หน้าหลัก / รักโบราณ / ดรุณีกลางใจอ๋อง / บทที่ 3 คนบ้าสติฟั่นเฟือน

แชร์

บทที่ 3 คนบ้าสติฟั่นเฟือน

ผู้เขียน: ซูเมิ่ง 淑梦
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-22 10:31:30

หยางเฉิงเดินออกมาก็พบกับเจากงกงที่ยืนถือจานขนมหวานอยู่

                “ขนมหวานของข้า” บุรุษหนุ่มมีท่าทีราวเด็กน้อยได้ของที่ชื่นชอบ มือหนาคว้าจานขนมกุ้ยฮวายัดข้าปากคำโต พลางยื่นหนึ่งชิ้นให้กับขันทีเบื้องหน้า

                “ให้ท่านชิ้นหนึ่ง” เศษขนมจากปากกระเด็นออกมาตามจังหวะการพูด ยิ่งทำให้เขาเหมือนกับเด็กเล็กไม่ผิดเพี้ยน

                “องค์ชายเสวยเถอะ กระหม่อมไม่หิว” ขันทีเฒ่ายิ้มเจื่อน พลางผลักมือเขากลับคืน ก่อนเอ่ยต่อ “ฮ่องเต้ต้องการพบองค์ชายที่ท้องพระโรง เชิญเสด็จเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

            หยางเฉิงไม่ได้ตอบอะไรเพียงยัดขนมชิ้นต่อไปเข้าปาก แล้วพยักหน้าเต็มแรงเดินตามเจากงกงอย่างว่าง่าย ก่อนจะถึงท้องพระโรงหยางเฉิงจึงหันมาเอ่ยกับเจียงเฟิงเสียงเบา

                “หากข้าทำทีสำลัก รีบใช้มือทุบหลังข้า”

                “อย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ” เจียงเฟิงแปลกใจกับคำสั่งของผู้เป็นนาย ทว่าหยางเฉิงกลับไม่เอ่ยสิ่งใดอีก เขากลับไปทำท่าทีเป็นเด็กมองไปรอบ ๆ พร้อมกลับชี้ถามเจากงกงไปเรื่อย

            ภายในท้องพระโรงขุนนางใหญ่ต่างเข้าร่วมว่าราชกิจ ฮ่องเต้หลี่เทียนอี้นั่งบนบัลลังก์มังกร สายพระเนตรว่างเปล่าจับจ้องมายังทางเข้าท้องพระโรง เสียงขันทีประกาศองค์ชายรองหลี่หยางเฉิงเข้าเฝ้า บุรุษในชุดมังกรห้าเล็บสีแดงเข้ม สวมรองเท้าปักลวดลายเมฆมงคล ใบหน้าเรียบนิ่งสง่างามหากแต่กลับดูน่าขันเมื่อเขาถือจานขนมหวานมาด้วย เสียงพูดคุยเริ่มดังขึ้นทำให้เทียนหยางเริ่มมีท่าทีหวาดกลัว

                “ถะถวายพระพรเสด็จพ่อ”

                “เงยหน้าให้ข้ามองให้ชัดหน่อย” ฮ่องเต้มองโอรสของตนด้วยแววตาที่สับสน ก่อนที่เจ้ากรมคลังจะทูลขัดขึ้น

                “ทูลฝ่าบาท องค์ชายรองสติเลอะเลือนการให้พักในวังเกรงจะเป็นอันตรายต่อเชื้อพระวงศ์พระองค์อื่นได้พ่ะย่ะค่ะ”

            เสียงอื้ออึงดังขึ้นพร้อมกลับสุรเสียงที่เต็มไปด้วยความกริ้วของฮ่องเต้

                “บังอาจ! หยางเฉิงเป็นโอรสของข้าเหตุใดจะพักในวังไม่ได้”

            เหล่าขุนนางบางส่วนรีบคุกเข่าก้มหน้าลงกับพื้น หยางเฉิงลอบกวาดตามองทุกคนในท้องพระโรง ขุนนางส่วนใหญ่ที่ยังคงยืนอยู่ล้วนมีชื่อในบัญชีลับของเขาทั้งนั้น

