LOGIN“เกื้อ บักเกื้อ แย่แล้ว...” (เกื้อ ไอ้เกื้อ แย่แล้ว...) เสียงดังโหวกเหวกตะโกนเรียกชื่อเขามาแต่ไกล
วันนี้เขาออกมาทำงานที่ร้านซ่อมรถของลุงสมบูรณ์ ที่เป็นร้านรับซ่อมเครื่องยนต์ทุกชนิด ซึ่งตั้งอยู่ทางเข้าหน้าหมู่บ้าน ตามปกติดังเช่นทุกวันที่ร้านเปิด
ชนาวุฒิ คือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว ที่ยังคงเทียวไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด เพราะเพื่อนคนอื่น ๆ ต่างก็พากันมีครอบครัวไปจนเกือบหมดแล้ว บ้างก็แยกย้ายไปหาทำงานที่ต่างจังหวัด...
“มีหยังบักวุฒิ” (มีอะไรไอ้วุฒิ) เขาถามเพื่อนออกไปด้วยความงุนงง ที่จู่ ๆ ก็ตะโกนเรียกเขามาสะเสียงดัง จนคนที่ร้านแทบจะแตกตื่น
“แม่ แม่มึงแย่แล้ว...”
“แม่...”
เพียงแค่เห็นอาการตื่นตระหนกของชนาวุฒิ และได้ยินคำพูดตะกุกตะกักพูดไม่ออกเท่านั้น เขาละทิ้งทุกอย่างตรงหน้าไว้ แล้วรีบบิดรถมอเตอร์ไซค์คู่กายไปยังบ้านของเขาทันที
แต่เมื่อไปถึง กลับมีชาวบ้านมากันเต็มแล้ว ใจแกร่งหล่นวูบลงที่ตาตุ่มทันที และเมื่อเดินเข้าไปภายในบ้าน น้ำตาลูกผู้ชายกลับล่วงลงมาราวเขื่อนแตก เมื่อร่างที่นอนแนบนิ่งไร้ลมหายใจของมารดานั้น ได้จากโลกนี้ไปแบบไม่มีวันกลับ แถมไม่เอ่ยลาเขาเลยสักคำ
“แม่...แม่คือบ่ถ่าเกื้อ ฮืออออ” (แม่...แม่ทำไมไม่รอเกื้อ ฮืออออ) เสียงสะอื้นพร่ำออกมาด้วยความเสียใจ ที่ผู้ไปมารดาจากไปแบบไม่ยอมร่ำลา ถือบอกอะไรเขาไว้เลย
หลังจากงานศพของคำหล้าผ่านพ้นไป ก็ล่วงเลยมาถึงหนึ่งเดือนแล้ว ที่คุณพัฒน์ต้องอยู่ตามลำพังที่บ้านเพียงคนเดียว ชายหนุ่มหยิบรูปถ่ายใบเล็กเก่า ๆ ที่มีพ่อและแม่ของเขาถ่ายด้วยกันตอนที่เขายังไม่เกิด
“พ่อสิฮู้บ่ ว่ามีเกื้ออยู่ในท้องของแม่ แล้วเป็นหยังพ่อคือบ่มาเบิ้งแม่กับเกื้อเลย เกื้อหวังว่าตอนนี้พ่อสิยังมีชีวิตอยู่เด้อ” (พ่อจะรู้ไหม ว่ามีเกื้ออยู่ในท้องของแม่ แล้วทำไมพ่อถึงไม่มาหาแม่กับเกื้อบ้างเลย เกื้อหวังว่าตอนนี้พ่อจะยังมีชีวิตอยู่นะ)
คุณพัฒน์เอ่ยกับรูปภาพใบเล็กที่เป็นภาพของมารดากับบิดาผู้ให้กำเนิดของเขา ที่คำหล้าผู้เป็นแม่นั้นทิ้งไว้ให้เขา พร้อมกับสร้อยและแหวนทองคำ น้ำหนักอย่างละหนึ่งสลึงไว้ให้ พร้อมกับจดหมายฉบับเล็ก ซึ่งเขียนด้วยลายมือของคำหล้า
