Home / รักโบราณ / ดรุณีกลางใจอ๋อง / บทที่ 10 พระชายาฉินอ๋อง

Share

บทที่ 10 พระชายาฉินอ๋อง

last update Last Updated: 2025-10-23 16:57:36

            หยางเฉิงปรายตามองปิ่นหยกที่ได้มาพร้อมกับตราตระกูลเหริน ก่อนจะนึกถึงเจ้าของปิ่นขึ้นมา

                “ซูอวี้หนิงเล่า ยังปลอดภัยดีหรือไม่” ร่างสูงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก

                “พ่ะย่ะค่ะ คุณหนูใหญ่ซูดูเหมือนว่าจะถูกอนุหลินบังคับให้แต่งออกไปเป็นอนุของคหบดีจง”

                “โอ้! นี่ใต้เท้าซูอยากจะมีบุตรเขยที่อายุมากกว่าตนหรอกหรือ” หยางเฉิงเห็นเป็นเรื่องขบขัน

            เจียงเฟิงที่เห็นท่าทีท่านอ๋องเช่นนี้ก็อดสงสารคุณหนูซูไม่ได้ ครั้งที่ฮูหยินซูและหวงกุ้ยเฟยยังมีพระชนม์อยู่ ทั้งสองสนิทสนมกันมาก คุณหนูซูในวัยเด็กยังเคยตามมารดามาเข้าเฝ้าหวงกุ้ยเฟย ใบหน้ากลมเล็กนั้นยิ้มแย้มกับทุกผู้ที่เดินผ่าน อีกทั้งยังใจดีนำขนมจากนอกวังมาให้เขา ที่ครั้งนั้นยังเป็นเด็กยากจนได้ลองชิมอยู่บ่อยครั้ง

                “ท่านอ๋องไม่คิดจะช่วยเหลือคุณหนูซูหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยก็ให้นางได้แต่งกับบัณฑิตหนุ่มสักคน” ขันทีหนุ่มเสี่ยงตายเอ่ยขอร้องแทนอวี้หนิง

            ทว่า หยางเฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นกลับตวัดตามามองขันทีข้างกาย

                “เจ้าลืมแล้วหรือไร ตอนนี้ข้าเป็นเพียงคนบ้า จะช่วยอันใดใครได้ อีกอย่างนางก็มีคนรักอยู่แล้ว ควรเป็นฉู่อ๋องที่ต้องช่วยนางในดวงใจไม่ใช่หรือ” ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะทรงอักษร

                “ข้ารับปากว่าจะช่วยให้ทายาทตระกูลเหรินอยู่รอด ไม่ได้จะช่วยให้ผู้ใดสมหวังในรัก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ตอนนี้เจ้าไปตรวจสอบสมบัติของข้าได้แล้วว่ายังอยู่ครบในคลังหลวงหรือไม่ หรือมีผู้ใดบังอาจโยกย้ายทรัพย์สินของข้า”

            หยางเฉิงเอ่ยพลางโยนบัญชีทรัพย์สินของตระกูลเหรินให้เจียงเฟิง ก่อนจะออกจากห้องทรงอักษรไป

            เจียงเฟิงมองตามหลังเจ้านาย ก่อนจะพึมพำกับตนเอง

                “ไร้หัวใจยิ่งนัก”

                “ข้าได้ยินนะ” หยางเฉิงที่เดินพ้นประตูไปแล้วกลับตะโกนกลับมา

จนขันทีหนุ่มหน้าซีดเผือด รีบค้อมกายส่งเสด็จอีกครั้ง

            ภายในท้องพระโรง เรื่องการสู่ขอหลานสาวทำให้หลินเหวินซานดูแก่ลงหลายสิบปี ทั้งที่เพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่วัน หยางเฉิงที่มีท่าทีเป็นเด็ก ยิ้มกว้างให้กับหลินเหวินซาน นั่นยิ่งทำให้ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เช่นเจ้ากรมคลังแค้นใจจนแทบกระอักเลือด ใครจะไปคาดคิดว่าคนบ้าเช่นฉินอ๋องจะคิดอยากมีพระชายาเช่นผู้อื่น อีกทั้งฮ่องเต้ยังมีราชโองการเจาะจงมายังตระกูลหลินอีก หากไม่รู้ว่าหลี่หยางเฉิงเสียสติไปแล้ว เขาคงคิดว่ามันเป็นการแก้แค้นเป็นแน่

