ณ.ร้านK.linเบเกอรี่
เวลา15:34นาที
"นลินทำไมแกยังอยู่ที่ร้านอยู่เนี่ย นี่มันบ่ายสามกว่าแล้วนะทำไมยังไม่ออกไปรับคิริน"เพื่อนสาวที่ชื่อยิ้มหวานเอ่ยถามเพื่อนสนิทตัวเล็กขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเจ้าตัวที่ตรงดิ่งจากบ้านมาเพื่อจะมาเฝ้าร้านแทนกลับเปิดประตูร้านเข้าเจอเพื่อนตัวเล็กเจ้าของร้านยังคงยืนสาละวนยุ่งอยู่กับขนมหวานข้างๆพนักงานชายอีกคนแทนที่ในตอนนี้เพื่อนของเขาควรจะถึงกลางทางในการไปรับลูกชายที่โรงเรียนที่อยู่ห่างจากร้าน10กว่ากิโลเมตรแล้ว
"เห๊ยยยลินลืมดูเวลาเลยหวาน ตายๆทำไงดีต้องไปรับคิรินสายแน่ๆ"นลินร้องขึ้นอย่างตกใจในทันทีที่ได้ยินเพื่อนสาวเอ่ยทักบอกเวลา พลางร่างบางก็รีบถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัวและรีบคว้าเอากุญแจรถและสิ่งของสำคัญ ก่อนที่จะรีบกุรีกุจอนออกจากร้านไปโดยมีเสียงของหญิงสาวเพื่อนสนิทอย่างยิ้มหวานตะโกนเตือนไล่หลัง
"รีบได้แต่ก็ต้องขับรถอย่างระวังนะนลิน..."
.
.
.
เวลา15:55นาที
"ให้ตายเถอะนลิน ทำไมถึงได้ละเลยแบบนี้"นรินทร์สถบด่าตัวเองออกมาเบาๆพลางนิ้วเรียวงามก็เคาะลงกับพวงมาลัยรถอย่างคนร้อนใจ ภายในใจก็พลันร้อนหงุดหงิดภาวนาให้ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวเร็วๆ เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นจอดติดไฟแดงอยู่
อยากจะบ้าตายเมื่อไหร่จะไฟเขียวเนี่ยอีกตั้งห้ากิโลกว่าจะถึงโรงเรียนของลูกชายตัวน้อยของเขา ทุกคนคงคิดว่าก็แค่ห้ากิโลเองแป๊บๆก็ถึง ใช่ถ้าเป็นที่ต่างจังหวัดมันก็แป๊บเดียวจริงๆนั่นแหละ แต่มันไม่ใช่สำหรับเมื่อกรุงที่รถติดเป็นกิโลๆแบบนี้ ติดแบบชนิดที่ว่าถ้าคุณเกิดปวดท้องขึ้นมามันก็คือนรกดีๆนี้เอง
"จิ! ชาติไหนจะไฟเขียววะแม่ง! ไฟแดงแบบเป็นร้อยไฟเขียวยี่สิบ แม่งเอ๊ยชาตินี้จะได้ไปกับเขามั้ย!"นรินทร์สถบออกมาอย่างหัวเสียอีกครั้งพลางมือเล็กที่กำพวงมาลัยรถอยู่นั้นก็ทุบลงฉากใหญ่เพื่อระบายอารมณ์เมื่อเขาติดไฟแดงอีกหน
แต่แล้วคนตัวเล็กที่กำลังนั่งหัวเสียอยู่ทีหลังพวงมาลัยรถอยู่นั้น เป็นต้องผวาตกใจเมื่ออยู่ๆก็มีรถมาชนเข้าที่ท้ายรถของเขาที่จอดติดไฟแดงเป็นคันแรก
โครม!
"ให้ตายเถอะทำไมวันนี้มันซวยแบบนี้วะ!"นลินสถบออกมาอย่างหัวเสียอีกครั้งพร้อมกับตบไฟเลี้ยว ก่อนที่จะเหยียบคันเร่งนำรถมาจอดเทียบข้างทางแล้วรีบเปิดประตูรถก้าวลงมาสำรวจรถของตัวเองว่าเป็นอะไรมากมั้ย ซึ่งคู่กรณีที่ขับชนเขานั้นก็ขับตามมาจอดไม่ห่างและลงมาสำรวจดูรถของตัวเองและของนลินเช่นกัน
"ขอโทษนะครับคือผมไม่ได้ตั้งใจจะชนคุณ คือผมพึ่งมาอยู่ที่ประเทศนี้ไม่นานผมยังไม่ชินทางและถนนเท่าไหร่"ชายวัยกลางคนที่นลินดูก็รู้ว่าต้องเป็นคนขับรถของคนรวยของใครสักคนเอ่ยขอโทษขอโพยยกใหญ่พร้อมกับก้มหัวหงึกๆให้กับตัวเขา นรินทร์ที่เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างปลงๆ ก่อนที่จะเอ่ยบอกชายวัยกลางคนตรงหน้าว่าเขาไม่เอาความต่างคนต่างซ่อมแล้วกันเพราะตอนนี้เขาต้องรีบไปรับลูกชาย!
