LOGINลี่เหยาถิงเห็นเหอหย่งหมิงท่าทางนิ่งเฉยเย็นชาใส่เช่นนั้นก็ยิ่งปวดหนึบในหัวใจ สายตาคู่คมที่เรียบเฉยไร้อารมณ์มองไม่เห็นก้นบึ้งเช่นนั้นที่มองมาทางนาง ยิ่งทำให้นางปวดแปลบไปทั่วโพรงอก นางค่อยๆ เอ่ยเสียงหนักข่มกลั้นไฟโทสะเอาไว้ยากเย็น
“ท่านควรเชื่อข้า สตรีนางนี้มากมารยา เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ นางกำลังหลอกลวงท่าน มีเพียงข้าที่ท่านควรเชื่อ”
ม่านตาดำขลับของเหอหย่งหมิงยิ่งหรี่เล็กแคบมากกว่าเดิม ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมเย็นชามากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าเขาจักเชื่อใคร แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจ คือเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ เพราะยังมีปัญหาผู้รุกรานต่างแคว้น ปัญหาของทหารในอาณัติ และยังปัญหาอีกมากมายที่รอให้ตัวเขาไปสะสาง
ไหนเลยจักจำเป็นต้องสนใจกับเรื่องหยุมหยิมน่ารำคาญ
เสียงเย็นชาจึงดังขึ้นจากฝ่ายชายหนุ่ม
“ข้ากับนางไม่มีสิ่งใดต่อกันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเจ้ายังไม่พอใจให้เรื่องจบเพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอันใดจะพูดให้มากความ ยังมีเรื่องอื่นอีกมากให้ข้าไปจัดการ หาใช่เรื่องไร้สาระเช่นเรื่องของเจ้าไม่”
กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อเสียงดังแล้วพาร่างสูงใหญ่เดินหันหลังจากไปทันที ไม่คิดเสวนากับสตรีนางใดทั้งสิ้น
เพ่ยจีเห็นเช่นนั้นก็ให้รู้สึกตกใจและผิดหวัง ที่เหตุการณ์ตรงหน้ามิได้รุนแรงดังใจปรารถนา นางจึงพุ่งร่างเข้าใส่ลี่เหยาถิงแล้วแสร้งล้มลงกลิ้งอยู่ตรงพื้นดิน ร้องโอดครวญเสียงดัง
ลี่เหยาถิงเห็นมารยาเช่นนี้ก็ยกเท้าถีบหน้าท้องนังปีศาจไปหนึ่งที อย่างหมั่นไส้เหลือเกิน
เพ่ยจีถึงกับจุกจนร้องไม่ออกในบัดดล
ลี่เหยาถิงถอนเท้าออกมาแล้วเลิกสนใจนังบ้าที่พื้นดิน นางยืนนิ่งมองเหอหย่งหมิง
คิดไม่ตกว่าควรวิ่งตามเขาไปดีหรือไม่
ทว่าจังหวะที่ลี่เหยาถิงกำลังยกเท้าก้าวขาเมื่อตัดสินใจได้ว่าควรตามเหอหย่งหมิงไป
เพ่ยจีที่หายจุกแล้วกลับกลิ้งตัวเข้าหาลี่เหยาถิงแล้วจับเท้าอีกฝ่ายเอาไว้แน่น
ทำให้ลี่เหยาถิงอยู่ในท่าเตรียมกระทืบเพ่ยจี
“ไม่นะ อย่าทำข้า” เพ่ยจีร้องตะโกนลั่นเส้นเสียงแตกพร่า
ทำให้เหอหย่งหมิงหันมาฉับพลัน เห็นจังหวะที่เท้าน้อยๆ ของลี่เหยาถิงกำลังอยู่เหนือร่างบอบบางของเพ่ยจีพอดิบพอดี
เขาจึงรีบหันกายกลับมา แล้วผลักลี่เหยาถิงออกไป
ถึงแม้การผลักนี้ไม่แรงมาก แต่ลี่เหยาถิงที่ยืนเพียงขาข้างเดียวและจังหวะนั้นเพ่ยจีก็ออกแรงเหวี่ยงขาอีกข้างของนางที่อยู่ในมือ ลี่เหยาถิงจึงเสียหลักจนร่างระหงในอาภรณ์สีเหลืองสดปักดิ้นเงินซวนเซล้มลงกระแทกพื้นดินอย่างแรง
เหอหย่งหมิงไม่สนใจลี่เหยาถิงที่มารยาเสแสร้งแกล้งล้ม ด้วยมั่นใจว่าตนมิได้ผลักแรง เขาหันมาช่วยประคองร่างบอบช้ำที่กำลังงอตัวสั่นเทาและร่ำไห้อย่างน่าสงสารของเพ่ยจีให้ลุกขึ้น แล้วจ้องมองลี่เหยาถิงด้วยสายตาชิงชัง รังเกียจกันชัดเจน
ลี่เหยาถิงที่ล้มลงกระแทกพื้นดินได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางข่มความเจ็บได้ แต่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เลย
ทั้งยังไม่เคยเท่าทันเล่ห์มารยาของนังปีศาจเพ่ยจีอีกด้วย ให้ตายเถิด!
