Home / รักโบราณ / ดรุณีกลางใจอ๋อง / บทที่ 11 ราชโองการ

Share

บทที่ 11 ราชโองการ

last update Last Updated: 2025-10-23 16:58:53

            ภายในเรือนหอมบุปผา อวี้หนิงที่เอาแต่ตรวจบัญชีสินเดิมของมารดาอยู่ในห้องโดยไม่ออกไปพบผู้ใดมาหลายวัน กลับถูกดึงความสนใจจากความโกลาหลภายนอกเรือน

                “เสี่ยวเหม่ย เกิดอันใดขึ้น”

            เสี่ยวเหม่ยผู้ทำหน้าที่สอดส่องความเคลื่อนไหวภายในจวน รีบเข้ามารายงาน

                “ฮูหยินใหญ่เป็นลมหมดสติเจ้าค่ะ ส่วนอนุหลินกับคุณหนูรองก็อาละวาดเรื่องที่ต้องแต่งเข้าจวนฉินอ๋อง นายท่านถึงขั้นตบหน้าอนุหลินเพราะบันดาลโทสะเลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวเหม่ยอธิบายตาโต

            อวี้หนิงก็ตกใจไม่ต่างกัน แต่ไหนแต่ไรบิดาของตนไม่กล้าขัดใจตระกูลหลินด้วยซ้ำ ครั้งนี้ถึงขั้นตบหน้าหลินซือเหยียน คงไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว

                “ไปดูกัน” อวี้หนิงเอ่ย พลางลุกขึ้นเดิน โดยมีเสี่ยวเหม่ยนำเสื้อคลุมมาสวมทับให้

            ภายในจวนยังไม่ทันที่ซูจิ้งซวนจะจัดการกับปัญหา เจากงกงก็อัญเชิญราชโองการมาเสียแล้ว ขันทีเฒ่าหยุดอยู่หน้าลาน มองเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนจะเรียกให้ซูจิ้งซวนออกมารับราชโองการ

                “กระหม่อมรับราชโองการ” จิ้งซวนคุกเข่าลงกับพื้น ด้านหลังเป็นหลินซือเหยียน พร้อมทั้งอวี้หนิงและเจินหยู และอนุเล็ก ๆ ที่ออกมาดูความสนุกก็คุกเข่ารับราชโองการเช่นกัน

                “ซูเจินหยู บุตรีคนรองเจ้ากรมโยธา รูปโฉมงดงาม กริยาเรียบร้อย เหมาะสมเป็นชายาฉินอ๋อง อีกสิบห้าวันจัดพิธีมงคลตั้งเป็นพระชายาฉินอ๋อง จบราชโองการ”

            ซูเจินหยูสะอื้นไห้ไม่ยอมหยุด จนกระทั่งเจากงกงอ่านราชโองการจบ นางก็ยังไม่ยินดีรับ

                “คุณหนูรองซู ราชโองการฮ่องเต้ ท่านจะไม่รับหรือ?” เจากงกงถามเสียงเย็น

            ซูจิ้งซวนถลึงตามองบุตรีให้รีบรับราชโองการ

            เจินหยูยังไม่อยากยอมรับ นางหันมองมารดาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ซือเหยียนก็ไม่อาจช่วยอันใดได้ ยิ่งทำให้นางคับแค้นใจเข้าไปอีก

                “ข้า...หม่อมฉัน...หม่อมฉันรับราชโองการเพคะ ฮึก~” เจินหยูรับราชโองการทั้งที่ใบหน้ายังอาบไปด้วยน้ำตา อวี้หนิงได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

                “ในเมื่อรับราชโองการแล้ว คุณหนูรองซูก็เตรียมตัวดี ๆ เถอะ” เจากงกงกำชับเสียงเย็นก่อนจากไป

            อวี้หนิงเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน จึงให้เสี่ยวเหม่ยประคองกลับเรือน

