“ไปเอาเหล้า คือไปโดนแท้” (ไปเอาเหล้า ทำไมไปนานจัง) ชนาวุฒิแซวออกมาทันที ที่คุณพัฒน์กลับมานั่งลงที่ของตัวเอง และมีมุกดารินทร์ก็เดินออกมาตามหลังด้วยอีกคน
“พวกคุณทานแบบพวกเราได้แน่นะคะ” ชญานุชจึงหันมาถามทางเจ้านายหนุ่ม เมื่อเห็นว่านั่งนั่งนิ่งมองอาหารที่พวกเธอทำอย่างพิจารณา
ธนภัทรไม่ได้ตอบอะไรเธอออกไป แต่กลับยื่นมือไปตักเอาอาหารแปลกตานั้นมาเข้าปากเสียดื้อ ๆ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสามารถทานอาหารของพวกเธอได้
“ก็อร่อยดีนะ ตัวแสบลองดูไหม” เมื่อได้ชิมรสชาติ จึงดันไปทางมุกดารินทร์ดู เพื่อเป็นการเชื่อเชิญ
“อะไรหรือคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยทันที เมื่อพี่ชายดันอาหารจานนั้นมาให้เธอ พวกแมลงเธอยังพอรู้จัก แต่อาหารตัวแปลกประหลาดมีใบตองห่อนี้ เธอไม่รู้จักจริง ๆ
“หมกฮวก” ชนาวุฒิจึงเป็นฝ่ายตอบออกมา
เพราะอาหารเมนูอาหารพื้นบ้านนี้ ไม่ใช่ว่าจะหาทานกันได้ง่าย ๆ เพราะเป็นอาหารที่สามารถหาตามธรรมชาติ และจะมีตามฤดูกาลเท่านั่น หนึ่งปีถึงจะได้ทานครั้ง
มุกดารินทร์ จึงหันไปมองหน้ากับทุกคน เพราะมีความลังเล และไม่กล้าที่จะลอง ถึงแม้จะเคยได้ยินว่าอาหารพื้นบ้านแต่ละถิ่น จะมีรสชาติที่อร่อย และทานได้ยาก
และเธอก็หันมาทางคุณพัฒน์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา สายตามองไปที่เขาอย่างมีคำถาม คุณพัฒน์จึงพยักหน้าแทนคำตอบ ว่าทานได้ และเขาก็ยกแก้วเครื่องดื่มที่มีน้ำสีขาวขึ้นกระดกทันที
“อร่อยนะ ไม่เผ็ดหรอก พี่ชิมดูแล้ว” ธนภัทรเอ่ยยืนยันกับเธออีกที
“เอาดักแด้แทนไหมครับ” เมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของหญิงสาว คุณพัฒน์จึงยื่นจานด่วนเมนูแมลงทอดมาให้เธอแทน
เธอจึงหยิบมันขึ้นมาลองดูเป็นชิ้นแรก และครั้งในชีวิตที่ทานอาหารแบบนี้ ทามกลางสายตาทุกคนที่มองมาที่เธออย่างเอาใจช่วยเธอ
“อร่อยคะ มัน ๆ” เธอชมขึ้นมาทันที และหยิบเข้าปากไปอีกชิ้นตามมา
“น้องมุก อายุเท่าไหร่หรือคะ ยังเรียนอยู่หรือเปล่า” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวผ่อนครายลงแล้ว ชญานุชจึงถามขึ้นมาบ้าง
“มุกอายุ 20 คะ อยู่มหาลัยปีสอง เรียนบริหาร แล้วพี่นุชละคะ” เธอตอบออกไปตามตรง แล้วถามชญานุชกลับไปด้วย เพราะเอมั่นใจได้เลยว่าคนนี้แหละอนาคตพี่สะใภ้เออย่างแน่นอน
“พี่ 30 แล้ว ส่วนเกื้อกับวุฒิ 23 ปี” ชญานุชตอบเอออกไป แถมยังแนะนำไปยังสองหนุ่มให้เธอด้วย
“...ที่พวกพี่ดื่มนี้คืออะไรหรือคะ” เธอพยักหน้ารับ แล้วถามทั้งสองหนุ่มขึ้นมา เมื่อเห็นพวกเขามีแก้วเครื่องดื่มเป็นน้ำสีขาวขุ่นดื่ม แต่ทางพี่ชายเธอเป็นสีขาวใส