เขาสายมากแล้ว!!!ป่านนี้คิรินต้องโกรธเขามากแล้วแน่ๆ
"ครับผมเข้าใจ งั้นผมว่าเราต่างคนต่างซ่อมแล้วกันนะครับเพราะตอนนี้ผมมีธุระและรีบมากด้วย ผมขอตัวนะครับ"ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยพูดอะไรอีก นลินก็รีบขึ้นรถและขับออกไปในทันที
ผ่านไปได้สักพักนลินก็มาถึงโรงเรียนของลูกชายและพบว่าทั้งโรงเรียนแทบจะไม่มีใครแล้วเพราะผู้ปกครองส่วนใหญ่ต่างก็มารับลูกของตัวเองกลับบ้านหมดแล้ว เหลือเพียงคุณครูประจำชั้นที่ยืนรอเป็นเพื่อนของลูกชายเขา
หลังจากที่นลินจอดรถสนิท นรินทร์ก็รีบลงจากรถแล้วเดินตรงไปหาคุณครูและลูกน้อยของตัวเองทันที ก่อนที่จะเอ่ยขอโทษคุณครูสาวและบอกเหตุผลว่าตนนั้นเกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทางที่มาจึงทำให้มารับลูกชายตัวน้อยของเขาสาย ซึ่งคุณครูสาวก็เข้าใจและเอ่ยบอกให้เขานั้นเดินทางกลับดีๆ
ส่วนลูกชายตัวน้อยนามว่าคิรินของเขายังคงหน้าบูดหน้าบึ้งให้กับผู้เป็นมารดาที่มารับตัวเขาสายจนเหล่าเพื่อนๆในโรงเรียนต่างพากันกลับไปหมดแล้ว
"น้องรินครับไม่โกรธหม่ามี้นะครับ หม่ามี้ขอโทษ"ระหว่างจอดติดไฟแดงนลินก็หันไปเอ่ยขอโทษลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางเอื้อมมือบางไปแตะใบหน้าของลูกชายที่ดูเหมือนว่าจะถอดแบบผู้เป็นพ่อมาซะทุกอย่างอย่างแผ่วเบา
"นลินมารับน้องคิรินช้า"เด็กตัวน้อยหน้าตาน่ารักยังคงเอ่ยพูดกับผู้เป็นแม่อย่างเง้างอน
"มี้ขอโทษครับ มี้ไม่ได้ตั้งใจจะมารับคิรินช้านะครับ พอดีเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางมาเลยทำให้มี้มารับคิรินช้ามากไปหน่อย เอางี้มั้ยครับเดี๋ยวมี้พาพี่คิรินไปท่านไอศกรีมที่ห้างก่อนกลับร้านดีมั้ยครับ"นลินเอ่ยอธิบายให้เด็กตัวน้อยฟังพลางเสนอพาไปกินไอศกรีมที่ห้างเพื่อเป็นการง้อ ซึ่งพอเด็กตัวน้อยได้ยินอย่างงั้นก็เผยรอยยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างดีใจในทันที เพราะนานๆทีผู้เป็นแม่ของเขาจะปล่อยให้เขากินไอศกรีม
"เย้!!!หม่ามี้พูดจริงๆใช่มั้ยฮะ"เด็กน้อยร้องขึ้นอย่างดีอกดีใจพลางโยกตัวไปมาเมื่อได้ยินว่าผู้เป็นมารดาจะพาตนนั้นไปกินขนมที่ห้างก่อนจะพากลับไปที่ร้าน
"มี้พูดจริงครับ"นลินเอ่ยตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้กับลูกน้อยที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ ก่อนที่จะหันมาตั้งใจขับรถเมื่อไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวและเส้นทางที่รถมุ้งตรงไปนั้นคือเส้นทางของห้างสรรพสินค้า
ณ.ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
"ป๊าๆๆ คิรินจะเอารสช็อกโกแลต"เสียงเด็กตัวน้อยเอ่ยพูดกับผู้เป็นมารดาเจื้อยแจ้วอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อบอกรสชาติไอศกรีมที่ตัวเองต้องการ นลินที่ได้ยินก็หันไปพยักหน้าตอบลูกน้อยอย่างยิ้มๆ ก่อนที่จะหันกลับมาสั่งพนักงานแล้วพาเด็กตัวน้อยไปนั่งรอที่โต๊ะหลังจ่ายตังค์เสร็จสรรพ
นั่งรอไม่นานพนักงานก็นำไอศกรีมที่สั่งมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะของสองแม่ลูก คิรินที่เห็นถ้วยไอศกรีมรสโปรดของตัวเองมาเสิร์ฟก็ตบไม้ตบมือดีใจพลางใบหน้าเล็กก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจส่งมาให้ผู้เป็นแม่ก่อนที่จะลงมือจัดการกับถ้วยไอศกรีมตรงหน้า นลินที่เห็นลูกน้อยยิ้มอารมณ์ดีและกินอย่างเอร็ดอร่อยแบบนั้นก็พลันคลี่ยิ้มตามไปด้วย นั่งมองเด็กน้อยกินได้สักพักนลินก็รู้สึกปวดฉี่จึงเอ่ยบอกคิรินว่าตนนั้นจะขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งและไม่วายสั่งให้คิรินนั่งรอเขาอยู่ที่นี้ห้ามไปซนที่ไหน
