Home / รักโบราณ / ดรุณีกลางใจอ๋อง / บทที่ 11 ราชโองการ

Share

บทที่ 11 ราชโองการ

last update Last Updated: 2025-10-23 16:58:53

            ภายในเรือนหอมบุปผา อวี้หนิงที่เอาแต่ตรวจบัญชีสินเดิมของมารดาอยู่ในห้องโดยไม่ออกไปพบผู้ใดมาหลายวัน กลับถูกดึงความสนใจจากความโกลาหลภายนอกเรือน

                “เสี่ยวเหม่ย เกิดอันใดขึ้น”

            เสี่ยวเหม่ยผู้ทำหน้าที่สอดส่องความเคลื่อนไหวภายในจวน รีบเข้ามารายงาน

                “ฮูหยินใหญ่เป็นลมหมดสติเจ้าค่ะ ส่วนอนุหลินกับคุณหนูรองก็อาละวาดเรื่องที่ต้องแต่งเข้าจวนฉินอ๋อง นายท่านถึงขั้นตบหน้าอนุหลินเพราะบันดาลโทสะเลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวเหม่ยอธิบายตาโต

            อวี้หนิงก็ตกใจไม่ต่างกัน แต่ไหนแต่ไรบิดาของตนไม่กล้าขัดใจตระกูลหลินด้วยซ้ำ ครั้งนี้ถึงขั้นตบหน้าหลินซือเหยียน คงไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว

                “ไปดูกัน” อวี้หนิงเอ่ย พลางลุกขึ้นเดิน โดยมีเสี่ยวเหม่ยนำเสื้อคลุมมาสวมทับให้

            ภายในจวนยังไม่ทันที่ซูจิ้งซวนจะจัดการกับปัญหา เจากงกงก็อัญเชิญราชโองการมาเสียแล้ว ขันทีเฒ่าหยุดอยู่หน้าลาน มองเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนจะเรียกให้ซูจิ้งซวนออกมารับราชโองการ

                “กระหม่อมรับราชโองการ” จิ้งซวนคุกเข่าลงกับพื้น ด้านหลังเป็นหลินซือเหยียน พร้อมทั้งอวี้หนิงและเจินหยู และอนุเล็ก ๆ ที่ออกมาดูความสนุกก็คุกเข่ารับราชโองการเช่นกัน

                “ซูเจินหยู บุตรีคนรองเจ้ากรมโยธา รูปโฉมงดงาม กริยาเรียบร้อย เหมาะสมเป็นชายาฉินอ๋อง อีกสิบห้าวันจัดพิธีมงคลตั้งเป็นพระชายาฉินอ๋อง จบราชโองการ”

            ซูเจินหยูสะอื้นไห้ไม่ยอมหยุด จนกระทั่งเจากงกงอ่านราชโองการจบ นางก็ยังไม่ยินดีรับ

                “คุณหนูรองซู ราชโองการฮ่องเต้ ท่านจะไม่รับหรือ?” เจากงกงถามเสียงเย็น

            ซูจิ้งซวนถลึงตามองบุตรีให้รีบรับราชโองการ

            เจินหยูยังไม่อยากยอมรับ นางหันมองมารดาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ซือเหยียนก็ไม่อาจช่วยอันใดได้ ยิ่งทำให้นางคับแค้นใจเข้าไปอีก

                “ข้า...หม่อมฉัน...หม่อมฉันรับราชโองการเพคะ ฮึก~” เจินหยูรับราชโองการทั้งที่ใบหน้ายังอาบไปด้วยน้ำตา อวี้หนิงได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

                “ในเมื่อรับราชโองการแล้ว คุณหนูรองซูก็เตรียมตัวดี ๆ เถอะ” เจากงกงกำชับเสียงเย็นก่อนจากไป

            อวี้หนิงเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน จึงให้เสี่ยวเหม่ยประคองกลับเรือน

