Beranda / รักโบราณ / ดรุณีกลางใจอ๋อง / บทที่ 9 ถึงทางตัน

Share

บทที่ 9 ถึงทางตัน

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-23 16:53:25

            เมื่อคนก่อเรื่องจากไป อวี้หนิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เสี่ยวเหม่ยรีบเข้ามาประคองเจ้านายในทันที

                “เมื่อครู่นี้คุณหนูทำได้ดีมากเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยเห็นคุณหนูรองทำหน้าคล้ายคนปลดทุกข์ไม่ออกเช่นนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหม่ยยิ้มภูมิใจในตัวเจ้านาย

                “จริงหรือ? แต่ตอนนี้ข้าไม่มีแม้แต่แรงที่จะยืนแล้ว” อวี้หนิงผินใบหน้าซีดเซียวมามองสาวใช้ข้างกาย

                “เอ๋! ทำไมเป็นเช่นนี้เล่าเจ้าคะ นั่งก่อนเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหม่ยเห็นใบหน้าไร้เลือดฝาดของเจ้านายก็แปลกใจ รีบประคองนางนั่งลง

            อวี้หนิงนั่งสูดลมหายใจอยู่นาน กว่าความตื่นตระหนกจะจางหายไป

ตั้งแต่เล็กจนโต นางไม่ต้องแย่งชิงหรือปกป้องตัวเองจากผู้ใดด้วยซ้ำ นางมีตระกูลเหรินและมารดาคอยปกป้อง แม้แต่ท่านย่าจะทำสิ่งใด ยังต้องคอยดูสีหน้านางก่อน บัดนี้กลับตาลปัตร นางตัวคนเดียวแล้ว จากนี้ต้องคอยปกป้องตัวเอง

                “คุณหนู จากนี้เราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ”

            นางไม่ได้ตอบคำถามของเสี่ยวเหม่ย เพียงแต่บอกให้สาวใช้ข้างกายจัดเก็บข้าวของให้เข้าที่เดิม นับจากนี้ชีวิตของนางคงไม่สงบสุขอีกต่อไป นางต้องรับมือกับคนในตระกูลซูให้ดี

            ไม่นานพ่อบ้านก็มารายงานว่าฉู่อ๋องมาพบ อวี้หนิงที่ไม่ได้ข่าวเขามาทั้งวันก็มีท่าทีอึดอัดใจไม่น้อย แต่กระนั้นนางก็เลี่ยงพบเขาไม่ได้

            เยว่ซิงหยุดอยู่หน้าประตูก่อนสบตานางที่รอต้อนรับอยู่

                “คารวะฉู่อ๋อง” นางยอบกายเคารพเขาตามธรรมเนียม

            เยว่ซิงรีบเดินเข้ามาหานาง มือแกร่งเอื้อมออกไปหมายจะช่วยประคอง ทว่ากลับหยุดกลางอากาศ ไม่ได้ช่วยประคองร่างบาง อวี้หนิงก็สังเกตเห็นท่าทีของเขาเช่นกัน ก่อนที่นางจะยืนตัวตรงอีกครั้ง

                “หนิงเอ๋อร์ เมื่อคืนนี้เป็นข้าไม่รักษาสัญญา แต่เจ้าโปรดฟังข้าอธิบายก่อนได้หรือไม่” ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยความหม่นเศร้าอย่างชัดเจน

                “หม่อมฉันรอฟังอยู่เพคะ” อวี้หนิงเองก็หวังให้เขามีเหตุผลมากพอที่จะทำให้นางไม่ผิดหวัง

                “เสด็จแม่ไม่อยากให้ข้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเหรินเมื่อคืนข้ากับพระนางจึงโต้เถียงกันใหญ่โต คล้อยหลังที่ข้ากลับมาไม่นาน พระนางถึงขั้นคิดผูกคอปลงพระชนม์ตัวเอง”

                “ว่าอย่างไรนะเพคะ!” อวี้หนิงตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นางรู้ว่าหลินกุ้ยเฟยเด็ดเดี่ยวเพียงใด พระนางจะไม่ยอมทำร้ายตัวเองเด็ดขาด แต่ด้วยเรื่องของตระกูลมารดานาง กลับทำให้กุ้ยเฟยกับท่านอ๋องผิดใจกัน ตัวนางเองก็รู้สึกผิดไม่น้อย

