LOGINเมื่อเห็นว่าเวลานี้ก็ดึกมากแล้ว คุณพัฒน์จึงเอ่ยชวนเธอกลับ และเป็นฝ่ายอาสาที่จะพาเธอไปส่งที่บ้าน ของเธอเอง ตอนแรกมุกดารินทร์ปฏิเสธไม่ยอมกลับบ้าน เพราะเธออยากที่จะค้างอยู่กับพวกเขา แต่คุณพัฒน์บอกว่ามันไม่เหมาะเพราะเธอเป็นผู้หญิง
“แต่บ้านมุกอยู่ไกลจากที่นี่นะคะ” เธอบอกเขาออกไป เพราะจากตรงนี้ไปบ้านของเธอไกลมากพอสมควร เพราะอยู่คนละฝั่งทางกับบริษัท
“ไม่เป็นไรครับ”
“เดี๋ยวมุกโทรบอกพี่ภัทรก่อนนะคะ ว่าพี่เกื้อจะไปส่งมุกที่บ้าน พี่ภัทรจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
เมื่อเธอโทรศัพท์ไปแจ้งธนภัทรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณพัฒน์จึงพาเธอขับรถกลับบ้านด้วยรถมอเตอร์ไซค์ของเขาทันที
“มุกกอดเอวพี่เกื้อได้ไหมคะ” เธอเอ่ยขออย่างขออนุญาตเมื่อนั่งซ้อนท้ายเขา
“ครับ” เขาตอบรับพร้อมกับจับมือของเธอมากอดที่เอวเขาไว้ ก่อนที่จะออกรถ มุ่งหน้าไปบ้านของเธอตามที่เธอบอก
ทางด้านของธนภัทร เมื่อหญิงสาวโทรศัพท์มาบอกว่าคุณพัฒน์จะไปส่งเธอที่บ้าน เขาจึงขอตัวกลับทันที เพราะเกิดรู้สึกเกรงใจเลขาสาวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า พอดีเกื้อไปส่งน้องมุกที่บ้านแล้ว” เขาเอ่ยบอกเธอขึ้นมา
“คุณไหวแน่นะคะ” ชญานุชถามกลับด้วยความเป็นห่วง เพราะว่าดีกรีในร่างกายของเขาก็เริ่มออกอาการอยู่เหมือนกันถึงแม้ว่าจะไม่มากก็ตาม
“ไหวครับ ผมดื่มไปแค่นิดเดียวเอง เป็นห่วงผมเหรอ หรือว่าคุณอยากให้ผมค้างที่นี่ด้วย หึมมม” เขาส่งสายตามองเธอ พูดขึ้นมาด้วยท่าทีเล่นที เพราะอยากให้เธอเขินอาย
“ไม่คะ”
ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่คุณพัฒน์ขับรถพาหญิงสาวมาส่งที่บ้าน ถึงแม้ว่าเวลานี้บนถนนจะเงียบ แต่ก็เขาใช้เวลานานมากพอสมควร เพราะระยะทางที่ไกล และทางที่เขาไม่คุ้นเคย เพราะพึ่งมาเป็นครั้งแรก
“มุกอยู่ที่นี่หรือครับ” ทันทีที่รถมาจอดที่หน้าบ้านของเธอ เขาถามเธอขึ้นมา เพื่อความแน่ใจ เมื่อรถจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่ ตามที่เธอบอก
ใจแกร่งรู้สึกถอดใจขึ้นมาทันที เมื่อรู้สถานะที่แท้จริงของเธอ ว่าหญิงสาวนั้นเป็นลูกสาวผู้ดีมีเงิน แถมเป็นลูกคุณหนูเสียอีก เขาไม่มีอะไรเทียบเธอได้เลย
“ค่ะ พี่เกื้อเป็นอะไรไปคะ ขับรถเหนื่อยเหรอ แล้วพี่จะขับกลับไหวไหม” เธอถามเขากลับไปด้วยความเป็นห่วง เมื่อเขามีท่าทีที่เปลี่ยนไป