            ซูเจินหยูกลับมาร้องห่มร้องไห้โวยวายอีกครั้ง

                “ท่านพ่อ ข้าไม่แต่งนะเจ้าคะ ฮือ ๆ ข้าไม่อยากมีสามีเป็นคนบ้าเสียสติเช่นนั้น”

                “เช่นนั้นให้อวี้หนิงแต่งแทนดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านพี่” หลินซือเหยียนเอ่ยอย่างกระตือรือร้น พลันหันไปมองบุตรีฮูหยินเอกด้วยแววตามาดร้าย

            อวี้หนิงมองเห็นสายตาคู่นั้นเช่นกัน ทว่านางกลับไม่สนใจ จะอย่างไรราชโองการนี้น้องสาวของนางและอนุตระกูลหลินก็ต้องรับไว้อยู่วันยังค่ำ

                “เจ้าอยากตายหรืออย่างไร! เจ้ากล้าขัดราชโองการหรือ!” จิ้งซวนหันมาตวาดซือเหยียน

                “ท่านพี่ก็ให้อวี้หนิงทูลขอกับฮ่องเต้สิเจ้าค่ะ ฝ่าบาททรงเมตตานางอยู่แล้วย่อมไม่เอาโทษตระกูลซูแน่” หลินซือเหยียนคิดใช้ความเมตตาของฮ่องเต้ช่วยบุตรสาว โดยซูเจินหยูรีบพยักหน้าเห็นด้วย

            อวี้หนิงที่คิดจะเดินกลับเรือนอย่างเงียบ ๆ กลับต้องหยุดฝีเท้าลงเมื่อนางถูกลากไปเกี่ยวข้องด้วย

                “เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอันใดกับข้าแม้แต่น้อย หลินอี้เหนียง เจ้าก็หาทางอื่นเถอะ” นางหันมาเอ่ยกับอนุของบิดา ก่อนจะหมุนกายกลับเรือนไป

                “เจ้า!” หลินซือเหยียนเมื่อไม่อาจบังคับอวี้หนิงได้ ทำได้เพียงก่นด่านางตามหลัง

            เจินหยูที่เห็นเช่นนั้นยิ่งร้อนรน นางไม่มีวันที่จะให้อวี้หนิงมีความสุขเหนือตัวเองเด็ดขาด

                “ท่านแม่! ข้าไม่แต่งนะเจ้าคะ ฮึก” หญิงสาวร้องห่มร้องไห้บีบให้มารดาช่วยเหลือ

            หลินซือเหยียนที่เห็นเช่นนั้นก็จนปัญญา หันไปมองสามีเพื่อหาทางแก้ไข

            จิ้งซวนมองตามหลังบุตรสาวคนโตพลางครุ่นคิด ใช่ว่าเขามีบุตรีเพียงคนเดียว หากตระกูลหลินละทิ้งหลินอี้เหนียงแล้ว เขาก็ยังมีซูอวี้หนิงที่โดดเด่นกว่าซูเจินหยูทุกด้าน การเกี่ยวดองกับตระกูลใหญ่ก็ใช่ว่าจะหมดหนทาง

            หลินซือเหยียนมีหรือจะคาดเดาความคิดของสามีตนไม่ออก ทว่านางไม่ยอมให้ตนถูกละทิ้งง่ายเช่นนี้แน่

            หลิวอี้เหนียง และฟ่านอี้เหนียงที่เห็นเรื่องสนุกมากพอแล้ว ต่างยิ้มหยันสองแม่ลูก แล้วพาบุตรสาวของตนจากไป พวกนางต่างพากันสาแก่ใจ ด้วยหลินซือเหยียนนั้นโหดร้ายอำมหิต พวกนางรู้อยู่แก่ใจหากอนุคนใดคลอดบุตรชาย เด็กน้อยนั้นต่างก็ต้องป่วยตายตั้งแต่ยังไม่ครบเดือน เช่นนั้นแล้วพวกนางจึงมีเพียงบุตรสาวไว้อยู่ข้างกาย เรื่องนี้ล้วนเป็นฝีมือของบุตรสาวตระกูลหลินที่ไม่อาจมีบุตรชายได้ แม้พวกนางจะเคยบอกความจริงสามี ทว่าซูจิ้งซวนที่เกรงกลัวอำนาจของตระกูลหลินกลับนิ่งเฉย ไม่สนความเป็นตายของบุตรชายของตน