                “ทูลฝ่าบาทองค์ชายรองมีพระชนมายุสมควรที่ต้องอภิเษกแล้ว กระหม่อมหมายถึงหากองค์ชายยังพลานามัยแข็งแรง ตามกฎวังจึงต้องประทับนอกวังพ่ะย่ะค่ะ” เพ่ยซุนเทียนรองเจ้ากรมคลังเสี่ยงตายทูลคัดค้าน ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าใต้เท้าเพ่ยหวังให้บุตรสาวได้เป็นพระชายาขององค์ชายสาม

                “หึ! ตำหนักที่ปล่อยร้างมาหลายสิบสองปีไม่มีการซ่อมแซมนั่นน่ะหรือที่เจ้าจะให้โอรสข้าไปอยู่ แม้แต่คนบ้าพวกเจ้าก็ยังไม่ละเว้นใช่หรือไม่!” ฮ่องเต้ตบบัลลังก์เสียงดังพร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สุรเสียงห้าวหาญดั่งมังกรทำให้เพ่ยซุนเทียนรักตัวกลัวตายในทันที รีบคุกเข่าจนหน้าผากแนบกับพื้น

                “ทะ ทูลฝ่าบาทกรมวังทำงานไม่รอบคอบ ทำให้ขุนนางที่รับผิดชอบฉ้อโกงเงินบำรุง ตอนนี้กรมอาญาตัดสินโทษคนพวกนั้นแล้วและตำหนักขององค์ชายก็ซ่อมแซมเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ” รองเจ้ากรมคลังกราบทูลต่อ

            หยางเฉิงเบื่อหน่ายที่จะฟังคนพวกนี้ขัดขวางเขาเต็มที จึงทูลต่อฝ่าบาทเอง

                “เสด็จพ่อ ในวังไม่สนุกเลย ลูกอยากไปอยู่ตำหนักข้างนอกที่ใต้เท้าคนนั้นเอ่ยถึง” หยางเฉิงที่กำลังเคี้ยวขนมเต็มปากเอ่ยทูล พลางชี้ไปยังเพ่ยซุนเทียน ทำให้ทุกคนกลับมาสนใจบุรุษกลางห้องโถงผู้นี้ ยังไม่ทันได้ให้ฮ่องเต้ตรัสหยางเฉิงกลับเดินถือจานขนมไปหารองเจ้ากรมคลัง

                “เหตุใดคุกเข่าเล่า หรือท่านเหนื่อยหิวข้าวหรือ” หยางเฉิงนั่งบนพื้นจ้องมองชายอ้วนที่คุกเข่าอยู่ เพ่ยซุนเทียนได้แต่จ้องมองอีกฝ่ายไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้กับคนบ้าฟัง

                “เอ่อ กระหม่อม...”

            พอใต้เท้าเพ่ยอ้าปากหยางเฉิงก็ยัดขนมสองชิ้นเข้าปากอีกฝ่ายทันที ทำเพ่ยซุนเทียนตาเลือกเพราะขนมติดคอ

                “กินขนมนี่แล้วใต้เท้าจะไม่หิว” หยางเฉิงยิ้มให้กับซุนเทียนโดยไม่ได้สนใจความทรมานของเขา เหล่าขุนนางต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น กว่าซุนเทียนจะคายขนมคำนั้นออกมาได้ สภาพเขาก็น่าเวทนาไม่น้อย

                “นี่! องค์ชายรองท่านกลั่นแกล้งข้าหรือ” รองเจ้ากรมคลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยันกายลุกขึ้นมือหนึ่งชี้นิ้วเอาผิดโอรสฮ่องเต้ อีกมือกุมลำคอที่ยังแสบร้อนของตน

                “ขะข้าไม่ได้ทำนะ” หยางเฉิงตกใจเผลอปล่อยมือจากจานขนมจนมันหล่นแตกกระจัดกระจาย พร้อมกับมีอาการจะสำลักอาหาร เจียงเฟิงเห็นเช่นนั้นก็ทำตามที่องค์ชายกำชับไว้ ด้วยการเข้าไปทุบหลังเขาอย่างแรง