"คิรินป๊าไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะครับ คิรินนั่งรอป๊าอยู่ตรงนี้ห้ามไปซนที่ไหนนะครับ"เอ่ยจบนลินก็ลุกเดินออกจากร้านไปแล้วตรงไปทางห้องน้ำทันที
อีกด้าน
"ขอโทษนะครับนายน้อยพอดีว่าเกิดอุบัติเหตุผมขับรถชนท้ายรถคนอื่นระหว่างทางมาเลยทำให้ผมมารับนายน้อยช้าไปหน่อย"ชายวัยกลางคนเอ่ยอธิบายให้ผู้เป็นนายฟังเหตุที่ตนนั้นมารับช้าพลางก้มหัวขอโทษขอโพยอย่างคนสำนึกผิด
"ไม่เป็นไร แล้วคู่กรณีเขาว่ายังไงบ้าง"ชายหนุ่มตัวสูงยกมือขึ้นพลางโบกเบาๆเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่ได้ว่าอะไรแล้วถามถึงคู่กรณีว่าเขาได้เรียกร้องอะไรมั้ย
"คู่กรณีเขาไม่ได้เอาเรื่องครับ เขาบอกว่าซ่อมใครซ่อมมันเพราะว่าเขารีบมากครับ"ชายวัยกลางตอบคนตัวสูงตรงหน้า ซึ่งชายหนุ่มก็ทำเพียงพยักหน้าตอบเบาๆ ก่อนที่สองขายาวจะย่างก้าวตรงไปยังทางบันไดเลื่อน แต่แล้วชายหนุ่มตัวสูงเป็นต้องหยุดชะงักเท้าอยู่กับที่ เมื่ออยู่ๆก็มีเด็กน้อยที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งมาเกาะที่ขาของเขาพร้อมเอ่ยเรียกเขาว่า
"ปะป๊า ปะป๊าฮะ"
ฐิระเชษฐ์สวัสดีครับผมชื่อฐิระเชษฐ์หรือจะเรียกผมสั้นๆว่าคีย์ก็ได้ ทุกคนคงงงว่าผมเป็นใครทำไมถึงได้มาพูดคุยกับทุกคนในตอนนี้ เออนั้นสิ!ทำไมผมต้องมายืนแนะนำตัวหรือพูดคุยกับพวกคุยกลางห้างแบบนี้ด้วย(ใจเย็นคีย์ใจเย็นทุกคนที่แกว่าคือนักอ่านของฉัน)อ๋อหรอโทษๆๆ งั้นเอาเป็นว่าแนะนำตัวจนรู้จักกันมาพอสมควรแล้ว ต่อไปก็กลับเข้าเรื่องเลยแล้วกันฐิระเชษฐ์ที่นัดแนะกับลูกค้ามาพูดคุยตกลงเกี่ยวกับสัญญากันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาก็ได้มานั่งพูดคุยกันอยู่ที่ร้านอาหารที่นัดกันไว้ พอตกลงกันเรียบร้อยคีย์ก็ได้นั่งทานข้าวกับลูกค้าต่ออยู่พักใหญ่ๆหลังจากทานข้าวและพูดคุยกันนิดหน่อยก็ได้เอ่ยลาและแยกย้ายกันกลับ แต่แล้วคีย์ที่แยกย้ายกับลูกค้าและได้มายืนรอคนขับรถอยู่ที่จุดนัดไว้กับคุณลุงคนขับรถอยู่นานคุณลุงคนขับก็ยังไม่มาสักทีก็เริ่มรู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อยที่คุณลุงคนขับยังไม่มาสักที จนต้องเดินกลับเข้ามาในห้างอีกครั้งแล้วเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าพักใหญ่ๆ ก่อนที่คีย์จะหยุดเดินแล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือที่สั่นเป็นเจ้าเข้าในกระเป๋ากางเกงของเขาออกมาดูแล้วกดรับสาย เมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือคนขับรถขอ
นรินทร์นรินทร์ที่จัดการทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยก็รีบเดินกลับไปหาลูกน้อยที่ร้านไอศกรีม แต่แล้วนลินต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเขาเดินกลับเข้ามาในร้านแล้วไม่พบเด็กตัวน้อยที่เขาสั่งให้นั่งรออยู่ที่โต๊ะไม่ให้ไปซนที่ไหนหายไป ตอนนี้เขาพบแต่ถ้วยไอศกรีมที่ลูกน้อยของเขากินไปได้เพียงครึ่งเท่านั้นแล้วคิรินล่ะ ลูกชายของเขาไปไหนนลินหันซ้ายหันขวามองรอบๆร้าน