            ด้านจวนฉินอ๋อง หยางเฉิงกำลังนั่งฟังรายงานจากเจียงเฟิงด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

                “ทูลท่านอ๋อง ตอนนี้ดูท่าตระกูลหลินจะละทิ้งหลินซือเหยียนกับตระกูลซูแล้ว หลินกุ้ยเฟยเกลี่ยกล่อมให้เจ้ากรมคลังมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไปให้หลินซือหาน ทำให้หลินฮัวเต๋อไม่พอใจโวยวายยกใหญ่ เพียงแต่ไม่นานก็เงียบสงบลง เช่นเดียวกับเรือนรองที่รับข้อเสนอ ทำให้เผือกร้อนนี้ตกอยู่ในมือของตระกูลซูแทนพ่ะย่ะค่ะ”

                “หึ! หลินกุ้ยเฟยแก้ไขเหตุการณ์ตรงหน้าได้ดีนี่ เพียงแต่จะคิดกำจัดหลินซือหานในภายหลังนั้นคงไม่ง่ายนัก” หยางเฉิงเหยียดยิ้ม ก่อนยกชาขึ้นดื่ม

            เจียงเฟิงที่เห็นท่าทีนิ่งสงบของท่านอ๋องจนเขาต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทน

                “องค์ชาย~ ซูเจินหยูผู้นี้หยาบกระด้าง ใช้อำนาจข่มเหงบ่าวไพร่ระรานผู้อื่นไปทั่ว ท่านจะแต่งนางจริงหรือ? มิสู้เป็นหลินซูเหม่ยที่อ่อนหวานเพียบพร้อมกว่าไม่ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีข้างกายอดห่วงความสงบสุขของท่านอ๋องเสียไม่ได้

            หยางเฉิงครุ่นคิดเพียงครู่ก่อนเอ่ยตอบ

                “เป็นใครก็ไม่ต่างกัน ใช่ว่าข้าจะปฏิบัติเช่นสามีกับพวกนาง”

            ถึงแม้ตอบเช่นนั้น แต่การแต่งกับซูเจินหยูดูเหมือนจะมีข้อดีอยู่บ้าง ด้วยว่าตระกูลซูหมายตาจะให้นางแต่งกับมู่หรงชิงพร้อมกับเว่ยซินเอ๋อร์ ด้วยคิดใช้บุญคุณเก่าก่อนที่ในอดีต นายอำเภอซู บิดาของซูจิ้งซวนเคยช่วยให้แม่ทัพมู่พ้นข้อกล่าวหาจากหญิงชาวบ้านที่กล่าวหาว่าถูกเขาขืนใจ...

ด้วยว่าตระกูลซูหมายตาจะให้นางแต่งกับมู่หรงชิงพร้อมกับเว่ยซินเอ๋อร์ ด้วยคิดใช้บุญคุณเก่าก่อนที่ในอดีต นายอำเภอซู บิดาของซูจิ้งซวน เคยช่วยให้แม่ทัพมู่พ้นโทษจากข้อกล่าวหาหญิงชาวบ้านว่าถูกเขาขืนใจจนตั้งครรภ์ ครั้งนั้น ฮ่องเต้ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานทรงกริ้วอย่างมาก พยานหลักฐานแน่นหนาจนมิอาจดิ้นหลุด เป็นนายอำเภอซูที่สืบหาความจริงจนกระจ่าง ทำให้แม่ทัพมู่ไม่ต้องรับโทษ การที่เจินหยูต้องแต่งเข้าจวนอ๋องครั้งนี้ ย่อมทำให้ซินเอ๋อร์ไม่ต้องทุกข์ใจเพราะสตรีเช่นคุณหนูรองซู