                “แล้วกุ้ยเฟยเป็นอย่างไรบ้างเพคะ”

                “ไม่ได้การ หม่อมฉันจะต้องไปอธิบายให้พระนางฟังเองเพคะ” อวี้หนิงมีท่าทีลนลาน นางห่วงความรู้สึกของเยว่ซิง หากต้องผิดใจกับกุ้ยเฟย เขาย่อมไม่มีความสุข

                “เดี๋ยวก่อน หนิงเอ๋อร์” เยว่ซิงรีบคว้ามือนางไว้ ให้อีกฝ่ายสงบลง ท่าทีของฉู่อ๋องไม่สู้ดีนัก

                “เสด็จแม่ไม่เป็นอันใดมาก ตอนนี้เพิ่งเสวยยาแล้วหลับไป... ตอนนี้เจ้ายังไม่ต้องไปเข้าเฝ้าพระนางจะดีกว่า” เยว่ซิงมีท่าทีอึดอัด อวี้หนิงเองก็สัมผัสได้

                “...เหตุใดเล่าเพคะ” แม้นางจะไม่ฉลาดนัก ทว่าท่าทีของฉู่อ๋องชัดเจนจนคาดเดาได้ว่า เรื่องราวมันมีมากกว่านั้น

            เยว่ซิงที่เห็นดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความสงสัย เขาเองก็ไม่คิดปิดบังนาง จึงได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะบอกเรื่องราวทั้งหมด

                “ข้าทูลเสด็จแม่เรื่องของเราสองคน... พระนางไม่เห็นด้วย แต่ว่าข้ายืนกรานจะรับเจ้าเข้าจวนอ๋อง ทำให้เสด็จแม่เสียพระทัย...”

                “พระนางจึงคิดปลงพระชนม์ตนเองใช่หรือไม่เพคะ” อวี้หนิงไม่ต้องรอให้เขาพูดจบ นางก็พอจะคาดเดาได้

            เยว่ซิงไม่แปลกใจที่นางคาดเดาได้ถูกต้อง สำหรับเขาแล้ว นางไม่ใช่คนโง่เขลา เพียงแต่วางตัวไม่ให้โดดเด่นก็เท่านั้น ดวงตาคมจ้องนางอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ

                “ไม่ผิด แต่ว่าเจ้าวางใจ ข้าจะหาวิธีให้เสด็จแม่ยอมรับในตัวเจ้าให้ได้ เพียงอยากให้เจ้ารออีกสักหน่อยได้หรือไม่” เยว่ซิงกุมมือนางแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอน

            อวี้หนิงนิ่งงันกับคำอ้อนวอนของบุรุษเบื้องหน้า รอยยิ้มเย้ยหยันและคำพูดว่าจะยกนางเป็นอนุของชายแก่ที่อี้เนียงเคยเอ่ยกับนางยังคงก้องอยู่ในหัว นางรู้ว่าหลินซือเหยียนต้องหาวิธีทำเช่นที่พูดแน่ แต่ตอนนี้นางกลับเร่งรัดเยว่ซิงไม่ได้ ในใจอยากจะตะโกนถามเขาว่า เมื่อไหร่ จะให้นางรอนานเท่าใด

ทว่าก็ไม่อาจเอ่ยออกไป และยิ่งไม่อาจบอกเรื่องที่ซือเหยียนพูดให้เขาต้องกังวล

                “เพคะ” อวี้หนิงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แม้ใจจะร้อนรุ่มเพียงใดก็ตาม

                “ขอบใจหนิงเอ๋อร์” เยว่ซิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าที่แท้จริงของสตรีอันเป็นที่รัก

                “เช่นนั้นข้าต้องกลับแล้ว หากเสด็จแม่ตื่นบรรทมแล้วไม่พบข้า เกรงพระองค์จะไม่พอพระทัย”

            ฉู่อ๋องเอ่ยพลางแสดงท่าทีจนปัญญา อวี้หนิงทำได้เพียงพยักหน้า ส่งเขาออกจากจวน ก่อนจะกลับมานั่งกลัดกลุ้มในห้องอุ่นเพียงลำพัง ทว่าไม่นาน เสี่ยวเหม่ยก็เร่งรีบเข้ามารายงานด้วยท่าทีร้อนรน

                “คุณหนู เมื่อครู่ข้าเห็นแม่สื่อเข้ามาหานายท่าน เรื่องสู่ขอท่านให้เป็นอนุของคหบดีจงเจ้าค่ะ!”