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเครียดมาทางหญิงสาวผู้เป็นภรรยา
“เจ้าจงกลับจวนไป แล้วอยู่ในที่ทางของเจ้าเสีย อย่ามายุ่งกับข้าอีก”
ลี่เหยาถิงจึงข่มความเจ็บเอาไว้มิดชิด ฝ่ามือน้อยๆ กอบกุมซีกกำไลหยกสีแดงที่ท่านยายมอบให้ในวันสมรสเอาไว้แน่น เนื่องจากมันปริแตกยามนางล้มเมื่อครู่
หากแต่นางมิให้ใครได้เห็น แล้วลุกขึ้นถามสามีเสียงขุ่น “แล้วท่านเล่า จะกลับจวนกับข้าหรือไม่?”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกดต่ำตอบกลับยามโอบกระชับร่างระหงของเพ่ยจี “ข้าจะไปที่ใดก็เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
ลี่เหยาถิงเห็นเหอหย่งหมิงประคองเพ่ยจีเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอมเช่นนั้น ก็สุดจะทานทน
“ท่านจะไปกับนางใช่ไหม?” นางชี้นิ้วกราดมาทางเพ่ยจี
“แน่นอนข้าจะไปกับนาง เราไม่ควรเจอกันอีก เราควรต่างคนต่างอยู่ ไม่ข้องเกี่ยวกัน แต่หากเจ้าปรับปรุงตัวเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้ บางทีข้าอาจจะเมตตา แล้วเราค่อยมาคุยกัน”
“...”
จบประโยคตัดรอนเย็นชาที่มีความหมายว่า ภรรยาผู้นี้มิใช่คน หากแต่เป็นตัวอะไรสักอย่างที่ต้องรอขอเศษอาหารจากผู้มีเมตตา ทำเอาลี่เหยาถิงถึงกับหน้าม้านอับอายขึ้นมาและยิ่งโกรธกรุ่นอย่างไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป เมื่อเห็นสามีโอบกอดประคับประคองหญิงอื่นอย่างอ่อนโยนรักใคร่ต่อหน้าต่อตา
ในขณะที่เพ่ยจีลอบยิ้มสะใจแวบหนึ่ง
ลี่เหยาถิงเห็นเช่นนั้นพลันเดือดดาล
และด้วยเป็นคนอารมณ์ร้อน นิสัยไม่เคยยอมความใคร นางจึงตอบกลับเสียงหนักดุดันอย่างโกรธากับเหอหย่งหมิง
“เจ้าคนงี่เง่า เจ้าคนบ้า ท่านมันคนโง่งม ดวงตามืดบอด ข้ารักท่านถึงเพียงนี้ แต่ท่านกลับโง่เง่าสิ้นดี ปล่อยให้นังจิ้งจอกดูดวิญญาณไปเถอะ คนบ้า!”