“อันนี้เรียกสาโท ส่วนที่พี่ภัทรดื่มเรียกว่าเหล้าครับ น้องมุกอยากลองไหม” เป็นชนาวุฒิที่อธิบายบอกอีกเช่นเคย เพราะหนุ่มข้าง ๆ เอไม่ยอมปริปากพูดเลย
“บักวุฒิ!” (ไอ้วุฒิ) คุณพัฒน์ตวาดเสียงใส่เพื่อน พร้อมกับจ้องมองอย่างคาดโทษทันที ที่เพื่อนยื่นแก้วเครื่องดื่มให้แก่หญิงสาว
“...กูแค่หยอกเล่น อย่าหวงหลาย กูบ่จีบของหมู่ดอก” (...กูแค่หยอกเล่น อย่าหวงนักเลย กูไม่จีบของเพื่อนหรอก) ชนาวุฒิรีบแก้ตัวทันที เมื่อเห็นสายตาที่เพื่อนมองเขาแบบนั้น
“จะ จีบอีหยัง” (จะ จีบอะไร)
“ใครจะจีบใครเหรอ เกื้อวุฒิ?” ธนภัทรแทรกขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินในสิ่งที่สองหนุ่มพุดหยอกล้อกัน ถึงแม้ว่าบางคำจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่บางคำที่ฟังออกนั่นแปลว่า สองนี้มีใครคนหนึ่งที่ต้องคิดซื่อแน่ แต่ไม่รุ้จะไปใคร เขาจึงถามออกไปตามตรง
“ไอ้เกื้อมันอยากจีบน้องมุกครับ” เป็นชนาวุฒิอีกเช่นเคยที่เป็นฝ่ายตอบออกมา
“บักวุฒิ!” (ไอ้วุฒิ!) คุณพัฒน์ได้แต่ตวาดเสียงเข้มปรามเพื่อน เมื่อเพื่อนพูดออกมาโต้ง ๆ แบบนี้
“ว่ายังไงเกื้อ จะจีบน้องพี่เหรอ” ธนภัทรจึงหันมาถามทางคุณพัฒน์ทันที เพราะต้องการคำตอบยืนยันอีกที ว่าใช่เรื่องจริงหรือเปล่า
“เอ่อ คือว่า...”
“มุกขอเบอร์พี่เกื้อหน่อยสิคะ” เมื่อเห็นว่าคุณพัฒน์ลำบากใจ มุกดารินทร์จึงเป็นฝ่ายขัดขึ้นมา โดยเป็นคนที่เริ่มจู่โจมเขาทันที
“ตัวแสบ นี่เราเป็นผู้หญิงน่ะ” ธนภัทรได้แต่ดุเธอออกมา เมื่อเธอเป็นที่ขอเบอร์ชายหนุ่มก่อน และไม่คิดด้วยว่าน้องสาวจะกล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนี้ เพราะทุกทีที่มีหนุ่ม ๆ มาสนใจหรือขอเบอร์เธอ หญิงสาวมักจะหาข้ออ้างต่าง ๆ นา ๆ มาอ้าง และบิดเบือนทันที แต่ครั้งนี้กลับเป็นฝ่ายรุกเสียเอง
“ได้ไหมคะพี่เกื้อ” เธอจึงถามเขาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นเขายังคงนั่งนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ โต้ตอบเธอออกมา
“ครับ”
“บุกแน่บักเกื้อเอ้ย...” (รุกหน่อยสิไอ้เกื้อเอ้ย...) ชนาวุฒิได้แต่สะกิดเพื่อน
คุณพัฒน์ยื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องของเขาให้กับเธอ เพราะไม่ได้ล็อคเครื่องไว้ และยังนั่งเงียบอยู่นาน จนหญิงสาวส่งโทรศัพท์มือถือคืน
“ออกไปขี่รถเล่นกันดีไหมครับ” เขาจึงเอ่ยขึ้นบอกกับเธอ
“ได้คะ” มุกดารินทร์ตอบรับทันที
“ตัวแสบไม่คิดจะเล่นตัวหน่อยเลยหรือไงเรา” ธนภัทรที่ได้ยินน้องสาวตอบรับชายหนุ่มแบบไม่คิดไตร่ตรองว่าจะเล่นตัวเลย ก็ได้แต่ตำหนิเธอออกไป ก่อนที่จะหันมาพูดกับทางคุณพัฒน์ “อย่าพาน้องกลับมาดึกละเกื้อ”
“ครับ...”