ในใจลึกๆก็หวังว่าลูกชายตัวน้อยของเขานั้นแค่จะวิ่งเล่นอยู่ตรงไหนสักส่วนภายในร้านแต่ไม่ว่านัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของเขาจะมองจนทั่วร้านแล้วก็ไม่พบเงาของลูกชายตัวน้อยของเขาเลยแม้แต่น้อย เมื่อไม่เห็นลูกน้อยภายในใจของนลินก็ก่อเกิดความรู้สึกร้อนรนและเป็นกังวลเป็นอย่างมากพลางรอบๆดวงกลมก็เริ่มจะมีน้ำสีใสเอ่อนองขึ้นมาคิรินลูกอยู่ที่ไหน"ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าเห็นเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นมั้ยครับ"เสียงใสเอ่ยถามพนักงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพลางนิ้วเรียวสวยก็ชี้ไปยังโต๊ะที่ตัวเขากับลูกน้อยเคยนั่ง แต่แล้วใบหน้าหวานต้องแสดงความผิดหวังออกมาเมื่อได้คำตอบจากพนักงานเป็นการส่ายหน้าปฏิเสธมือบางยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างลวกๆ ก่อนที่เท้าเล็กทั้
ฐิระเชษฐ์ผมยืนมองร่างบางตรงหน้าที่ยืนอุ้มเด็กชายตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนแน่นพลางนัยน์ตากลมสวยก็จ้องมองมาที่ผมด้วยดวงตาแดงก่ำพลันในหัวก็พลางนึกคิดตามประโยคคำพูดของนลินนั้นสิ มันก็จริงอย่างที่คนตรงหน้าของเขาพูดว่ามันจะมีประโยชน์อะไรที่เขาจะมาเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบเอาตอนนี้ ในเมื่อเขาเป็นคนจากและทิ้งคนตัวเล็กตรงหน้าในตอนนี้ไปโดยที่เขานั้นไม่ได้อธิบายอะไรให้ร่างบางฟังเลยสักนิด"ขอโทษ....."ผมก้มหน้าหลบสายตาของนลินพลางเอ่ยขอโทษออกมาเสียงเบา ผมไม่รู้ว่าตอนนี้นลินทำสีหน้าแบบไหนและตอนนี้ร่างบางตรงหน้าของผมกำลังคิดอะไรอยู่ ในตอนนี้ผมแค่อยากจะเอ่ยขอโทษ ขอโทษที่ผมทิ้งเขาไปขอโทษที่ผมทำเขาเสียใจและขอโทษที่ผมผิดคำสัญญาที่ให้กับเขาไว้ในตอนคบกันว่าผมจะไม่มีทางทิ้งเขาหรือทำผิดต่อเขาขอโทษลิน คีย์ขอโทษที่ทำผิดสัญญา
"ยิ้มเขากลับมาแล้ว เขาคนนั้นกลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว"ย้อนกลับไปเมื่อ9ปีก่อน"ลินนนน นลินนนนไอ้ลินหยุดเดินนะโว้ยยยยย"เสียงร้องตะโกนของชายหนุ่มตัวสูงรุ่นพี่ปีสามดังขึ้นท่ามกลางลานกว้างทำให้เด็กปีหนึ่งคณะบริหารที่ถูกเรียกมารวมตัวกันหันมามองยังรุ่นพี่ชายทั้งสองที่คนหนึ่งวิ่งตามหลังตะโกนเรียกเสียงดังลั่นส่วนอีกคนก็เดินหนีไม่ยอมหยุด"พี่ต้นเลิกยุ่งกับลินดิ๊! ลินบอกแล้วว่าลินไม่ทำๆๆ พี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ! เห้ยยยโอ๊ยยยยย"นรินทร์หันมาเอ่ยพูดกับพี่รหัสของตัวเองอ่างหัวเสียที่สองสามวันนี้ตามตื๊อให้เขานั้นไปเป็นแบบในการถ่ายภาพไปทำโปรเจคอะไรสักอย่างพลางหยุดเท้าอย่างกะทันหันและด้วยความที่นลินหยุดเดินกะทันหันทำให้ต้นที่เป็นพี่รหัสของนลินหยุดเท้าไว้ไม่ทันเดินชนนลินเข้าจังๆจนนลินล้มก้นกระแทกพื้นอย่างแรง"เห้ยยยลินพี่ขอโทษ ลินเจ็บมากมั
นรินทร์หลังจากวันนั้นวันที่ผมเจอกับคีย์ที่ข้างสระบัวและได้รับรู้ว่าผมได้เขาได้เป็นสายรหัสกัน ในตอนนี้วันเวลาก็พัดผ่านมาจะสามเดือนแล้ว ตลอดระยะเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมาชีวิตอันสงบสุขของผมก็ได้ปั่นป่วนเป็นอย่างมาก เดิมทีชีวิตของผมก็มีอีพี่ต้นพี่รหัสของผมค่อยกวนวอแวอยู่แล้วแต่พอมีอีตาเด็กคีย์เข้ามาชีวิตในรั้วมหาลัยของผมก็ปั่นป่วนมากกว่าเดิม ทุกคนคงสงสัยใช่มั้ยว่ามันปั่นป่วนยังไง ก็ปั่นป่วนอย่างนี้ไงณ.เวลา12:05นาที"สวัสดีครับพี่ลินคนสวย"เสียงทุ้มใสดังขึ้นในเวลาเดิมของทุกวัน ในเวลาใกล้ๆกันแบบนี้ของทุกวันผมมักจะได้ยินประโยคทักทายแบบนี้จากเรียวตะที่เป็นเพื่อนชายคนสนิทของน้องรหัสอันหล่อเหล่าของผมเป็นประจำ จนผมนั้นไม่รู้จะจัดการกับสองคนนี้ยังไงแล้วเพราะไม่ว่าผมจะหนีไปหลบที่ไหนหรือตรงส่วนไหนของคณะสองคนนี้ก็มักจะหาผมเจออยู่เสมอ
