ฐิระเชษฐ์
สวัสดีครับผมชื่อฐิระเชษฐ์หรือจะเรียกผมสั้นๆว่าคีย์ก็ได้ ทุกคนคงงงว่าผมเป็นใครทำไมถึงได้มาพูดคุยกับทุกคนในตอนนี้ เออนั้นสิ!ทำไมผมต้องมายืนแนะนำตัวหรือพูดคุยกับพวกคุยกลางห้างแบบนี้ด้วย(ใจเย็นคีย์ใจเย็นทุกคนที่แกว่าคือนักอ่านของฉัน)อ๋อหรอโทษๆๆ งั้นเอาเป็นว่าแนะนำตัวจนรู้จักกันมาพอสมควรแล้ว ต่อไปก็กลับเข้าเรื่องเลยแล้วกัน
ฐิระเชษฐ์ที่นัดแนะกับลูกค้ามาพูดคุยตกลงเกี่ยวกับสัญญากันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาก็ได้มานั่งพูดคุยกันอยู่ที่ร้านอาหารที่นัดกันไว้ พอตกลงกันเรียบร้อยคีย์ก็ได้นั่งทานข้าวกับลูกค้าต่ออยู่พักใหญ่ๆหลังจากทานข้าวและพูดคุยกันนิดหน่อยก็ได้เอ่ยลาและแยกย้ายกันกลับ แต่แล้วคีย์ที่แยกย้ายกับลูกค้าและได้มายืนรอคนขับรถอยู่ที่จุดนัดไว้กับคุณลุงคนขับรถอยู่นานคุณลุงคนขับก็ยังไม่มาสักทีก็เริ่มรู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อยที่คุณลุงคนขับยังไม่มาสักที จนต้องเดินกลับเข้ามาในห้างอีกครั้งแล้วเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าพักใหญ่ๆ ก่อนที่คีย์จะหยุดเดินแล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือที่สั่นเป็นเจ้าเข้าในกระเป๋ากางเกงของเขาออกมาดูแล้วกดรับสาย เมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือคนขับรถของตัวเองแล้วบอกจุดที่ตัวเองอยู่ในตอนนี้ให้กับคุณลุงคนขับ
ผมที่กดรับสายจากคุณลุงคนขับรถและบอกจุดที่อยู่ให้คุณลุงแกทราบเรียบร้อยก็กดวางสายไป ยืนรอได้ไม่นานคุณลุงแกก็วิ่งตรงมาหาผมอย่างเหนื่อยหอบ ก่อนที่จะอธิบายเหตุผลที่ลุงแกนั้นมารับสายให้ผมฟัง พอผมทราบเหตุผลที่แกมาสายผมก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าผมเข้าใจและไม่ได้เอ่ยว่าหรือตำหนิอะไรแก เพราะผมรู้ว่าคุณลุงแกคงยังไม่ชินทางชินถนนของประเทศนี้เท่าไหร่
ผมไถ่ถามคุณลุงสักพักเกี่ยวกับคู่กรณีว่าเขาได้เรียกร้องอะไรมั้ย พอคุณลุงบอกว่าคู่กรณีเขาไม่ได้เอาเรื่องอะไรผมก็พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจอีกครั้ง ก่อนที่จะผมจะหันหลังแล้วเดินตรงไปทางทางบันไดเลื่อน ทางที่จะไปยังสถานที่ที่รถจอดอยู่พลางในใจก็คิดว่า
อ่าาาพึ่งกลับมาที่ประเทศนี้ได้ไม่กี่วันก็มีแต่เรื่องวุ่นวายเลยแฮะ
เฮ่อออป่านนี้เขาคนนั้นจะเป็นไงบ้างนะ
ผมก้าวเดินตรงไปข้างหน้าพลางในหัวก็กำลังเหม่อลอยยุ่งอยู่กับความคิดของตัวเองไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเท่าไหร่ แต่แล้วสองเท้าของผมที่เดินได้ไม่กี่ก้าวเป็นต้องหยุดชะงัก เมื่ออยู่ๆก็มีเด็กผู้ชายตัวน้อยที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งมาเกาะที่ขาข้างหนึ่งของผมพร้อมกับเรียกผมว่า
"ปะป๊า ปะป๊าฮะ"
ดวงตาของผมเบิกกว้างอย่างตกใจทันทีที่อยู่ๆก็มีเด็กที่ไหนมาเอ่ยเรียกผมว่าปะป๊า ผมยืนสตั๊นอ้าปากเหวอแสดงสีหน้าตกใจเกือบนาทีมาได้สติอีกทีก็ตอนที่มือของเด็กตัวน้อยที่ยืนกอดขาของผมดึงขากางเกงสองสามทีพร้อมกับเอ่ยเรียกผมว่าปะป๊าและเอ่ยพูดถามเจื้อยแจ้ว
"ปะป๊า ปะป๊าฮะ ปะป๊ากลับจากทำงานแล้วหรอฮะ"เสียงเล็กเอ่ยถามผมพร้อมกับเงยหน้าจ้องผมตาแป๋วเพื่อรอเอาคำตอบจากผม
เด็กนี้เป็นใครวะเนี่ยยยย
แล้วนี่มันลูกเต้าเหล่าใครวะทำไมไม่ดูแลดีๆปล่อยให้มาวิ่งเกาะขาแล้วเรียกคนอื่นว่าพ่อแบบนี้เนี่ยยย