            ฮ่องเต้เทียนอี้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรเอ่ยถามเรื่องงานแต่งของโอรสทันที

                “ว่าอย่างไรเล่าใต้เท้าหลิน หลานสาวท่านคนใดที่จะยกให้กับฉินอ๋อง”

            หลินเหวินซานถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนก้าวออกมาเบื้องหน้าบัลลังก์

                “ทูลฝ่าบาท หลานสาวกระหม่อม ซูเจินหยู วางตัวในกรอบ ประพฤติตามสี่คุณธรรม สามคล้อยตาม กระหม่อมจึงขอยกนางให้แต่งเข้าสู่จวนฉินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

            สิ้นเสียงของเหวินซาน รองเจ้ากรมโยธาอย่างซูจิ้งซวนก็มีท่าทีตกใจในทันที ก่อนจะหันไปมองหลินซือหานที่นิ่งสงบ ไม่มีท่าทีโต้แย้ง แม้อยากปกป้องผลประโยชน์ของตระกูลซู ทว่าจิ้งซวนขลาดกลัวเกินกว่าจะทูลคัดค้าน

            หยางเฉิงมองประเมินคนทั้งสามในเวลาอันรวดเร็ว ใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของเขาทำให้ผู้คนอ่านจิตใจไม่ออก

                “เช่นนั้นหรอกหรือ รองเจ้ากรมโยธาอบรมบุตรีได้ดีทีเดียว” ฮ่องเต้หันไปเอ่ยชมจิ้งซวน ทว่าสายตากลับไม่มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย

                “ขอบพระทัยฮ่องเต้ที่เมตตาบุตรีกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

            จิ้งซวนที่ไม่อาจทูลปฏิเสธได้ ทำได้เพียงขอบคุณในพระเมตตา ก่อนที่ฮ่องเต้จะหันมามองโอรสของตนที่ยืนไม่นิ่ง มองนั่นนี่ไปเรื่อย

                “ฉินอ๋องเล่า พอใจในตัวพระชายาของเจ้าหรือไม่”

                “พ่ะย่ะค่ะ ลูกพอใจมาก” หยางเฉิงยิ้มกว้างตอบฝ่าบาท ก่อนจะเผื่อแผ่รอยยิ้มนั้นไปยังขุนนางทุกคน

            ขุนนางที่เริ่มคุ้นชินกับท่าทีเสียสติของฉินอ๋องแล้ว ได้แต่ขบขันให้กับโชคชะตาของตระกูลหลินและตระกูลซู ยิ่งทำให้หลินเหวินซานอับอาย อยากจะหนีออกจากท้องพระโรงเสียเดี๋ยวนั้น ไม่ต่างจากจิ้งซวนที่คับแค้นใจจนไร้ที่ระบาย

                “ดี! เมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้าน รองเจ้ากรมโยธาก็รีบกลับจวนเถอะ ราชโองการของเราจะไปถึงในไม่ช้า”

            ฮ่องเต้เทียนอี้ตรัสจบ ก็เสด็จออกจากท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับฉินอ๋องและซูจิ้งซวน

                “ยินดีกับฉินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” เจ้ากรมอาญาเอ่ยด้วยใบหน้าเบิกบาน พลางปรายตามองรองเจ้ากรมโยธา

                “ฮ่า ฮ่า ขอบคุณใต้เท้าทุกท่าน วันงานอย่าลืมมาดื่มเหล้ามงคลของข้านะ เช่นนั้นข้า…ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมตัว” หยางเฉิงมีท่าทีเขินอาย ลุกลี้ลุกลนบอกลาทุกคน แล้ววิ่งออกจากท้องพระโรงไป ยิ่งเป็นที่ขบขันของเหล่าขุนนาง