ฐิระเชษฐ์หลังจากวันนั้นวันที่ผมพาไอ้เรียวตะโดดเรียนเพื่ออยู่ช่วยคนตัวเล็กที่เป็นพี่รหัสของผมปั่นงานจนเสร็จทันก่อนเวลาที่อาจารย์กำหนดไว้ในการส่ง ในตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว ผมในตอนนี้ก็ยังคงทำเหมือนเดิมอยู่ทุกวัน คือคอยตามเฝ้ามองและคอยชวนนลินพี่รหัสของผมไปกินข้าวเที่ยงด้วยทุกวันเฉพาะวันที่นลินมีเรียนน่ะนะ ถ้าวันไหนนลินไม่มีเรียนผมก็จะคอยทักหาและโทรคุยเอาเป็นระยะๆ เพราะเคยชวนคนตัวเล็กออกมาเที่ยวข้างนอกในวันหยุดด้วยแล้วผลปรากฏว่าโดนปฏิเสธไปตามระเบียบครับจริงสิทุกคนอาจจะสงสัยว่าผมรู้ได้ยังไงว่านลินอยู่ที่ไหนหรือเรียนอะไรอยู่ หึ ก็ผมมีตารางเรียนของคนตัวเล็กยังไงล่ะ ถึงได้รู้ว่าเวลานี้หรือเวลาไหนนลินอยู่ตรงส่วนไหนของมหาวิทยาลัยผมถึงได้ตามถูกอยู่ตลอดเวลาเล่ามาถึงตรงนี้ทุกคนคงจะมองว่าผมบ้าใช่มั้ยที่คอยตามเฝ้าพี่รหัสของตัวเองอย
"คะ คีย์พูดว่าอะไรนะ""คีย์จีบลินอยู่ รู้ตัวบ้างมั้ยนลิน"ฐิระเชษฐ์ประกาศกร้าวขึ้นท่ามกลางนักศึกษานับสิบคนที่กำลังพากันเดินออกมาจากตึกเรียน เหล่านักศึกษาร่วมรุ่นของนรินทร์ที่ได้ยินในสิ่งที่คีย์เอ่ยพูดว่ากำลังจีบเพื่อนชายตัวเล็กร่วมห้องเรียน ต่างก็พากันหยุดเดินแล้วยืนดูสถานการณ์ บางคนก็บิดม้วนเขินแทนนลินที่กำลังโดนหนุ่มหล่อประกาศกร้าวว่ากำลังจีบอยู่เป็นที่เรียบร้อยเพราะด้วยความที่คีย์เป็นคนที่มีหน้าตาหล่อเหล่าโดดเด่นจึงทำให้หนุ่มหล่ออย่างคีย์นั้นมีชื่อเสียงในมหาลัยนี้พอสมควรและคีย์เองก็เป็นคนที่สาวๆหนุ่มๆนั้นต่างพากันอวยยศว่าเป็นหนุ่มหล่อที่ทุกคนต้องการหมายปองนลินที่กำลังตกตะลึงอึ้งในประโยคที่น้องรหัสของตัวเองเอ่ยพูดอยู่นั้นก็ได้แต่ยืนเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้รอบๆด้านข้างนั้นกำลังมีเพื่อนร่วมชั้นยืนมุงด
วันเวลาพัดผ่านไปหลายเดือนหลังจากวันนั้นวันที่ฐิระเชษฐ์ได้สารภาพว่าชอบนรินทร์และบอกให้พี่รหัสตัวเล็กอย่างนลินรอตั้งรับการจีบของจากตัวเขา ในตอนนี้วันเวลาก็ได้ผ่านมาเจ็ดถึงแปดเดือนแล้วที่คีย์คอยตามติดรุ่นพี่ตัวเล็กและคอยชวนไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะทุกวัน แต่ถึงฐิระเชษฐ์จะคอยตามรับตามส่งและคอยชวนคนตัวเล็กไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด รุ่นพี่ตัวเล็กอย่างนลินก็ไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อนหันมาชอบเขาเลย แถมนลินยังคงทำตัวปกติทุกอย่างตามเดิม"นลินวันนี้ไปดูหนังกันมั้ย"เสียงทุ้มเอ่ยถามคนพี่ที่นั่งท่านขนมเค้กอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะขึ้นพลางมือหนาก็เอื้อมไปใช้นิ้วโป้งเช็ดมุมปากของนลินที่เลอะครีมเบาๆ ก่อนที่จะนำนิ้วหัวแม่มือที่เลอะครีมเค้กที่เช็ดออกมาจากคนพี่เข้าปากตัวเองแล้วดูดเลียครีมออกอย่างช้าๆ นลินที่เห็นมองเห็นคีย์ทำแบบนั้นก็เบิกตากว้างพลันใบหน้าสวยก็รู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาจนต้องก้มหน้าหงุดแล้วตักเนื้อเค้กเข้าปากเคี้ยวแก้เขิน