“ไหวครับ แค่นี้สบายมาก” เขาเอ่ยตอบเธอไปด้วยใบหน้าที่ฝืนยิ้ม เพื่อที่เธอจะได้สบายใจ
“ถ้าอย่างนั้น พี่เกื้อขับรถกลับดี ๆ นะคะ ถึงแล้วโทรบอกมุกด้วย มุกเป็นห่วงพี่นะคะ”
“ครับ”
“ว่าง ๆ สอนมุกพูดภาษาอีสานบ้างนะคะ”
“ครับ มุกรีบเข้าบ้านเถอะ ดึกมากแล้ว”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเดินเข้าไปด้านในจนถึงตัวบ้านแล้ว คุณพัฒน์จึงยอมขับรถกลับ ด้วยความคิดที่หลากหลายตีตื้นกันอยู่ และไม่รู้ว่าจะจัดการกับความคิดนี้เช่นไร เขาควรจะหยุดสานสัมพันธ์กับเธอ หรือว่าเขาควรจะเดินหน้าต่อดี…
“เฮ้อ...หมาวัดคือจังอ้ายสิกล้าไปเด็ดดอกฟ้าคือเจ้าได้จังใด” (เฮ้อ...หมาวัดแบบพี่จะกล้าไปเด็ดดอกฟ้าแบบคุณได้ยังไง)
เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว กว่าที่คุณพัฒน์จะขับรถกลับมาถึงบ้านของชญานุช แต่เมื่อเขากลับมาถึง ก็เห็นชนาวุฒิยังคงนั่งรอเขาอยู่ที่หน้าบ้าน โดยที่กำลังเก็บกวาดสถานที่
“ไปส่งกันฮอดไสคือกลับเอายามนี้” (ไปส่งกันถึงไหนถึงกลับมาเอาป่านนี้) ชนาวุฒิถามเขาขึ้นมาทันที ที่เขาจอดรถ
“เฮือนเขาอยู่ไกล” (บ้านเขาอยู่ไกล) เขาตอบเพื่อนออกไปแค่นั้น พร้อมกับถอนหายใจยาวอย่างหนักใจ
“เป็นใดแน่ได้อยู่นำกันสองคน มีหยังคืบหน้าบ่” (เป็นยังไงบ้างได้อยู่กันด้วยกันสองคน มีอะไรคืบหน้าไหม) ชนาวุฒิต้องถามกลับไปอีกครั้ง
“เฮ้อ…กูควรสิไปต่อ หรือพอส่ำนี้ว่ะ” (กูควรจะไปต่อ หรือพอแค่นี้ว่ะ) เขานั่งลงข้าง ๆ กันกับชนาวุฒิ แล้วถอนหายใจออกอย่างหนักใจอีกครั้ง ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาด้วยประโยคที่ต้องการคำแนะนำจากเพื่อน
“มีหยังว่ะเกื้อ” (มีอะไรว่ะเกื้อ)
“กูบ่มีหยังเหมาะกับเขาเลย” (กูไม่อะไรเหมาะสมกับเขาเลย) ใบหน้าเศร้าเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพูดถึงเรื่องของเขากับเธอ
“เป็นหยังสิบ่เหมาะ ถ้าใจมึงกับเขาตรงกัน” (ทำไมถึงไม่เหมาะ ถ้าใจมึงกับเขาตรงกัน) ชนาวุฒิพูดอย่างให้กำลังใจ
“เขามันดอกฟ้า ส่วนกูกะแค่หมาวัดที่ยังบ่มีอนาคตเลย” (เขามันดอกฟ้า ส่วนกูก็แค่หมาวัดที่ยังไม่มีอนาคตเลย) เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างตัดพ้อในโชคชะตาของชีวิตตัวเอง
“ที่มึงเว้ามานี้คืออีหยัง...” (ที่มึงพูดมานี้คืออะไร...)