            ซูเจินหยูกลับมาร้องห่มร้องไห้โวยวายอีกครั้ง

                “ท่านพ่อ ข้าไม่แต่งนะเจ้าคะ ฮือ ๆ ข้าไม่อยากมีสามีเป็นคนบ้าเสียสติเช่นนั้น”

                “เช่นนั้นให้อวี้หนิงแต่งแทนดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านพี่” หลินซือเหยียนเอ่ยอย่างกระตือรือร้น พลันหันไปมองบุตรีฮูหยินเอกด้วยแววตามาดร้าย

            อวี้หนิงมองเห็นสายตาคู่นั้นเช่นกัน ทว่านางกลับไม่สนใจ จะอย่างไรราชโองการนี้น้องสาวของนางและอนุตระกูลหลินก็ต้องรับไว้อยู่วันยังค่ำ

                “เจ้าอยากตายหรืออย่างไร! เจ้ากล้าขัดราชโองการหรือ!” จิ้งซวนหันมาตวาดซือเหยียน

                “ท่านพี่ก็ให้อวี้หนิงทูลขอกับฮ่องเต้สิเจ้าค่ะ ฝ่าบาททรงเมตตานางอยู่แล้วย่อมไม่เอาโทษตระกูลซูแน่” หลินซือเหยียนคิดใช้ความเมตตาของฮ่องเต้ช่วยบุตรสาว โดยซูเจินหยูรีบพยักหน้าเห็นด้วย

            อวี้หนิงที่คิดจะเดินกลับเรือนอย่างเงียบ ๆ กลับต้องหยุดฝีเท้าลงเมื่อนางถูกลากไปเกี่ยวข้องด้วย

                “เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอันใดกับข้าแม้แต่น้อย หลินอี้เหนียง เจ้าก็หาทางอื่นเถอะ” นางหันมาเอ่ยกับอนุของบิดา ก่อนจะหมุนกายกลับเรือนไป

                “เจ้า!” หลินซือเหยียนเมื่อไม่อาจบังคับอวี้หนิงได้ ทำได้เพียงก่นด่านางตามหลัง

            เจินหยูที่เห็นเช่นนั้นยิ่งร้อนรน นางไม่มีวันที่จะให้อวี้หนิงมีความสุขเหนือตัวเองเด็ดขาด

                “ท่านแม่! ข้าไม่แต่งนะเจ้าคะ ฮึก” หญิงสาวร้องห่มร้องไห้บีบให้มารดาช่วยเหลือ

            หลินซือเหยียนที่เห็นเช่นนั้นก็จนปัญญา หันไปมองสามีเพื่อหาทางแก้ไข

            จิ้งซวนมองตามหลังบุตรสาวคนโตพลางครุ่นคิด ใช่ว่าเขามีบุตรีเพียงคนเดียว หากตระกูลหลินละทิ้งหลินอี้เหนียงแล้ว เขาก็ยังมีซูอวี้หนิงที่โดดเด่นกว่าซูเจินหยูทุกด้าน การเกี่ยวดองกับตระกูลใหญ่ก็ใช่ว่าจะหมดหนทาง

            หลินซือเหยียนมีหรือจะคาดเดาความคิดของสามีตนไม่ออก ทว่านางไม่ยอมให้ตนถูกละทิ้งง่ายเช่นนี้แน่

            หลิวอี้เหนียง และฟ่านอี้เหนียงที่เห็นเรื่องสนุกมากพอแล้ว ต่างยิ้มหยันสองแม่ลูก แล้วพาบุตรสาวของตนจากไป พวกนางต่างพากันสาแก่ใจ ด้วยหลินซือเหยียนนั้นโหดร้ายอำมหิต พวกนางรู้อยู่แก่ใจหากอนุคนใดคลอดบุตรชาย เด็กน้อยนั้นต่างก็ต้องป่วยตายตั้งแต่ยังไม่ครบเดือน เช่นนั้นแล้วพวกนางจึงมีเพียงบุตรสาวไว้อยู่ข้างกาย เรื่องนี้ล้วนเป็นฝีมือของบุตรสาวตระกูลหลินที่ไม่อาจมีบุตรชายได้ แม้พวกนางจะเคยบอกความจริงสามี ทว่าซูจิ้งซวนที่เกรงกลัวอำนาจของตระกูลหลินกลับนิ่งเฉย ไม่สนความเป็นตายของบุตรชายของตน