บนห้อง"แก๊งฮายาโตะเป็นแก๊งของคุณพ่อพี่เองและตอนนี้พี่ก็เป็นคนดำรงตำแหน่งแทนท่านอยู่ครับ"เสียงทุ้มเอ่ยบอกความจริงทุกอย่างให้คนตัวเล็กได้รับรู้ นัยน์ตาสีดำจ้องมองดวงตาสวยของคนตรงหน้าที่ในตอนนี้ได้เบิกตากว้างแสดงสีหน้าอึ้งตกใจกับสิ่งที่เขาได้ยิน"พะ พี่ คีย์ พะ พูดเรื่องจริงหรอ"เสียงใสเอ่ยถามฐิระเชษฐ์ด้วยน้ำเสียงติดขัด นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนยังคงเบิกกว้างจ้องมองคนตัวสูงที่อายุน้อยกว่าตนเองอย่างอึ้งๆ เพราะเขานั้นไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่คีย์บอกก่อนหน้านี้เลย แต่สายตาคมที่แสดงถึงความจริงจังส่งมาให้เขาในตอนนี้นั้นมันไม่มีความล้อเล่นเลยสักนิด"คีย์ไม่เคยโกหกครับ"เสียงทุ้มเอ่ยย้ำขึ้นอีกครั้งถึงสิ่งที่ตัวเองเอ่ยบอกไปเมื่อกี้ว่าตัวเขานั้นไม่ได้เอ่ยโกหกแม้แต่น้อย พร้อมกับมือหนาเอื้อมไปประคองใบหน้าสวยของคนตัวเล็กเจ้าของห้องอย่างแผ่วเบาแล้วเอ่ยถามว่าคนตัวเล็กขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม"โกรธพี่มั้ยที่พี่ไม่เคยบอกอะไรเกี่ยวกับครอบครัวของพี่เลยตอนที่เราคบกัน""ลินไม่โกรธ...เพราะลินเองก็ไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวของลินให้พี่คีย์ฟังเลยเหมือนกัน"นรินทร์ตอบฐ
"คีย์ขอโทษ ทั้งๆคีย์ก็รู้ว่าลินเมาแท้ๆคีย์ก็ยังฉวยโอกาสตอนที่ลินไม่มีสติ"เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพลางใบหน้าคมก้มลงซุกเข้าที่ลาดไหล่เล็กของคนตรงหน้าพร้อมกับที่ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงที่กายบาง แต่แล้วฐิระเชษฐ์ต้องผล่ะใบหน้าหล่อออกจากไหล่บางมาสบนัยน์ตาสวยเมื่อน้ำเสียงทุ้มนุ่มหวานเอ่ยพูดขึ้นแผ่วเบา"แล้วคีย์รู้ได้ยังไงว่าลินไม่มีสติ ลินมีสติคีย์ ลินไม่ได้เมาจนไม่มีสติขนาดนั้น""ลิน...."เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นน้ำเสียงขาดหายดวงตาคมจ้องมองนัยน์ตาสวยด้วยแววตาวูบไหว ก่อนที่จะเลี่ยงสายตามองไปทางอื่นเพราะเขายังไม่อยากที่จะล่วงเกินคนตัวเล็กที่มีสติไม่เต็มร้อยในตอนนี้ เขาไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดในการกลับมาครั้งนี้ของเขา เขาอยากให้คนตัวเล็กกลับมาหาเขาด้วยความรักและความเต็มใจเขาไม่อยากทำอะไรให้นลินเสียใจและผิดหวังในตัวเขาอีก"ทำไมถึงทิ้งลินไป....ทำไมพี่คีย์ถึงทิ้งลินไปแบบไม่อธิบายอะไรเลย"ริมฝีปากได้รูปเอ่ยถามคนตัวสูงตรงหน้าที่เงียบไปนานถึงความสงสัยที่เขากักเก็บมานานนับ6ปีว่าเหตุใดคนตัวสูงตรงหน้านี้ถึงทิ้งเขาไปทั้งที่ไม่อธิบายอะไรให้เขาเข้าใจเลยสักนิด
ณ.ร้านK.linเบเกอรี่เวลา22:48นาทีตกเย็นแสงสีส้มของพระอาทิตย์แพร่กระจ่ายทั่วผืนนภาดวงตะวันเริ่มเคลื่อนตัวเข้าหาขอบฟ้าก่อนที่จะค่อยๆลับหายไปและย้อมท้องนภากลายเป็นสีดำมืด นลินที่วันนี้หยุดเปิดบริการร้านเบเกอรี่หนึ่งวันนั่งเหม่อมองแก้วน้ำสีอำพันในมือพลางมือบางหมุนควงแก้วสวยในมือที่ข้างในบรรจุน้ำสีทองอย่างช้าๆ ก่อนที่จะยกแก้วใบนั้นขึ้นจะลดริมฝีปากสวยแล้วสาดน้ำเมาภายในแก้วลงลำคอระหงส์ทีเดียวหมดแก้ว"แกมันน่าสมเพชจริงๆนลิน แค่เขากลับเข้ามาในชีวิตแก แกก็ใจอ่อนให้เขาแล้ว..."ริมฝีปากสวยบ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบาพลางมือบางก็เอื้อมไปคว้าขวดน้ำเมาสีอำพันมาเทใส่แก้วใบเดิมแล้วกระดกขึ้นดื่มหมดในอีกครั้งอย่างกับว่ามันเป็นน้ำเปล่าเสียอย่างนั้นก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูกระจกของร้านดังขึ้นเรียกความสนใจให้ร่างบางที่กำลังเมาได้ที่หันไปดู นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองไปยังต้นเสียงก็พบกับร่างสูงที่เขาคุ้นตาเป็นอย่างดียืนอยู่อีกฟากฝั่งของประตู นรินทร์ที่เห็นว่าเป็นใครก็ดันตัว
