หลังจากยื่นจดหมายลาออกและทนใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพจนครบสามสิบวันตามกฎบริษัท พิมพ์พลอยก็เก็บของใช้ออกจากห้องพักที่อยู่มานานสองปี
หญิงสาวขับรถออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าด้วยความเร็วที่เกือบจะเกินลิมิตที่กฎหมายกำหนด ความเศร้าจากการถูกหักหลังเริ่มจางหาย เธอกำลังจะลืมเรื่องราวทุกอย่างและเพื่อจะให้ลืมได้ง่ายขึ้นการกลับไปตั้งหลักที่บ้านเกิดจึงเป็นทางเลือกที่ดีของเธอ
บ้านของสาวอยู่ที่อ่าวลึกจังหวัดกระบี่บ้านที่เธอจากมาเมื่อหลายปีก่อนเพื่อมาตามความฝันในเมืองหลวง ตอนนี้เธอไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกแล้วบ้านคือที่เดียวที่เธออยากจะกลับไปพักใจ
ระหว่างทางพิมพ์พลอยแวะจอดพักรถที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง เธอลงไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำสาธารณะ มองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกแล้วยิ้มให้กำลังใจเองก่อนขับรถต่ออย่างไม่รู้เหนื่อย
ตลอดการเดินทางที่แสนยาวนานนับพันกิโลเมตร พิมพ์พลอยไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่าและกาแฟสำเร็จรูปที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อตามปั๊มน้ำมัน เธอเปิดเพลงฟังเพื่อกลบความเงียบภายในรถ เสียงเพลงเป็นเพื่อนร่วมทาง
เธอขับรถผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ที่รายล้อมไปด้วยสวนปาล์มและสวนยางพารา จนกระทั่งมาถึงบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมถนน หญิงสาวก้าวลงจากรถสูดอากาศสดชื่นยามค่ำคืนก่อนจะหิ้วกระเป๋าใบเล็กเข้าไปในบ้าน ส่วนกระเป๋าใบใหญ่และของใช้อื่นๆ คงต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้ถึงจะเอาลงจากรถเพราะตอนนี้เธอเหนื่อยเกินกว่าจะทำอย่างอื่นนอกจากการนอน
ก่อนหน้านี้หญิงสาวโทรศัพท์มาบอกน้าอัมพรแล้วว่าเธอจะกลับมาอยู่ที่บ้าน น้าสาวของเธอจึงมาทำความสะอาดบ้านให้พร้อมก่อนที่หลานสาวจะกลับมา
พิมพ์พลอยเข้าไปอาบน้ำจากนั้นก็ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อย เธอหลับไปในทันทีเพราะความเหนื่อยล้าจากการขับรถ อีกทั้งก่อนหน้าที่เธอก็ไม่เคยได้นอนหลับสนิทเลยนับตั้งแต่เกิดเรื่อง
หญิงสาวนอนหลับยาวจนถึงเวลาเที่ยงของอีกวันหนึ่ง เธอตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกุกกักดังอยู่ในบ้าน เมื่อออกมาจากห้องนอนก็เห็นว่าน้าอัมพรกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารอยู่ในครัว
“น้าอัมพรคะ” พิมพ์พลอยเรียกชื่อน้าสาวด้วยความดีใจ น้ำตาที่คิดว่าแห้งไปแล้วกลับไหลรินออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นร่างท้วมของน้าอัมพรเดินออกมาจากครัวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
น้าอัมพรหันมาเห็นพิมพ์พลอยก็ยิ้มกว้างก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะเลือนหายไปเมื่อเห็นสภาพว่าหลานสาวกำลังร้องไห้
“นี่คิดถึงน้าถึงกับดีใจจนร้องไห้เลยเหรอหนูพลอย”