ผมยังคงยืนก้มหน้ามองเด็กตัวน้อยที่เอาแต่ยืนเกาะขาของผมพร้อมเอ่ยเรียกผมว่าปะป๊าไม่หยุดด้วยแววตาหงุนงง ไม่ได้เอ่ยตอบหรือเอ่ยพูดอะไรจนเด็กตัวน้อยเริ่มจะเบะปากทำท่าจะร้องไห้ ผมที่เห็นสีหน้าของเด็กตัวน้อยที่พร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อก็พลันเบิกตากว้างตกใจมากกว่าเดิมเพราะถ้าเกิดเด็กนี้แหกปากร้องไห้ขึ้นมาจริงๆล่ะก็คนที่อยู่รอบๆคงมองผมไม่ดีแน่
"เห้ยๆๆๆอย่าร้องนะโว้ย แม่หนูอยู่ไหนเนี่ยยยย"ผมอุทานออกมาอย่างตกใจพร้อมกับย่อตัวนั่งลงคุกเข่าให้อยู่ในระดับเดียวกันกับเด็กน้อย ก่อนที่จะถามเด็กตัวน้อยที่รอบๆนัยน์ตากลมเริ่มมีน้ำสีใสล้อมรอบว่าคุณแม่เจ้าตัวนั้นอยู่ที่ไหน แต่แล้วผมต้องแสดงสีหน้าตกใจอีกหน เมื่อสังเกตใบหน้าของเด็กตัวน้อยดีๆแล้วพบว่าเด็กน้อยคนนี้มีใบหน้าคล้ายผมในต้องเด็กมาก
อย่างกับกูในตอนเด็กเลยแฮะ
ผมอุทานในใจพลางจ้องมองใบหน้าของเด็กคนนี้อีกครั้ง เชี่ยยยเหมือนจริงๆวะ! แถมเด็กนี้ยังเรียกผมว่าปะป๊าอีก เหี้ยแล้วไงไอ้คีย์ลูกกูจริงๆปะเนี่ย หน้าตาอย่างกับถอดแบบกันมาขนาดนี้ ผมตีกับความคิดของตัวเองอยู่สักพักพลางสะบัดใบหน้าตัวเองไปมาเพื่อไล่ความคิดในหัวตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไล่ความคิดที่ว่าเด็กคนนี้หน้าเหมือนตัวเองในตอนเด็กไม่ได้จริงๆ
แต่แล้วยังไงวะ ถึงเด็กคนนี้จะหน้าตาคล้ายผมในตอนเด็กมาก แต่ผมก็ไม่มีแฟนหรือเคยแต่งงานกับใครเลยนะแล้วผมจะไปมีลูกกับใครวะ ผมโสดมาจะหกปีแล้ว โสดตั้งแต่เลิกกับเขาคนนั้น....เอ๊ะเดี๋ยวนะหรือว่า.....
ฐิระเชษฐ์ต้องหยุดชะงักความคิดของตัวเองในทันทีเมื่อนึกมาถึงคนรักที่จบกันได้ไม่ค่อยสวยเมื่อหกปีก่อน ก่อนที่ตัวเขานั้นจะกลับไปที่ญี่ปุ่น คีย์เงยหน้าไปมองเด็กตัวน้อยตรงหน้าอีกครั้งก่อนที่จะอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อความคิดของตัวเองเท่าไหร่
"ไม่จริงน่าาา"ผมอุทานออกมาพลางจ้องมองเด็กน้อยน่ารักตรงหน้าด้วยแววตาอึ้งๆอีกครั้ง ซึ่งเด็กน้อยเองก็จ้องมองผมกลับไม่ว่างตาเช่นกัน
"ปะป๊าฮะ ปะป๊าจะกลับมาอยู่กับน้องคิรินและหม่ามี้แล้วใช่มั้ยฮะ"เด็กน้อยที่แทนตัวเองว่านน้องคิรินพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับใช้สองมือน้อยๆนั้นเขย่าที่แขนของผมไปมา
เหี้ยจริงหรอวะเนี่ย แม่งขนาดชื่อยังคล้ายกันเลย
คีย์กับชื่อของเขาคนนั้น ออกมาเป็นคิริน อย่างงั้นหรอ
ถ้าใช่จริงๆละก็ หึ ตั้งชื่อลูกน่ารักดีจัง
ในหัวของผมยังคงเกิดคำถามไม่หยุดหย่อนว่าสิ่งที่ผมคิดในตอนนี้มันคือเรื่องจริงหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยแต่ใบหน้าคงเด็กตัวน้อยนี้ก็ช่างเหมือนเขาซะเหลือเกิน แต่เขาคนนั้นล่ะตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของผมกับเขาจริงๆแล้วตอนนี้เขาคนนั้นอยู่ที่ไหนทำไมถึงปล่อยให้เด็กตัวน้อยที่ชื่อคิรินนี้ไปไหนมาไหนคนเดียวแบบนี้
"แม่เราอยู่ไหน"ผมที่หันมองรอบๆเพื่อหาร่างบางคนที่ผมนึกถึงแต่ก็ไม่พบจึงตัดสินใจเอ่ยถามถึงมารดาของเด็กน้อยคนนี้ เพื่อยืนยันให้แน่ชัดว่าสิ่งที่ผมคิดในตอนนี้นั้นมันคือเรื่องจริงใช่มั้ย แต่แล้วเมื่อเด็กตัวน้อยกำลังเอ่ยปากตอบก็มีเสียงใสของใครบางคนเอ่ยแทรกขึ้นมาซะก่อน
"คิริน....."
