Share

บทที่ 3

“ท่านพี่ ท่านรอข้าประเดี๋ยวได้หรือไม่?”

เมื่อเห็นว่าพวกโจวเฉิงจวินจะไปขึ้นเขา จี้เสี่ยวชุ่ยก็กระวนกระวายใจอยู่เล็กน้อย

“มีธุระอะไร?” โจวเฉิงจวินหันกลับมาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“มีธุระอะไรที่รอให้เขากลับมาก่อนค่อยคุยไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ช้ามาครึ่งค่อนวันแล้วนะ” และก็เป็นอาสะใภ้โจวที่พอหาเหตุผลได้ก็หาเรื่องขึ้นมา

“เจ้าก็พูดให้มันน้อยลงหน่อยเถอะ!” โจวไฉขมวดคิ้ว รู้สึกว่าอาสะใภ้โจวมักหาเรื่องโดยไร้เหตุผลบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ

“ข้าอยากขึ้นเขากับท่านด้วย”

“หา ท่านเองก็อยากไปหรือ!” โจวเฉิงเจี๋ยตะลึงไปเล็กน้อย บนเขามีอะไรน่าสนุกกัน

“เจ้าเป็นสตรีต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน จะขึ้นเขาไปทำไม? ไม่ได้ช่วยเหลือแล้วยังทำให้พวกเฉิงจวินต้องมาเหนื่อยช่วยเหลือเจ้าอีก” อยู่อย่างสงบไม่ได้เลยจริง ๆ

โจวไฉขมวดคิ้ว เขาคิดว่าสะใภ้นางนี้เอาแต่ใจอยู่บ้าง แค่นี้ครอบครัวก็ไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้ว ยังจะตามไปก่อเรื่องอีก

“มิใช่ ก่อนหน้านี้ข้าเคยเรียนกับหมอเฒ่าพเนจรในหมู่บ้าน ข้ารู้จักพวกสมุนไพรอยู่บ้าง ข้าแค่คิดว่าอาจจะสามารถหาสมุนไพรแล้วนำไปแลกเป็นเงินในเมืองได้บ้าง” นี่คือข้ออ้างที่จี้เสี่ยวชุ่ยคิดขึ้นมาได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

“รู้จักสมุนไพร?”

เมื่อทุกคนได้ฟังแล้วดวงตาก็เป็นประกาย นั่นเป็นเรื่องที่สุดยอดมาก! ไม่ว่าจะเป็นในยุคสมัยไหนหมอก็ล้วนแต่ได้รับการเคารพนับถือจากผู้คน ยิ่งกับยุคโบราณที่วิชาการแพทย์ยังไม่เจริญด้วยแล้ว ก็ยิ่งได้รับความเคารพศรัทธาจากผู้คนมากขึ้นไปอีก

“คุยโวอะไรน่ะ! ถ้าเจ้ารู้จักสมุนไพร พี่สะใภ้ของเจ้ายังจะขายเจ้าให้ตระกูลโจวของพวกเราหรือ?” อาสะใภ้โจวหัวเราะเยาะออกมา

ทันใดนั้นทุกคนถึงได้สติขึ้นมา จริงด้วย! พี่สะใภ้ของนางคนนั้นเลือกปฏิบัติเป็นที่สุด ถ้าหากว่านางทำอาชีพนี้จริงจะถูกขายมาที่ครอบครัวของพวกเขาได้อย่างไร

“เป็นความจริง พวกเขาไม่รู้ว่าข้าเรียนวิชาแพทย์กับหมอเฒ่าพเนจรผู้นั้น พวกเขาไม่ดีต่อข้า ข้าจึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพวกเขา”

“เจ้าอย่าพูดจาไร้สาระมากนัก เรื่องนี้พวกเขาจะไม่รู้ได้หรือ?” อาสะใภ้โจวตัดสินแล้วว่าเจ้าเด็กคนนี้คิดจะอู้งาน

“ท่านไม่ให้ข้าออกไปหา แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่รู้จัก?” จี้เสี่ยวชุ่ยก็เริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว คนเราต้องมีอารมณ์ด้วยกันทั้งนั้น นับประสาอะไรกันกับเธอที่เป็นแพทย์หญิงที่มาจากโลกปัจจุบัน?

“ฮึ่ย เจ้าเด็กน่ารังเกียจคนนี้นี่...”