“น้าอัมพร” พิมพ์พลอยโผเข้ากอดน้าสาวแน่น ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของน้าอัมพร
น้าอัมพรกอดพิมพ์พลอยแน่น ลูบหลังปลอบโยนอย่างอ่อนโยน เธอไม่รู้ว่าหลานสาวร้องไห้เพราะอะไรแต่คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเท่าไหร่
“ร้องมาเถอะนะพลอยน้าอยู่ตรงนี้แล้ว”
หญิงร่างท้วมพาหลานสามมานั่งที่โซฟากลางห้องรับแขกและโอบไหล่เธอไว้อย่างให้กำลังใจ
“น้าคะ มันจบแล้วค่ะ พลอยไม่เหลือใครแล้ว” พิมพ์พลอยร้องไห้อย่างหนัก การอยู่กับน้าอัมพรทำให้เธอแสดงความรู้สึกของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่
พิมพ์พลอยสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของน้าอัมพรอยู่นาน ก่อนจะค่อยๆ ผละออก ใบหน้าของเธอยังคงเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
“อยากเล่าให้น้าฟังไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เธอถามหลานสาวอย่างอ่อนโยน
“น้าคะ พลอยเลิกกันพี่วิทย์แล้วค่ะ”
“มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“เขานอกใจพลอยค่ะ”
แล้วพิมพ์พลอยก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้กับน้าสาวของเธอฟังอย่างไม่มีปิดบัง
“ไม่เป็นไรนะพลอย ใครไม่รักหนูแต่ก็ยังมีน้าที่รักหนู กลับมาอยู่บ้านเรานะ”
“ค่ะน้า พลอยจะมาอยู่ที่นี่สักพัก”
“ที่นี่เป็นบ้านของพลอยนะ มาใช้ชีวิตที่มีให้มีความสุขดีกว่า”
“ค่ะน้าอัมพร”
“เย็นนี้น้าจะกลับมาคุยด้วยนะแต่ตอนนี้น้าต้องกลับไปทำงานก่อน”
“เย็นนี้พลอยไปหาน้าที่บ้านดีกว่าค่ะจะได้ไปทักทายน้าประทีปด้วย”
“เอางั้นก็ได้จ้ะ น้าไปก่อนนะลูกอย่าลืมกินข้าวด้วยล่ะน้าทำไว้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะน้าอัมพร”
หลายวันผ่านไปหลังจากที่พิมพ์พลอยเดินทางมาถึงอ่าวลึก เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพักผ่อนและฟื้นฟูสภาพจิตใจที่บอบช้ำ น้าอัมพรดูแลเธออย่างดีเยี่ยม คอยทำอาหารอร่อยๆ ให้กิน และไม่เคยถามเซ้าซี้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เลยแม้แต่คำเดียว ความเงียบสงบและการดูแลเอาใจใส่ของน้าอัมพรช่วยเยียวยาบาดแผลในใจของพลอยได้บ้างแต่ก็ยังไม่หายขาด
“ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้นะ” พิมพ์พลอยพึมพำกับตัวเอง ความเจ็บปวดจากภาพที่เห็นในวันนั้นยังคงสดใหม่ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
เธอหลับตาลงพยายามขับไล่ภาพของชลวิทย์และกัญญาวีร์ออกจากความคิด แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ ภาพนั้นก็ยิ่งฉายชัดขึ้น ความรู้สึกผิดหวังในตัวชลวิทย์ ความรู้สึกถูกหักหลังจากเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจที่สุด มันกัดกินหัวใจของเธอจนแทบไม่เหลือชิ้นดี
“ฉันทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ?” คำถามนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเธอทบทวนทุกช่วงเวลาที่ผ่านมา พยายามหาเหตุผลว่าทำไมเรื่องราวถึงได้จบลงแบบนี้