                “องค์ชาย! เป็นอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีหนุ่มท่าทางตกใจจนขุนนางคนอื่นต้องตกใจตามไปด้วย แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องรีบลงจากบัลลังก์มาดูอาการหยางเฉิง แต่ไม่ทันไรเขาก็พ่นเศษขนมทั้งหมดเข้าเต็มหน้าของเพ่ยซุนเทียนที่ยังคงตกใจกับอาการของหยางเฉิง

                “นี่มันอะไรกัน!” ซุนเทียนร้องเสียงดังด้วยความโมโห เขาที่เกือบตายคราวนี้กลับถูกคนบ้าพ่นเศษอาหารเต็มหน้าไปหมด หากแต่หยางเฉิงกลับไม่สนใจพลางหันไปหาเจียงเฟิง

                “เมื่อกี้ข้าเกือบตาย เหตุใดขนมในวังนี่ไม่อร่อยแถมทำให้ติดคออีก ข้าอยากกลับตำหนักแล้ว” หยางเฉิงทำตัวเป็นเด็กไม่ฟังเสียงคนรอบข้าง จนหมอหลวงรีบมาดูอาการองค์ชายรอง เพราะมาเมืองหลวงครั้งนี้หมอหลิวที่คอยดูแลองค์ชายไม่ได้ตามเสด็จมาจากเหอเจียง

            ฮ่องเต้ที่เห็นเหตุการณ์วุ่นวายจึงโบกมือให้เจากงกงพาองค์ชายกลับตำหนัก โดยที่ไม่ได้สนใจท่าทางเจ็บแค้นของเพ่ยซุนเทียน ที่บัดนี้กลายเป็นที่น่าขบขันของเหล่าขุนนางเสียแล้ว

                “ฝ่าบาทเห็นหรือไม่ ว่าองค์ชายรองทรงเป็นอันตรายต่อคนรอบข้างเพียงใด” รองเจ้ากรมคลังแม้อับอายก็จะเอาผิดคนบ้าผู้นั้นให้ได้

                “เป็นเช่นที่พวกเจ้ากังวล หยางเฉิงมิอาจอยู่ในวังหลวงได้ หากแต่เขาเป็นเช่นนี้ข้าในฐานะบิดาจะปล่อยให้เขาออกไปอยู่ด้านนอกก็อดเป็นกังวลไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะออกราชโองการแต่งตั้งหยางเฉิงเป็นฉินอ๋อง”

            ขุนนางต่างตกใจกับราชโองการที่ไร้เหตุผลเช่นนี้

                “ฝ่าบาทไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

                “ฝ่าบาทตำแหน่งอ๋องขั้นชินอ๋องเช่นนี้ควรแต่งตั้งให้กับองค์ชายที่มีพระปรีชาสามารถนะพ่ะย่ะค่ะ” รองเจ้ากรมวังเอ่ยขัด

                “ข้าเพียงมอบตำแหน่งเพื่อปกป้องเขา พวกเจ้าจะยอมข้าไม่ได้เลยใช่หรือไม่ แม้แต่ข้าจะแต่งตั้งองค์ชายของตนไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะเป็นฮ่องเต้อยู่ทำไม มิสู้ให้องค์ชายสี่ขึ้นนั่งบัลลังก์มังกรเลยเล่า”

            สิ้นดำรัสของฮ่องเต้ขุนนางบางส่วนเงียบกริบ อีกครึ่งหนึ่งต่างลนลานมองหน้ากัน

                “เช่นนั้นก็ตามพระประสงค์ของฮ่องเต้เถอะพ่ะย่ะค่ะ หากแต่ฉินอ๋องจะไม่ได้รับหน้าที่ในราชสำนักใด ๆ ไม่มีกองกำลังทหารเป็นของตนเองเช่นนี้ฝ่าบาทเห็นด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เจ้ากรมคลังรีบเอ่ยเสนอทางเลือกให้ฮ่องเต้