สายตานางสาดประกายความร้อนแรงดุจเปลวเพลิงแต่ในใจกลับเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง
ลี่เหยาถิงจ้องเขม็งที่เหอหย่งหมิง
ในสายตานางมิใช่แค้นเคือง หากแต่เป็นเย่อหยิ่งดูแคลนระคนเกลียดชัง ทั้งยังฉายแววเดียดฉันท์ รังเกียจกันชัดเจน
นางกล่าวเสียงดังกราดเกรี้ยวอีกว่า “พอกันที กับความรักนี้ ที่ข้ามีต่อท่าน เชิญท่านไปรักกับนังปีศาจให้หนำใจเถิด”
นางโกรธมาก จนมือที่กำซีกกำไลหยกสั่นเทา เศษหยกบาดอุ้งมือมีเลือดไหลซึม
กล่าวจบก็หมุนตัววิ่งหนีไป ไม่เหลียวหลังกลับมามองชายหญิงทั้งสองอีกเลย
เหอหย่งหมิงถึงกับชะงักเมื่อเห็นสายตารังเกียจกันและคำพูดรุนแรงเช่นนั้นของลี่เหยาถิง
เขาได้แต่ยืนนิ่งตะลึงงัน มองตามแผ่นหลังนางที่วิ่งหนีไป
จางเหว่ยคิดด้วยหัวใจพองโต เขาเคยคิดจะหาโอกาสเข้าหาลี่เหยาถิงหลายครั้งแล้ว แต่ติดตรงที่หาจังหวะเหมาะสมยังมิได้เพราะว่าบางครา ท่านหมอเทวดาพำนักอยู่มิได้เดินทางไปที่ใด และในหลายครายังมีภรรยาที่บ้านถลึงตาใส่ ไม่ยอมให้เขาได้หายตัวไปที่ใด หากแต่วันนี้ช่างสบโอกาสยิ่ง!ท่านหมอไม่อยู่ และภรรยาของเขาก็กำลังตั้งครรภ์ จนไม่สะดวกร่วมเตียง นางจึงยอมรับเรื่องที่เขาจะรับภรรยาเพิ่ม“ว่าอย่างไร ให้ข้าไปส่งแล้วนั่งคุยกันสักคืนเป็นไร”เสียงทุ้มนุ่มยังคงเอ่ยเกี้ยวกันอย่างเปิดเผยไม่มีเกรงใจลี่เหยาถิงได้ยินคำว่าจะไปส่งและอยู่ด้วยทั้งคืนจึงชะงักเท้าหยุดเดินแล้วหันหน้าไปมองจางเหว่ยนิ่งๆ แล้วเอ่ยเสียงเย็น“ซิ่วอิงของเจ้าอนุญาตแล้วหรือไร ถึงได้กล้ามาเกี้ยวข้า”หญิงสาวใช้ถ้อยวาจาตรงไปตรงมาตามวิสัย หาได้ต้องเกรงใจใครไม่จางเหว่ยเองก็หาได้สะทกสะท้านที่ถูกคนงามตรงหน้าเอ่ยถึงภรรยา เขาคลี่ยิ้มกว้างปากเอ่ยหยอกเย้าว่า“เหยาถิงคนงาม ยามนี้ข้าร่ำรวยนัก เงินทองล้นเหลือ ภรรยาข้าย่อมเต็มใจให้สามีรับภรรยามาปรนนิบัติเพิ่ม ข้าจะรับเจ้าเป็นภรรยาอีกคน ให้ฐานะเทียมกัน บุรุษใจกว้างเยี่ยงข้าไม่มีอีกแล้ว”ลี่เหยาถิงได้ฟังถึงกับกลอ
นอกเรือนไร้โรคาตรงหน้าลานตากสมุนไพรเสียงหวานแหลมของลี่เหยาถิงถามย้ำเซียนเซียนอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจอันใดทั้งสิ้น“เขาคือสามีของข้าจริงๆ หรือ?”“อืม...”เซียนเซียนพยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่น“จริงแท้และแน่นอน ฝีมือการสืบเสาะของข้าเชียวนะ อ่อนด้อยที่ใด”หญิงสาวตบอกตนเองกล่าวอย่างมั่นใจเพราะนอกจากความเก่งกาจของนางแล้วยังได้สายลับทมิฬแห่งยุทธภพช่วยเหลือเช่นนี้ คำว่าพลาดย่อมไม่มีและนางเองก็คุกเข่าขอร้องอาจารย์ให้เป็นผู้ประสานติดต่อ จนกระดูกเจ็บร้าวไปหมด แทบจะเดินมิได้หากไม่ได้ความ ก็ปาดคอนางได้เลย“เขามีนามว่าเหอหย่งหมิง เป็นสามีของพี่และพ่อของลูกในท้องของพี่ พวกพี่แต่งงานกันได้เพียงสองเดือนก็เกิดเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกันเกือบสองปี” เซียนเซียนย้ำอีกครา โดยเว้นเรื่องราวทุกข์ระทมให้ไกลห่างลี่เหยาถิงได้แต่ยืนนิ่งรับฟังอย่างเงียบงันแน่นอนว่านางย่อมเชื่อถืออีกฝ่าย ไร้ซึ่งคำโต้แย้งใดๆนางไม่มีเหตุผลอันใดให้ต้องปฏิเสธ เพราะนางตกหน้าผามาบาดเจ็บสาหัสจวนเจียนจะตาย ก็ได้คนตรงหน้าช่วยเหลือจนรอดมาได้ และการแท้งลูกของนางล้วนบ่งบอกได้ดี ว่านางมีสามีแล้วนางมีคนรัก และรักกันมาก จนได้แต่งงานกันแล้วก็
เบื้องหน้าหลุมศพของลูกน้อยนอกจากเรือนร่างสูงใหญ่ในชุดสีครามที่คุกเข่านิ่งงันไม่ไหวติงใดๆ ยังมีเรือนร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีขาวยืนอยู่ที่ด้านหลังอยู่เงียบๆเนิ่นนานผ่านไปเหวินเต๋อร์จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ข้าขอกล่าวอีกเล็กน้อย”ใบหน้าหล่อเหลาของเหอหย่งหมิงยังคงนิ่งขรึมไร้คลื่นอารมณ์อันใดปรากฏ มีเพียงดวงตาคมกริบที่หม่นแสงขีดสุด“เหยาถิงจำอดีตไม่ได้เลย และแน่นอนว่าความรักที่มีต่อท่านเมื่อครั้งนั้น นางก็ลืมไปแล้วจนสิ้น แต่ข้าก็ยังหวังว่าท่านจะทำให้นางรักท่านได้อีกครั้ง ข้าอยากให้ท่านปรับความเข้าใจกับนางเสีย เพราะว่านางคือภรรยาของท่าน นางแต่งงานกับท่านด้วยสมรสพระราชทานประการหนึ่ง อีกประการคือนางรักท่านจากใจจริง ทั้งยังต้องการช่วยเหลือท่านจากเพ่ยจี ถึงแม้เพ่ยจีจะได้เป็นภรรยาคนที่สองของท่าน แต่นางมิได้รักท่าน การแต่งงานก็เพียงเพื่อแก้แค้น เติมเต็มแรงริษยา ต้องการทรัพย์สินเงินทอง ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือคิดฆ่าท่านเพื่อคบชู้ หยามเกียรติท่านทุกวิธี ท่านลองตรองดูเถิด”สิ้นประโยคของเหวินเต๋อร์ เส้นเสียงทุ้มต่ำเย็นชาจึงดังออกมาจากเหอหย่งหมิง“ที่ท่านเอ่ยมา ล้วนเป็นดั่งที่ใจข้าคิด และภรรยาของข้า
เหอหย่งหมิงได้แต่เงียบงัน มิได้ต่อคำอันใดทั้งสิ้น ในขณะที่เหวินเต๋อร์ยังเอ่ยปากเรียบเรื่อย ถึงเรื่องราวที่สืบมาได้ ว่าเพ่ยจีมารยาสาไถยเพียงใด เสแสร้งแค่ไหน เลือดเย็นเยี่ยงปีศาจอย่างไร ท่าทางอ่อนหวานที่แสนจะอ่อนโยนใสซื่อบริสุทธิ์จริงใจนั้น ล้วนเคลือบไปด้วยยาพิษร้ายแรง จนกระทั่งเหยาถิงต้องเกือบจบชีวิตอย่างอนาถเช่นไรเขาสืบรู้กระทั่งว่า เพ่ยจีพยายามเข้าหาเหอหย่งหมิง เพื่อแก้แค้นเหยาถิงหมายสนองตอบความริษยาของตนเอง นางทำเรื่องชั่วช้ากระทั่งว่าจ้างอันธพาลกับโจรป่าให้ทำร้ายเหอหย่งหมิงเพื่อสร้างความประทับใจจอมปลอม หมายคบหาเพื่อตัดหน้าเหยาถิง คิดแย่งชิงชายในดวงใจรวมทั้งเรื่องราวหลังจากนั้นทั้งหมดทั้งมวล แม้กระทั่งสาเหตุที่เพ่ยจีรบเร้าแต่งงานกับเหอหย่งหมิง