เขารับปากธนภัทร แล้วลุกขึ้น เดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาที่จอดอยู่ทันที โดยมีมุกดารินทร์เดินออกไปตามหลังติด ๆ
“ส่วนผมก็เป็นส่วนเกิน ขอตัวไปเซเว่นก่อนดีกว่า...” ชนาวุฒิลุกขึ้น แล้วพูดออกมาทันที เมื่อคุณพัฒน์ออกไปแล้ว และอยากเปิดโอกาสให้ธนภัทรอยู่กับพี่สาวตนด้วย
คุณพัฒน์พาหญิงสาวมาที่สวนสาธารณะของหมู่บ้าน เขาจอดรถอยู่ริมฟุตบาท แต่ยังไม่ได้ลงจากรถ โดยที่ยังมีหญิงสาวนั่งซ้อนท้ายอยู่
“พี่เกื้อ”
“ครับ”
“จริงหรือเปล่าที่พี่วุฒิพูด ว่าพี่อยากจีบมุก” เธอถามเขาขึ้นมาทันที ที่อยู่กันตามลำพัง เพราะเธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เพื่อนของเขาพูดมานั้นจะจริงหรือเปล่า
“ถ้าใช่ แล้วมุกจะยอมให้ผมจีบหรือเปล่าล่ะ” เขาพูดออกมา แต่ก็ยังไม่ได้หันสบตาเธออยู่ดี เพราะแค่พูดออกไปตอนนี้ก็ถือว่าเขามีความกล้ามากพอแล้ว
“ถึงพี่ไม่ขอ มุกนี่แหละคะจะเป็นฝ่ายขอจีบพี่เอง”
“คุณมุก”
คุณพัฒน์อุทานออกมาทันที ที่เธอพูดออกมาแบบนี้ เพราะเขาก็นึกไม่ถึงว่าหญิงสาว จะมาสนใจคนบ้านนอกอย่างเขา และรุกเขาหนักเช่นนี้
“มุกพูดจริง ๆ คะ มุกอยากทำความรู้จักกับพี่เกื้อ” เธอจึงย้ำขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยท่าทีที่มุ่งมั่นพร้อมกับคำพูดที่จริงจัง
“...” คุณพัฒน์หันหน้าหนีไปทางอื่นทันที เพราะรู้สึกประหม่าทำตัวไม่ถูก และไม่รู้จะเริ่มตอบเธออย่างไรดี
เขาไม่ปฏิเสธหรอก ว่าเขาก็รู้สึกดีกับเธอเช่นกัน แต่เขาไม่กล้ามากพอที่จะเป็นฝ่ายเข้าหาเธอ จนกระทั่งตอนนี้ที่เธอเป็นฝ่ายเข้าหาเขาเสียเอง ทำเอาใบหูเปลี่ยนสีระเรื่อขึ้นมาทันที
“เขินเหรอคะ” เธอจึงแกล้งถามเขาขึ้นมาด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม เพราะรู้สึกดีอยู่ไม่น้อยที่สามารถทำให้เขาเขินเธอได้
“ขะ ขอจับมือได้หรือเปล่า...” เขาถามขอเธอขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ติดขัด
“เอาสิคะ คิก...” แต่หญิงสาวกลับเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปหามือของเขา และเป็นฝ่ายจับมือของเธอมากุมไว้เสียเอง ด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม
จำใจยอมมื้อค่ำสุดพิเศษจบลง มุกดารินทร์ก็ยังคงเอาแต่นั่งชะเง้ออยู่ที่ห้องโถงไม่ยอมขึ้นห้องไปพักผ่อน จนปราโมทย์ที่นั่งอยู่ด้วยถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเอ่ยสั่งเด็กสาวรับใช้ที่เป็นหลานสาวของพิไล“ไปตามเกื้อกูลมาที่นี่หน่อย” ปราโมทย์ที่ทนเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ไม่ได้ จึงสั่งให้แม่บ้านไปตามคุณพัฒน์เข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ทีนที“ค่ะ คุณท่าน”สักพักคุณพัฒน์ก็เดินเข้ามาถึง เจอกับปราโมทย์นั่งวางมาดขรึมอยู่ที่โซฟาจ้องมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขาทำใจฮึดสู้ยกมือขึ้นไหว้อย่างยอบน้อม โดยที่จะไม่เอ่ยถามอะไรว่าท่านให้คนไปตามทำไมกัน“พามุกดาขึ้นไปนอน นี้ก็ดึกมากแล้วไม่รู้จักหน้าที่เอาเสียเลย” พูดเพียงแค่นั้น ปราโมทย์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเดินผ่านหน้าชายหนุ่มขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที เพราะเขาเองก็ง่วงเต็มทนจนตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ“ทำไมถึงไม่ยอมขึ้นนอนล่ะครับ หืมมม” คุณพัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเดินเข้าไปหาหญิงสาว และใช้มือโอบรอบเอวพาเธอเดินขึ้นไปด้านบน“มุกไม่อยากนอนคนเดียวค่ะ มันหงุดหงิดทำให้มุกนอนไม่หลับ” เอ่ยบอกเขาพร้อมกับทำหน้ายู่ราวกับเด็กใส่เขาทันทีดูสิขนาดเธอกำลังจะกลายเป็นแม่คนแล้ว แต
มื้อค่ำสุดพิเศษตกเย็นคุณพัฒน์ที่ผล็อยหลับไปตามหญิงสาวนั้น ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเย็น แล้วช้อนเอาร่างเล็กของว่าที่คุณแม่ที่ยังคงหลับสนิทอยู่ขึ้นอย่างทะนุถนอมไปวางที่เตียงกว้างให้เธอได้นอนสบาย ก่อนที่จะออกจากห้องของเธอไป เพื่อที่จะไปซื้อของมาทำอาหารมื้อเย็นให้ตามที่่รับปากเธอเอาไว้“จะไปไหน?” เสียงเข้มของปราโมทย์ถามขึ้นมา เมื่อเขากำลังเดินออกจากบ้านไปที่โรงจอดรถ ที่มีมอเตอร์ไซค์เขาจอดอยู่ด้วยปราโมทย์รู้ว่าชายหนุ่มจะออกไปไหน เพราะได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดกับลูกสาวทุกประโยคเมื่อตอนกลางวัน แต่แค่อยากถามกวนเฉย ๆ“จะออกไปตลาดครับ” คุณพัฒน์ตอบออกไปตามตรง เพราะอาศัยอยู่ที่บ้านท่าน ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านยอมให้เขามาอยู่ใกล้กับลูกสาวท่าน“ไปสภาพนี้?” ใบหน้านิ่งขรึมมองสำรวจชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จึงได้แต่เลิกคิ้วถามคุณพัฒน์นั้นสวมเพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งของราคาแพงอะไรประดับติดตัว แต่ก็ดูดีใบแบบของชายหนุ่มเอง“คือ...” เขาได้แต่ก้มหน้าถ่อมตนไม่กล้าสบตาของปราโมทย์ เพราะสภาพตัวเองที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับลูกสาวท่านเลย“เ