            หลี่เทียนอี้ยิ้มอย่างพอใจ

                “ได้! เอาตามที่ท่านว่า” เอ่ยจบฮ่องเต้ก็ออกจากท้องพระโรงไป

            ด้านหยางเฉิงเมื่อกลับถึงตำหนัก ท่าทางราวเด็กน้อยก็หายไปใบหน้าหล่อเหลากลับมานิ่งเงียบอีกครั้ง

                “เหตุใดองค์ชายต้องเล่นงานเพ่ยซุนเทียนในยามนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งวิธีนี้ก็ไม่สาสมกับความเลวทรามของคนผู้นั้นด้วยซ้ำ” เจียงเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

                “ข้าเพียงแสดงให้คนอื่นดูว่าข้าบ้าเพียงใดก็เท่านั้น บัญชีแค้นจะเริ่มนับจากนี้” หยางเฉิงเอ่ยเสียงเรียบไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ ก่อนจะล้มตัวลงนอนเอาแรง

               จวนตระกูลซู........

            ภายในจวนถูกประดับด้วยผ้าขาว โถงเรือนอวิ๋นซีมีโลงศพวางไว้กลางโถง สาวใช้ต่างพากันร่ำไห้มีเพียงซูอวี้หนิงที่นั่งเหม่อลอยใช้ศีรษะพิงกับโลงศพของมารดา ใบหน้างามไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ จะมีก็แต่หยดน้ำใสอุ่นที่ไหลรินออกมาจากดวงตากลมโตที่บัดนี้แดงก่ำจนไม่น่ามอง ฮูหยินของจวนพึ่งจะตายเพียงหนึ่งวัน ปกติทั้งจวนควรเศร้าโศกทว่านอกจากผ้าขาวที่ตกแต่งทั่วจวนแล้ว ก็มีเพียงเสียงร่ำไห้ของบ่าวไพร่เรือนอวิ๋นซีเท่านั้นที่เป็นเครื่องยืนยันการจากไปของฮูหยินรองเจ้ากรมโยธา ทว่าเรือนอื่น ๆ กลับยังใช้ชีวิตกันปกติ แม้แต่บิดาของนางก็ไม่มาเหยียบที่เรือนเพื่อไหว้ศพภรรยาเลยสักครั้ง

                “คุณหนูท่านทานอะไรหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ตั้งแต่เมื่อวานท่านยังไม่กินอะไรเลย” เสี่ยวเหม่ยยกถ้วยข้าวต้มนั่งลงตรงหน้าคุณหนูของตน นางมองหญิงสาวเบื้องหน้าด้วยความเวทนา

                “เสี่ยวเหม่ยข้ากับท่านแม่ผิดอันใดหรือ เหตุในทั้งท่านพ่อ ท่านย่า จึงเปลี่ยนไปเพียงไม่กี่วันเช่นนี้” อวี้หนิงเลื่อนสายตามาจับจ้องที่สาวใช้ข้างกายแทน

                “ไม่ผิดเลยเจ้าค่ะ ไม่ผิด ฮูหยินกับคุณหนูเมตตากับทุกคน เคารพต่อนายท่านและฮูหยินผู้เฒ่าเสียยิ่งกว่าเทพเซียน หากจะมีคนผิดก็เป็นพวกเขาเองที่เห็นจวิ้นอ๋องกำลังหมดวาสนา เกรงจะมีภัยติดตัวทั้งอยากเอาใจตระกูลหลินจึงได้ทำกับพวกท่านเช่นนี้” เสี่ยวเหม่ยที่ดวงตาแดงก่ำไม่ต่างจากเจ้านายออกความเห็น แม้นางเป็นเพียงสาวใช้ไร้การศึกษาทว่าคนตระกูลซูแสดงออกชัดเจนเพียงนี้ มีหรือบ่าวไพร่เช่นนางจะดูไม่ออก