แต่ก็ไม่พบคำตอบเลย นอกจากความว่างเปล่าและความเจ็บปวด หญิงสาวคิดว่าคงต้องหาอะไรทำเพราะถ้าอยู่เฉยๆ คงไม่ลืมเรื่องนั้นอย่างแน่นอน
เธอขับรถคันเล็กวนไปเรื่อยๆ และก็สังเกตว่าบริเวณที่เธออยู่นั้นไม่ค่อยมีร้านค้าเท่าไหร่ ในตลาดก็จะมีแต่พืชผักที่ชาวบ้านเอามาขาย ร้านอาหารตามสั่งก็มีอยู่แค่ร้านเดียว แต่ร้านขายของชำนั้นไม่มีเลย
เย็นนี้หญิงสาวขับรถมาที่บ้านของน้าอัมพรที่เพิ่งกลับจากการทำงานบ้านให้กับนายหัวคนหนึ่งพอดี
“ว่าไงจ๊ะ วันนี้ไปเที่ยวไหนมาล่ะพลอย”
“พลอยขับรถไปเรื่อยๆ ค่ะ น้าคะพลอยมีอะไรจะถามน้าสักหน่อย”
“ถามอะไรล่ะ”
“เวลาน้าจะชื่อของใช้น้าจะไปซื้อที่ไหนคะ” หญิงสาวเริ่มเก็บข้อมูล
“ก็ซื้อที่ตลาดหน้าอำเภอจ้ะ พลอยอยากได้อะไรให้น้าพาไปซื้อไหม”
“ไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ แต่พลอยอยากเปิดร้านขายของชำ”
“อะไรนะพลอย น้าฟังผิดไปหรือเปล่า”
“ไม่ผิดหรอกค่ะ พลอยอยากเปิดร้านขายของชำค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างมั่นใจ
สองวันต่อมาพิมพ์พลอยเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะพนักงานบัญชีที่สวนปาล์มของนายหัวธนธรรศ แม้ว่าตอนนี้จะยังคงมีร่องรอยของความหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่การได้จดจ่ออยู่กับตัวเลขและเอกสารต่างๆ ก็ช่วยให้เธอผ่อนคลายลงได้มากธนธรรศดูแลเธออย่างใกล้ชิด เขาจัดโต๊ะทำงานของเธอในห้องทำงานเดียวกับเขาที่ชั้นล่างของบ้านหลังใหญ่ซึ่งมันคือออฟฟิศขนาดย่อม ซึ่งมีมุมรับแขกเล็กๆ สำหรับคนที่เข้ามาติดต่องาน นายหัวเขาสอนงานในสวนเพิ่มเติมเพราะอยากพิมพ์พลอยเข้าใจภาพรวมทั้งหมดไม่ใช่หน้าที่ของพนักงานบัญชีอย่างเดียวในวันที่เขาออกไปดูคนงานในส่วนหญิงสาวจะนั่งทำงานคนเดียวแต่นานหัวก็มักจะแวะเวียนเข้ามาให้กำลังใจเธออยู่เสมอ บางครั้งก็แอบหอมแก้มหรือกอดเธอจากด้านหลัง ทำให้พิมพ์พลอยยิ้มได้ การได้อยู่ใกล้ธนธรรศตลอดเวลาทำให้พิมพ์พลอยสบายใจมากขึ้น เขาให้เธอรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่อเวลาผ่านไป พิมพ์พลอยก็เริ่มกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง แม้รอยยิ้มของเธอจะยังไม่สดใสเท่าเดิม แต่เธอก็เริ่มพูดคุยและหัวเราะได้มากขึ้น ธนธรรศรู้สึกดีใจที่เห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเธอ เขาเชื่อว่าในไม่ช้าพิมพ์พลอยจะต้องกลับมาเข้มแข็งและเป็นพิมพ์พลอยคนเดิมอย่างแน่นอนการได้
นายหัวธนธรรศหันไปมองตามที่พิมพ์พลอยชี้ ใบหน้าของเขายิ่งซีดเผือดลงไปอีกเมื่อเห็นภาพนั้น เขากอดพิมพ์พลอยแน่นขึ้น พยายามส่งผ่านความอบอุ่นและความเข้มแข็งให้เธอ“ไม่เป็นไรนะครับ ไม่เป็นไร ผมอยู่ตรงนี้แล้ว พลอยเข้าไปนั่งในบ้านก่อนนะ ผมจัดการเองครับไม่ต้องห่วงนะ” เขาพูดปลอบโยน พลางลูบผมเธอเบาๆเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบถามเหตุการณ์เบื้องต้น ธนธรรศจึงผละจากพิมพ์พลอยไปให้ข้อมูลกับตำรวจ เขารายงานว่าเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์โดยตรง แต่พิมพ์พลอยเป็นคนเห็นเหตุการณ์และเป็นเจ้าของร้านที่ถูกชนธนธรรศหันมามองพิมพ์พลอยที่ยังคงยืนสั่นอยู่ข้างน้าอัมพร