            เจียงเฟิงที่พอคาดเดาได้ว่าเจ้านายของตนยินดีที่จะแต่งซูเจินหยูเพราะคุณหนูเว่ย จึงไม่ทูลอันใดอีก

            เหลือเวลาเพียงสิบห้าวันก่อนพิธีมงคล ตระกูลซูจึงเร่งมือเตรียมการยกใหญ่ แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็วุ่นวายกำชับงานบ่าวไพร่ ใบหน้าที่เคยอมทุกข์นั้นหายไปสิ้น

            ด้วยว่าซูจิ้งซวนได้เอ่ยหว่านล้อมให้มารดาสบายใจ หญิงชราที่คิดได้ว่าตนเองยังเหลือหลานสาวที่โดดเด่นกว่าอยู่ในมือ และไม่มีตระกูลหลินบงการอยู่ภายนอก นี่ยิ่งทำให้นางอารมณ์เบิกบาน ผิดกับหลินซือเหยียนที่ออกจากจวนไม่เว้นวัน ไม่ได้สนใจงานมงคลของบุตรสาวแม้แต่น้อย ก่อนที่สองวันต่อมา เจ้ากรมคลังจะมาเยือนตระกูลซูด้วยตัวเอง ซูจิ้งซวนที่เห็นเช่นนั้นก็หน้านิ่วคิ้วขมวด เขารู้ได้ทันทีว่าการมาของตระกูลหลินไม่ใช่เรื่องดีกับตระกูลซูแน่ กระนั้นซูจิ้งซวนก็ไม่อาจบอกปัดอีกฝ่ายได้ จำต้องเป็นเจ้าบ้านต้อนรับการมาเยือน

            หลินเหวินซานมาพร้อมหลินซือหาน บุตรชายคนรอง ด้านนอกยังมีทหารคุ้มกันอีกหลายสิบคน ซูจิ้งซวนและมารดารออยู่ในเรือนรับรองก่อนแล้ว เมื่อหลินเหวินซานเดินเข้ามา ทั้งสองจึงลุกขึ้นเคารพ ด้วยฐานะของจวนซูไม่อาจเทียบกับจวนหลินได้

                “ข้ามาวันนี้ด้วยเรื่องของเจินเอ๋อร์” ใต้เท้าหลินเอ่ยโดยไม่อ้อมค้อม เมื่อทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

            จิ้งซวนหันมองอนุของตนที่ยืนอยู่เบื้องหลังอีกฝ่าย หลินซือเหยียนเองก็ไม่ยอมหลบสายตาเขาแม้แต่น้อย

                “ท่านพ่อตา เชิญเอ่ย”

                “ข้าพึ่งนึกได้ว่าฮ่องเต้เห็นฮูหยินของเจ้าเป็นดั่งน้องสาว เช่นนั้น หากบุตรีสาวคนโตของเจ้าขอแต่งเข้าจวนอ๋องแทนเจินเอ๋อร์ ฝ่าบาทคงไม่ขัดข้องกระมัง”

            หลินเหวินซานเอ่ยโดยไม่ไยดี

            ทว่าซูจิ้งซวนกับฮูหยินเฒ่ากลับมีท่าทีแตกตื่น

                “ใต้เท้าหลินโปรดไตร่ตรอง เรื่องของฮูหยิน ข้าเคยทำให้ฮ่องเต้แค้นเคืองไม่น้อย หากข้ายังบังคับบุตรีให้ทำเช่นนี้อีก เกรงว่าตระกูลซูคงไม่อาจหนีความผิดได้”

                “หึ! แค่บุตรสาวคนเดียว เจ้าไม่มีปัญญาจัดการเลยหรืออย่างไร”

            หลินเหวินซานไม่ได้มีท่าทีเห็นอกเห็นใจ ซ้ำยังตำหนิเจ้าของจวนต่อหน้าธารกำนัล

                “นี่!” จิ้งซวนแม้ไม่พอใจ ก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน ไม่กล้าต่อกร