            ด้านจวนฉินอ๋อง หยางเฉิงกำลังนั่งฟังรายงานจากเจียงเฟิงด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

                “ทูลท่านอ๋อง ตอนนี้ดูท่าตระกูลหลินจะละทิ้งหลินซือเหยียนกับตระกูลซูแล้ว หลินกุ้ยเฟยเกลี่ยกล่อมให้เจ้ากรมคลังมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไปให้หลินซือหาน ทำให้หลินฮัวเต๋อไม่พอใจโวยวายยกใหญ่ เพียงแต่ไม่นานก็เงียบสงบลง เช่นเดียวกับเรือนรองที่รับข้อเสนอ ทำให้เผือกร้อนนี้ตกอยู่ในมือของตระกูลซูแทนพ่ะย่ะค่ะ”

                “หึ! หลินกุ้ยเฟยแก้ไขเหตุการณ์ตรงหน้าได้ดีนี่ เพียงแต่จะคิดกำจัดหลินซือหานในภายหลังนั้นคงไม่ง่ายนัก” หยางเฉิงเหยียดยิ้ม ก่อนยกชาขึ้นดื่ม

            เจียงเฟิงที่เห็นท่าทีนิ่งสงบของท่านอ๋องจนเขาต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทน

                “องค์ชาย~ ซูเจินหยูผู้นี้หยาบกระด้าง ใช้อำนาจข่มเหงบ่าวไพร่ระรานผู้อื่นไปทั่ว ท่านจะแต่งนางจริงหรือ? มิสู้เป็นหลินซูเหม่ยที่อ่อนหวานเพียบพร้อมกว่าไม่ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีข้างกายอดห่วงความสงบสุขของท่านอ๋องเสียไม่ได้

            หยางเฉิงครุ่นคิดเพียงครู่ก่อนเอ่ยตอบ

                “เป็นใครก็ไม่ต่างกัน ใช่ว่าข้าจะปฏิบัติเช่นสามีกับพวกนาง”

            ถึงแม้ตอบเช่นนั้น แต่การแต่งกับซูเจินหยูดูเหมือนจะมีข้อดีอยู่บ้าง ด้วยว่าตระกูลซูหมายตาจะให้นางแต่งกับมู่หรงชิงพร้อมกับเว่ยซินเอ๋อร์ ด้วยคิดใช้บุญคุณเก่าก่อนที่ในอดีต นายอำเภอซู บิดาของซูจิ้งซวนเคยช่วยให้แม่ทัพมู่พ้นข้อกล่าวหาจากหญิงชาวบ้านที่กล่าวหาว่าถูกเขาขืนใจ...

ด้วยว่าตระกูลซูหมายตาจะให้นางแต่งกับมู่หรงชิงพร้อมกับเว่ยซินเอ๋อร์ ด้วยคิดใช้บุญคุณเก่าก่อนที่ในอดีต นายอำเภอซู บิดาของซูจิ้งซวน เคยช่วยให้แม่ทัพมู่พ้นโทษจากข้อกล่าวหาหญิงชาวบ้านว่าถูกเขาขืนใจจนตั้งครรภ์ ครั้งนั้น ฮ่องเต้ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานทรงกริ้วอย่างมาก พยานหลักฐานแน่นหนาจนมิอาจดิ้นหลุด เป็นนายอำเภอซูที่สืบหาความจริงจนกระจ่าง ทำให้แม่ทัพมู่ไม่ต้องรับโทษ การที่เจินหยูต้องแต่งเข้าจวนอ๋องครั้งนี้ ย่อมทำให้ซินเอ๋อร์ไม่ต้องทุกข์ใจเพราะสตรีเช่นคุณหนูรองซู