                “ยินดีกับใต้เท้าซูที่จะได้เป็นพ่อตาท่านอ๋อง”

            เหล่าขุนนางเอ่ยยินดีกับจิ้งซวน ทว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ทำให้จิ้งซวนอยากจะอาเจียน ก่อนจะรีบไล่ตามหลินซือหานที่ออกจากท้องพระโรงมาก่อนตน

                “ใต้เท้าหลินหยุดก่อน!” จิ้งซวนที่วิ่งจนหอบเหนื่อยกว่าจะไล่ตามหลินซือหานได้ทันที่หน้าประตูวังพอดี

            หลินซือหานหยุดเดินก่อนหันกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

                “ใต้เท้าซูมีเรื่องอันใดหรือไม่”

                “เหตุใดท่านไม่มีท่าทีเดือดดาลเลยเล่า เจินเอ๋อร์เป็นหลานสาวของท่านนะ ท่านไม่ใช่ว่าจะสนับสนุนนางให้ได้แต่งเข้าจวนแม่ทัพหรอกหรือ” จิ้งซวนฉงนกับท่าทีใจเย็นของอีกฝ่าย

                “แต่งกับจวนอ๋องก็ใช่ว่าจะไม่ดี เป็นพระชายาฉินอ๋องย่อมดีกว่าเป็นฮูหยินรองของคุณชายมู่มิใช่หรือ อย่างไรมู่หรงชิงก็หมั้นหมายกับจวนเสนาบดีเว่ย ท่านก็รู้ว่าบัณฑิตเว่ยผู้นี้เป็นสหายของฮ่องเต้ ถึงตระกูลหลินจะทูลขอให้เจินหยูได้แต่งเข้าจวนมู่ ฮ่องเต้ก็ไม่ทรงยอมให้นางทัดเทียมกับบุตรสาวสหายแน่”

            ในราชสำนักมีผู้ใดไม่รู้ ฮ่องเต้ไว้วางใจเว่ยจิ้นหงผู้นี้มากกว่าผู้ใด มิเช่นนั้นเพียงสิบสองปี เขาคงไม่ก้าวหน้าในราชสำนักเร็วเพียงนี้ จากบัณฑิตสอนตำราเหล่าองค์ชาย กลายเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายได้เร็วเพียงนี้

            ทว่าเหตุผลนี้กลับไม่ได้ทำให้ซูจิ้งซวนพอใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยโทสะ

            “นี่! เหตุใดท่านจึงเอ่ยอย่างไม่ไยดีเช่นนี้เล่า ไหนท่านว่าอยากเป็นผู้สืบทอดตระกูลหลินอย่างไรเล่า ไม่ใช่ว่าท่านก็ต้องการการสนับสนุนจากตระกูลมู่ด้วยมิใช่หรือ จวนฉินอ๋องก็มีเพียงเปลือกที่ฮ่องเต้ใช้ปกป้องโอรสเท่านั้น จะช่วยสนับสนุนท่านได้อย่างไร”

            อีกฝ่ายไม่คิดตอบคำถามของจิ้งซวน

                “หึ! เรื่องของข้า ใต้เท้าซูอย่าทำเป็นรู้ดี” เอ่ยจบ หลินซือหานก็สะบัดแขนเสื้อจากไป

            จิ้งซวนทำได้เพียงกลับจวนด้วยความคับแค้นใจ

            ภายในโถงเรือนใหญ่ ทั้งมารดา หลินซือเหยียน และซูเจินหยูต่างรอเขาอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเขากลับมา หลินซือเหยียนจึงไม่คิดให้เขาหยุดพัก

                “ท่านพี่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ เป็นหลินซื่อเหม่ยที่ต้องแต่งเข้าจวนฉินอ๋องใช่หรือไม่”

                “อาซวน รีบตอบเร็วเข้า แม่กลุ้มใจจะแย่แล้ว”

            ซูจือเหลียงที่กลัดกลุ้มมาหลายวันช่วยเร่งบุตรชายอีกแรง ไม่ต่างจากเจินหยูที่จ้องมองบิดาด้วยความร้อนใจไม่แพ้กัน