‘แม่ไม่มีสมบัติติดตัวอะไรมาก นอกจากสร้อยและแหวนวงนี้ ที่แม่รักมากที่สุด ไว้ให้เกื้อเก็บไว้เผื่อยามจำเป็น...แม่ฮักเกื้อหลายเด้อ ดวงใจของแม่ *คำหล้า’
เพียงแค่คำสั้น ๆ ก็ทำเอาน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอีกครั้ง และนั่งคิดทบทวนอยู่กับตัวเอง ว่าจะเอาอย่างไรต่อ กับชีวิตที่ยังมีลมหายใจอย่างโดดเดี่ยวของเขา
“เกื้อว่าจังใดนะ!” (เกื้อว่าอะไรนะ!) เสียงทุ้มอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ เมื่อได้ยินในสิ่งที่คุณพัฒน์เดินมาบอก หลังจากที่หยุดงานไปหลายวัน
สมบูรณ์ ชายวัยกลายคนอายุ สี่สิบต้น ๆ ซึ่งเป็นญาติกันห่าง ๆ กับมารดาของคุณพัฒน์ ที่แต่งงานมีครอบครัวกับคนในพื้นที่หมู่บ้านแห่งนี้ และย้ายมาอยู่ที่หมู่บ่านนี้อย่างถาวร จนมีกิจการเป็นของตัวเอง
“ข่อยสิไปหางานเฮ็ดที่กรุงเทพฯครับลุงบูรณ์” (ผมจะไปหางานทำที่กรุงเทพฯครับลุงบูรณ์) คุณพัฒน์เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“โตคิดดีแล้วแม่นบ่” (นายคิดดีแล้วใช่ไหม)
“ครับ”
“ขันโตตัดสินใจดีแล้ว ลุงกะบ่มีสิทธิ์หยัง ที่สิไปห้ามโตได้ดอก สิไปมื้อใดละ” (ถ้านายตัดสินใจดีแล้ว ลุงก็ไม่มีสิทธิ์อะไร ที่จะไปห้ามนายได้หรอก แล้วจะไปวันไหนละ)
“อีกสองมื้อครับ ไปพร้อมหมู่” (อีกสองวันครับ ไปพร้อมเพื่อน)
“บักวุฒิบ้อ ลุงขอให้โตโชคดีเด้อ” (ไอ้วุฒิเหรอ ลุงขอให้นายโชคดีนะ)
“ขอบคุณครับ”
และวันที่คุณพัฒน์ต้องเดินทางมาถึง เขาเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครด้วยรถจักรยานยนต์คู่ใจ คนละคันกับเพื่อนที่สนิทกันหนึ่งคนนั่นก็คือ ชนาวุฒิที่ยังเหลืออยู่ตอนนี้ เพราะเพื่อนคนอื่น ๆ ต่างก็มีครอบครัวกันไปแล้ว บ้างก็เข้ามาศึกษาและทำงานที่กรุงเทพตั้งแต่อายุสิบแปดแล้ว
เดิมทีเขาตั้งใจจะเดินทางมาคนเดียว แต่เมื่อชนาวุฒิทราบข่าวว่าเขาจะมาหางานที่เมืองหลวง จึงได้ตามเขามาด้วย เพราะพี่สาวเคยบอกให้มาหางานทำตั้งแต่เขาเรียนจบใหม่ ๆ แล้ว แต่เขาที่ยังรักสนุกในชีวิตของวัยรุ่น ติดเพื่อน ติดเที่ยวก็ไม่ยอมมาตามคำขอของพี่สาวสักที
จนคุณพัฒน์ไปบอกลาว่าจะมาหางานทำ เขาจึงเปลี่ยนใจกะทันหันตามคุณพัฒน์มาด้วยทันที โดยไม่สนคำค้านของใครเลย แม้แต่มารดาและบิดาที่ขอเขาอยู่หลายหนแล้ว แต่แค่ได้ยินว่าคุณพัฒน์จะมาแค่นั้นแหละ ก็ตามมาทันที โดยที่บิดามารดาและพี่สาวไม่ต้องเอ่ยปากบอกเลย...