                “ว่าอย่างไรนะ! เหตุใดถึงได้ปุบปับนักเล่า?” อวี้หนิงตกใจจนนั่งไม่ติด มารดานางเพิ่งจากไปยังไม่ถึงครึ่งเดือน หลินอี้เหนียงก็คิดจะกำจัดนางเสียแล้ว

                “แล้วท่านพ่อมีท่าทีอย่างไร? คหบดีจงอายุมากกว่าท่านพ่ออีกไม่ใช่หรือ?”

                “จะว่าอย่างไรเล่าเจ้าคะ อนุหลินว่าอย่างไร นายท่านก็ไม่ขัดเพียงนิด นอกจากนี้ข้าได้ยินมาว่า สาวใช้ของอนุหลินจัดการหาแม่สื่อ ที่ต้องการหาอนุให้ชายแก่ หรือฮูหยินให้คนพิการ มาทาบทามคุณหนูกับนายท่านด้วยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหม่ยเอ่ยด้วยความคับแค้นใจ

                “นี่เร่งรีบจะกำจัดข้าเร็วเพียงนี้เชียวหรือ...” อวี้หนิงได้แต่ถอนหายใจ ครานี้นางอับจนหนทางจริง ๆ นางเพียงหวังว่าหากฉู่อ๋องรู้เรื่องนี้ จะรีบให้แม่สื่อมาทาบทามตนโดยเร็ว

            ทว่าอวี้หนิงก็ยังพอมีโชคอยู่บ้าง เมื่อขันทีเร่งไปประกาศราชโองการสู่ขอหลานสาวใต้เท้าหลินเหวินซานถึงเรือน ข่าวนี้ถูกส่งมายังจวนตระกู,ซูอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ตระกูลหลินและตระกูลซูโกลาหลครั้งใหญ่ เพราะหลานสาวของหลินเหวินซานมีสองคน คนหนึ่งคือหลินซื่อเหม่ย บุตรสาวคนโตของหลินฮัวเต๋อ ขุนนางขั้นสี่กรมวัง เป็นหลานสาวสายตรง อีกคนคือซูเจินหยู หลานสาวจากเรือนรอง ที่มีท่านลุงร่วมอุทรกับมารดา เป็นถึงรองเจ้ากรมอาญา

            ทำให้ทั้งเรือนใหญ่และเรือนรองต่างไม่อยากให้หลานสาวของตนแต่งกับคนบ้าอย่างฉินอ๋อง หลินซือเหยียนจึงต้องกลับไปรบราคร่าฟันกับเรือนใหญ่ของบิดา จนไม่มีเวลามาสนใจเรื่องการหาสามีให้อวี้หนิงเท่าใดนัก ซ้ำเรื่องพระชายาของฉินอ๋องยังทำให้บิดา และท่านย่าของนางพลอยร้อนใจไปด้วย เพราะฮ่องเต้ไม่รับสั่งว่าต้องการหลานสาวของเจ้ากรมคลังคนใด เพียงให้หลินเหวินซานเลือกเอง

            เสี่ยวเหม่ยที่วันนี้ดูอารมณ์ดีกว่าทุกวัน ยกสำรับมาให้อวี้หนิง พลางเอ่ยกับคุณหนูอย่างร่าเริง

                “คุณหนูรู้หรือไม่เจ้าคะ นายท่านกับฮูหยินผู้เฒ่าเดินวกไปวนมาอยู่เช่นนี้มากกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว อาหารก็ไม่ยอมแตะแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”

                “เพราะเรื่องงานอภิเษกของฉินอ๋องหรือ” อวี้หนิงเอ่ยถามเสียงเรียบ สายตายังจดจ้องอยู่กับจดหมายที่ท่านน้าของตนมอบให้

            “เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าแทบเป็นลม เมื่อรู้ว่าคุณหนูรองต้องแต่งให้ฉินอ๋องที่เสียสติเช่นนั้น”

