึกปลอดภัยและอ่อนโยนที่แผ่ซ่านมาจากสัมผัสของเขา ความรู้สึกว่าโลกทั
วันนี้เนสิตาตื่นเต้นและดีใจมากที่จะได้ไปเที่ยวที่ไร่องุ่นของฐากูร เธอขับรถเก๋งคันเก่าของมารดาเข้าสู่ถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าสู่ไร่องุ่นของฐากูรอีกครั้ง กลิ่นหอมจางๆ ของดินและองุ่นที่คุ้นเคยลอยมาปะทะจมูกตั้งแต่ก่อนจะเห็นรั้วไร่เธอไม่ได้ติดรถเขามาอย่างเคย แต่การได้ขับรถมาด้วยตัวเองแบบนี้กลับให้อิสระและรู้สึกเหมือนตัวเองโตขึ้นกว่าเดิมเมื่อรถจอดสนิทที่หน้าออฟฟิศทางด้านหลังของร้านอาหารนวพลก็เดินออกมาต้อนรับหลาน“น้านึกว่าเนสจะหลงไปที่อื่นแล้ว ทำไมถึงช้าจัง”“ก็สองข้างทางวิวดีมากนี่คะหนูเลยขับช้า วันนี้น้าพลยุ่งไหมคะ”“ไม่เท่าไหร่ อยากดูเขาทำไวน์ใช่ไหม”“ใช่ค่ะแต่หนูไม่รบกวนน้าพลหรอกค่ะหนูนัดกับคุณฐาไว้แล้ว” เนสิตาบอกกับน้าชายเพราะเมื่อวานเธอโทรศัพท์มานัดกับฐากูรไว้แล้ว“แน่ใจนะว่านัดไว้แล้ว”“แน่ค่ะ แล้วตอนนี้คุณฐาอยู่ที่ไหนคะ”“อยู่ในห้องทำงาน ห้องนั้นไง” นวพลชี้ไปยังห้องหนึ่งที่อยู่อีกด้านของออฟฟิศ“หนูขอตัวก่อนนะคะ”“อย่าไปกวนเขามากล่ะ” เขากำชับหลานสาวแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะฟังคำเตือนของเขาหรือเปล่าหญิงสาวเคาะประตูพอเขาอนุญาตก็รีบเปิดเข้าไป เธอยิ้มทักทายเจ้าของห้องที่นั่งทำงานเอกสารกองโตอยู
เช้าวันใหม่เนสิตาตื่นตั้งแต่เช้า เธอเลือกสวมชุดที่เน้นความสบายคล่องตัวแต่ยังคงความน่ารักอย่างที่ชอบ เสื้อกล้ามคอกลมผ้าคอตตอนสีขาวซึ่งเป็นสีโปรดจากนั้นสวมทับคาร์ดิแกนสีเบจตัวบางเหมาะสำหรับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ท่อนล่างกางเกงผ้าลินินสีเบจขาสั้นเหนือเข่าเผยให้เห็นเรียวขาสวยรับกับรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โปรดที่เธอสวมอยู่เป็นประจำผมสีน้ำตาลเข้มถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าสูงปล่อยปอยผมบางส่วนหลุดลุ่ยลงมาข้างแก้มอย่างเป็นธรรมชาติ วันนี้เธอแต่งหน้าอ่อนๆ เผยผิวหน้าใสรับริมฝีปากที่เจือสีระเรื่อจากลิปออยด์สีหวานทำให้เธอดูมีเสน่ห์ตามวัยอย่างน่ามอง หญิงสาวหมุนตัวหน้ากระจกจนมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกมาช่วยมารดาเอาแซนด์วิชลงกล่อง“ถึงแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะลูก”“ได้ค่ะแม่หนูรู้ว่าแม่เป็นห่วง”เมื่อรถของฐากูรเล่นเข้ามาหน้าบ้านสองแม่ลูกก็จัดแซนด์วิชลงกล่องเสร็จพอดีฐากูรดับเครื่องและเดินลงมาจากรถวันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นถึงข้อศอกกับกางเกงยีนสบายๆ เหมือนกับทุกวันจะต่างก็ตรงรองเท้าเพราะวันนี้เขาสวมรองเท้าผ้าใบแทนที่จะเป็นรองเท้าบูตเหมือนตอนที่อยู่ในไร่ชายหนุ่มยังไม่ทันได้กดออดที่หน้าบ้านคุณนีรนุชและลูกส