                “ไหนเจ้าบอกว่ากำชับพี่ชายเจ้าไม่ให้อ่อนข้อให้ใต้เท้าหลินมิใช่หรืออย่างไร เหตุใดหลินซือหานจึงเห็นดีเห็นงามให้ส่งเจินเอ๋อร์แต่งให้ฉินอ๋องได้เล่า” จิ้งซวนหันกลับไปตวาดอนุของตน

            หลินซือเหยียนนิ่งงันกับคำตอบที่ได้รับ

                “ว่าอย่างไรนะ! จะเป็นไปได้อย่างไร ข้ากำชับเขาอย่างดิบดี ท่านพี่ก็รับปากข้าแล้ว!” หลินซือเหยียนส่ายหน้าไม่ยอมรับ

                “หากเขายินดีช่วยจริง เหตุใดราชโองการจึงจะมาที่ตระกูลซูเล่า!”

จิ้งซวนสะบัดแขนเสื้อด้วยความเดือดดาล

            ฮูหยินเฒ่าที่ได้ยินเช่นนั้นก็ล้มพับลงทันที

                “ท่านแม่! ท่านแม่!”

            ความโกลาหลเกิดขึ้น จิ้งซวนต้องออกคำสั่งให้สาวใช้พาฮูหยินเฒ่ากลับเรือน พลางให้คนไปตามหมอมาดูอาการ

            ซูเจินหยูที่เพิ่งได้สติ รีบเข้าไปขวางหน้าบิดาไว้

                “ท่านพ่อ! ข้าไม่ยอมนะ! ข้าไม่แต่งกับเจ้าคนบ้านั่นแน่!”

            จิ้งซวนที่รีบร้อนจะไปดูอาการมารดา กลับถูกขวางทางด้วยบุตรีที่ไม่รู้กาลเทศะ ความเดือดดาลจึงเพิ่มมากขึ้น

                “หุบปากของเจ้าซะ! ไม่เห็นหรือว่า ท่านย่าของเจ้าหมดสติไปแล้ว ช่างไม่รู้อันใดควรไม่ควร!”

            เสียงตวาดของบิดาทำให้เจินหยูที่ไม่เคยถูกปฏิบัติด้วยเช่นนี้สะดุ้งตกใจ จนไม่กล้าขยับ

            ซือเหยียนที่ร้อนใจเรื่องของบุตรีไม่ต่างกัน เมื่อเห็นสามีกระทำเช่นนี้ ยิ่งไม่พอใจ

                “ท่านกล้าตวาดลูกได้อย่างไร! ลืมแล้วหรือนางเป็นหลานสาวเจ้ากรมคลังนะ!” หลินซือเหยียนกระชากแขนสามีให้หันมาอธิบาย

            จิ้งซวนที่ไม่เคยถูกใครทำกิริยาต่ำทรามเช่นนี้ต่อหน้า ก็ไม่อาจระงับโทสะได้ ก่อนที่มือหนาจะฟาดเข้ายังใบหน้าของซือเหยียนจนล้มลง ท่ามกลางความตะลึงงันของซูเจินหยู

                “ท่านกล้าตบข้าหรือ! ลืมไปแล้วหรือไรว่าข้าเป็น...”

                “บุตรีของเจ้ากรมคลัง! เลิกใช้คำนี้ข่มขู่ข้าเสียที! ตอนนี้เจ้ากับลูกจะถูกตระกูลหลินตัดขาดแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ!”