            เจียงเฟิงที่พอคาดเดาได้ว่าเจ้านายของตนยินดีที่จะแต่งซูเจินหยูเพราะคุณหนูเว่ย จึงไม่ทูลอันใดอีก

            เหลือเวลาเพียงสิบห้าวันก่อนพิธีมงคล ตระกูลซูจึงเร่งมือเตรียมการยกใหญ่ แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็วุ่นวายกำชับงานบ่าวไพร่ ใบหน้าที่เคยอมทุกข์นั้นหายไปสิ้น

            ด้วยว่าซูจิ้งซวนได้เอ่ยหว่านล้อมให้มารดาสบายใจ หญิงชราที่คิดได้ว่าตนเองยังเหลือหลานสาวที่โดดเด่นกว่าอยู่ในมือ และไม่มีตระกูลหลินบงการอยู่ภายนอก นี่ยิ่งทำให้นางอารมณ์เบิกบาน ผิดกับหลินซือเหยียนที่ออกจากจวนไม่เว้นวัน ไม่ได้สนใจงานมงคลของบุตรสาวแม้แต่น้อย ก่อนที่สองวันต่อมา เจ้ากรมคลังจะมาเยือนตระกูลซูด้วยตัวเอง ซูจิ้งซวนที่เห็นเช่นนั้นก็หน้านิ่วคิ้วขมวด เขารู้ได้ทันทีว่าการมาของตระกูลหลินไม่ใช่เรื่องดีกับตระกูลซูแน่ กระนั้นซูจิ้งซวนก็ไม่อาจบอกปัดอีกฝ่ายได้ จำต้องเป็นเจ้าบ้านต้อนรับการมาเยือน

            หลินเหวินซานมาพร้อมหลินซือหาน บุตรชายคนรอง ด้านนอกยังมีทหารคุ้มกันอีกหลายสิบคน ซูจิ้งซวนและมารดารออยู่ในเรือนรับรองก่อนแล้ว เมื่อหลินเหวินซานเดินเข้ามา ทั้งสองจึงลุกขึ้นเคารพ ด้วยฐานะของจวนซูไม่อาจเทียบกับจวนหลินได้

                “ข้ามาวันนี้ด้วยเรื่องของเจินเอ๋อร์” ใต้เท้าหลินเอ่ยโดยไม่อ้อมค้อม เมื่อทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

            จิ้งซวนหันมองอนุของตนที่ยืนอยู่เบื้องหลังอีกฝ่าย หลินซือเหยียนเองก็ไม่ยอมหลบสายตาเขาแม้แต่น้อย

                “ท่านพ่อตา เชิญเอ่ย”

                “ข้าพึ่งนึกได้ว่าฮ่องเต้เห็นฮูหยินของเจ้าเป็นดั่งน้องสาว เช่นนั้น หากบุตรีสาวคนโตของเจ้าขอแต่งเข้าจวนอ๋องแทนเจินเอ๋อร์ ฝ่าบาทคงไม่ขัดข้องกระมัง”

            หลินเหวินซานเอ่ยโดยไม่ไยดี

            ทว่าซูจิ้งซวนกับฮูหยินเฒ่ากลับมีท่าทีแตกตื่น

                “ใต้เท้าหลินโปรดไตร่ตรอง เรื่องของฮูหยิน ข้าเคยทำให้ฮ่องเต้แค้นเคืองไม่น้อย หากข้ายังบังคับบุตรีให้ทำเช่นนี้อีก เกรงว่าตระกูลซูคงไม่อาจหนีความผิดได้”

                “หึ! แค่บุตรสาวคนเดียว เจ้าไม่มีปัญญาจัดการเลยหรืออย่างไร”

            หลินเหวินซานไม่ได้มีท่าทีเห็นอกเห็นใจ ซ้ำยังตำหนิเจ้าของจวนต่อหน้าธารกำนัล

                “นี่!” จิ้งซวนแม้ไม่พอใจ ก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน ไม่กล้าต่อกร