ซูเมิ่ง 淑梦

แง~ ไรท์ลืมลงนิยายเมื่อวาน เดี๋ยววันนี้ลงชดเชยให้นะคะ

| 1
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทพิเศษ

    หลี่หยางเฉิงพาชายาของตนและบุตรชายกลับจวนแม่ทัพ ตอนนี้เขาไม่คิดรีบร้อนกลับฉางเล่อแล้ว เพียงแค่ซูอวี้หนิงและลูกชายอยู่ที่ใด เขาย่อมเลือกที่นั่น หลี่หยางอี้ที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางสิบวันผล็อยหลับในอ้อมกอดของบิดา หยางเฉิงจ้องมองใบหน้าน้อย ๆ นั้นอย่างรักใคร่ เช่นเดียวกับซูอวี้หนิงที่นั่งจ้องมองสองพ่อลูกด้วยแววตาอ่อนโยน รถม้าหยุดลงหน้าจวน หยางเฉิงอุ้มเด็กน้อยวางลงบนเตียงในเรือนรับรองอย่างแผ่วเบา ก่อนจะนั่งมองลูกชายอยู่พักใหญ่ “ฮูหยินช่างใจร้ายนัก ปิดบังข้าได้ตั้งสามปี ไม่สงสารข้าบ้างเลยหรือ” บุรุษตัวสูงเงยหน้าขึ้นมองชายาด้วยแววตาเสียใจ อวี้หนิงเห็นแล้วก็เสียใจไม่น้อย “หม่อมฉันผิดต่อท่านอ๋องเองเพคะ เพราะเกรงท่านอ๋องจะละทิ้งทุกอย่างแล้วกลับมาหาหม่อมฉันและลูก หากเป็นเช่นนั้นชาวต้าหยางอีกสักเท่าไหร่จะต้องทนทุกข์” หยางเฉิงลุกขึ้นกอดร่างบางไว้แน่น ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น “รู้หรือไม่ข้ากลัวมากเพียงใด กลัวเจ้าจะไม่รอข้า กลัวข้าจะไม่ได้กลับไปพบเจ้า กลัวจะทิ้งเจ้าไว้เพียงผู้เดียว”

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 82 คัดค้านงานอภิเษก

    หยางเฉิงรีบส่ายหน้าปฏิเสธโดยเร็ว ในใจเขายินดียิ่งกว่าอะไร เหตุใดจะกล้าตำหนินางได้เล่า “ไม่เลย ข้าดีใจที่ฮูหยินขัดคำสั่งข้าครั้งนี้” หยางเฉิงเอ่ยพลางจุมพิตบนหน้าผากบาง “ท่านแม่” เสียงเด็กน้อยที่งัวเงียตื่นดังขึ้นภายในรถม้า ทำให้หลี่หยางเฉิงชะงักงัน นี่เขาหูฝาดหรือ “เสียงเด็กที่ไหนกัน” หยางเฉิงคลายอ้อมกอด พลางหันไปทางรถม้า อวี้หนิงยิ้มบาง ก่อนเรียกคนที่อยู่ในรถม้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อี้เอ๋อร์ ลงมาหาแม่เร็วเข้า” ฉินอ๋องยิ่งตกใจเมื่อนางแทนตัวเองว่าแม่ ทว่ายังไม่ทันให้เขาถามอันใด เด็กน้อยตัวขาว ใบหน้าหล่อเหลาตั้งแต่เด็กก็ปรากฏตัวขึ้น ก่อนที่จะเป็นอวี้หนิงจะอุ้มเขาลงจากรถม้า “ท่านอ๋อง เป็นอันใดหรือไม่เพคะ” นางมั่นใจว่าบัดนี้ฉินอ๋องตัวแข็งทื่อและไม่ได้หายใจด้วยซ้ำ “นี่คือใครกัน” มือของหยางเฉิงสั่นเทา ชี้มายังเด็กชายตรงหน้า น้ำเสียงนั้นก็หาความมั่นคงไม่ได้ “ลูกอย่างไรเล่าเพคะ” “ลูกหรือ! นี่หนิงเอ๋อร์เจ้า… เจ้าแต่งงานใหม่หรือ เหตุใ

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 81 รอคอย

    หลังหลี่หยางเฉิงจากไป เหรินฮูหยินที่รู้จากเสี่ยวเหม่ยว่าหลานสาวตั้งครรภ์ จึงรีบมารับตัวไปอยู่ด้วยกันที่ตระกูลเหริน ฮูหยินเฒ่าทั้งร้องไห้ทั้งตำหนิหลานสาวที่ไม่ยอมบอกเรื่องตั้งครรภ์กับฉินอ๋อง แต่เก็บซ่อนไว้เพียงผู้เดียว แม้นางมีเหตุผลเพราะเกรงฉินอ๋องจะห่วงหน้าพะวงหลัง แต่กระนั้นควรให้เขาได้ดีใจไม่ใช่หรือ ทว่าซูอวี้หนิงก็ยืนกรานอย่างเด็ดขาด ว่าหากสงครามยังไม่จบสิ้นห้ามบอกเรื่องนี้กับท่านอ๋อง แม้แต่คนของเขาอู่ถงเองก็ไม่อาจขัดคำสั่งนางได้ เรื่องนี้จึงถูกเก็บเงียบไม่ให้คนอยู่ไกลได้เป็นห่วง วันเวลาค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไป พร้อมกับความห่วงหาของอวี้หนิงที่มีต่อสามีที่ก่อตัวขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนนางแทบทนรอไม่ได้ แม้ข่าวของเขาจะถูกเจียงเฟิงควบม้าเร็วมาบอกทุกเดือน ด้วยหลี่หยางเฉิงไม่ไว้ใจผู้ใด หากข่าวนั้นไม่ได้ส่งต่อจากเจียงเฟิงก็ห้ามให้นางเชื่อเป็นอันขาด เช่นนั้นนางจึงเฝ้ารอเจียงเฟิงอยู่ทุกเดือน แม้จะมีกู้เผยอี้เทียวพาพี่สะใภ้ของตนแวะเวียนมาพูดคุยอยู่แทบทุกวัน กระนั้นก็ไม่อาจคลายเหงาให้นางลงได้ “พระชายา ยายว่าเจ้าบอกท่านอ๋องดีหรือไม่ บัดนี้อี้เอ๋อร์ก็ครบหนึ่งป

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 80 ศึกนี้เพื่อฮูหยิน

    ซูอวี้หนิงแม้แปลกใจในคำพูดของคนเบื้องหน้า แต่กระนั้นนางยังพยักหน้าเห็นด้วย “ดีเพคะ แต่ท่านอ๋องทำได้หรือ” หลี่หยางเฉิงยิ้มอบอุ่นให้กับนาง “เพียงเจ้าต้องการ ข้าทำได้ทั้งสิ้น” เอ่ยจบก็จุมพิตลงบนหน้าผากเนียน โดยไม่สนสายตาบุรุษทั้งสามที่จับจ้องอยู่ จนคนแอบรักอย่างหย่งเฉินจำต้องหันมองไปทางอื่น ก่อนที่ฉินอ๋องจะจูงมือชายาของตนกลับมา “ข้าจะกลับฉางเล่อไปพร้อมท่าน” คำพูดของหลี่หยางทำให้อวี้หนิงประหลาดใจ แต่ไม่ใช่กับหลี่หวงหยูและเว่ยหย่งเฉินที่คาดเดาคำตอบเอาไว้แล้ว “หึ! เป็นแผนของเจ้าสินะ” เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคู่แข่งหัวใจ หลี่หยางเฉิงก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “กระหม่อมเพียงอยากให้ต้าหยางสงบสุข เฉกเช่นพระชายาฉินอ๋องต้องการพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยหย่งเฉินไม่ปฏิเสธ เป็นเขาที่ต้องการให้เหล่าสตรีพวกนี้มาพบซูอวี้หนิง เพราะคนจิตใจบริสุทธิ์เช่นนางย่อมไม่ปรารถนาให้เกิดสงคราม และคนที่ตามใจภรรยาแทบจะถวายชีวิตให้อย่างฉินอ๋องย่อมไม่มีวันปล่อยให้นางทุกข์ใจเป็นแน่ จากนั้นเขากับไท่จื่อก็เพียงนำค