“ท่านแม่ นางไม่ใช่เด็กน่ารังเกียจอะไร แต่เป็นภรรยาที่ข้าแต่งเข้ามา” ในช่วงเวลาสำคัญนั้นเอง โจวเฉิงจวินก็ลุกขึ้นมาพูดให้ความเป็นธรรมกับเธอ

“เจ้าลูกกระต่ายนี่ ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่หรือไม่” อาสะใภ้โจวเท้าเอว ดวงตาทั้งคู่แทบจะพ่นไฟออกมาได้

“เสี่ยวชุ่ยไปเถอะ” โจวเฉิงจวินเดินเข้ามาแล้วจูงจี้เสี่ยวชุ่ยเดินออกไปทันที โจวเฉิงเจี๋ยตามติดอยู่ด้านหลัง

“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ข้าเองก็อยากขึ้นเขาด้วย...” โจวเฉิงหย่ากำลังจะวิ่งออกมา กลับถูกอาสะใภ้โจวคว้าตัวกลับไป

“พวกลูกเนรคุณ โตกันหมดแล้วนี่ ปีกกล้าขาแข็งไม่ฟังคำข้าแล้ว...”

แม้ว่าเดินออกมาไกลมากแล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงของอาสะใภ้โจวได้อย่างเลือนราง จี้เสี่ยวชุ่ยแคะหู สายตาก็ลอบมองโจวเฉิงจวิน

“พวกเราจะไปกันอย่างนี้เลยหรือ ท่านแม่... จะไม่เป็นอะไรหรือ?”

โจวเฉิงจวินส่ายศีรษะแล้วเดินต่อไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเห็นนางโดนท่านแม่ตำหนิเขาก็ไม่สบายใจ แต่ไม่สบายใจเพราะเหตุใดเขาเองก็บอกไม่ถูก

“พี่สะใภ้ ท่านวางใจเถอะ ท่านแม่ของพวกเราปากร้ายใจดี ท่านอย่าเก็บคำพูดของนางไปคิดมากเลย รับฟังก็พอแล้ว” โจวเฉิงเจี๋ยร่าเริงเป็นอย่างยิ่ง รอยยิ้มของเขาเจิดจ้าราวแสงตะวัน แม้ว่าสีหน้าจะดูขาดสารอาหารไปบ้าง แต่ก็ยังดูออกว่าเป็นเด็กหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง

พันธุกรรมของครอบครัวพวกเขาแล้วไม่เลวเลย เจ้ารองโจวเฉิงเหริน แม้ว่าร่างกายจะขี้โรค แต่มีท่าทีที่สุภาพ และมีใบหน้าที่งดงามล้ำเลิศ โจวเฉิงหย่ายังเด็กอยู่ถึงเพียงนั้น แต่ก็ยังมองออกว่าเป็นเด็กที่มีเค้าโครงของหญิงงาม แม้แต่สามีในนามของเธอ เนื่องจากไว้หนวดเคราบนใบหน้า อีกทั้งยังไม่ให้ความสำคัญกับเครื่องแต่งกาย ทั้งเนื้อทั้งตัวดูแล้วเหมือนคุณลุงตัวเนื้อตัวสกปรกมอมแมมที่อายุมากกว่าสามสิบปี

รูปลักษณ์เช่นนั้น มิน่าล่ะเจ้าของร่างเดิมเห็นแล้วจึงไม่ยินยอมอยู่กับเขา! จี้เสี่ยวชุ่ยในตอนนี้ แม้ว่าตัวเธอเองจะไม่อยากอยู่ที่นี่ แต่เธอก็รู้สึกว่าอยู่กับเขาก็ยังดีกว่าอยู่กับครอบครัวพี่ชายและพี่สะใภ้

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา จากนั้นก็รอให้มีเงินเพียงพอแล้วค่อยหารือกับพวกเขา ให้พวกเขาช่วยเธอทำทะเบียนสำมะโนครัวหนึ่งฉบับ เช่นนี้แล้ว พอเธอไปที่นั่นก็ไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว

เมื่อถึงตีนเขา จี้เสี่ยวชุ่ยเงยหน้าขึ้นมองยอดเขาหลายยอด หินขนาดมหึมารูปทรงแปลก ๆ ตั้งสูงเอนเอียงราวกับกำลังจะล้มลงมา

“พี่สะใภ้ใหญ่ ปกติพวกเราจะไม่เข้าไปในส่วนลึกของภูเขา แต่จะล่าสัตว์เล็ก ๆ รอบนอกเท่านั้น” โจวเฉิงเจี๋ยเห็นจี้เสี่ยวชุ่ยใจลอยก็คิดว่านางเห็นภูเขาสูงใหญ่เช่นนี้แล้วจะนึกหวาดกลัว จึงเอ่ยปลอบ

จี้เสี่ยวชุ่ยส่ายศีรษะ “ภูเขาลูกนี้ดูเหมือนไม่เคยมีใครขึ้นมา คนในหมู่บ้านไม่มีใครมาหาของที่นี่ไปใช้ในบ้านหรือ?”