“เขามันลูกคุณหนู เป็นลูกคนรวย รวยแบบที่ว่ากูบ่ทางสิเอื้อมฮอดเลยวุฒิ” (เขามันลูกคุณหนู เป็นลูกคนรวย นวยแบบว่ากูไม่มีทางที่จะเอื้อมถึงเลยวุฒิ) เขาจึงเอ่ยบอกเพื่อนออกไป ถึงสถานะที่แท้จริงของหญิงสาว
“มันกะบ่แปลกดอก แค่เจ้านายเอื้อยกู กะยังขับรถคันละเป็นล้าน ๆ แล้วหมู่เฮาขับแค่มอไซค์คันละบ่จักหมื่นเอง” (มันก็ไม่แปลกหรอก ขนาดเจ้านายพี่สาวกู ก็ยังขับรถคันละเป็นล้าน ๆ แล้วกับพวกเราขับแค่มอไซค์คันละไม่กี่หมื่นเอง)
“...” คุณพัฒน์ก้มหน้าเงียบ
Rrrr...
และก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นมา ปรากฏว่าเป็นสายจากมุกดารินทร์โทรฯเข้ามานั่นเอง สายตาได้แต่จ้องที่หน้าจอ ไม่กล้าที่จะรับสายเธอ
“คือบ่รับ...” (ทำไมไม่รับ) ชนาวุฒิถามขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่จ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์มือถืออยู่เสียนานสองนาน
“กูบ่กล้าเว้านำเขา กู...” (กูไม่กล้าพูดกับเขา กู...)
“รับเถาะ มีหยังค้างคากะเว้าออกมาโลด” (รับเถอะ มีอะไรค้างคาก็พูดกันออกมาเลย) ชนาวุฒิพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะไหล่เขาอย่างให้กำลังใจอีกที
“ครับคุณมุก” เสียงนุ่มขานรับ เมื่อรับสายจากเธอ และเปลี่ยนสรรพนามเรียกเธออีกแล้ว
[พี่เกื้อนอนยังคะ]
“กำลังจะนอนครับ” เขาจำใจต้องโกหกเธอออกไปแบบนั้น เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะทำเช่นไรดี จะไปต่อหรือว่าเขาควรจะหยุดพอแค่นี้
[พี่ถึงบ้านนานยังคะ ไม่เห็นโทรมาบอกเลย มุกเป็นห่วงพี่นะคะ]
“คือ...ผมลืมครับ ต้องขอโทษคุณมุกด้วย”
[ถ้าอย่างนั้น มุกไม่รบกวนแล้วคะ พี่เกื้อนอนเถอะ ฝันดีนะคะ]
“ฝันดีครับ”
“ถามใจเจ้าของเบิ้ง ว่าพร้อมสิสู้เพื่อเขาบ่ กูกะบอกมึงได้ส่ำนี้แหล่ะ ที่เหลือเป็นการตัดสินใจของมึงเอง ไปนอนเถาะดึกแล้ว” (ถามใจตัวเองดู ว่าพร้อมจะสู้เพื่อเขาไหม กูก็บอกมึงได้แค่นี้แหล่ะ ที่เหลือก็เป็นการตัดสินใจของมึงเอง ไปนอนเถอะดึกมากแล้ว) เมื่อเขาวางสายกับเธอแล้ว ชนาวุฒิจึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในบ้าน ปล่อยให้คุณพัฒน์อยู่ตรงนี้คนเดียว
บทส่งท้าย(จบ)“เรามีลูกอีกคน สร้างครอบครัวไปด้วยกันนะครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกคนในอ้อมกอด ขณะที่ทั้งคู่กอดก่ายกันอยู่บนที่นอน หลังจากบทเพลงรักรอบล่าสุดจบลง“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่กลับมาหามุกกับลูก” เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขา และเอ่ยขอบคุณเขาจากใจจริง“ขอบคุณเช่นกันครับ ที่ยังรอพี่ ต่อไปนี้เราจะไม่แยกจากกันไปไหนอีกแล้ว พี่จะดูแลมุกดูแลลูกเป็นอย่างดี จะรัก ทะนุถนอมเทิดทูลดอกฟ้าดอกนี้เป็นอย่างดีเลยครับ พี่สัญญา” เขามองสบตาเธอ ก่อนที่จะเอ่ยให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าเธอ แล้วก้มลงหอมขมับเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม“ช่างรู้จักเปรียบเทียบนะคะ มุกไม่เคยมองพี่ด้อยไปกว่ามุกเลยนะ”“อาบน้ำกันดีกว่าครับ เดินไหวไหม” เขาจึงตัดบทขึ้น แล้วถามเธอออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะจัดหนักเธอไปตั้งหลายยกหลังจากที่ไม่ได้หลอมรวมกันมานาน“...อุ้มหน่อย” เธอมองเขาก่อนที่จะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วอ้อนเขาขึ้นมาเหมือนเด็กที่ยังไม่โตทันที“อ้อนเก่งแบบนี้ ไม่รู้ว่านุกูลจะขี้อ้อนเหมือนแม่หรือเปล่า” เขาช้อนเธอขึ้นแนบอกในท่าเจ้าสาว แล้วเอ่ยแซวเธอออกมาอย่างไม่จริงจังนัก“นุกูลเหมือนพี่ไปเสียทุกอย่างเลยค่ะ มุกอุตส่าห์อุ้ม
ไปรำลึกความหลัง NC“ทีนี้เข้าใจคำว่าทองแผ่นเดียวกันหรือยัง” ปราโมทย์เอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปที่สองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่อีกฝั่ง“เข้าใจแล้วค่ะ แล้วทำไมคุณพ่อไม่บอกละคะ ว่าลูกชายเพื่อนพ่อคือพี่เกื้อ” มุกดารินทร์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่ก็ยังโกรธและงอนผู้เป็นพ่ออยู่ดีที่ไม่ได้บอกความจริงและเหตุผลตั้งแต่แรก“ตอนแรกพ่อก็ไม่รู้ พ่อพึ่งจะมาทราบก็ตอนที่เขาบอกว่ารับทุกอย่างที่เป็นลูกได้ ถึงแม้ว่าลูกจะมีลูกแล้ว พ่อเลยเอะใจสืบให้คนประวัติดู แต่ไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ไง ใครจะไปคิดว่าเกื้อกูลเป็นลูกชายของพงษ์พัฒน์เขา น้องชายแท้ ๆ ของคุณพงษ์พิพัฒน์ที่ไปรักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศ” ปราโมทย์จึงอธิบายบอกลูกสาว เพราะตัวเขาเองก็พึ่งมารับรู้ความจริงเมื่อไม่นานมานี้เหมือนกัน“เป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตมากกว่าน่ะผมว่า ไปทำผู้หญิงท้องแล้วไม่ยอมกลับไปรับผิดชอบ แถมยังไม่ส่งข่าวอีก เก็บความลับเอาไว้จนมิดเชียว” พงษ์พิพัฒน์จึงเอ่ยเสริม แต่ก็ไม่วายตำหนิน้องชายของตัวเอง“ก็ใครจะไปรู้ ว่าคำหล้าจะท้อง แต่ผมก็กลับไปหาคำหล้าตามสัญญานะพี่ แต่แค่ไปไม่ถึงเกิดอุบัติเหตุเสียก่อนอย่างที่เห็นนั้นแหล่ะเดินไม่ได้อยู่หลายปี แล้วแบบน