            หลินซือเหยียนที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มได้ใจ

            ฮูหยินเฒ่าที่เห็นบุตรชายของตน ซึ่งเป็นถึงขุนนางขั้นสาม ถูกต่อว่าเช่นนี้ก็ไม่พอใจ เอ่ยตำหนิอีกฝ่ายทันที

                “เหอะ! เรื่องการแต่งงาน ราชโองการก็ออกมาแล้ว เป็นพวกท่านเองที่อยากให้นางแต่งเข้าจวนอ๋อง แล้วครานี้ไยต้องให้ตระกูลซูแก้ไขเรื่องวุ่นวายนี้ด้วย”

            หลินซือหานที่นั่งฟังอยู่นาน จ้องมองฮูหยินเฒ่าด้วยแววตาเย้ยหยัน

                “หึ! ฮูหยินเฒ่าคงคิดจะให้หลานสาวคนโตแต่งเข้าตระกูลสูงศักดิ์ เพื่อส่งเสริมตระกูลซูกระมัง แต่ลืมไปแล้วหรือ ว่าตระกูลมารดาของนางต้องโทษฐานกบฏ ท่านคิดว่าจะมีตระกูลใดกล้าแต่งนางเข้าเล่า”

            ซูจือเหลียงที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างอวี้หนิงกับฉู่อ๋องอยู่มาก ก็ไม่คิดเกรงกลัวคำพูดอีกฝ่าย

                “ไม่แน่ว่าฉู่อ๋องอาจจะไม่ได้คิดเช่นใต้เท้ากระมัง”

            ไม่ต้องรอให้บุตรชายตอบโต้ หลินเหวินซานก็เอ่ยให้อีกฝ่ายเข้าใจอย่างกระจ่าง

                “หากคิดว่าซูอวี้หนิงจะได้เป็นพระชายาของฉู่อ๋อง พวกเจ้าคงต้องผิดหวังแล้ว เรื่องที่แม่สื่อเข้าออกตระกูลซูอยากสู่ขอบุตรสาวท่านไปเป็นอนุ โด่งดังไม่น้อย เหตุใดฉู่อ๋องไม่แสดงท่าทีอันใดเล่า? นี่ก็ช่วยยืนยันแล้วว่านางไม่มีวันได้เป็นพระชายาฉู่อ๋องเป็นแน่”

            ซูจิ้งซวนที่ใคร่ครวญตาม ก็เห็นเป็นจริง ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วที่แม่สื่อเข้าออกจวนซู แต่ฉู่อ๋องกลับไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้เลย ใบหน้าเขาจึงกลัดกลุ้มไม่น้อย

            หลินเหวินซานที่เห็นเช่นนั้น ก็เอ่ยทิ้งท้ายก่อนกลับ

                “ตระกูลซูคิดให้ดีเถิด ซูอวี้หนิงจะช่วยสนับสนุนตระกูลซูได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องของวันข้างหน้า แต่ตระกูลหลินสามารถทำลายตระกูลซูได้ นั้นสามารถเกิดขึ้นได้เดี๋ยวนี้”

            ซือเหยียนที่เห็นท่าทีลำบากใจของทั้งจิ้งซวนและฮูหยินเฒ่า ก็ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนรีบออกไปส่งบิดากลับจวน

            ซูจือเหลียงที่ได้ยินคำขู่เช่นนั้น ก็นึกหวาดกลัว รีบเอ่ยถามบุตรชายด้วยความร้อนรน

                “อาซวน เราจะทำอย่างไรกันดีเล่า? หรือว่าควรจะทำอย่างที่เจ้ากรมคลังต้องการดีหรือไม่”

                “ท่านแม่! อย่าพึ่งถามข้าเลย ขอให้ข้าได้ไตร่ตรองอีกหน่อย” ซูจิ้งซวนยกมือนวดขมับ ก่อนเดินกลับเรือน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทพิเศษ

    หลี่หยางเฉิงพาชายาของตนและบุตรชายกลับจวนแม่ทัพ ตอนนี้เขาไม่คิดรีบร้อนกลับฉางเล่อแล้ว เพียงแค่ซูอวี้หนิงและลูกชายอยู่ที่ใด เขาย่อมเลือกที่นั่น หลี่หยางอี้ที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางสิบวันผล็อยหลับในอ้อมกอดของบิดา หยางเฉิงจ้องมองใบหน้าน้อย ๆ นั้นอย่างรักใคร่ เช่นเดียวกับซูอวี้หนิงที่นั่งจ้องมองสองพ่อลูกด้วยแววตาอ่อนโยน รถม้าหยุดลงหน้าจวน หยางเฉิงอุ้มเด็กน้อยวางลงบนเตียงในเรือนรับรองอย่างแผ่วเบา ก่อนจะนั่งมองลูกชายอยู่พักใหญ่ “ฮูหยินช่างใจร้ายนัก ปิดบังข้าได้ตั้งสามปี ไม่สงสารข้าบ้างเลยหรือ” บุรุษตัวสูงเงยหน้าขึ้นมองชายาด้วยแววตาเสียใจ อวี้หนิงเห็นแล้วก็เสียใจไม่น้อย “หม่อมฉันผิดต่อท่านอ๋องเองเพคะ เพราะเกรงท่านอ๋องจะละทิ้งทุกอย่างแล้วกลับมาหาหม่อมฉันและลูก หากเป็นเช่นนั้นชาวต้าหยางอีกสักเท่าไหร่จะต้องทนทุกข์” หยางเฉิงลุกขึ้นกอดร่างบางไว้แน่น ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น “รู้หรือไม่ข้ากลัวมากเพียงใด กลัวเจ้าจะไม่รอข้า กลัวข้าจะไม่ได้กลับไปพบเจ้า กลัวจะทิ้งเจ้าไว้เพียงผู้เดียว”

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 82 คัดค้านงานอภิเษก

    หยางเฉิงรีบส่ายหน้าปฏิเสธโดยเร็ว ในใจเขายินดียิ่งกว่าอะไร เหตุใดจะกล้าตำหนินางได้เล่า “ไม่เลย ข้าดีใจที่ฮูหยินขัดคำสั่งข้าครั้งนี้” หยางเฉิงเอ่ยพลางจุมพิตบนหน้าผากบาง “ท่านแม่” เสียงเด็กน้อยที่งัวเงียตื่นดังขึ้นภายในรถม้า ทำให้หลี่หยางเฉิงชะงักงัน นี่เขาหูฝาดหรือ “เสียงเด็กที่ไหนกัน” หยางเฉิงคลายอ้อมกอด พลางหันไปทางรถม้า อวี้หนิงยิ้มบาง ก่อนเรียกคนที่อยู่ในรถม้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อี้เอ๋อร์ ลงมาหาแม่เร็วเข้า” ฉินอ๋องยิ่งตกใจเมื่อนางแทนตัวเองว่าแม่ ทว่ายังไม่ทันให้เขาถามอันใด เด็กน้อยตัวขาว ใบหน้าหล่อเหลาตั้งแต่เด็กก็ปรากฏตัวขึ้น ก่อนที่จะเป็นอวี้หนิงจะอุ้มเขาลงจากรถม้า “ท่านอ๋อง เป็นอันใดหรือไม่เพคะ” นางมั่นใจว่าบัดนี้ฉินอ๋องตัวแข็งทื่อและไม่ได้หายใจด้วยซ้ำ “นี่คือใครกัน” มือของหยางเฉิงสั่นเทา ชี้มายังเด็กชายตรงหน้า น้ำเสียงนั้นก็หาความมั่นคงไม่ได้ “ลูกอย่างไรเล่าเพคะ” “ลูกหรือ! นี่หนิงเอ๋อร์เจ้า… เจ้าแต่งงานใหม่หรือ เหตุใ