นรินทร์นรินทร์ที่จัดการทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยก็รีบเดินกลับไปหาลูกน้อยที่ร้านไอศกรีม แต่แล้วนลินต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเขาเดินกลับเข้ามาในร้านแล้วไม่พบเด็กตัวน้อยที่เขาสั่งให้นั่งรออยู่ที่โต๊ะไม่ให้ไปซนที่ไหนหายไป ตอนนี้เขาพบแต่ถ้วยไอศกรีมที่ลูกน้อยของเขากินไปได้เพียงครึ่งเท่านั้นแล้วคิรินล่ะ ลูกชายของเขาไปไหนนลินหันซ้ายหันขวามองรอบๆร้าน ในใจลึกๆก็หวังว่าลูกชายตัวน้อยของเขานั้นแค่จะวิ่งเล่นอยู่ตรงไหนสักส่วนภายในร้านแต่ไม่ว่านัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของเขาจะมองจนทั่วร้านแล้วก็ไม่พบเงาของลูกชายตัวน้อยของเขาเลยแม้แต่น้อย เมื่อไม่เห็นลูกน้อยภายในใจของนลินก็ก่อเกิดความรู้สึกร้อนรนและเป็นกังวลเป็นอย่างมากพลางรอบๆดวงกลมก็เริ่มจะมีน้ำสีใสเอ่อนองขึ้นมาคิรินลูกอยู่ที่ไหน"ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าเห็นเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นมั้ยครับ"เสียงใสเอ่ยถามพนักงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพลางนิ้วเรียวสวยก็ชี้ไปยังโต๊ะที่ตัวเขากับลูกน้อยเคยนั่ง แต่แล้วใบหน้าหวานต้องแสดงความผิดหวังออกมาเมื่อได้คำตอบจากพนักงานเป็นการส่ายหน้าปฏิเสธมือบางยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างลวกๆ ก่อนที่เท้าเล็กทั้
ฐิระเชษฐ์ผมยืนมองร่างบางตรงหน้าที่ยืนอุ้มเด็กชายตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนแน่นพลางนัยน์ตากลมสวยก็จ้องมองมาที่ผมด้วยดวงตาแดงก่ำพลันในหัวก็พลางนึกคิดตามประโยคคำพูดของนลินนั้นสิ มันก็จริงอย่างที่คนตรงหน้าของเขาพูดว่ามันจะมีประโยชน์อะไรที่เขาจะมาเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบเอาตอนนี้ ในเมื่อเขาเป็นคนจากและทิ้งคนตัวเล็กตรงหน้าในตอนนี้ไปโดยที่เขานั้นไม่ได้อธิบายอะไรให้ร่างบางฟังเลยสักนิด"ขอโทษ....."ผมก้มหน้าหลบสายตาของนลินพลางเอ่ยขอโทษออกมาเสียงเบา ผมไม่รู้ว่าตอนนี้นลินทำสีหน้าแบบไหนและตอนนี้ร่างบางตรงหน้าของผมกำลังคิดอะไรอยู่ ในตอนนี้ผมแค่อยากจะเอ่ยขอโทษ ขอโทษที่ผมทิ้งเขาไปขอโทษที่ผมทำเขาเสียใจและขอโทษที่ผมผิดคำสัญญาที่ให้กับเขาไว้ในตอนคบกันว่าผมจะไม่มีทางทิ้งเขาหรือทำผิดต่อเขาขอโทษลิน คีย์ขอโทษที่ทำผิดสัญญา
"ยิ้มเขากลับมาแล้ว เขาคนนั้นกลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว"ย้อนกลับไปเมื่อ9ปีก่อน"ลินนนน นลินนนนไอ้ลินหยุดเดินนะโว้ยยยยย"เสียงร้องตะโกนของชายหนุ่มตัวสูงรุ่นพี่ปีสามดังขึ้นท่ามกลางลานกว้างทำให้เด็กปีหนึ่งคณะบริหารที่ถูกเรียกมารวมตัวกันหันมามองยังรุ่นพี่ชายทั้งสองที่คนหนึ่งวิ่งตามหลังตะโกนเรียกเสียงดังลั่นส่วนอีกคนก็เดินหนีไม่ยอมหยุด"พี่ต้นเลิกยุ่งกับลินดิ๊! ลินบอกแล้วว่าลินไม่ทำๆๆ พี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ! เห้ยยยโอ๊ยยยยย"นรินทร์หันมาเอ่ยพูดกับพี่รหัสของตัวเองอ่างหัวเสียที่สองสามวันนี้ตามตื๊อให้เขานั้นไปเป็นแบบในการถ่ายภาพไปทำโปรเจคอะไรสักอย่างพลางหยุดเท้าอย่างกะทันหันและด้วยความที่นลินหยุดเดินกะทันหันทำให้ต้นที่เป็นพี่รหัสของนลินหยุดเท้าไว้ไม่ทันเดินชนนลินเข้าจังๆจนนลินล้มก้นกระแทกพื้นอย่างแรง"เห้ยยยลินพี่ขอโทษ ลินเจ็บมากมั