            ซูจิ้งซวนตวาดอนุของตนโดยไม่เกรงบ่าวไพร่จะได้ยิน ก่อนจะเร่งรีบไปดูอาการของมารดา ปล่อยให้หลินซือเหยียนอาละวาดลั่นในโถงเรือนโดยไม่ไยดี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทพิเศษ

    หลี่หยางเฉิงพาชายาของตนและบุตรชายกลับจวนแม่ทัพ ตอนนี้เขาไม่คิดรีบร้อนกลับฉางเล่อแล้ว เพียงแค่ซูอวี้หนิงและลูกชายอยู่ที่ใด เขาย่อมเลือกที่นั่น หลี่หยางอี้ที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางสิบวันผล็อยหลับในอ้อมกอดของบิดา หยางเฉิงจ้องมองใบหน้าน้อย ๆ นั้นอย่างรักใคร่ เช่นเดียวกับซูอวี้หนิงที่นั่งจ้องมองสองพ่อลูกด้วยแววตาอ่อนโยน รถม้าหยุดลงหน้าจวน หยางเฉิงอุ้มเด็กน้อยวางลงบนเตียงในเรือนรับรองอย่างแผ่วเบา ก่อนจะนั่งมองลูกชายอยู่พักใหญ่ “ฮูหยินช่างใจร้ายนัก ปิดบังข้าได้ตั้งสามปี ไม่สงสารข้าบ้างเลยหรือ” บุรุษตัวสูงเงยหน้าขึ้นมองชายาด้วยแววตาเสียใจ อวี้หนิงเห็นแล้วก็เสียใจไม่น้อย “หม่อมฉันผิดต่อท่านอ๋องเองเพคะ เพราะเกรงท่านอ๋องจะละทิ้งทุกอย่างแล้วกลับมาหาหม่อมฉันและลูก หากเป็นเช่นนั้นชาวต้าหยางอีกสักเท่าไหร่จะต้องทนทุกข์” หยางเฉิงลุกขึ้นกอดร่างบางไว้แน่น ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น “รู้หรือไม่ข้ากลัวมากเพียงใด กลัวเจ้าจะไม่รอข้า กลัวข้าจะไม่ได้กลับไปพบเจ้า กลัวจะทิ้งเจ้าไว้เพียงผู้เดียว”

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 82 คัดค้านงานอภิเษก

    หยางเฉิงรีบส่ายหน้าปฏิเสธโดยเร็ว ในใจเขายินดียิ่งกว่าอะไร เหตุใดจะกล้าตำหนินางได้เล่า “ไม่เลย ข้าดีใจที่ฮูหยินขัดคำสั่งข้าครั้งนี้” หยางเฉิงเอ่ยพลางจุมพิตบนหน้าผากบาง “ท่านแม่” เสียงเด็กน้อยที่งัวเงียตื่นดังขึ้นภายในรถม้า ทำให้หลี่หยางเฉิงชะงักงัน นี่เขาหูฝาดหรือ “เสียงเด็กที่ไหนกัน” หยางเฉิงคลายอ้อมกอด พลางหันไปทางรถม้า อวี้หนิงยิ้มบาง ก่อนเรียกคนที่อยู่ในรถม้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อี้เอ๋อร์ ลงมาหาแม่เร็วเข้า” ฉินอ๋องยิ่งตกใจเมื่อนางแทนตัวเองว่าแม่ ทว่ายังไม่ทันให้เขาถามอันใด เด็กน้อยตัวขาว ใบหน้าหล่อเหลาตั้งแต่เด็กก็ปรากฏตัวขึ้น ก่อนที่จะเป็นอวี้หนิงจะอุ้มเขาลงจากรถม้า “ท่านอ๋อง เป็นอันใดหรือไม่เพคะ” นางมั่นใจว่าบัดนี้ฉินอ๋องตัวแข็งทื่อและไม่ได้หายใจด้วยซ้ำ “นี่คือใครกัน” มือของหยางเฉิงสั่นเทา ชี้มายังเด็กชายตรงหน้า น้ำเสียงนั้นก็หาความมั่นคงไม่ได้ “ลูกอย่างไรเล่าเพคะ” “ลูกหรือ! นี่หนิงเอ๋อร์เจ้า… เจ้าแต่งงานใหม่หรือ เหตุใ