            หลินซือเหยียนที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มได้ใจ

            ฮูหยินเฒ่าที่เห็นบุตรชายของตน ซึ่งเป็นถึงขุนนางขั้นสาม ถูกต่อว่าเช่นนี้ก็ไม่พอใจ เอ่ยตำหนิอีกฝ่ายทันที

                “เหอะ! เรื่องการแต่งงาน ราชโองการก็ออกมาแล้ว เป็นพวกท่านเองที่อยากให้นางแต่งเข้าจวนอ๋อง แล้วครานี้ไยต้องให้ตระกูลซูแก้ไขเรื่องวุ่นวายนี้ด้วย”

            หลินซือหานที่นั่งฟังอยู่นาน จ้องมองฮูหยินเฒ่าด้วยแววตาเย้ยหยัน

                “หึ! ฮูหยินเฒ่าคงคิดจะให้หลานสาวคนโตแต่งเข้าตระกูลสูงศักดิ์ เพื่อส่งเสริมตระกูลซูกระมัง แต่ลืมไปแล้วหรือ ว่าตระกูลมารดาของนางต้องโทษฐานกบฏ ท่านคิดว่าจะมีตระกูลใดกล้าแต่งนางเข้าเล่า”

            ซูจือเหลียงที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างอวี้หนิงกับฉู่อ๋องอยู่มาก ก็ไม่คิดเกรงกลัวคำพูดอีกฝ่าย

                “ไม่แน่ว่าฉู่อ๋องอาจจะไม่ได้คิดเช่นใต้เท้ากระมัง”

            ไม่ต้องรอให้บุตรชายตอบโต้ หลินเหวินซานก็เอ่ยให้อีกฝ่ายเข้าใจอย่างกระจ่าง

                “หากคิดว่าซูอวี้หนิงจะได้เป็นพระชายาของฉู่อ๋อง พวกเจ้าคงต้องผิดหวังแล้ว เรื่องที่แม่สื่อเข้าออกตระกูลซูอยากสู่ขอบุตรสาวท่านไปเป็นอนุ โด่งดังไม่น้อย เหตุใดฉู่อ๋องไม่แสดงท่าทีอันใดเล่า? นี่ก็ช่วยยืนยันแล้วว่านางไม่มีวันได้เป็นพระชายาฉู่อ๋องเป็นแน่”

            ซูจิ้งซวนที่ใคร่ครวญตาม ก็เห็นเป็นจริง ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วที่แม่สื่อเข้าออกจวนซู แต่ฉู่อ๋องกลับไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้เลย ใบหน้าเขาจึงกลัดกลุ้มไม่น้อย

            หลินเหวินซานที่เห็นเช่นนั้น ก็เอ่ยทิ้งท้ายก่อนกลับ

                “ตระกูลซูคิดให้ดีเถิด ซูอวี้หนิงจะช่วยสนับสนุนตระกูลซูได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องของวันข้างหน้า แต่ตระกูลหลินสามารถทำลายตระกูลซูได้ นั้นสามารถเกิดขึ้นได้เดี๋ยวนี้”

            ซือเหยียนที่เห็นท่าทีลำบากใจของทั้งจิ้งซวนและฮูหยินเฒ่า ก็ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนรีบออกไปส่งบิดากลับจวน

            ซูจือเหลียงที่ได้ยินคำขู่เช่นนั้น ก็นึกหวาดกลัว รีบเอ่ยถามบุตรชายด้วยความร้อนรน

                “อาซวน เราจะทำอย่างไรกันดีเล่า? หรือว่าควรจะทำอย่างที่เจ้ากรมคลังต้องการดีหรือไม่”

                “ท่านแม่! อย่าพึ่งถามข้าเลย ขอให้ข้าได้ไตร่ตรองอีกหน่อย” ซูจิ้งซวนยกมือนวดขมับ ก่อนเดินกลับเรือน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 14 ทูลขอราชโองการ