และชนาวุฒิเอง ก็มีพี่สาวที่ทำงานและมีบ้านเป็นของตัวเองอยู่ที่นั่นด้วย จึงพาเขาไปหาพี่สาวก่อนเพื่อตั้งหลักกัน แล้วค่อยคิดอีกทีเรื่องที่จะหางานทำ
ตอนนี้ก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว ที่คุณพัฒน์และชนาวุฒิเดินทางมาถึง ชนาวุฒิจึงพาเขาไปที่บ้านของพี่สาวเขาก่อน
“คืนนี้ กะนอนนี้ไปก่อน จนกว่าเกื้อกับวุฒิจะหางานเฮ็ดได้ ค่อยย้ายออก” (คืนนี้ ก็นอนที่นี่ไปก่อน จนกว่าเกื้อกับวุฒิจะหางานทำได้ ค่อยย้ายออก) เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยบอก พร้อมกับถือหมอนผ้าห่มออกมาจากห้องให้ชายหนุ่มทั้งสอง
ชญานุช พี่สาวในวัย 30 ปี ของชนาวุฒิ ที่เข้ามาศึกษาอยู่ที่นี่ตั้งแต่จบระดับชั้นมัธยมปลาย จนจบในระดับปริญญาตรี และได้เข้าทำงานในบริษัทเอกชนทันที จนตอนนี้ตั้งตัว มีทรัพย์สิน มีรถและมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว
“ขอบคุณเอื้อยนุชหลาย ๆ เด้อครับ” (ขอบคุณพี่นุชมาก ๆ เลยครับ) คุณพัฒน์เอ่ยขึ้น พร้อมยกมือขึ้นไหว้เป็นการขอบคุณพี่สาวเพื่อน
“บ่เป็นหยังเลย เฮาคนบ้านเดียวกัน เกื้อเป็นหมู่วุฒิ กะคือเป็นน้องซายของเอื้อยคือกัน พักผ่อนเถาะขาดเหลืออีหยังกะบอกได้เด้อ บ่ต้องเกรงใจ” (ไม่เป็นไรเลย เราคนบ้านเดียวกัน เกื้อเป็นเพื่อนวุฒิก็เหมือนเป็นน้องชายของพี่เหมือนกัน พักผ่อนเถอะขาดเหลืออะไรก็บอกได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ)
ชญานุชบอกเพื่อให้เขาสบายใจ แล้วเดินเข้าห้องนอนของเธอทันที เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เธอต้องไปทำงานอีก
บทส่งท้าย(จบ)“เรามีลูกอีกคน สร้างครอบครัวไปด้วยกันนะครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกคนในอ้อมกอด ขณะที่ทั้งคู่กอดก่ายกันอยู่บนที่นอน หลังจากบทเพลงรักรอบล่าสุดจบลง“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่กลับมาหามุกกับลูก” เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขา และเอ่ยขอบคุณเขาจากใจจริง“ขอบคุณเช่นกันครับ ที่ยังรอพี่ ต่อไปนี้เราจะไม่แยกจากกันไปไหนอีกแล้ว พี่จะดูแลมุกดูแลลูกเป็นอย่างดี จะรัก ทะนุถนอมเทิดทูลดอกฟ้าดอกนี้เป็นอย่างดีเลยครับ พี่สัญญา” เขามองสบตาเธอ ก่อนที่จะเอ่ยให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าเธอ แล้วก้มลงหอมขมับเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม“ช่างรู้จักเปรียบเทียบนะคะ มุกไม่เคยมองพี่ด้อยไปกว่ามุกเลยนะ”“อาบน้ำกันดีกว่าครับ เดินไหวไหม” เขาจึงตัดบทขึ้น แล้วถามเธอออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะจัดหนักเธอไปตั้งหลายยกหลังจากที่ไม่ได้หลอมรวมกันมานาน“...