“พี่สะใภ้ ท่านไม่รู้หรือ? ภูเขาลูกนี้เคยมีเสือกินคนปรากฏตัวออกมา ว่ากันว่ายังมียังมีเหยื่อขนาดใหญ่อื่นด้วย เพียงแต่อยู่ในส่วนลึกของภูเขาทั้งหมด ข้ากับพี่ใหญ่ล่าสัตว์อยู่ที่รอบนอกตลอดปี คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ล้วนแต่มีที่นา ตอนนี้บ้านเมืองสุขสงบ ผู้คนอยู่เย็นเป็นสุข ความเป็นอยู่ของชาวบ้านก็ดีขึ้นไม่น้อย ครอบครัวของเราแค่ไม่มีที่นาเท่านั้นเอง คนที่อยู่ดีกินดีอยู่แล้ว ใครจะอยากมาเสี่ยงอันตรายที่นี่กันล่ะ!”

จี้เสี่ยวชุ่ยได้ฟังคำพูดของเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปีคนนี้แล้วก็ปวดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่เป็นไร วันข้างหน้าจะต้องดีขึ้นแน่นอน

“เฉิงเจี๋ยยังไม่ต้องเข้าไป วันนี้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้ของเจ้า ดูว่ามีของที่จำเป็นหรือไม่” โจวเฉิงจวินมองพวกเขาทีหนึ่ง เมื่อกล่าวจบ เขาก็เดินไปที่ยอดเขาอีกยอด

จี้เสี่ยวชุ่ยอยู่ในภูเขาใหญ่มืดทึบนี้คนเดียวก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย จึงไม่ได้ปฏิเสธ เธอเริ่มค้นหาตามรอบนอกของป่า ตามที่พวกเขาได้คุยกันเอาไว้ก่อนหน้านี้

จี้เสี่ยวชุ่ยมองดูภูเขาลูกใหญ่ที่ยังไม่เคยถูกขุดเจาะลูกนี้ ก้มลงค้นหาสมุนไพรที่เกิดขึ้นตามชายป่าด้วยความชำนาญ แล้วเธอก็เจอโกศขี้แมวพงใหญ่เข้าจริง ๆ

โกฐขี้แมวตระกูลโสมดำเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุนานหลายปี สูงได้ถึงสามสิบเซนติเมตร มีรากไว้สะสมอาหาร ตอนยังสดมีสีเหลือง ช่วยระบายความร้อนในร่างกาย ห้ามเลือด ลดไข้ ใช้ในโรคร้อน หรือมีความร้อนในกระแสเลือด กระหายน้ำ หยินพร่องจากความร้อนภายใน รอยจุดแดง ผดผื่น รวมถึงสรรพคุณอื่น ๆ

“เฉิงเจี๋ยมานี่...”

จี้เสี่ยวชุ่ยเหลือบตาขึ้น เห็นโจวเฉิงเจี๋ยกำลังมองหาของที่จะเก็บกลับบ้านอยู่ไม่ไกล! เขากับพี่ใหญ่มาที่นี่หลายครั้งแล้ว ของที่เก็บได้ก็เก็บหมดไปนานแล้ว พอได้ยินจี้เสี่ยวชุ่ยเรียก เขาก็วิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปหา

“พี่สะใภ้ใหญ่มีอะไรหรือ?”

“เจ้าดูสิ นี่คือสมุนไพรที่ข้าตามหา” จี้เสี่ยวชุ่ยเอ่ยขึ้นพลางใช้ท่อนไม้ขุดดินขึ้นมา ดีที่บนภูเขานี้มีร่องรอยของมนุษย์อยู่น้อยมาก ดังนั้นดินจึงร่วนซุย ไม่นานจี้เสี่ยวชุ่ยก็ขุดโกฐขี้แมวคุณภาพดีก้อนหนึ่งขึ้นมาได้

“นี่... นี่คือสมุนไพรหรือ?” โจวเฉิงเจี๋ยตะลึงตาค้าง ที่แท้สมุนไพรก็มีหน้าตาเป็นเช่นนี้เองหรือ? ยามปกติตอนพวกเขาซื้อสมุนไพรตามร้านขายยาก็ล้วนแต่เป็นตัวยาพร้อมใช้ หรือหั่นเป็นแผ่นแล้ว แทบจะมองลักษณะเดิมไม่ออก นึกไม่ถึงว่าจะมีรูปร่างเช่นนี้!

สมุนไพรพวกนี้เขากับพี่ใหญ่พบเจอได้บ่อยมากตอนขึ้นเขา! นึกไม่ถึงว่าจะพลาดโอกาสดี ๆ มาโดยตลอด

โจวเฉิงเจี๋ยตื่นเต้นไม่หยุด เขารีบวางธนูและลูกศรในมือลงแล้วเริ่มต้นขุดสมุนไพรกับจี้เสี่ยวชุ่ย

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status