เขาส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยไปให้ ก่อนจะหันกลับไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่อย่างละเอียดเจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกปากคำและตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พลางสอบถามพยานผู้เห็นเหตุการณ์คนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้น ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็เคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตออกจากที่เกิดเหตุอย่างเงียบๆหลังจากที่เจ้าหน้าที่จัดการเก็บหลักฐานและเคลื่อนย้ายทุกอย่างออกไปแล้ว ความเงียบก็เข้ามาแทนที่ความวุ่นวายเมื่อครู่ หน้าร้านของพิมพ์พลอยเหลือเพียงซากปรักหักพัง กระจกแตกล
ชีวิตในอ่าวลึกหวนคืนสู่จังหวะที่คุ้นเคยอีกครั้งสำหรับพิมพ์พลอย เธอกลับมาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความสุขที่ร้านขายของชำเล็กๆ แม้ถนนหนทางจะยังไม่เรียบร้อยนัก แต่ลูกค้าเก่าๆ ก็ทยอยกลับมาอุดหนุน ทำให้ร้านพอมีรายได้อยู่บ้างนายหัวธนธรรศยังคงทุ่มเทให้กับการดูแลสวนปาล์มผืนใหญ่ที่เปรียบเสมือนลมหายใจของเขาในช่วงเวลากลางวันที่ร้านไม่ค่อยมีลูกค้า พิมพ์พลอยจะนำงานบัญชีของนายหัวกลับมาทำที่ร้าน เธอจัดการเอกสาร ตรวจสอบรายรับรายจ่ายอย่างละเอียดนายหัวธนธรรศวางใจในความสามารถของเธออย่างเต็มที่ และมักจะแวะเวียนเข้ามาดูเธอทำงานเสมอ บางครั้งก็แอบหอมแก้มหรือกอดเธอจากด้านหลัง สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับทั้งคู่ความสัมพันธ์ของพวกเขาดำเนินไปอย่างมั่นคงและลึกซึ้งขึ้นทุกวัน แม้จะยังไม่มีการพูดถึงเรื่องการแต่งงานอย่างจริงจัง เพราะทั้งคู่ต่างต้องการเวลาเพื่อมั่นใจในกันและกันให้มากกว่านี้ แต่ความรักและความผูกพันที่พวกเขามีให้กันนั้นก็ชัดเจนเกินกว่าคำพูดใดๆ“พลอยครับ เย็นนี้ไปในเมืองกันนะ”“นายหัวจะไปทำธุระหรือไปเที่ยวคะ” เธอเงยหน้าจากหน้าจอโน้ตบุ๊กเพื่อถามเพราะจะได้แต่งตัวให้ถูกกับกาลเทศะ“ไปเที่
พิมพ์พลอยหลับตาลงช้าๆ ภาพของนายหัวธนธรรศผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ใบหน้าคมเข้ม นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความรัก รอยยิ้มอบอุ่น และสัมผัสที่เร่าร้อนทุกอย่างยังคงชัดเจนในความทรงจำ เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน และคำพูดของศิริขวัญก็ราวกับเป็นประตูบานใหม่ที่เปิดออก สู่ทางเลือกที่เธอเองก็ปรารถนาอยู่ลึกๆเธอรู้ว่าการทำงานกับนายหัวอาจมีความเสี่ยงในเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่ความรู้สึกคิดถึงที่มันบีบคั้นหัวใจอยู่ทุกวันนั้น มันหนักอึ้งเกินกว่าที่เธอจะทนได้อีกต่อไป“พลอยตัดสินใจแล้วขวัญ พลอยจะกลับไปกระบี่ พลอยจะไปทำงานกับนายหัว” พิมพ์พลอยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง“ดีใจด้วยนะ ในที่สุดพลอยก็เลือกในสิ่งที่ใจอยาก” ศิริขวัญยิ้มกว้างโผเข้ากอดเพื่อนด้วยความดีใจที่เพื่อนตัดสินใจไปทำงานกับคนรักเพราะรู้ว่าการอยู่ห่างกันมันทรมานมากแต่ไหน“แล้วพลอยจะไปวันไหนล่ะ”“พลอยจะกลับไปพรุ่งนี้เลย” พิมพ์พลอยตอบอย่างรวดเร็ว เธอแทบรอไม่ไหวที่จะได้กลับไปหาเขา“พลอยจะบอกนานหัวไหม”“ไม่ล่ะ พลอยอยากกลับไปเซอร์ไพรส์เขาน่ะ”“แต่ขับรถไปคนเดียวมันอันตรายนะ”“ไม่หรอกน่า พลอยเคยขับบ่อยแล้ว”“นายหัวบอกขวัญว่าถ้าพลอยจะกลับให้โทรบอกเขาด้วย เขาจะมาเป็น