อุ้มหน่อย” เธอมองเขาก่อนที่จะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วอ้อนเขาขึ้นมาเหมือนเด็กที่ยังไม่โตทันที“อ้อนเก่งแบบนี้ ไม่รู้ว่านุกูลจะขี้อ้อนเหมือนแม่หรือเปล่า” เขาช้อนเธอขึ้นแนบอกในท่าเจ้าสาว แล้วเอ่ยแซวเธอออกมาอย่างไม่จริงจังนัก“นุกูลเหมือนพี่ไปเสียทุกอย่างเลยค่ะ มุกอุตส่าห์อุ้ม
ไปรำลึกความหลัง NC“ทีนี้เข้าใจคำว่าทองแผ่นเดียวกันหรือยัง” ปราโมทย์เอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปที่สองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่อีกฝั่ง“เข้าใจแล้วค่ะ แล้วทำไมคุณพ่อไม่บอกละคะ ว่าลูกชายเพื่อนพ่อคือพี่เกื้อ” มุกดารินทร์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่ก็ยังโกรธและงอนผู้เป็นพ่ออยู่ดีที่ไม่ได้บอกความจริงและเหตุผลตั้งแต่แรก“ตอนแรกพ่อก็ไม่รู้ พ่อพึ่งจะมาทราบก็ตอนที่เขาบอกว่ารับทุกอย่างที่เป็นลูกได้ ถึงแม้ว่าลูกจะมีลูกแล้ว พ่อเลยเอะใจสืบให้คนประวัติดู แต่ไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ไง ใครจะไปคิดว่าเกื้อกูลเป็นลูกชายของพงษ์พัฒน์เขา น้องชายแท้ ๆ ของคุณพงษ์พิพัฒน์ที่ไปรักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศ” ปราโมทย์จึงอธิบายบอกลูกสาว เพราะตัวเขาเองก็พึ่งมารับรู้ความจริงเมื่อไม่นานมานี้เหมือนกัน“เป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตมากกว่าน่ะผมว่า ไปทำผู้หญิงท้องแล้วไม่ยอมกลับไปรับผิดชอบ แถมยังไม่ส่งข่าวอีก เก็บความลับเอาไว้จนมิดเชียว” พงษ์พิพัฒน์จึงเอ่ยเสริม แต่ก็ไม่วายตำหนิน้องชายของตัวเอง“ก็ใครจะไปรู้ ว่าคำหล้าจะท้อง แต่ผมก็กลับไปหาคำหล้าตามสัญญานะพี่ แต่แค่ไปไม่ถึงเกิดอุบัติเหตุเสียก่อนอย่างที่เห็นนั้นแหล่ะเดินไม่ได้อยู่หลายปี แล้วแบบน
ความจริงคือ...“พี่เกื้อ!”ทุกคนต่างหันหน้าไปทางประตูเข้าบ้านตามเสียงของคนที่มานั่น กลับพบร่างสูงที่คุ้นเคย แต่ครั้งนี้กลับแต่งตัวดูมีพื้นฐาน พร้อมกับชายสูงวัยอีกคนที่มาพร้อมกันร่างสูงเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่ยืนอ้าปากค้างมองหน้าเขาอย่างงุนงงขณะที่เจอหน้ากันอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยถามย้ำคนตรงหน้าขึ้นมาอีกครั้ง“ว่ายังไงครับ ใครจะไม่ยอมแต่งงานกับพี่เหรอ”“...” มุกดารินทร์ยังคงนิ่งเงียบ เพราะยังทำตัวไม่ถูกและตกใจที่เจอเขาหลังจากที่เขาและเธอแยกจากกันไปนานเกือบสามปี“มุกยินดีที่จะแต่งงานกับพี่หรือเปล่าครับ” เขาถามเธอขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอยังคงเงียบไม่ตอบในสิ่งที่เขาถามไปเมื่อสักครู่ดวงตากลมโตไหวระริกมีน้ำตาเอ่อคลอ มือปัดเช็ดออกแบบลวก ๆ แต่น้ำตามากมายยังคงไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างไม่อาจห้ามอยู่“ฮึก...ตะ แต่งค่ะ มุกจะแต่งงานกับพี่เกื้อ” เสียงสั่นตอบรับคนตรงหน้าแบบไม่ลังเลก่อนที่จะสวมกอดเขาแน่นด้วยความคิดถึงและโหยหา“พอเป็นพ่อของลูกนี่ตอบแบบไม่คิดอะไรเลยน่ะ แทบจะเป็นฝ่ายขอเขาแต่งเสียเองแล้ว” ปราโมทย์อดที่จะแซวลูกสาวออกมาไม่ได้ เพราะก่อนหน้านั้นยังเถียงเขาหลังชนฝา เอาแต่ปฏิเ
แต่งงานกับคนที่เหมาะสมหนึ่งสัปดาห์ต่อมา“มุกไม่แต่งค่ะ มุกจะรอพี่เกื้อ พ่อของนุกูลคนเดียวเท่านั้น” มุกดารินทร์ปฏิเสธ ค้านขึ้นมาทันที เมื่อบิดาของเธอบอกว่าจะให้เธอแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนที่พึ่งกลับมาจากต่างประเทศจริง ๆ ซึ่งเป็นใครนั้นเธอก็ไม่เคยรู้ เพราะเธอไม่เคยที่จะสนใจผู้ชายคนอื่นอยู่แล้วแต่เธอแค่คาดไม่ถึง ว่าสิ่งที่บิดาเปรยเอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้นจะเป็นเรื่องจริง ที่จะให้เธอแต่งงานกับลูกชายเพื่อนของท่าน หากว่าคุณพัฒน์ยังไม่กลับมา เพราะนี่ก็ล่วงเลยมาใกล้จะถึงสามปีแล้ว ที่คุณพัฒน์หายเงียบขาดการติดต่อตั้งแต่ที่ไปเรียนต่างประเทศ“แต่คนนี้ลูกชายเพื่อนสนิทพ่อเลยน่ะ กำลังกลับมาจากต่างประเทศด้วย”“จะเป็นใครมาจากไหน มุกก็ไม่สนทั้งนั้นแหล่ะคะ และจะไม่แต่งงานด้วยทั้งนั้น มุกจะมีแค่ผัวเดียวเมียเดียว ก็คือพี่เกื้อเท่านั้น ถึงแม้ว่าพี่เกื้อจะไม่รักมุกกับลูกแล้วก็ตาม” เธอยังคงปฏิเสธเช่นเดิม ถึงแม้ว่าบิดาเธอจะเอ่ยอย่างไรเพราะเธอสัญญากับตัวเองไว้แล้ว ว่าจะไม่รักใครอีกนอกจากพ่อของลูกเท่านั้น ถึงแม้ว่าอนาคตข้างหน้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม เธอจะซื่อสัตย์กับใจตัวเอง“ไหนล่ะ? ไอ้คนที่ลูกรักนัก