    รุ่งเช้า ซูจิ้งซวนแต่งกายด้วยชุดขุนนาง ยืนรอบุตรสาวอยู่หน้าจวน วันนี้อวี้หนิงสวมเสื้อคลุมยาวแขนกว้างสีอ่อน ปักลายดอกเหมยด้วยไหมทอง ทับด้วยกระโปรงจีบยาวสีเขียวหยกที่พริ้วไหวไปตามแรงลมในฤดูเหมันต์ โดยมีเสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวยาวสวมทับกรอมถึงข้อเท้า ผมยาวสีนิลถูกรวบเป็นมวย ปิ่นหยกสีขาวถูกปักไว้บนมวยผม ปรอยผมบางส่วนถูกปล่อยลงข้างแก้ม ขับให้ใบหน้างามดูละมุนละไม นางหยุดยืนอยู่ต่อหน้าบิดาด้วยท่าทีสงบนิ่ง “มาแล้วก็ขึ้นรถม้าเถิด” ซูจิ้งซวนเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่กล้าสบตาบุตรี แม้เขาจะมิใช่ผู้บีบบังคับนาง หากแต่ก็ไม่เคยขัดขวางหลินอี้เหนียงเลยสักครั้ง ตลอดเส้นทางภายในรถม้า มีเพียงความเงียบงัน ทั้งบิดาและบุตรีต่างมิได้ปริปาก เมื่อถึงตำหนักเฉวียนชิง ซูจิ้งซวนแจ้งองครักษ์หน้าตำหนักว่าขอนำบุตรสาวเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ไม่นาน เจากงกงก็เดินออกมา “ใต้เท้าซู คุณหนูซู” เจากงกงเอ่ยทัก “เจากงกง” ซูจิ้งซวนค้อมกายทักทาย โดยมีอวี้หนิงยอบกายตามด้วยท่าทีสำรวม “ฝ่าบาทยังทรงหารือราชกิจอยู่ ท่านทั้งสองโปรดนั่งรอสักครู่” เจากงกงผายมือให้

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 13 บีบบังคับ

    เสี่ยวเหม่ยที่เห็นคุณหนูของตนกลับมา ทว่าใบหน้ากลับไม่สู้ดีนัก จึงรีบเข้าไปประคอง “คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ท่านอ๋องจะมารับเข้าจวนเมื่อใด” “กุ้ยเฟยไม่ยินดีให้ข้าแต่งเข้าจวนอ๋อง วาสนาข้ากับเขาคงมีเพียงเท่านี้” น้ำเสียงของอวี้หนิงสั่นเครืออย่างชัดเจน ดวงตาคู่งามไม่อาจกักเก็บความเสียใจได้อีก ก่อนที่หยดน้ำอุ่นจะพรั่งพรูไหลอาบแก้มนวล “คุณหนู~” เสี่ยวเหม่ยที่เสียใจแทนคุณหนูของตนได้แต่กอดนางร้องไห้ไปพร้อมกัน เรื่องของหลี่เยว่ซิงทำให้ทั้งวันอวี้หนิงไม่มีแรงทำสิ่งใดได้ นางเอาแต่นั่งเหม่อลอยนึกถึงช่วงเวลาในอดีต ตอนที่ตาของนางยังเป็นจวิ้นอ๋องต่างแซ่ ตระกูลเหรินยังเรืองอำนาจ แม้แต่ตระกูลหลินก็อยากเกี่ยวดองด้วย กุ้ยเฟยมักให้คนส่งขนมหวานมาให้นางอยู่บ่อยครั้ง ตอนเข้าวังพร้อมมารดา หลินกุ้ยเฟยยังให้นางกำนัลใกล้ชิดมาเชิญนางไปนั่งเล่นเป็นเพื่อนอยู่หลายครา นางและฉู่อ๋องแทบจะตัวติดกันทุกครั้ง แม้ไม่เคยเอ่ยความในใจกันทั้งสองฝ่าย ทว่าผู้ใหญ่ต่างรับรู้ได้ หลี่เยว่ซิงเองก็ตามใจนางเสียทุกอย่าง เขาทำให้นางรู้สึกถึงการถูกปกป้อง การให้เกียร