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 81 รอคอย

    หลังหลี่หยางเฉิงจากไป เหรินฮูหยินที่รู้จากเสี่ยวเหม่ยว่าหลานสาวตั้งครรภ์ จึงรีบมารับตัวไปอยู่ด้วยกันที่ตระกูลเหริน ฮูหยินเฒ่าทั้งร้องไห้ทั้งตำหนิหลานสาวที่ไม่ยอมบอกเรื่องตั้งครรภ์กับฉินอ๋อง แต่เก็บซ่อนไว้เพียงผู้เดียว แม้นางมีเหตุผลเพราะเกรงฉินอ๋องจะห่วงหน้าพะวงหลัง แต่กระนั้นควรให้เขาได้ดีใจไม่ใช่หรือ ทว่าซูอวี้หนิงก็ยืนกรานอย่างเด็ดขาด ว่าหากสงครามยังไม่จบสิ้นห้ามบอกเรื่องนี้กับท่านอ๋อง แม้แต่คนของเขาอู่ถงเองก็ไม่อาจขัดคำสั่งนางได้ เรื่องนี้จึงถูกเก็บเงียบไม่ให้คนอยู่ไกลได้เป็นห่วง วันเวลาค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไป พร้อมกับความห่วงหาของอวี้หนิงที่มีต่อสามีที่ก่อตัวขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนนางแทบทนรอไม่ได้ แม้ข่าวของเขาจะถูกเจียงเฟิงควบม้าเร็วมาบอกทุกเดือน ด้วยหลี่หยางเฉิงไม่ไว้ใจผู้ใด หากข่าวนั้นไม่ได้ส่งต่อจากเจียงเฟิงก็ห้ามให้นางเชื่อเป็นอันขาด เช่นนั้นนางจึงเฝ้ารอเจียงเฟิงอยู่ทุกเดือน แม้จะมีกู้เผยอี้เทียวพาพี่สะใภ้ของตนแวะเวียนมาพูดคุยอยู่แทบทุกวัน กระนั้นก็ไม่อาจคลายเหงาให้นางลงได้ “พระชายา ยายว่าเจ้าบอกท่านอ๋องดีหรือไม่ บัดนี้อี้เอ๋อร์ก็ครบหนึ่งป

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 80 ศึกนี้เพื่อฮูหยิน

    ซูอวี้หนิงแม้แปลกใจในคำพูดของคนเบื้องหน้า แต่กระนั้นนางยังพยักหน้าเห็นด้วย “ดีเพคะ แต่ท่านอ๋องทำได้หรือ” หลี่หยางเฉิงยิ้มอบอุ่นให้กับนาง “เพียงเจ้าต้องการ ข้าทำได้ทั้งสิ้น” เอ่ยจบก็จุมพิตลงบนหน้าผากเนียน โดยไม่สนสายตาบุรุษทั้งสามที่จับจ้องอยู่ จนคนแอบรักอย่างหย่งเฉินจำต้องหันมองไปทางอื่น ก่อนที่ฉินอ๋องจะจูงมือชายาของตนกลับมา “ข้าจะกลับฉางเล่อไปพร้อมท่าน” คำพูดของหลี่หยางทำให้อวี้หนิงประหลาดใจ แต่ไม่ใช่กับหลี่หวงหยูและเว่ยหย่งเฉินที่คาดเดาคำตอบเอาไว้แล้ว “หึ! เป็นแผนของเจ้าสินะ” เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคู่แข่งหัวใจ หลี่หยางเฉิงก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “กระหม่อมเพียงอยากให้ต้าหยางสงบสุข เฉกเช่นพระชายาฉินอ๋องต้องการพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยหย่งเฉินไม่ปฏิเสธ เป็นเขาที่ต้องการให้เหล่าสตรีพวกนี้มาพบซูอวี้หนิง เพราะคนจิตใจบริสุทธิ์เช่นนางย่อมไม่ปรารถนาให้เกิดสงคราม และคนที่ตามใจภรรยาแทบจะถวายชีวิตให้อย่างฉินอ๋องย่อมไม่มีวันปล่อยให้นางทุกข์ใจเป็นแน่ จากนั้นเขากับไท่จื่อก็เพียงนำค