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 81 รอคอย

    หลังหลี่หยางเฉิงจากไป เหรินฮูหยินที่รู้จากเสี่ยวเหม่ยว่าหลานสาวตั้งครรภ์ จึงรีบมารับตัวไปอยู่ด้วยกันที่ตระกูลเหริน ฮูหยินเฒ่าทั้งร้องไห้ทั้งตำหนิหลานสาวที่ไม่ยอมบอกเรื่องตั้งครรภ์กับฉินอ๋อง แต่เก็บซ่อนไว้เพียงผู้เดียว แม้นางมีเหตุผลเพราะเกรงฉินอ๋องจะห่วงหน้าพะวงหลัง แต่กระนั้นควรให้เขาได้ดีใจไม่ใช่หรือ ทว่าซูอวี้หนิงก็ยืนกรานอย่างเด็ดขาด ว่าหากสงครามยังไม่จบสิ้นห้ามบอกเรื่องนี้กับท่านอ๋อง แม้แต่คนของเขาอู่ถงเองก็ไม่อาจขัดคำสั่งนางได้ เรื่องนี้จึงถูกเก็บเงียบไม่ให้คนอยู่ไกลได้เป็นห่วง วันเวลาค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไป พร้อมกับความห่วงหาของอวี้หนิงที่มีต่อสามีที่ก่อตัวขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนนางแทบทนรอไม่ได้ แม้ข่าวของเขาจะถูกเจียงเฟิงควบม้าเร็วมาบอกทุกเดือน ด้วยหลี่หยางเฉิงไม่ไว้ใจผู้ใด หากข่าวนั้นไม่ได้ส่งต่อจากเจียงเฟิงก็ห้ามให้นางเชื่อเป็นอันขาด เช่นนั้นนางจึงเฝ้ารอเจียงเฟิงอยู่ทุกเดือน แม้จะมีกู้เผยอี้เทียวพาพี่สะใภ้ของตนแวะเวียนมาพูดคุยอยู่แทบทุกวัน กระนั้นก็ไม่อาจคลายเหงาให้นางลงได้ “พระชายา ยายว่าเจ้าบอกท่านอ๋องดีหรือไม่ บัดนี้อี้เอ๋อร์ก็ครบหนึ่งป

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 80 ศึกนี้เพื่อฮูหยิน

    ซูอวี้หนิงแม้แปลกใจในคำพูดของคนเบื้องหน้า แต่กระนั้นนางยังพยักหน้าเห็นด้วย “ดีเพคะ แต่ท่านอ๋องทำได้หรือ” หลี่หยางเฉิงยิ้มอบอุ่นให้กับนาง “เพียงเจ้าต้องการ ข้าทำได้ทั้งสิ้น” เอ่ยจบก็จุมพิตลงบนหน้าผากเนียน โดยไม่สนสายตาบุรุษทั้งสามที่จับจ้องอยู่ จนคนแอบรักอย่างหย่งเฉินจำต้องหันมองไปทางอื่น ก่อนที่ฉินอ๋องจะจูงมือชายาของตนกลับมา “ข้าจะกลับฉางเล่อไปพร้อมท่าน” คำพูดของหลี่หยางทำให้อวี้หนิงประหลาดใจ แต่ไม่ใช่กับหลี่หวงหยูและเว่ยหย่งเฉินที่คาดเดาคำตอบเอาไว้แล้ว “หึ! เป็นแผนของเจ้าสินะ” เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคู่แข่งหัวใจ หลี่หยางเฉิงก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “กระหม่อมเพียงอยากให้ต้าหยางสงบสุข เฉกเช่นพระชายาฉินอ๋องต้องการพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยหย่งเฉินไม่ปฏิเสธ เป็นเขาที่ต้องการให้เหล่าสตรีพวกนี้มาพบซูอวี้หนิง เพราะคนจิตใจบริสุทธิ์เช่นนางย่อมไม่ปรารถนาให้เกิดสงคราม และคนที่ตามใจภรรยาแทบจะถวายชีวิตให้อย่างฉินอ๋องย่อมไม่มีวันปล่อยให้นางทุกข์ใจเป็นแน่ จากนั้นเขากับไท่จื่อก็เพียงนำค