นรินทร์หลังจากวันนั้นวันที่ผมเจอกับคีย์ที่ข้างสระบัวและได้รับรู้ว่าผมได้เขาได้เป็นสายรหัสกัน ในตอนนี้วันเวลาก็พัดผ่านมาจะสามเดือนแล้ว ตลอดระยะเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมาชีวิตอันสงบสุขของผมก็ได้ปั่นป่วนเป็นอย่างมาก เดิมทีชีวิตของผมก็มีอีพี่ต้นพี่รหัสของผมค่อยกวนวอแวอยู่แล้วแต่พอมีอีตาเด็กคีย์เข้ามาชีวิตในรั้วมหาลัยของผมก็ปั่นป่วนมากกว่าเดิม ทุกคนคงสงสัยใช่มั้ยว่ามันปั่นป่วนยังไง ก็ปั่นป่วนอย่างนี้ไงณ.เวลา12:05นาที"สวัสดีครับพี่ลินคนสวย"เสียงทุ้มใสดังขึ้นในเวลาเดิมของทุกวัน ในเวลาใกล้ๆกันแบบนี้ของทุกวันผมมักจะได้ยินประโยคทักทายแบบนี้จากเรียวตะที่เป็นเพื่อนชายคนสนิทของน้องรหัสอันหล่อเหล่าของผมเป็นประจำ จนผมนั้นไม่รู้จะจัดการกับสองคนนี้ยังไงแล้วเพราะไม่ว่าผมจะหนีไปหลบที่ไหนหรือตรงส่วนไหนของคณะสองคนนี้ก็มักจะหาผมเจออยู่เสมอ
ฐิระเชษฐ์หลังจากวันนั้นวันที่ผมพาไอ้เรียวตะโดดเรียนเพื่ออยู่ช่วยคนตัวเล็กที่เป็นพี่รหัสของผมปั่นงานจนเสร็จทันก่อนเวลาที่อาจารย์กำหนดไว้ในการส่ง ในตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว ผมในตอนนี้ก็ยังคงทำเหมือนเดิมอยู่ทุกวัน คือคอยตามเฝ้ามองและคอยชวนนลินพี่รหัสของผมไปกินข้าวเที่ยงด้วยทุกวันเฉพาะวันที่นลินมีเรียนน่ะนะ ถ้าวันไหนนลินไม่มีเรียนผมก็จะคอยทักหาและโทรคุยเอาเป็นระยะๆ เพราะเคยชวนคนตัวเล็กออกมาเที่ยวข้างนอกในวันหยุดด้วยแล้วผลปรากฏว่าโดนปฏิเสธไปตามระเบียบครับจริงสิทุกคนอาจจะสงสัยว่าผมรู้ได้ยังไงว่านลินอยู่ที่ไหนหรือเรียนอะไรอยู่ หึ ก็ผมมีตารางเรียนของคนตัวเล็กยังไงล่ะ ถึงได้รู้ว่าเวลานี้หรือเวลาไหนนลินอยู่ตรงส่วนไหนของมหาวิทยาลัยผมถึงได้ตามถูกอยู่ตลอดเวลาเล่ามาถึงตรงนี้ทุกคนคงจะมองว่าผมบ้าใช่มั้ยที่คอยตามเฝ้าพี่รหัสของตัวเองอย
"คะ คีย์พูดว่าอะไรนะ""คีย์จีบลินอยู่ รู้ตัวบ้างมั้ยนลิน"ฐิระเชษฐ์ประกาศกร้าวขึ้นท่ามกลางนักศึกษานับสิบคนที่กำลังพากันเดินออกมาจากตึกเรียน เหล่านักศึกษาร่วมรุ่นของนรินทร์ที่ได้ยินในสิ่งที่คีย์เอ่ยพูดว่ากำลังจีบเพื่อนชายตัวเล็กร่วมห้องเรียน ต่างก็พากันหยุดเดินแล้วยืนดูสถานการณ์ บางคนก็บิดม้วนเขินแทนนลินที่กำลังโดนหนุ่มหล่อประกาศกร้าวว่ากำลังจีบอยู่เป็นที่เรียบร้อยเพราะด้วยความที่คีย์เป็นคนที่มีหน้าตาหล่อเหล่าโดดเด่นจึงทำให้หนุ่มหล่ออย่างคีย์นั้นมีชื่อเสียงในมหาลัยนี้พอสมควรและคีย์เองก็เป็นคนที่สาวๆหนุ่มๆนั้นต่างพากันอวยยศว่าเป็นหนุ่มหล่อที่ทุกคนต้องการหมายปองนลินที่กำลังตกตะลึงอึ้งในประโยคที่น้องรหัสของตัวเองเอ่ยพูดอยู่นั้นก็ได้แต่ยืนเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้รอบๆด้านข้างนั้นกำลังมีเพื่อนร่วมชั้นยืนมุงด