แม้ตอนนี้เนสิตาจะหายจากอาการไข้แล้วแต่มารดาของเธอก็ยังไม่ให้ไปช่วยงานที่ร้านด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้เธอได้พักผ่อน แต่ดูเหมือนเนสิตาจะไม่ได้คิดแบบนั้นเลย สองวันมานี้เธออยู่บ้านและรู้สึกเหงามากแม้ตอนกลางวันจะโทรศัพท์ไปคุยกับเพื่อนและดูซีรี่ส์เรื่องโปรดแต่มันก็ไม่สนุกเลยเมื่อเทียบกับการออกไปที่ไร่องุ่นของฐากูรเมื่อวานหญิงสาวโทรศัพท์ไปชวนเขาคุยในเวลาหัวค่ำแต่ก็คุยได้ไม่นานเพราะฐากูรขอตัวไปทำงานก่อนหญิงสาวไม่รู้ว่าทำไมเขายังจะต้องทำงานอะไรกลางคืนอีกแต่ถ้าเจอกันครั้งหน้าเธอจะต้องถามเขาให้ได้ว่าที่เขาชอบพูดว่าขอตัวไปทำงานนั้นเพราะเขาไม่อยากจะคุยกับเธอหรือเพราะเขามีงานที่จะต้องทำจริงๆเหตุผลที่ไม่ถามทางโทรศัพท์ก็เพราะอยากจะเห็นสีหน้าและท่าทางของเขาขณะตอบคำถามของเธอด้วยว่ามันมีความจริงใจหรือกำลังโกหกถึงกันแน่เนสิตานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงจนกระทั่งได้ยินเสียงรถของมารดาที่ขับเข้ามาในบริเวณบ้านในเวลาเกือบจะสี่ทุ่มหญิงสาวรีบเปิดประตูต้อนรับทันที“เหนื่อยไหมคะแม่วันนี้ลูกค้าเยอะไหม”“เยอะจ้ะลูกค้าเต็มทุกโต๊ะเลย”“กินน้ำเย็นๆ ก่อนนะคะแม่ กินข้าวมาหรือยังคะ” เนสิตารีบเอาน้ำในตู้เย็นมาให้มารดาแล้
หลังจากจัดการงานทุกอย่างที่ไร่เสร็จแล้วฐากูรก็ยกลังไวน์ขึ้นหลังรถกระบะก่อนจะขับรถเข้ามาในเมืองวันนี้เขาต้องส่งไวน์ให้กับร้านอาหารของคุณนีรนุชลูกค้าประจำ“สวัสดีค่ะคุณฐา คุณวันนี้มาส่งเองเหรอคะ”“สวัสดีครับคุณนุช ผมจะเข้ามาทานข้าวที่นี่อยู่แล้วก็เลยเอาไวน์มาส่งเองจะได้ไม่เสียเที่ยวครับ” เขาพูดขณะยกกล่องไวน์เข้าทางหลังร้าน“ขอบคุณนะคะที่เอาไวน์มาส่งก่อนเวลา ช่วงนี้ลูกค้าสั่งไวน์กันเยอะก็เลยต้องสั่งด่วน”“ไม่เป็นไรครับ ลูกค้าคุณนุชเยอะผมเองก็ขายไวน์ได้เยอะ” เขายิ้มก่อนจะยกไวน์ลังสุดท้ายเข้าไปวางในห้องครัวจากนั้นก็เดินออกมาด้านหน้าเลือกโต๊ะนั่งประจำของตนเองก่อนจะสั่งเมนูคุ้นเคยมาทานระหว่างรออาหารนีรนุชก็มาชวนคุย“เมื่อวานลูกสาวฉันไปกวนอะไรคุณฐาหรือเปล่าคะ”“ไม่หรอกครับเธอก็เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป”“ถ้าลูกสาวของฉันไปกวนคุณฐาบอกมาได้เลยนะคะ เนสยังเด็กไม่ค่อยรู้กาลเทศะเท่าไหร่บางครั้งก็ติดจะพูดมากไปหน่อย ฉันกลัวคุณฐาจะรำคาญค่ะ”“ไม่เป็นไรหรอกครับแล้วนี่เจ้าตัวไปไหนล่ะ ปกติผมจะเห็นมาคอยรับออเดอร์”“ไม่สบายค่ะ”“อ้าวเป็นอะไรล่ะครับ”“ก็คงตากแดดทั้งวันน่ะค่ะก็เลยเป็นไข้”“ผมขอโทษนะครับที่พาล