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 12 สู่ขอซูอวี้หนิง

    ภายในเรือนหอมบุปผา อวี้หนิงที่กำลังอ่านคำร้องที่ท่านน้าของตนให้มาในครานั้น กลับต้องถูกขัดจังหวะจากเสี่ยวเหม่ยที่เข้ามาในห้องอุ่นด้วยท่าทีร้อนรน “คุณหนู เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ เจ้ากรมคลังบีบบังคับนายท่านให้ส่งคุณหนูแต่งเข้าจวนฉินอ๋องแทน” อวี้หนิงที่ได้ยินเช่นนั้นกลับไม่ได้แปลกใจมากนัก นางเพียงปรายตามองสาวใช้เบื้องหน้าที่ใทั้งตื่นกลัว ทั้งแค้นเคืองในเวลาเดียวกัน “ท่านพ่อจะกล้าขัดราชโองการหรือ” “ไม่ใช่นายท่านเจ้าค่ะ แต่จะเป็นคุณหนูต่างหากเล่า” เสี่ยวเหม่ยรีบเอ่ยด้วยความร้อนใจ อวี้หนิงรู้สึกแปลกใจ ก่อนจะนึกถึงคำพูดของหลินซือเหยียนในครานั้น “หรือพวกเขาจะให้ข้าทูลขอต่อฮ่องเต้ให้ได้เป็นพระชายาฉินอ๋องแทนเช่นนั้นหรือ” คิ้วเรียวขมวดแน่น เสี่ยวเหม่ยรีบพยักหน้าแทนคำตอบ “ครานี้หลินอี้เหนียงคงลงแรงไปไม่น้อยเลย” ตั้งแต่วันที่เจินหยูรับราชโองการ นางเองคาดคิดไว้อยู่แล้วว่าหลินซือเหยียนต้องคิดใช้นางให้แต่งแทนบุตรีของตนแน่ แต่บิดาของนางไม่เห็นด้วย เช่นนั้นแล้วที่พึ่งเดียวของ

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 11 ราชโองการ

    ภายในเรือนหอมบุปผา อวี้หนิงที่เอาแต่ตรวจบัญชีสินเดิมของมารดาอยู่ในห้องโดยไม่ออกไปพบผู้ใดมาหลายวัน กลับถูกดึงความสนใจจากความโกลาหลภายนอกเรือน “เสี่ยวเหม่ย เกิดอันใดขึ้น” เสี่ยวเหม่ยผู้ทำหน้าที่สอดส่องความเคลื่อนไหวภายในจวน รีบเข้ามารายงาน “ฮูหยินใหญ่เป็นลมหมดสติเจ้าค่ะ ส่วนอนุหลินกับคุณหนูรองก็อาละวาดเรื่องที่ต้องแต่งเข้าจวนฉินอ๋อง นายท่านถึงขั้นตบหน้าอนุหลินเพราะบันดาลโทสะเลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวเหม่ยอธิบายตาโต อวี้หนิงก็ตกใจไม่ต่างกัน แต่ไหนแต่ไรบิดาของตนไม่กล้าขัดใจตระกูลหลินด้วยซ้ำ ครั้งนี้ถึงขั้นตบหน้าหลินซือเหยียน คงไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว “ไปดูกัน” อวี้หนิงเอ่ย พลางลุกขึ้นเดิน โดยมีเสี่ยวเหม่ยนำเสื้อคลุมมาสวมทับให้ ภายในจวนยังไม่ทันที่ซูจิ้งซวนจะจัดการกับปัญหา เจากงกงก็อัญเชิญราชโองการมาเสียแล้ว ขันทีเฒ่าหยุดอยู่หน้าลาน มองเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนจะเรียกให้ซูจิ้งซวนออกมารับราชโองการ “กระหม่อมรับราชโองการ” จิ้งซวนคุกเข่าลงกับพื้น ด้านหลังเป็นหลินซือเหยียน พร้อมทั้ง