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 79 คนที่ไม่ต้องการพบ

    หลี่หยางเฉิงมีหรือจะไม่รู้ว่าตอนนี้นางกลัวสิ่งใด จึงรีบกุมมือนางไว้แน่น “ฮูหยิน ข้าไม่ได้คิดจะหลอกเจ้า เพียงแต่การที่ตัวข้าต้องอยู่อย่างหวาดกลัวมาสิบสองปี ต้องระวังไม่ให้ถูกสังหารอยู่ทุกวัน ทำให้ข้าไม่อาจเชื่อใจผู้ใดได้ หากเรื่องเกิดกับข้าก็แล้วไป แต่หากเกี่ยวกับเจ้าเล่า เรื่องนี้ข้าทนไม่ได้ เขาชิงหนิงนี้จึงมีคนของข้าคอยคุ้มอยู่นับพัน เจ้าอย่าเคืองข้าได้หรือไม่” หยางเฉิงเอ่ยด้วยสายตาอ้อนวอน เมื่อรู้เช่นนี้นางถึงเข้าใจอย่างกระจ่างว่าเหตุใดคนที่นี่จึงดูสุภาพกับนางนัก ทั้งพ่อค้า แม่ค้า ชาวเมือง บางทีก็ลอบสังเกตนางอยู่หลายครั้ง “กระนั้นท่านอ๋องก็คิดปิดบังหม่อมฉันไม่ใช่หรือ” “ข้า...” หยางเฉิงอยากจะอธิบายทว่ากลับคิดคำอธิบายไม่ได้ ที่นางเอ่ยมาไม่ผิด จะด้วยเหตุผลใดเขาก็คิดปิดบังนางจริง “หนิงเอ๋อร์ ข้าทำผิดอีกแล้ว ช่วยอภัยให้ข้าได้หรือไม่” บุรุษที่องอาจบัดนี้มีท่าทีราวกับเจ้า ชิงชิง แมวขาวขนปุยที่กำลังขอความเมตตาจากเจ้านาย อวี้หนิงไม่ได้ขุ่นเคืองเขา เพียงแต่นางไม่เห็นความจำเป็นใดที่ต้องปิดบังนาง

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 78 เขาชิงหนิง

    เวลาเพียงหนึ่งเดือน ทัพตระกูลเหรินต้องเร่งเดินทางไปสมทบกับแม่ทัพเหิงหมิงฮ่าว แม้ครั้งนี้แม่ทัพใหญ่จะให้กองทัพตระกูลมู่โยกทหารในมือที่ปกป้องแคว้นฝั่งเทียนไห่ ที่บัดนี้สงบมาหลายปี ช่วยตระกูลเหรินทำศึกกับต้าเหลียง ถือเป็นการเลือกหนุนไท่จื่อองค์ใหม่อย่างชัดเจน ทว่าครั้งนี้อ๋องต้าเหลียงที่ซุ่มศึกษาต้าหยางนานหลายปี ไม่คิดจะรามือโดยง่าย การศึกยืดเยื้อและมีทีท่าว่าจะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ราษฎรไม่น้อยต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ หนีตายเดินทางเข้าเมืองหลวง ทุกย่อมหญ้าบัดนี้มีแต่ความระทมทุกข์ ทว่ากลับไม่ใช่ที่เขาชิงหนิง ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ไม่น้อย ทว่าที่นี่กลับสงบสุขไร้ความวุ่นวาย เรือนหลังใหญ่ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่บัดนี้อบอวลไปด้วยความรัก หลี่หยางเฉิงถือโอกาสที่ราชสำนักวุ่นวาย กังวลเรื่องการศึก พาซูอวี้หนิงย้ายออกมาอยู่ตามลำพัง อย่างที่นางปรารถนามาช้านาน ในที่นี้พวกเขากลับเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ไม่มีผู้รู้ที่มาของพวกเขา ชาวบ้านต่างคาดเดาว่าเป็นคหบดีในเมือง อยากใช้ชีวิตเรียบง่ายตามป่าเขาก็เท่านั้น ซูอวี้หนิงแม้เป็นห่วงคนตระกูลเหริน ทว่าก็ไม่อาจขัดใจฉิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status