นายหัวธนธรรศกลับไปกระบี่ได้สองวันแล้วระหว่างนี้พิมพ์พลอยก็ส่งใบสมัครงานไปยังบริษัทต่างๆ หลายที่แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์เลยศิริขวัญสังเกตว่าเพื่อนไม่ได้จริงจังกับการหางานทำเท่าไหร่หญิงสาวมักนั่งเหม่ออยู่ที่หน้าจอแท็บเล็ตและสีหน้าจะมีความสุขทุกครั้งที่นายหัวธนธรรศโทรมา“ไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์เลยเหรอพลอย” ศิริขวัญถามด้วยความเห็นใจ“ไม่มีเลยขวัญ พลอยก็ยื่นไปหลายที่นะหรือว่าเงินเดือนที่พลอยเรียกมันจะสูงไปหรือเปล่า” เธอหันมาปรึกษาเพื่อน“ไม่หรอกนะ ประสบการณ์อย่างพลอยเรียกเงินเดือนขนาดนี้ก็เหมาะสมแล้ว”“พลอยชักท้อแล้วล่ะ” พิมพ์พลอยท้อที่ไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์และก็รู้สึกคิดถึงคนรักจนจิตห่อเหี่ยว“อย่าพึ่งหมดหวังสิพลอย คนเก่งๆ อย่างพลอยเดี๋ยวก็มีงานเข้ามาเองนะ” ศิริขวัญพูดอย่างให้กำลังใจ“พลอย ขวัญขอถามอะไรพี่หน่อยสิ พลอยคิดจะสมัครงานและทำงานที่กรุงเทพจริงๆ ใช่ไหม”“จริงสิ ทำไมขวัญถึงถามแบบนั้นล่ะ”“ก็ขวัญสังเกตว่าพลอยไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่ ใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย พลอยกำลังคิดถึงนายหัวใช่ไหม”“คนเป็นแฟนกันก็ต้องคิดถึงกันสิขวัญก็คิดถึงแฟนไม่ใช่เหรอ” พิมพ์พลอยถามกลับเพราะเห็น
นายหัวธนธรรศลุกขึ้นแล้วจับให้คนรักนอนราบไปกับเตียงนอนนุ่ม ใบหน้าทั้งสองห่างกันเพียงนิดดวงตาสองคู่สบประสานส่งผ่านความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความต้องการ ทั้งเขาและเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์พิศวาสที่ไม่มีทีท่าลดน้อยลงเลยสักนิดริมฝีปากร้อนจุมพิตลงบนเรียวปากอิ่มอีกครั้งหญิงสาวใจเต้นแรงสองมือยกขึ้นโอบรอบลำคอก่อนจิกปลายนิ้วลงบนผิวเนื้อเมื่อฝ่ามือร้อนหยอกเย้าอยู่กับทรวงอกอิ่ม ริมฝีปากคลอเคลียไม่ยอมห่างปลายลิ้นหยอกล้ออย่างหวานล้ำพิมพ์พลอยรู้สึกถึงความแข็งร้อนที่ดันหน้าท้องยิ่งทำให้รู้สึกเสียวซ่านเมื่อนึกไปถึงคราวที่มันจะเข้าไปอยู่ในกายของตนเอง อารมณ์ของเธอพลุ่งพล่านเมื่อคิดถึงความสุขสมที่จะได้รับจากคนรักชายหนุ่มยังคงจูบไม่ยอมผละออกขณะที่มือก็จับเรียวขาให้แยกออกแล้วใช้ปลายหยักกรีดกลางร่องสวาทขึ้นลงสร้างความเสียวซ่านจนหญิงสาวสั่นสะท้าน“นายหัว.....”ลมหายใจหญิงสาวขาดช่วงเมื่อเขาใช้ปลายหยักกดลงบนเกสรเสียว เธอครางสะท้านแอ่นกายเข้าหาอย่างไม่อาจห้ามได้ ร่างกายเธอกำลังต้องการให้เขาเข้ามาเติมเต็มอย่างที่สุด“พลอยจ๋า อย่าเกร็งนะ”คลื่นความปรารถนากำลังโหมกระหน่ำอย่างหนัก นายหัวธนธรรศกดแก่นกายเข้าหาช