วันเวลาพัดผ่านไปหลายเดือนหลังจากวันนั้นวันที่ฐิระเชษฐ์ได้สารภาพว่าชอบนรินทร์และบอกให้พี่รหัสตัวเล็กอย่างนลินรอตั้งรับการจีบของจากตัวเขา ในตอนนี้วันเวลาก็ได้ผ่านมาเจ็ดถึงแปดเดือนแล้วที่คีย์คอยตามติดรุ่นพี่ตัวเล็กและคอยชวนไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะทุกวัน แต่ถึงฐิระเชษฐ์จะคอยตามรับตามส่งและคอยชวนคนตัวเล็กไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด รุ่นพี่ตัวเล็กอย่างนลินก็ไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อนหันมาชอบเขาเลย แถมนลินยังคงทำตัวปกติทุกอย่างตามเดิม"นลินวันนี้ไปดูหนังกันมั้ย"เสียงทุ้มเอ่ยถามคนพี่ที่นั่งท่านขนมเค้กอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะขึ้นพลางมือหนาก็เอื้อมไปใช้นิ้วโป้งเช็ดมุมปากของนลินที่เลอะครีมเบาๆ ก่อนที่จะนำนิ้วหัวแม่มือที่เลอะครีมเค้กที่เช็ดออกมาจากคนพี่เข้าปากตัวเองแล้วดูดเลียครีมออกอย่างช้าๆ นลินที่เห็นมองเห็นคีย์ทำแบบนั้นก็เบิกตากว้างพลันใบหน้าสวยก็รู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาจนต้องก้มหน้าหงุดแล้วตักเนื้อเค้กเข้าปากเคี้ยวแก้เขิน
นรินทร์เวลา19:21นาที"นี่ผ้าขนหนู ลินรีบไปอาบน้ำก่อนนะเสื้อผ้าลินเลอะน้ำก๋วยเตี๋ยวเต็มเลย"เสียงทุ้มเอ่ยพูดขึ้นพร้อมเดินไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวสะอาดมายื่นให้ผมทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องพักของเขา ก่อนที่คีย์จะเอ่ยสั่งให้ผมไปอาบน้ำชำระร่างกายพร้อมกับที่นิ้วยาวของคีย์ชี้ไปทางที่อยู่ของห้องน้ำเพราะในตอนนี้ตามเนื้อตัวของผมนั้นเลอะไปด้วยน้ำก๋วยเตี๋ยวเต็มไปหมดอ่าาาจริงสิผมลืมเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังเลย หลังจากที่ผมเรียนคาบบ่ายเสร็จคีย์ที่นั่งรอผมอยู่ใต้ตึกก็เดินมารับผมทันทีที่เห็นผมก้าวเดินออกมาจากตึกที่เรียน ก่อนที่พวกผมสองคนจะพากันไปดูหนังที่ห้างแห่งหนึ่งอย่างที่พูดคุยกันไว้ตอนที่อยู่ร้านคาเฟ่ พอดูหนังจบคีย์ก็ยังลากผมให้พาไปเล่นเครื่องเล่นพวกตู้คีบตุ๊กตาตู้คีบของต่างๆที่อยู่โซนของเล่น เมื่อไล่เล่นพวกเครื่องเล่
"คีย์ขอโทษ ทั้งๆคีย์ก็รู้ว่าลินเมาแท้ๆคีย์ก็ยังฉวยโอกาสตอนที่ลินไม่มีสติ"เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพลางใบหน้าคมก้มลงซุกเข้าที่ลาดไหล่เล็กของคนตรงหน้าพร้อมกับที่ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงที่กายบาง แต่แล้วฐิระเชษฐ์ต้องผล่ะใบหน้าหล่อออกจากไหล่บางมาสบนัยน์ตาสวยเมื่อน้ำเสียงทุ้มนุ่มหวานเอ่ยพูดขึ้นแผ่วเบา"แล้วคีย์รู้ได้ยังไงว่าลินไม่มีสติ ลินมีสติคีย์ ลินไม่ได้เมาจนไม่มีสติขนาดนั้น""ลิน...."เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นน้ำเสียงขาดหายดวงตาคมจ้องมองนัยน์ตาสวยด้วยแววตาวูบไหว ก่อนที่จะเลี่ยงสายตามองไปทางอื่นเพราะเขายังไม่อยากที่จะล่วงเกินคนตัวเล็กที่มีสติไม่เต็มร้อยในตอนนี้ เขาไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดในการกลับมาครั้งนี้ของเขา เขาอยากให้คนตัวเล็กกลับมาหาเขาด้วยความรักและความเต็มใจเขาไม่อยากทำอะไรให้นลินเสียใจและผิดหวังในตัวเขาอีก"ทำไมถึงทิ้งลินไป....ทำไมพี่คีย์ถึงทิ้งลินไปแบบไม่อธิบายอะไรเลย"ริมฝีปากได้รูปเอ่ยถามคนตัวสูงตรงหน้าที่เงียบไปนานถึงความสงสัยที่เขากักเก็บมานานนับ6ปีว่าเหตุใดคนตัวสูงตรงหน้านี้ถึงทิ้งเขาไปทั้งที่ไม่อธิบายอะไรให้เขาเข้าใจเลยสักนิด
ณ.ร้านK.linเบเกอรี่เวลา22:48นาทีตกเย็นแสงสีส้มของพระอาทิตย์แพร่กระจ่ายทั่วผืนนภาดวงตะวันเริ่มเคลื่อนตัวเข้าหาขอบฟ้าก่อนที่จะค่อยๆลับหายไปและย้อมท้องนภากลายเป็นสีดำมืด นลินที่วันนี้หยุดเปิดบริการร้านเบเกอรี่หนึ่งวันนั่งเหม่อมองแก้วน้ำสีอำพันในมือพลางมือบางหมุนควงแก้วสวยในมือที่ข้างในบรรจุน้ำสีทองอย่างช้าๆ ก่อนที่จะยกแก้วใบนั้นขึ้นจะลดริมฝีปากสวยแล้วสาดน้ำเมาภายในแก้วลงลำคอระหงส์ทีเดียวหมดแก้ว"แกมันน่าสมเพชจริงๆนลิน แค่เขากลับเข้ามาในชีวิตแก แกก็ใจอ่อนให้เขาแล้ว..."ริมฝีปากสวยบ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบาพลางมือบางก็เอื้อมไปคว้าขวดน้ำเมาสีอำพันมาเทใส่แก้วใบเดิมแล้วกระดกขึ้นดื่มหมดในอีกครั้งอย่างกับว่ามันเป็นน้ำเปล่าเสียอย่างนั้นก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูกระจกของร้านดังขึ้นเรียกความสนใจให้ร่างบางที่กำลังเมาได้ที่หันไปดู นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองไปยังต้นเสียงก็พบกับร่างสูงที่เขาคุ้นตาเป็นอย่างดียืนอยู่อีกฟากฝั่งของประตู นรินทร์ที่เห็นว่าเป็นใครก็ดันตัว
ด้านนรินทร์"หม่ามี้ฮะเราจะไม่กลับไปค้างที่ร้านขนมแล้วหรอฮะ"เด็กน้อยวัย5ขวบเศษๆเอ่ยถามผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย นัยน์ตาบริสุทธิ์จ้องมองผู้เป็นแม่อย่างต้องการคำตอบ เพราะตั้งแต่วันนั้นวันที่ผู้เป็นพ่อสัญญากับคิรินว่าจะโทรมาเล่านิทานให้ฟังเช้าวันถัดมาคุณตาคุณยายก็เดินทางมารับเด็กน้อยกับผู้เป็นแม่ของเขามาค้างที่บ้านใหญ่ทันที จนในตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วที่เด็กน้อยนามว่าคิรินกับผู้เป็นแม่อย่างนลินมานอนค้างที่บ้านใหญ่ตระกูลNT"กลับครับ แต่ยังไม่ใช่วันนี้นะ น้องคิรินเป็นเด็กดีใช่มั้ยครับถ้างั้นน้องต้องไม่ดื้อนะครับ"น้ำเสียงทุ้มหวานเอ่ยกับลูกชายตัวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางใบหน้าหวานก็คลี่ยิ้มส่งให้ลูกชายบางๆ แต่แล้วใบหน้าหวานที่คลี่ยิ้มก็ต้องหุบลงแล้วหันไปด้านหลังของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงผู้ที่ให้กำเนิดตนเองดังขึ้นอยู่ด้านหลัง"น้องจะกลับไปที่ร้านวันไหน มี้จะให้คนไปคุ้มกัน"เสียงใสของร่างบางวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นจากด้านหลังของสองแม่ลูกที่นั่งคุยกันอยู่ห้องโถง นลินที่ได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ก็หันไปมอง ก่อนที่จะหันกลับมามอ
ณ.โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแกร๊ก"คีย์เราจะไปไหนน่ะ คีย์หยุดนะพี่บอกให้หยุด คีย์จะถอดสายน้ำเกลือออกเองแบบนี้ไม่ได้นะ คีย์พี่บอกให้เราหยุดไง"คานะเอ่ยพูดกับน้องชายด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อเจ้าตัวเปิดประตูห้องเข้ามาเจอน้องชายกำลังจะถอดสายน้ำเกลือออกจากแขนตัวเอง จนหล่อนต้องรีบวิ่งเข้ามาห้ามอย่างรวดเร็ว ด้านเรียวตะที่นั่งก้มดูมือถือและคุยกับคีย์อยู่ดีๆ ก็มีสีหน้าตื่นตระหนกไม่ต่างกับหญิงสาว"เห้ย!ไอ้คีย์มึงเป็นบ้าไปแล้วหรือไงวะ"เรียวตะที่พึ่งจะเงยหน้าจากมือถือและหันไปเห็นว่าเพื่อนสนิทของตัวเองกำลังถอดสายน้ำเกลือออกก็ร้องถามขึ้นอย่างงตกอกตกใจพร้อมกับพุ่งตัวไปจับแขนของฐิระเชษฐ์ล็อกไว้ ส่วนคีย์ที่โดนเรียวตะจับล็อกตัวไว้ก็ร้องโวยวายขึ้น"ปล่อยนะโว้ยยยยยกูบอกให้ปล่อยไง!!!"เสียงทุ้มร้องตะโกนขึ้นพร้อมกับพยายามสะบัดตัวออกจากการจับ
อีกด้านเช้าวันต่อมา"หม่ามี้ฮะทำไมเมื่อคืนปะป๊าไม่โทรมาเล่านิทานให้น้องฟังก่อนนอน ทำไมปะป๊าโกหกน้อง"เสียงเด็กชายตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นมารดาขึ้นระหว่างกำลังทานอาหารเช้าด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเศร้าๆ ด้านนลินที่ได้ยินคำถามของลูกชายตัวน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหารก็พลันชะงักมือที่กำลังตักข้าวต้มพลางใบหน้าหวานก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ที่ในตอนนี้ดวงตานั้นแสดงความผิดหวังให้เขาเห็นอย่างชัดเจน"คือน้องคิรินครับ เมื่อคืนปะป๊าบอกกับหม่ามี้ก่อนกลับว่าปะป๊ามีธุระด่วนที่ต้องไปทำ เลยโทรมาเล่านิทานให้น้องฟังไม่ได้ หม่ามี้ขึ้นมาจะบอกน้องแล้วนะ แต่เมื่อคืนน้องหลับไปก่อน"นรินทร์เอ่ยอธิบายให้ลูกชายฟังพลางเอื้อมมือบางไปลูบหัวทุยของเด็กชายตัวน้อยที่ในตอนนี้ก็ยังแสดงสีหน้าเสียใจและน้อยใจผู้เป็นพ่อที่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเขา
ฐิระเชษฐ์ฐิระเชษฐ์ที่กำลังนอนนิ่งไร้สติอยู่บนเตียงนอนคนไข้ในโรงพยาบาลเอกชนที่ไหนสักแห่งค่อยๆรู้สึกตัวและลืมตาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ แต่แล้วคนที่พึ่งจะเปิดเปลือกตาขึ้นเป็นต้องกะพริบเปลือกตาอย่างถี่รัวเมื่อแสงสว่างจ้าภายในห้องกำลังเล่นงานเขา ดวงตาคมที่คุ้นเคยกับแสงสว่างภายในห้องแล้วเริ่มกวาดตาสังเกตมองรอบๆห้องสีขาวที่ไม่คุ้นเคยนี้ ก่อนที่นัยน์ตาคมจะมาหยุดมองที่หลังมือด้านขวาของตัวเองที่มีเข็มน้ำเกลือเจาะอยู่และสิ่งนี้บ่งบอกเขาได้เป็นอย่างดี ว่าตัวเขาในตอนนี้นั้นอยู่ที่ใด"ที่นี้คงเป็นโรงพยาบาลสินะ"น้ำเสียงแหบพร่าถสบพูดกับตัวเองเสียงเบา ก่อนที่คนป่วยบนเตียงจะค่อยๆดันร่างกายที่ปวดร้าวของตัวเองลุกขึ้นนั่งแกร็กเสียงเปิดประตูดังขึ้นเรียกความสนใจของคนที่พึ่งจะดันตัวลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จให้หันไปมอง และทันทีที่ร่างของหญิงสาวที่คุ้นเคยปรากฏใ