อยากหนีไปจากตรงนี้คุณพัฒน์ที่กำลังทำงานสวนอยู่หลังบ้าน ถูกตามตัวให้มาพบกับเจ้าของบ้าน จึงต้องยอมละทิ้งทุกอย่างไว้ แล้วเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ทันทีคุณพัฒน์ได้รับอนุญาตจากปราโมทย์ให้พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ โดยพักอยู่ที่บ้านพักของคนงานแทน มีหน้าที่ดูแลรับใช้มุกดารินทร์ในฐานะพ่อของลูกเท่านั้น และจนกว่าที่มุกดารินทร์จะคลอดแต่คุณพัฒน์จะไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ และให้อยู่กับมุกดารินทร์ได้ เพราะปราโมทย์ต้องการดูพฤติกรรม ว่ามีความอดทนมากแค่ไหนและปราโมทย์ก็ให้เขาออกจากงานทันที ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น ให้มาอยู่ที่บ้านของเขาแทน ส่วนพงษ์พิพัฒน์และธนภัทรจึงยอมให้คุณพัฒน์ทำตามที่ปราโมทย์ขอ เพราะมีทางเดียวที่คุณพัฒน์จะได้อยู่ใกล้ลูกเมีย และเป็นการพิสูจน์ตัวเองด้วยคุณพัฒน์เดินเข้ามาภายในห้องโถงของบ้าน เห็นปราโมทย์นั่งกอดอกอยู่บนโซฟามองมาที่ตน ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นไหว้เท่านั้น“ตามป้าไลขึ้นไปข้างบน แล้วทำยังไงก็ได้ให้มุกดายอมกินข้าว เป็นผัวเมียภาษาอะไร เมียไม่กินข้าว ก็ไม่ยอมดูแล...” ใบหน้านิ่งขรึมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง เมื่อคุณพัฒน์มาถึ
ไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อมสามวันต่อมาบ้านภัทรไชยาธนภัทรกับบิดาของตนรีบมาหามุกดารินทร์ที่บ้าน หลังจากที่ทำธุระที่ต่างจังหวัดเสร็จก็มุ่งหน้ามาบ้านของหญิงสาวเลยทันทีที่ทราบข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น“คุณอาอย่าบังคับน้องให้ไปเอาเด็กออกเลยนะครับ เด็กไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย น้องจะเสียใจมากแค่ไหน ที่ทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แล้วคนที่จะเป็นทุกข์ไม่ใช่แค่มุกดา แต่อาโมทย์เองก็จะรู้สึกผิดไปด้วย...” ธนภัทรร้องขอขึ้นมาทันที ที่รู้ว่าปราโมทย์กำลังจะทำอะไรกับลูกสาว“...” ทุกคนเงียบลงไม่มีใครพูดอะไรออกมาสายตาหันมองไปยังหญิงสาวและชายหนุ่ม ที่หน้าตาบูดซ้ำ เพราะการถูกซ้อมปางตายจากลูกน้องของปราโมทย์ แล้วหันกลับมาเอ่ยกับเจ้าของบ้านต่อ...“ถือว่าเห็นแก่เด็กที่กำลังจะเกิดมา ซึ่งก็คือหลานแท้ ๆ ของอาเอง พ่อเขาก็มีทำไมอาต้องอยากให้ลูกสาวตัวเองทำร้ายอีกหนึ่งชีวิตเพื่ออนาคตด้วยครับ คลอดแล้วค่อยกลับไปเรียนก็ได้”“...” ปราโมทย์ไม่เอ่ยตอบอะไร เมื่อธนภัทรเอ่ยออกมาเช่นนี้“เกื้อกูลก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร น้องออกจะเป็นคนดีคนขยันทำมาหากินคนหนึ่ง เพียงแต่เกิดมากับครอบครัวที่ไม่เพียบพร้อมเหมือนกับพวกเรา แต่ไม่ใช่ว่าวันข้างหน้