ด้านนรินทร์"หม่ามี้ฮะเราจะไม่กลับไปค้างที่ร้านขนมแล้วหรอฮะ"เด็กน้อยวัย5ขวบเศษๆเอ่ยถามผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย นัยน์ตาบริสุทธิ์จ้องมองผู้เป็นแม่อย่างต้องการคำตอบ เพราะตั้งแต่วันนั้นวันที่ผู้เป็นพ่อสัญญากับคิรินว่าจะโทรมาเล่านิทานให้ฟังเช้าวันถัดมาคุณตาคุณยายก็เดินทางมารับเด็กน้อยกับผู้เป็นแม่ของเขามาค้างที่บ้านใหญ่ทันที จนในตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วที่เด็กน้อยนามว่าคิรินกับผู้เป็นแม่อย่างนลินมานอนค้างที่บ้านใหญ่ตระกูลNT"กลับครับ แต่ยังไม่ใช่วันนี้นะ น้องคิรินเป็นเด็กดีใช่มั้ยครับถ้างั้นน้องต้องไม่ดื้อนะครับ"น้ำเสียงทุ้มหวานเอ่ยกับลูกชายตัวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางใบหน้าหวานก็คลี่ยิ้มส่งให้ลูกชายบางๆ แต่แล้วใบหน้าหวานที่คลี่ยิ้มก็ต้องหุบลงแล้วหันไปด้านหลังของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงผู้ที่ให้กำเนิดตนเองดังขึ้นอยู่ด้านหลัง"น้องจะกลับไปที่ร้านวันไหน มี้จะให้คนไปคุ้มกัน"เสียงใสของร่างบางวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นจากด้านหลังของสองแม่ลูกที่นั่งคุยกันอยู่ห้องโถง นลินที่ได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ก็หันไปมอง ก่อนที่จะหันกลับมามอ
ณ.โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแกร๊ก"คีย์เราจะไปไหนน่ะ คีย์หยุดนะพี่บอกให้หยุด คีย์จะถอดสายน้ำเกลือออกเองแบบนี้ไม่ได้นะ คีย์พี่บอกให้เราหยุดไง"คานะเอ่ยพูดกับน้องชายด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อเจ้าตัวเปิดประตูห้องเข้ามาเจอน้องชายกำลังจะถอดสายน้ำเกลือออกจากแขนตัวเอง จนหล่อนต้องรีบวิ่งเข้ามาห้ามอย่างรวดเร็ว ด้านเรียวตะที่นั่งก้มดูมือถือและคุยกับคีย์อยู่ดีๆ ก็มีสีหน้าตื่นตระหนกไม่ต่างกับหญิงสาว"เห้ย!ไอ้คีย์มึงเป็นบ้าไปแล้วหรือไงวะ"เรียวตะที่พึ่งจะเงยหน้าจากมือถือและหันไปเห็นว่าเพื่อนสนิทของตัวเองกำลังถอดสายน้ำเกลือออกก็ร้องถามขึ้นอย่างงตกอกตกใจพร้อมกับพุ่งตัวไปจับแขนของฐิระเชษฐ์ล็อกไว้ ส่วนคีย์ที่โดนเรียวตะจับล็อกตัวไว้ก็ร้องโวยวายขึ้น"ปล่อยนะโว้ยยยยยกูบอกให้ปล่อยไง!!!"เสียงทุ้มร้องตะโกนขึ้นพร้อมกับพยายามสะบัดตัวออกจากการจับ
อีกด้านเช้าวันต่อมา"หม่ามี้ฮะทำไมเมื่อคืนปะป๊าไม่โทรมาเล่านิทานให้น้องฟังก่อนนอน ทำไมปะป๊าโกหกน้อง"เสียงเด็กชายตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นมารดาขึ้นระหว่างกำลังทานอาหารเช้าด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเศร้าๆ ด้านนลินที่ได้ยินคำถามของลูกชายตัวน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหารก็พลันชะงักมือที่กำลังตักข้าวต้มพลางใบหน้าหวานก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ที่ในตอนนี้ดวงตานั้นแสดงความผิดหวังให้เขาเห็นอย่างชัดเจน"คือน้องคิรินครับ เมื่อคืนปะป๊าบอกกับหม่ามี้ก่อนกลับว่าปะป๊ามีธุระด่วนที่ต้องไปทำ เลยโทรมาเล่านิทานให้น้องฟังไม่ได้ หม่ามี้ขึ้นมาจะบอกน้องแล้วนะ แต่เมื่อคืนน้องหลับไปก่อน"นรินทร์เอ่ยอธิบายให้ลูกชายฟังพลางเอื้อมมือบางไปลูบหัวทุยของเด็กชายตัวน้อยที่ในตอนนี้ก็ยังแสดงสีหน้าเสียใจและน้อยใจผู้เป็นพ่อที่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเขา
ฐิระเชษฐ์ฐิระเชษฐ์ที่กำลังนอนนิ่งไร้สติอยู่บนเตียงนอนคนไข้ในโรงพยาบาลเอกชนที่ไหนสักแห่งค่อยๆรู้สึกตัวและลืมตาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ แต่แล้วคนที่พึ่งจะเปิดเปลือกตาขึ้นเป็นต้องกะพริบเปลือกตาอย่างถี่รัวเมื่อแสงสว่างจ้าภายในห้องกำลังเล่นงานเขา ดวงตาคมที่คุ้นเคยกับแสงสว่างภายในห้องแล้วเริ่มกวาดตาสังเกตมองรอบๆห้องสีขาวที่ไม่คุ้นเคยนี้ ก่อนที่นัยน์ตาคมจะมาหยุดมองที่หลังมือด้านขวาของตัวเองที่มีเข็มน้ำเกลือเจาะอยู่และสิ่งนี้บ่งบอกเขาได้เป็นอย่างดี ว่าตัวเขาในตอนนี้นั้นอยู่ที่ใด"ที่นี้คงเป็นโรงพยาบาลสินะ"น้ำเสียงแหบพร่าถสบพูดกับตัวเองเสียงเบา ก่อนที่คนป่วยบนเตียงจะค่อยๆดันร่างกายที่ปวดร้าวของตัวเองลุกขึ้นนั่งแกร็กเสียงเปิดประตูดังขึ้นเรียกความสนใจของคนที่พึ่งจะดันตัวลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จให้หันไปมอง และทันทีที่ร่างของหญิงสาวที่คุ้นเคยปรากฏใ
ณ.ลานจอดรถของร้านK.linเบเกอรี่"นลินแด๊ดจะไม่พูดซ้ำ แด๊ดปล่อยมันมานานแล้ว น้องถอยไป"เสียงทุ้มเข้มทรงอำนาจเอ่ยพูดกับผู้เป็นลูกชายคนโตด้วยน้ำเสียงนิ่งๆพลางนัยน์ตาคมก็จ้องมองไปยังฐิระเชษฐ์ด้วยแววตาแข็งกร้าวด้านนรินทร์ที่ได้ยินน้ำเสียงและเห็นสีหน้าที่จริงจังของผู้เป็นบิดาก็พลางก้มหน้าลงเล็กน้อยและเบี่ยงสายตาหลบสายตาคมของฟิลิปป์ที่จ้องมาที่ตนและคีย์ ก่อนที่สองเท้าเล็กจะก้าวเดินออกจากด้านหลังของคีย์และเดินตรงไปหาผู้เป็นตามคำเอ่ยสั่ง แต่ยังไม่ทันที่ร่างบางจะก้าวเดินผ่านร่างของคีย์มือหนาของฐิระเชษฐ์ก็เอื้อมมาจับข้อแขนเล็กรั้งเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับเอ่ยห้ามนลิน"นลินอย่าไปนะ"ฐิระเชษฐ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับนัยน์ตาคมจ้องมองสบดวงตาสวยด้วยแววตาอ้อนวอน แต่ท้ายที่สุดนลินก็ต้องสะบัดมือออกจากการจับกุมของมือใหญ่เมื่อเสียงทรงอำนาจของผู้เป็นบิดาเอ่ยย้ำขึ้นมาอีกครั้ง&nb
หลายเดือนผ่านไปเวลา20:42นาทีหลังจากวันที่ฐิระเชษฐ์โดนคนดักรุมทำร้ายวันนั้น ในตอนนี้ก็ผ่านพ้นมาสองสามเดือนแล้วและในตลอดระยะเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมาฐิระเชษฐ์ยังคงแวะเวียนมาที่ร้านK.linเบอเกอรี่แทบจะทุกวันเพื่อมาพูดคุยเล่นกับลูกชายตัวน้อยและเหตุผลหลักในการมาที่ร้านขนมหวานของคีย์ไม่เพียงแค่มาเล่นกับลูกชาย แต่มันคือการที่เขามาเจอและมองใบหน้าหวานของอดีตคนรักของเขาต่างหาก คนรักของเขาที่มันไม่เคยเป็นอดีตเลย เขายังคงรักและคิดถึงนลินตลอดหกปีที่ผ่านมาและไม่เคยมีใครได้มายืนแทนที่ของนลินเลยแม้แต่น้อย"คุณคีย์ผมจะปิดร้านแล้วคุณกลับไปได้แล้ว"เสียงใสเอ่ยดังขึ้นด้านหลังของคนตัวสูงและเด็กชายตัวน้อยที่กำลังนั่งเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนานพลันนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก็มองภาพที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั้นกำลังยิ้มหัวเราะคิกคักกับผู้เป็นพ่ออย่างมีความสุขแค่น้องคิรินมีความสุขมี