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 79 คนที่ไม่ต้องการพบ

    หลี่หยางเฉิงมีหรือจะไม่รู้ว่าตอนนี้นางกลัวสิ่งใด จึงรีบกุมมือนางไว้แน่น “ฮูหยิน ข้าไม่ได้คิดจะหลอกเจ้า เพียงแต่การที่ตัวข้าต้องอยู่อย่างหวาดกลัวมาสิบสองปี ต้องระวังไม่ให้ถูกสังหารอยู่ทุกวัน ทำให้ข้าไม่อาจเชื่อใจผู้ใดได้ หากเรื่องเกิดกับข้าก็แล้วไป แต่หากเกี่ยวกับเจ้าเล่า เรื่องนี้ข้าทนไม่ได้ เขาชิงหนิงนี้จึงมีคนของข้าคอยคุ้มอยู่นับพัน เจ้าอย่าเคืองข้าได้หรือไม่” หยางเฉิงเอ่ยด้วยสายตาอ้อนวอน เมื่อรู้เช่นนี้นางถึงเข้าใจอย่างกระจ่างว่าเหตุใดคนที่นี่จึงดูสุภาพกับนางนัก ทั้งพ่อค้า แม่ค้า ชาวเมือง บางทีก็ลอบสังเกตนางอยู่หลายครั้ง “กระนั้นท่านอ๋องก็คิดปิดบังหม่อมฉันไม่ใช่หรือ” “ข้า...” หยางเฉิงอยากจะอธิบายทว่ากลับคิดคำอธิบายไม่ได้ ที่นางเอ่ยมาไม่ผิด จะด้วยเหตุผลใดเขาก็คิดปิดบังนางจริง “หนิงเอ๋อร์ ข้าทำผิดอีกแล้ว ช่วยอภัยให้ข้าได้หรือไม่” บุรุษที่องอาจบัดนี้มีท่าทีราวกับเจ้า ชิงชิง แมวขาวขนปุยที่กำลังขอความเมตตาจากเจ้านาย อวี้หนิงไม่ได้ขุ่นเคืองเขา เพียงแต่นางไม่เห็นความจำเป็นใดที่ต้องปิดบังนาง

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 78 เขาชิงหนิง

    เวลาเพียงหนึ่งเดือน ทัพตระกูลเหรินต้องเร่งเดินทางไปสมทบกับแม่ทัพเหิงหมิงฮ่าว แม้ครั้งนี้แม่ทัพใหญ่จะให้กองทัพตระกูลมู่โยกทหารในมือที่ปกป้องแคว้นฝั่งเทียนไห่ ที่บัดนี้สงบมาหลายปี ช่วยตระกูลเหรินทำศึกกับต้าเหลียง ถือเป็นการเลือกหนุนไท่จื่อองค์ใหม่อย่างชัดเจน ทว่าครั้งนี้อ๋องต้าเหลียงที่ซุ่มศึกษาต้าหยางนานหลายปี ไม่คิดจะรามือโดยง่าย การศึกยืดเยื้อและมีทีท่าว่าจะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ราษฎรไม่น้อยต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ หนีตายเดินทางเข้าเมืองหลวง ทุกย่อมหญ้าบัดนี้มีแต่ความระทมทุกข์ ทว่ากลับไม่ใช่ที่เขาชิงหนิง ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ไม่น้อย ทว่าที่นี่กลับสงบสุขไร้ความวุ่นวาย เรือนหลังใหญ่ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่บัดนี้อบอวลไปด้วยความรัก หลี่หยางเฉิงถือโอกาสที่ราชสำนักวุ่นวาย กังวลเรื่องการศึก พาซูอวี้หนิงย้ายออกมาอยู่ตามลำพัง อย่างที่นางปรารถนามาช้านาน ในที่นี้พวกเขากลับเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ไม่มีผู้รู้ที่มาของพวกเขา ชาวบ้านต่างคาดเดาว่าเป็นคหบดีในเมือง อยากใช้ชีวิตเรียบง่ายตามป่าเขาก็เท่านั้น ซูอวี้หนิงแม้เป็นห่วงคนตระกูลเหริน ทว่าก็ไม่อาจขัดใจฉิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status