ความจริงคือ...“พี่เกื้อ!”ทุกคนต่างหันหน้าไปทางประตูเข้าบ้านตามเสียงของคนที่มานั่น กลับพบร่างสูงที่คุ้นเคย แต่ครั้งนี้กลับแต่งตัวดูมีพื้นฐาน พร้อมกับชายสูงวัยอีกคนที่มาพร้อมกันร่างสูงเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่ยืนอ้าปากค้างมองหน้าเขาอย่างงุนงงขณะที่เจอหน้ากันอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยถามย้ำคนตรงหน้าขึ้นมาอีกครั้ง“ว่ายังไงครับ ใครจะไม่ยอมแต่งงานกับพี่เหรอ”“...” มุกดารินทร์ยังคงนิ่งเงียบ เพราะยังทำตัวไม่ถูกและตกใจที่เจอเขาหลังจากที่เขาและเธอแยกจากกันไปนานเกือบสามปี“มุกยินดีที่จะแต่งงานกับพี่หรือเปล่าครับ” เขาถามเธอขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอยังคงเงียบไม่ตอบในสิ่งที่เขาถามไปเมื่อสักครู่ดวงตากลมโตไหวระริกมีน้ำตาเอ่อคลอ มือปัดเช็ดออกแบบลวก ๆ แต่น้ำตามากมายยังคงไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างไม่อาจห้ามอยู่“ฮึก...ตะ แต่งค่ะ มุกจะแต่งงานกับพี่เกื้อ” เสียงสั่นตอบรับคนตรงหน้าแบบไม่ลังเลก่อนที่จะสวมกอดเขาแน่นด้วยความคิดถึงและโหยหา“พอเป็นพ่อของลูกนี่ตอบแบบไม่คิดอะไรเลยน่ะ แทบจะเป็นฝ่ายขอเขาแต่งเสียเองแล้ว” ปราโมทย์อดที่จะแซวลูกสาวออกมาไม่ได้ เพราะก่อนหน้านั้นยังเถียงเขาหลังชนฝา เอาแต่ปฏิเ
แต่งงานกับคนที่เหมาะสมหนึ่งสัปดาห์ต่อมา“มุกไม่แต่งค่ะ มุกจะรอพี่เกื้อ พ่อของนุกูลคนเดียวเท่านั้น” มุกดารินทร์ปฏิเสธ ค้านขึ้นมาทันที เมื่อบิดาของเธอบอกว่าจะให้เธอแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนที่พึ่งกลับมาจากต่างประเทศจริง ๆ ซึ่งเป็นใครนั้นเธอก็ไม่เคยรู้ เพราะเธอไม่เคยที่จะสนใจผู้ชายคนอื่นอยู่แล้วแต่เธอแค่คาดไม่ถึง ว่าสิ่งที่บิดาเปรยเอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้นจะเป็นเรื่องจริง ที่จะให้เธอแต่งงานกับลูกชายเพื่อนของท่าน หากว่าคุณพัฒน์ยังไม่กลับมา เพราะนี่ก็ล่วงเลยมาใกล้จะถึงสามปีแล้ว ที่คุณพัฒน์หายเงียบขาดการติดต่อตั้งแต่ที่ไปเรียนต่างประเทศ“แต่คนนี้ลูกชายเพื่อนสนิทพ่อเลยน่ะ กำลังกลับมาจากต่างประเทศด้วย”“จะเป็นใครมาจากไหน มุกก็ไม่สนทั้งนั้นแหล่ะคะ และจะไม่แต่งงานด้วยทั้งนั้น มุกจะมีแค่ผัวเดียวเมียเดียว ก็คือพี่เกื้อเท่านั้น ถึงแม้ว่าพี่เกื้อจะไม่รักมุกกับลูกแล้วก็ตาม” เธอยังคงปฏิเสธเช่นเดิม ถึงแม้ว่าบิดาเธอจะเอ่ยอย่างไรเพราะเธอสัญญากับตัวเองไว้แล้ว ว่าจะไม่รักใครอีกนอกจากพ่อของลูกเท่านั้น ถึงแม้ว่าอนาคตข้างหน้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม เธอจะซื่อสัตย์กับใจตัวเอง“ไหนล่ะ? ไอ้คนที่ลูกรักนัก