                “เสี่ยวเหม่ย ห้ามล่วงเกินฉินอ๋องเช่นนั้นอีก” อวี้หนิงเอ่ยขัด พลางหันไปมองสาวใช้ข้างกายด้วยสายตาตำหนิ

                “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหม่ยมีสีหน้าสำนึกผิด ก่อนจะถอยออกจากห้องไป

            อวี้หนิงคิดถึงเรื่องราวในอดีต ครั้งที่หวงกุ้ยเฟยยังมีพระชนม์อยู่ ตอนนั้นตำแหน่งไท่จื่อยังว่างเว้น ผู้คนต่างอยากเข้าหาพระนางและองค์ชายหยางเฉิง ด้วยรู้ว่าฮ่องเต้ทรงโปรดทั้งสองพระองค์มากที่สุด บัดนี้ ทุกอย่างกลับตาลปัตร ฉินอ๋องกลายเป็นคนเสียสติ ผู้คนต่างรังเกียจ แม้ยังเป็นเด็ก ทว่าอวี้หนิงก็ยังจดจำใบหน้าเปี่ยมเมตตาของฉินอ๋องในวัยเยาว์ได้ดี

            ในเวลาเดียวกันที่จวนฉินอ๋อง เจียงเฟิงกำลังรายงานความเคลื่อนไหวต่อหยางเฉิง

                “ท่านอ๋อง จวนตระกูลหลินปิดประตูใหญ่ไม่รับแขก สายลับรายงานว่ากุ้ยเฟยกลับไปจัดการเรื่องนี้ด้วยองค์เอง และทะเลาะใหญ่โตกับบ้านรองของเจ้ากรมคลัง หลินซือหาน รองเจ้ากรมอาญา ถึงขั้นสั่งให้คนของตนหยุดช่วยเหลือกิจการของบ้านใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”

            หยางเฉิงใบหน้ายังเรียบเฉย สายตายังจดจ่ออยู่กับบัญชีทรัพย์สินของตระกูลเหริน

                “หลินซือหานมีเพียงบุตรลับ ๆ กับหญิงนางโลมผู้หนึ่ง แต่ฮูหยินเอกกลับไม่มีบุตรี อนุคนอื่น ๆ ก็ไร้ทายาท หากอยากได้การยอมรับจากตระกูลหลิน ย่อมหวังให้หลานสาวในไส้เกี่ยวดองกับจวนแม่ทัพเพื่อใหญ่ หวังกำลังทหาร พอถึงเวลาเหมาะสม จะได้บังคับตระกูลหลินให้ยอมรับบุตรลับ ๆ ของตนได้ เช่นนี้จะยอมได้อย่างไร ด้านกุ้ยเฟยก็นั่งไม่ติด หลินซื่อเหม่ยถือเป็นสตรีเพียบพร้อม นางหวังให้หลานสาวในไส้แต่งให้ซื่อจื่อจากจวนต้วนอ๋อง เพื่อหวังการสนับสนุนของขุนนางเก่าเช่นกัน ตอนนี้หลินเหวินซานไม่เดือดดาลก็คงไม่ได้”

                “ไม่ผิดพ่ะย่ะค่ะ หมอหลวงถูกเชิญไปตรวจอาการใต้เท้าหลิน

เพราะโทสะโจมตีหัวใจจนกระอักเลือด ทำให้บุตรทั้งสี่ยอมรามือจากการโต้แย้งกันได้ชั่วครู่พ่ะย่ะค่ะ”

            หยางเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็เหยียดยิ้ม “น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจได้เห็นกับตา แต่ก็เอาเถิด คงไม่นานข้าจะมีโอกาสได้เห็นบ้าง”

                “แล้วเรื่องเหล่าสตรีของตระกูลหลิน ถึงที่หมายหรือยัง” ร่างสูงเอ่ยพลางจ้องตราตระกูลเหรินบนโต๊ะ

            เจียงเฟิงยื่นจดหมายให้หยางเฉิงก่อนเอ่ยรายงาน

                “อาจารย์หานคุ้มกันกลับถึงจวนในเมืองเหอเจียงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ก่อนจะกลับไปรายงานเรื่องในเมืองหลวงกับท่านผู้เฒ่าฟู่ที่เขาอู่ถง จดหมายนี้เพิ่งถูกส่งมาจากเขาอู่ถงพ่ะย่ะค่ะ”

            หยางเฉิงเปิดอ่าน ก่อนจะเผากระดาษนั้นทิ้ง เนื้อหาในจดหมายมาจากท่านตาของเขา ฟู่ไป๋เฉิน เป็นการกำชับไม่ให้เขาใจอ่อน และเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้อื่นเช่นเคย

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทพิเศษ

    หลี่หยางเฉิงพาชายาของตนและบุตรชายกลับจวนแม่ทัพ ตอนนี้เขาไม่คิดรีบร้อนกลับฉางเล่อแล้ว เพียงแค่ซูอวี้หนิงและลูกชายอยู่ที่ใด เขาย่อมเลือกที่นั่น หลี่หยางอี้ที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางสิบวันผล็อยหลับในอ้อมกอดของบิดา หยางเฉิงจ้องมองใบหน้าน้อย ๆ นั้นอย่างรักใคร่ เช่นเดียวกับซูอวี้หนิงที่นั่งจ้องมองสองพ่อลูกด้วยแววตาอ่อนโยน รถม้าหยุดลงหน้าจวน หยางเฉิงอุ้มเด็กน้อยวางลงบนเตียงในเรือนรับรองอย่างแผ่วเบา ก่อนจะนั่งมองลูกชายอยู่พักใหญ่ “ฮูหยินช่างใจร้ายนัก ปิดบังข้าได้ตั้งสามปี ไม่สงสารข้าบ้างเลยหรือ” บุรุษตัวสูงเงยหน้าขึ้นมองชายาด้วยแววตาเสียใจ อวี้หนิงเห็นแล้วก็เสียใจไม่น้อย “หม่อมฉันผิดต่อท่านอ๋องเองเพคะ เพราะเกรงท่านอ๋องจะละทิ้งทุกอย่างแล้วกลับมาหาหม่อมฉันและลูก หากเป็นเช่นนั้นชาวต้าหยางอีกสักเท่าไหร่จะต้องทนทุกข์” หยางเฉิงลุกขึ้นกอดร่างบางไว้แน่น ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น “รู้หรือไม่ข้ากลัวมากเพียงใด กลัวเจ้าจะไม่รอข้า กลัวข้าจะไม่ได้กลับไปพบเจ้า กลัวจะทิ้งเจ้าไว้เพียงผู้เดียว”

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 82 คัดค้านงานอภิเษก

    หยางเฉิงรีบส่ายหน้าปฏิเสธโดยเร็ว ในใจเขายินดียิ่งกว่าอะไร เหตุใดจะกล้าตำหนินางได้เล่า “ไม่เลย ข้าดีใจที่ฮูหยินขัดคำสั่งข้าครั้งนี้” หยางเฉิงเอ่ยพลางจุมพิตบนหน้าผากบาง “ท่านแม่” เสียงเด็กน้อยที่งัวเงียตื่นดังขึ้นภายในรถม้า ทำให้หลี่หยางเฉิงชะงักงัน นี่เขาหูฝาดหรือ “เสียงเด็กที่ไหนกัน” หยางเฉิงคลายอ้อมกอด พลางหันไปทางรถม้า อวี้หนิงยิ้มบาง ก่อนเรียกคนที่อยู่ในรถม้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อี้เอ๋อร์ ลงมาหาแม่เร็วเข้า” ฉินอ๋องยิ่งตกใจเมื่อนางแทนตัวเองว่าแม่ ทว่ายังไม่ทันให้เขาถามอันใด เด็กน้อยตัวขาว ใบหน้าหล่อเหลาตั้งแต่เด็กก็ปรากฏตัวขึ้น ก่อนที่จะเป็นอวี้หนิงจะอุ้มเขาลงจากรถม้า “ท่านอ๋อง เป็นอันใดหรือไม่เพคะ” นางมั่นใจว่าบัดนี้ฉินอ๋องตัวแข็งทื่อและไม่ได้หายใจด้วยซ้ำ “นี่คือใครกัน” มือของหยางเฉิงสั่นเทา ชี้มายังเด็กชายตรงหน้า น้ำเสียงนั้นก็หาความมั่นคงไม่ได้ “ลูกอย่างไรเล่าเพคะ” “ลูกหรือ! นี่หนิงเอ๋อร์เจ้า… เจ้าแต่งงานใหม่หรือ เหตุใ