วันเวลาเปลี่ยนสองปีผ่านไปวันเวลาผ่านพ้นไปอย่ารวดเร็ว แต่กลับช้าเสียเหลือเกินสำหรับมุกดารินทร์ เพราะกว่าจะผ่านไปได้แต่ละวันเธอต้องอดทนมากขนาดไหน และตอนนี้เองมุกดารินทร์จบการศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามคาดเอาไว้ภายในสองปี และเธอก็ทำได้และเธอเองก็ได้เข้ามาทำงานในบริษัทของบิดาเธอแล้ว ในตำแหน่งรองประธานและผู้บริหารบริษัทที่บิดาเธอกับวิศรุตอีกคน เพราะบิดาของเธอส่วนใหญ่จะอยู่เลี้ยงหลานที่บ้าน นาน ๆ ทีจะเข้ามาบริษัท...“แม่จ๋าครับ” เสียงเล็กของนุกูล ลูกชายวัยสองขวบครึ่งเอ่ยเรียกเธอขึ้นมาแต่ไกล พร้อมกับวิ่งเข้ามาหาเมื่อผู้เป็นลุงอย่างวิศรุตพาเดินลงมาจากบันไดบ้านชั้นสอง เพราะเมื่อคืนนี้ทั้งคู่นอนด้วยกัน“ครับ” มุกดารินทร์ย่อตัวลงขานรับลูกชาย และสวมกอดทันทีอย่างแสนคิดถึงแสนรักเสียเหลือเกินกุลพัฒน์ หรือ นุกูล ลูกชายวัยสองขวบเศษของเธอกับคุณพัฒน์ นับวันยิ่งแต่ถอดแบบของคนเป็นพ่อไปทุกที ไม่ใช่แค่เพียงเพศและหน้าตาที่เหมือนไปทางผู้เป็นพ่ออย่างเดียว แต่นิสัยก็เริ่มออกไปทางผู้เป็นพ่อด้วยเช่นกัน ซึ่งเธอจะรู้ดีมากที่สุด และมีลูกชายคนนี้แหล่ะ ที่คิดถึงพ่อของลูกเมื่อไหร่ เธอมักจะมองหน้าของลูกชาย คนที่เป็
การจากลารุ่งเช้าผ้าม่านพัดปลิวไหวไปตามแรงลมที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างของห้องนอน มุกดารินทร์ลืมตาขึ้นมาอย่างแสนอ่อนล้าเอื้อมมือควานหาร่างแกร่งที่นอนกอดมาทั้งคืน กลับพบเพียงแค่ความว่างเปล่า เพราะเขาคงจะลุกออกไปตั้งนานแล้วสัมผัสจากที่นอนที่เย็นเฉียบสายตากวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง ก็ต้องก้มหน้าลงอย่างแสนเศร้า แถมทั้งห้องนอนยังไร้ร่างเล็กและเสียงของลูกน้อย เพราะไม่ได้อยู่ที่ห้องนี้แล้ว เขาน่าจะอุ้มนุกูลออกไปหรือผู้เป็นตาอาจเข้ามาอุ้มออกไป เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว เป็นอีกวันที่เธอนอนตื่นสายกว่าทุกวัน และอาจเป็นเพราะเมื่อคืนที่เธอแทบจะไม่ได้นอนเลยเพราะบทรักที่เขามอบให้...“ทำไมพี่ไม่ปลุกมุกเลยพี่เกื้อ ใจร้ายจัง”น้ำตาไหลอาบสองข้างแก้มทันที เมื่อนึกน้อยใจที่คุณพัฒน์ลุกออกไปไม่ยอมปลุกเธอขึ้นมา ร่ำลากันบ้างเลย และสายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้อยู่บนโต๊ะของฝั่งที่เขานอน-ขอโทษนะครับ หากมุกได้อ่านจดหมายฉบับนี้พี่คงขึ้นเครื่องแล้ว ขอโทษอีกครั้งที่พี่ไม่ได้ปลุกมุก พี่คงทำใจจากมุกมาไม่ได้ พี่ไม่อยากให้มุกเห็นความอ่อนแอของพี่ พี่เลยตัดสินใจเลือกออกมาแบบนี้ดีกว่า นุกูลอยู่ที่ห้องคุณพ่อ พี่อยากใ
![friend zone รักร้ายนายเพื่อนสนิท [ 3P ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)