วันเวลาเปลี่ยนสองปีผ่านไปวันเวลาผ่านพ้นไปอย่ารวดเร็ว แต่กลับช้าเสียเหลือเกินสำหรับมุกดารินทร์ เพราะกว่าจะผ่านไปได้แต่ละวันเธอต้องอดทนมากขนาดไหน และตอนนี้เองมุกดารินทร์จบการศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามคาดเอาไว้ภายในสองปี และเธอก็ทำได้และเธอเองก็ได้เข้ามาทำงานในบริษัทของบิดาเธอแล้ว ในตำแหน่งรองประธานและผู้บริหารบริษัทที่บิดาเธอกับวิศรุตอีกคน เพราะบิดาของเธอส่วนใหญ่จะอยู่เลี้ยงหลานที่บ้าน นาน ๆ ทีจะเข้ามาบริษัท...“แม่จ๋าครับ” เสียงเล็กของนุกูล ลูกชายวัยสองขวบครึ่งเอ่ยเรียกเธอขึ้นมาแต่ไกล พร้อมกับวิ่งเข้ามาหาเมื่อผู้เป็นลุงอย่างวิศรุตพาเดินลงมาจากบันไดบ้านชั้นสอง เพราะเมื่อคืนนี้ทั้งคู่นอนด้วยกัน“ครับ” มุกดารินทร์ย่อตัวลงขานรับลูกชาย และสวมกอดทันทีอย่างแสนคิดถึงแสนรักเสียเหลือเกินกุลพัฒน์ หรือ นุกูล ลูกชายวัยสองขวบเศษของเธอกับคุณพัฒน์ นับวันยิ่งแต่ถอดแบบของคนเป็นพ่อไปทุกที ไม่ใช่แค่เพียงเพศและหน้าตาที่เหมือนไปทางผู้เป็นพ่ออย่างเดียว แต่นิสัยก็เริ่มออกไปทางผู้เป็นพ่อด้วยเช่นกัน ซึ่งเธอจะรู้ดีมากที่สุด และมีลูกชายคนนี้แหล่ะ ที่คิดถึงพ่อของลูกเมื่อไหร่ เธอมักจะมองหน้าของลูกชาย คนที่เป็
การจากลารุ่งเช้าผ้าม่านพัดปลิวไหวไปตามแรงลมที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างของห้องนอน มุกดารินทร์ลืมตาขึ้นมาอย่างแสนอ่อนล้าเอื้อมมือควานหาร่างแกร่งที่นอนกอดมาทั้งคืน กลับพบเพียงแค่ความว่างเปล่า เพราะเขาคงจะลุกออกไปตั้งนานแล้วสัมผัสจากที่นอนที่เย็นเฉียบสายตากวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง ก็ต้องก้มหน้าลงอย่างแสนเศร้า แถมทั้งห้องนอนยังไร้ร่างเล็กและเสียงของลูกน้อย เพราะไม่ได้อยู่ที่ห้องนี้แล้ว เขาน่าจะอุ้มนุกูลออกไปหรือผู้เป็นตาอาจเข้ามาอุ้มออกไป เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว เป็นอีกวันที่เธอนอนตื่นสายกว่าทุกวัน และอาจเป็นเพราะเมื่อคืนที่เธอแทบจะไม่ได้นอนเลยเพราะบทรักที่เขามอบให้...“ทำไมพี่ไม่ปลุกมุกเลยพี่เกื้อ ใจร้ายจัง”น้ำตาไหลอาบสองข้างแก้มทันที เมื่อนึกน้อยใจที่คุณพัฒน์ลุกออกไปไม่ยอมปลุกเธอขึ้นมา ร่ำลากันบ้างเลย และสายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้อยู่บนโต๊ะของฝั่งที่เขานอน-ขอโทษนะครับ หากมุกได้อ่านจดหมายฉบับนี้พี่คงขึ้นเครื่องแล้ว ขอโทษอีกครั้งที่พี่ไม่ได้ปลุกมุก พี่คงทำใจจากมุกมาไม่ได้ พี่ไม่อยากให้มุกเห็นความอ่อนแอของพี่ พี่เลยตัดสินใจเลือกออกมาแบบนี้ดีกว่า นุกูลอยู่ที่ห้องคุณพ่อ พี่อยากใ