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 81 รอคอย

    หลังหลี่หยางเฉิงจากไป เหรินฮูหยินที่รู้จากเสี่ยวเหม่ยว่าหลานสาวตั้งครรภ์ จึงรีบมารับตัวไปอยู่ด้วยกันที่ตระกูลเหริน ฮูหยินเฒ่าทั้งร้องไห้ทั้งตำหนิหลานสาวที่ไม่ยอมบอกเรื่องตั้งครรภ์กับฉินอ๋อง แต่เก็บซ่อนไว้เพียงผู้เดียว แม้นางมีเหตุผลเพราะเกรงฉินอ๋องจะห่วงหน้าพะวงหลัง แต่กระนั้นควรให้เขาได้ดีใจไม่ใช่หรือ ทว่าซูอวี้หนิงก็ยืนกรานอย่างเด็ดขาด ว่าหากสงครามยังไม่จบสิ้นห้ามบอกเรื่องนี้กับท่านอ๋อง แม้แต่คนของเขาอู่ถงเองก็ไม่อาจขัดคำสั่งนางได้ เรื่องนี้จึงถูกเก็บเงียบไม่ให้คนอยู่ไกลได้เป็นห่วง วันเวลาค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไป พร้อมกับความห่วงหาของอวี้หนิงที่มีต่อสามีที่ก่อตัวขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนนางแทบทนรอไม่ได้ แม้ข่าวของเขาจะถูกเจียงเฟิงควบม้าเร็วมาบอกทุกเดือน ด้วยหลี่หยางเฉิงไม่ไว้ใจผู้ใด หากข่าวนั้นไม่ได้ส่งต่อจากเจียงเฟิงก็ห้ามให้นางเชื่อเป็นอันขาด เช่นนั้นนางจึงเฝ้ารอเจียงเฟิงอยู่ทุกเดือน แม้จะมีกู้เผยอี้เทียวพาพี่สะใภ้ของตนแวะเวียนมาพูดคุยอยู่แทบทุกวัน กระนั้นก็ไม่อาจคลายเหงาให้นางลงได้ “พระชายา ยายว่าเจ้าบอกท่านอ๋องดีหรือไม่ บัดนี้อี้เอ๋อร์ก็ครบหนึ่งป

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 80 ศึกนี้เพื่อฮูหยิน

    ซูอวี้หนิงแม้แปลกใจในคำพูดของคนเบื้องหน้า แต่กระนั้นนางยังพยักหน้าเห็นด้วย “ดีเพคะ แต่ท่านอ๋องทำได้หรือ” หลี่หยางเฉิงยิ้มอบอุ่นให้กับนาง “เพียงเจ้าต้องการ ข้าทำได้ทั้งสิ้น” เอ่ยจบก็จุมพิตลงบนหน้าผากเนียน โดยไม่สนสายตาบุรุษทั้งสามที่จับจ้องอยู่ จนคนแอบรักอย่างหย่งเฉินจำต้องหันมองไปทางอื่น ก่อนที่ฉินอ๋องจะจูงมือชายาของตนกลับมา “ข้าจะกลับฉางเล่อไปพร้อมท่าน” คำพูดของหลี่หยางทำให้อวี้หนิงประหลาดใจ แต่ไม่ใช่กับหลี่หวงหยูและเว่ยหย่งเฉินที่คาดเดาคำตอบเอาไว้แล้ว “หึ! เป็นแผนของเจ้าสินะ” เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคู่แข่งหัวใจ หลี่หยางเฉิงก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “กระหม่อมเพียงอยากให้ต้าหยางสงบสุข เฉกเช่นพระชายาฉินอ๋องต้องการพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยหย่งเฉินไม่ปฏิเสธ เป็นเขาที่ต้องการให้เหล่าสตรีพวกนี้มาพบซูอวี้หนิง เพราะคนจิตใจบริสุทธิ์เช่นนางย่อมไม่ปรารถนาให้เกิดสงคราม และคนที่ตามใจภรรยาแทบจะถวายชีวิตให้อย่างฉินอ๋องย่อมไม่มีวันปล่อยให้นางทุกข์ใจเป็นแน่ จากนั้นเขากับไท่จื่อก็เพียงนำค