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 79 คนที่ไม่ต้องการพบ

    หลี่หยางเฉิงมีหรือจะไม่รู้ว่าตอนนี้นางกลัวสิ่งใด จึงรีบกุมมือนางไว้แน่น “ฮูหยิน ข้าไม่ได้คิดจะหลอกเจ้า เพียงแต่การที่ตัวข้าต้องอยู่อย่างหวาดกลัวมาสิบสองปี ต้องระวังไม่ให้ถูกสังหารอยู่ทุกวัน ทำให้ข้าไม่อาจเชื่อใจผู้ใดได้ หากเรื่องเกิดกับข้าก็แล้วไป แต่หากเกี่ยวกับเจ้าเล่า เรื่องนี้ข้าทนไม่ได้ เขาชิงหนิงนี้จึงมีคนของข้าคอยคุ้มอยู่นับพัน เจ้าอย่าเคืองข้าได้หรือไม่” หยางเฉิงเอ่ยด้วยสายตาอ้อนวอน เมื่อรู้เช่นนี้นางถึงเข้าใจอย่างกระจ่างว่าเหตุใดคนที่นี่จึงดูสุภาพกับนางนัก ทั้งพ่อค้า แม่ค้า ชาวเมือง บางทีก็ลอบสังเกตนางอยู่หลายครั้ง “กระนั้นท่านอ๋องก็คิดปิดบังหม่อมฉันไม่ใช่หรือ” “ข้า...” หยางเฉิงอยากจะอธิบายทว่ากลับคิดคำอธิบายไม่ได้ ที่นางเอ่ยมาไม่ผิด จะด้วยเหตุผลใดเขาก็คิดปิดบังนางจริง “หนิงเอ๋อร์ ข้าทำผิดอีกแล้ว ช่วยอภัยให้ข้าได้หรือไม่” บุรุษที่องอาจบัดนี้มีท่าทีราวกับเจ้า ชิงชิง แมวขาวขนปุยที่กำลังขอความเมตตาจากเจ้านาย อวี้หนิงไม่ได้ขุ่นเคืองเขา เพียงแต่นางไม่เห็นความจำเป็นใดที่ต้องปิดบังนาง

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 78 เขาชิงหนิง

    เวลาเพียงหนึ่งเดือน ทัพตระกูลเหรินต้องเร่งเดินทางไปสมทบกับแม่ทัพเหิงหมิงฮ่าว แม้ครั้งนี้แม่ทัพใหญ่จะให้กองทัพตระกูลมู่โยกทหารในมือที่ปกป้องแคว้นฝั่งเทียนไห่ ที่บัดนี้สงบมาหลายปี ช่วยตระกูลเหรินทำศึกกับต้าเหลียง ถือเป็นการเลือกหนุนไท่จื่อองค์ใหม่อย่างชัดเจน ทว่าครั้งนี้อ๋องต้าเหลียงที่ซุ่มศึกษาต้าหยางนานหลายปี ไม่คิดจะรามือโดยง่าย การศึกยืดเยื้อและมีทีท่าว่าจะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ราษฎรไม่น้อยต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ หนีตายเดินทางเข้าเมืองหลวง ทุกย่อมหญ้าบัดนี้มีแต่ความระทมทุกข์ ทว่ากลับไม่ใช่ที่เขาชิงหนิง ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ไม่น้อย ทว่าที่นี่กลับสงบสุขไร้ความวุ่นวาย เรือนหลังใหญ่ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่บัดนี้อบอวลไปด้วยความรัก หลี่หยางเฉิงถือโอกาสที่ราชสำนักวุ่นวาย กังวลเรื่องการศึก พาซูอวี้หนิงย้ายออกมาอยู่ตามลำพัง อย่างที่นางปรารถนามาช้านาน ในที่นี้พวกเขากลับเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ไม่มีผู้รู้ที่มาของพวกเขา ชาวบ้านต่างคาดเดาว่าเป็นคหบดีในเมือง อยากใช้ชีวิตเรียบง่ายตามป่าเขาก็เท่านั้น ซูอวี้หนิงแม้เป็นห่วงคนตระกูลเหริน ทว่าก็ไม่อาจขัดใจฉิ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status