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 10 พระชายาฉินอ๋อง

    หยางเฉิงปรายตามองปิ่นหยกที่ได้มาพร้อมกับตราตระกูลเหริน ก่อนจะนึกถึงเจ้าของปิ่นขึ้นมา “ซูอวี้หนิงเล่า ยังปลอดภัยดีหรือไม่” ร่างสูงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “พ่ะย่ะค่ะ คุณหนูใหญ่ซูดูเหมือนว่าจะถูกอนุหลินบังคับให้แต่งออกไปเป็นอนุของคหบดีจง” “โอ้! นี่ใต้เท้าซูอยากจะมีบุตรเขยที่อายุมากกว่าตนหรอกหรือ” หยางเฉิงเห็นเป็นเรื่องขบขัน เจียงเฟิงที่เห็นท่าทีท่านอ๋องเช่นนี้ก็อดสงสารคุณหนูซูไม่ได้ ครั้งที่ฮูหยินซูและหวงกุ้ยเฟยยังมีพระชนม์อยู่ ทั้งสองสนิทสนมกันมาก คุณหนูซูในวัยเด็กยังเคยตามมารดามาเข้าเฝ้าหวงกุ้ยเฟย ใบหน้ากลมเล็กนั้นยิ้มแย้มกับทุกผู้ที่เดินผ่าน อีกทั้งยังใจดีนำขนมจากนอกวังมาให้เขา ที่ครั้งนั้นยังเป็นเด็กยากจนได้ลองชิมอยู่บ่อยครั้ง “ท่านอ๋องไม่คิดจะช่วยเหลือคุณหนูซูหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยก็ให้นางได้แต่งกับบัณฑิตหนุ่มสักคน” ขันทีหนุ่มเสี่ยงตายเอ่ยขอร้องแทนอวี้หนิง ทว่า หยางเฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นกลับตวัดตามามองขันทีข้างกาย “เจ้าลืมแล้วหรือไร ตอนนี้ข้าเป็นเพียงคนบ้า จะช่วยอันใ

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 9 ถึงทางตัน

    เมื่อคนก่อเรื่องจากไป อวี้หนิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เสี่ยวเหม่ยรีบเข้ามาประคองเจ้านายในทันที “เมื่อครู่นี้คุณหนูทำได้ดีมากเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยเห็นคุณหนูรองทำหน้าคล้ายคนปลดทุกข์ไม่ออกเช่นนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหม่ยยิ้มภูมิใจในตัวเจ้านาย “จริงหรือ? แต่ตอนนี้ข้าไม่มีแม้แต่แรงที่จะยืนแล้ว” อวี้หนิงผินใบหน้าซีดเซียวมามองสาวใช้ข้างกาย “เอ๋! ทำไมเป็นเช่นนี้เล่าเจ้าคะ นั่งก่อนเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหม่ยเห็นใบหน้าไร้เลือดฝาดของเจ้านายก็แปลกใจ รีบประคองนางนั่งลง อวี้หนิงนั่งสูดลมหายใจอยู่นาน กว่าความตื่นตระหนกจะจางหายไปตั้งแต่เล็กจนโต นางไม่ต้องแย่งชิงหรือปกป้องตัวเองจากผู้ใดด้วยซ้ำ นางมีตระกูลเหรินและมารดาคอยปกป้อง แม้แต่ท่านย่าจะทำสิ่งใด ยังต้องคอยดูสีหน้านางก่อน บัดนี้กลับตาลปัตร นางตัวคนเดียวแล้ว จากนี้ต้องคอยปกป้องตัวเอง “คุณหนู จากนี้เราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ” นางไม่ได้ตอบคำถามของเสี่ยวเหม่ย เพียงแต่บอกให้สาวใช้ข้างกายจัดเก็บข้าวของให้เข้าที่เดิม นับจากนี้ชีวิตของนางคงไม่สงบสุขอีกต่อไป นางต้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status