ณ.ลานจอดรถของร้านK.linเบเกอรี่"นลินแด๊ดจะไม่พูดซ้ำ แด๊ดปล่อยมันมานานแล้ว น้องถอยไป"เสียงทุ้มเข้มทรงอำนาจเอ่ยพูดกับผู้เป็นลูกชายคนโตด้วยน้ำเสียงนิ่งๆพลางนัยน์ตาคมก็จ้องมองไปยังฐิระเชษฐ์ด้วยแววตาแข็งกร้าวด้านนรินทร์ที่ได้ยินน้ำเสียงและเห็นสีหน้าที่จริงจังของผู้เป็นบิดาก็พลางก้มหน้าลงเล็กน้อยและเบี่ยงสายตาหลบสายตาคมของฟิลิปป์ที่จ้องมาที่ตนและคีย์ ก่อนที่สองเท้าเล็กจะก้าวเดินออกจากด้านหลังของคีย์และเดินตรงไปหาผู้เป็นตามคำเอ่ยสั่ง แต่ยังไม่ทันที่ร่างบางจะก้าวเดินผ่านร่างของคีย์มือหนาของฐิระเชษฐ์ก็เอื้อมมาจับข้อแขนเล็กรั้งเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับเอ่ยห้ามนลิน"นลินอย่าไปนะ"ฐิระเชษฐ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับนัยน์ตาคมจ้องมองสบดวงตาสวยด้วยแววตาอ้อนวอน แต่ท้ายที่สุดนลินก็ต้องสะบัดมือออกจากการจับกุมของมือใหญ่เมื่อเสียงทรงอำนาจของผู้เป็นบิดาเอ่ยย้ำขึ้นมาอีกครั้ง&nb
หลายเดือนผ่านไปเวลา20:42นาทีหลังจากวันที่ฐิระเชษฐ์โดนคนดักรุมทำร้ายวันนั้น ในตอนนี้ก็ผ่านพ้นมาสองสามเดือนแล้วและในตลอดระยะเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมาฐิระเชษฐ์ยังคงแวะเวียนมาที่ร้านK.linเบอเกอรี่แทบจะทุกวันเพื่อมาพูดคุยเล่นกับลูกชายตัวน้อยและเหตุผลหลักในการมาที่ร้านขนมหวานของคีย์ไม่เพียงแค่มาเล่นกับลูกชาย แต่มันคือการที่เขามาเจอและมองใบหน้าหวานของอดีตคนรักของเขาต่างหาก คนรักของเขาที่มันไม่เคยเป็นอดีตเลย เขายังคงรักและคิดถึงนลินตลอดหกปีที่ผ่านมาและไม่เคยมีใครได้มายืนแทนที่ของนลินเลยแม้แต่น้อย"คุณคีย์ผมจะปิดร้านแล้วคุณกลับไปได้แล้ว"เสียงใสเอ่ยดังขึ้นด้านหลังของคนตัวสูงและเด็กชายตัวน้อยที่กำลังนั่งเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนานพลันนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก็มองภาพที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั้นกำลังยิ้มหัวเราะคิกคักกับผู้เป็นพ่ออย่างมีความสุขแค่น้องคิรินมีความสุขมี
ณ.ร้านK.lin เบอเกอรี่เวลา20:12นาทีนรินทร์ที่พึ่งจะเก็บร้านเสร็จกำลังจะทำการปิดและเช็กล็อกประตูร้านให้เรียบร้อยเป็นต้องสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ๆร่างของชายหนุ่มตัวสูงคนรักเก่าก็มาโผล่อีกฝั่งของประตูร้านด้วยสภาพที่สะบักสะบอมเต็มไปด้วยคราบเลือดและคราบดินตามเนื้อตัว"คีย์!"เสียงทุ้มใสสถบชื่อของชายหนุ่มตรงหน้าที่หายหน้าหายตาไปนานนับเดือนหลังจากที่รับรู้ว่าคิรินเป็นลูกชายของตัวเอง นลินที่หายตกใจและได้สติก็รีบเอื้อมมือไปเปิดประตูร้านแล้วก้าวออกจากร้านไปเช็กดูอาการของฐิระเชษฐ์ด้วยใบหน้าตื่นๆ เมื่อเห็นคนตัวสูงนั้นเซแล้วทรุดลงกับนั่งกับพื้นดิน"นึกว่าลินจะไม่ออกมาดูคีย์ซะแล้ว"คีย์เอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบพลันริมฝีปากคลี่ยิ้มน้อยๆส่งให้คนตัวเล็กตรงหน้าที่ในตอนน