ไม่เจียมตัวเอาเสียเลยก๊อก ก๊อก ก๊อก“มีอะไร” เสียงเข้มถามออกไป เมื่อวิศรุตผุนผันเข้ามาหาเขาที่ห้องแบบไม่ได้รอให้คนด้านในอนุญาตเสียก่อนทุกสายตาที่อยู่ในห้องนี้ด้วย ต่างก็หันจ้องมองมาที่วิศรุตเป็นตาเดียวอย่างรอฟังคำตอบ ชายหนุ่มหากได้สนใจไม่ กลับเดินเข้าไปหาปราโมทย์ทันที เพราะมีเรื่องด่วนกว่า“คุณหนูมุกเป็นลมครับ” เสียงกระซิบเอ่ยบอกเบา ๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน“อะไรน่ะ!!! เป็นลม? แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” แต่ปราโมทย์ เมื่อได้ยินว่าลูกสาวสุดที่รักเป็นอะไร กลับเก็บอาการไม่อยู่ ตวาดถามเสียงดังขึ้นมาทันที โดยไม่สนใจว่าในที่นี่จะมีใครได้ยินบ้าง เพราะเป็นห่วงลูกสาวจนไม่สามารถควบคุมอะไรได้“อยู่ข้างล่างครับ” วิศรุตเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งปราโมทย์ไม่ได้สนใจทุกสายตาที่มองมาที่ตน รีบสาวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้ ลงมายังจุดที่วิศรุตแจ้งว่าลูกสาวอยู่ที่ไหนและก็เจอกับคุณพัฒน์กำลังอุ้มลูกสาวตนเดินไปทางห้องพยาบาลพอดี จึงได้แต่เดินตามไปแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรชายหนุ่มออกไปคุณพัฒน์วางมุกดารินทร์ลงที่เตียงในห้องพยาบาลอย่างเบามือ และก็ออกมารออยู่ห่าง ๆ ให้หมอที่ถูกเรียกตัวมาจากโรงพยาบาลตรวจดูอาการหมอที
เอาอะไรไปสู้เขาวิศรุตได้แต่ชำเลืองมองคุณพัฒน์ที่เดินสวนกันอย่างรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเขาเองก็ต้องทำตามหน้าที่เหมือนกัน“ให้คนของเราไปจัดการเลยไหมครับ” ถามผู้มีพระคุณที่นั่งหน้าขรึมขึ้นมาทันที ที่เขาเดินเข้ามาภายในห้อง“ไม่ต้อง รอดูไปก่อน ถ้ามันขัดคำสั่งเมื่อไหร่ ค่อยจัดการทีเดียว”ปราโมทย์รีบปราม แล้วนั่งทำงานต่ออยู่ภายในห้องอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจอะไรต่อ แต่สมองก็สั่งการให้เขาอดคิดเรื่องของลูกสาวกับชายหนุ่มที่เขาเรียกมาตักเตือนไม่ได้อยู่ดี“มีหยัง...เว้าบอกกูได้เด้อ เผื่อมึงสิสบายใจขึ้น” (มีอะไร...เล่าให้กูฟังได้น่ะ เผื่อมึงจะสบายใจขึ้น) ชนาวุฒิถามเพื่อนขึ้นมาทันที ที่เห็นคุณพัฒน์เดินกลับเข้ามาทำงานด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก“มันจบลงแล้วล่ะ เฮ็ดงานต่อเถาะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย” (มันจบลงแล้วแหล่ะ ทำงานต่อเถอะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย) สั่งเรียบเอ่ยบอกเพื่อน แต่ใบหน้าก็ยังแสดงความทุกข์ออกมาอยู่ดี“มักลูกสาวเขาเฮากะสู้ตัวเกื้อ” (รักลูกสาวเขาเราก้ต้องสู้สิเกื้อ)“กูบ่มีอีหยังไปสู้เขาได้ดอก มึงกะเห็น” (กูไม่มีอะไรไปสู้เขาหรอก มึงก็เห็น) พูดตัดพ้อตัวเองขึ้นมาทันท