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 79 คนที่ไม่ต้องการพบ

    หลี่หยางเฉิงมีหรือจะไม่รู้ว่าตอนนี้นางกลัวสิ่งใด จึงรีบกุมมือนางไว้แน่น “ฮูหยิน ข้าไม่ได้คิดจะหลอกเจ้า เพียงแต่การที่ตัวข้าต้องอยู่อย่างหวาดกลัวมาสิบสองปี ต้องระวังไม่ให้ถูกสังหารอยู่ทุกวัน ทำให้ข้าไม่อาจเชื่อใจผู้ใดได้ หากเรื่องเกิดกับข้าก็แล้วไป แต่หากเกี่ยวกับเจ้าเล่า เรื่องนี้ข้าทนไม่ได้ เขาชิงหนิงนี้จึงมีคนของข้าคอยคุ้มอยู่นับพัน เจ้าอย่าเคืองข้าได้หรือไม่” หยางเฉิงเอ่ยด้วยสายตาอ้อนวอน เมื่อรู้เช่นนี้นางถึงเข้าใจอย่างกระจ่างว่าเหตุใดคนที่นี่จึงดูสุภาพกับนางนัก ทั้งพ่อค้า แม่ค้า ชาวเมือง บางทีก็ลอบสังเกตนางอยู่หลายครั้ง “กระนั้นท่านอ๋องก็คิดปิดบังหม่อมฉันไม่ใช่หรือ” “ข้า...” หยางเฉิงอยากจะอธิบายทว่ากลับคิดคำอธิบายไม่ได้ ที่นางเอ่ยมาไม่ผิด จะด้วยเหตุผลใดเขาก็คิดปิดบังนางจริง “หนิงเอ๋อร์ ข้าทำผิดอีกแล้ว ช่วยอภัยให้ข้าได้หรือไม่” บุรุษที่องอาจบัดนี้มีท่าทีราวกับเจ้า ชิงชิง แมวขาวขนปุยที่กำลังขอความเมตตาจากเจ้านาย อวี้หนิงไม่ได้ขุ่นเคืองเขา เพียงแต่นางไม่เห็นความจำเป็นใดที่ต้องปิดบังนาง

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 78 เขาชิงหนิง

    เวลาเพียงหนึ่งเดือน ทัพตระกูลเหรินต้องเร่งเดินทางไปสมทบกับแม่ทัพเหิงหมิงฮ่าว แม้ครั้งนี้แม่ทัพใหญ่จะให้กองทัพตระกูลมู่โยกทหารในมือที่ปกป้องแคว้นฝั่งเทียนไห่ ที่บัดนี้สงบมาหลายปี ช่วยตระกูลเหรินทำศึกกับต้าเหลียง ถือเป็นการเลือกหนุนไท่จื่อองค์ใหม่อย่างชัดเจน ทว่าครั้งนี้อ๋องต้าเหลียงที่ซุ่มศึกษาต้าหยางนานหลายปี ไม่คิดจะรามือโดยง่าย การศึกยืดเยื้อและมีทีท่าว่าจะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ราษฎรไม่น้อยต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ หนีตายเดินทางเข้าเมืองหลวง ทุกย่อมหญ้าบัดนี้มีแต่ความระทมทุกข์ ทว่ากลับไม่ใช่ที่เขาชิงหนิง ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ไม่น้อย ทว่าที่นี่กลับสงบสุขไร้ความวุ่นวาย เรือนหลังใหญ่ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่บัดนี้อบอวลไปด้วยความรัก หลี่หยางเฉิงถือโอกาสที่ราชสำนักวุ่นวาย กังวลเรื่องการศึก พาซูอวี้หนิงย้ายออกมาอยู่ตามลำพัง อย่างที่นางปรารถนามาช้านาน ในที่นี้พวกเขากลับเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ไม่มีผู้รู้ที่มาของพวกเขา ชาวบ้านต่างคาดเดาว่าเป็นคหบดีในเมือง อยากใช้ชีวิตเรียบง่ายตามป่าเขาก็เท่านั้น ซูอวี้หนิงแม้เป็นห่วงคนตระกูลเหริน ทว่าก็ไม่อาจขัดใจฉิ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status