เพราะต้องการเงินและกินดีอยู่ดีในตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพ เขายังสืบรู้ได้ไม่ยากเย็นการมีภรรยาเป็นหญิงชาวยุทธ์ผู้เก่งกาจก็ดีเช่นนี้แลเหอหย่งหมิงได้ฟังก็ยิ่งมีใบหน้าดำคล้ำขึ้นเรื่อยๆเขาหลับตาลงอย่างช้าๆ รับรู้เพียงว่าหัวใจปวดร้าวราวกับกำลังถูกรุมฉีกออกจนเป็นแผลกว้าง สร้างความปวดร้าวยิ่งนักเหวินเต๋อร์ยังกล่าวย้ำซ้ำเติมอีกครั้งว่า “เหยาถิงรักท่านจ
เมื่อเหอหย่งหมิงมองตามลี่เหยาถิงจนเห็นชัดจากประตูที่เปิดอ้าว่านางกำลังยืนคุยกับสตรีที่วิ่งตามไปอยู่นอกห้อง โดยที่นางมิได้วิ่งไปที่ใดไกลกว่านั้น สีหน้าของนางบ่งบอกได้ว่าตระหนกตกใจ ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างไม่อาจเชื่ออันใดตลอดเวลานางมองมาทางเขาลอดช่องของประตูมา ด้วยสายตาความหมายว่าไม่รู้จักเขาริมฝีปากแดงระเรื่อของนางขยับเล็กน้อย หากเขาอ่านปากนางไม่ผิด นางคงกำลังพูดว่า ‘เขาเป็นใครกันแน่?’เหอหย่งหมิงถึงกับใจกระตุกรุนแรง ในโพลงอกราวกับถูกมีดคว้านเอาก้อนเนื้อออกมานอกอกกระนั้นชั่วอึดใจเขาจึงละสายตาคมปลาบกลับมามองชายตรงหน้าแทนเหอหย่งหมิงจำได้ ว่าคนผู้นี้คือคนที่เพ่ยจียืนกุมมือในวันที่เกิดเรื่องก่อนที่เขาจะถูกตีจนสลบไปทว่า...ประเด็นนั้นเขามิได้สนใจเรื่องที่เขาใส่ใจล้วนเกี่ยวกับเรื่องราวในยามนี้ สถานที่แห่งนี้ และลี่เหยาถิงเหวินเต๋อร์สังเกตเห็นสายตาคมดำที่มากไปด้วยคำถาม จึงเอ่ยแนะนำตัวโดยไม่มีเสียเวลามานั่งมองหน้ากันไปมา“ข้ามีนามว่าเหวินเต๋อร์” กล่าวจบก็ยกยิ้มมากเสน่ห์ยักคิ้วหลิ่วตาพร้อมพรั่ง หากเป็นสตรีเห็นก็คงหลงใหลทันใด ทว่าคนตรงหน้ามิใช่สตรี ทั้งยังเป็นบุรุษที่กำลังแผ่กลิ่นอายเย็นเยียบ“
เวลาผ่านไปเท่าไหร่มิรู้ได้ลี่เหยาถิงก็เข้ามาดูแลเหอหย่งหมิงอีกครั้งตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายนางมิใช่สตรีที่อ่อนหวาน นางจึงดูแลเหอหย่งหมิงด้วยท่าทางเรียบเฉยไร้จริตมารยา ทั้งยังมีท่าทางเปิดเผยจริงใจไร้การเสแสร้ง บางทีก็รุนแรงเกินไปสักหน่อยนางทั้งดุทั้งขู่ให้เขาดื่มยาอย่างอุกอาจ ไม่มีมารยาทเลยสักนิด และไม่คิดจะถนอมน้ำใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อยรุ่งขึ้นในวันหนึ่ง...จังหวะที่ลี่เหยาถิงนำถ้วยยาร้อนกรุ่นมาวางลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง เหอหย่งหมิงตื่นลืมตาอยู่ครู่หนึ่งแล้ว สายตาคมดำมองไปเห็นมือพอดีจังหวะที่นางวางถ้วยยา มือขาวเนียนราวหิมะมีอาการบวมแดงเห็นได้ชัด ชายหนุ่มจึงมองไล่สำรวจนางไปทั่วฝ่ามือทั้งสองพร้อมมีคำถามในแววตา ว่ามือเจ้าไปโดนอะไรมาน่าแปลกนักที่ลี่เหยาถิงเข้าใจคำถามทางแววตาโดยที่อีกฝ่ายมิต้องเปล่งวาจา“เตามันร้อน ยามเคี่ยวยาก็มักจะเป็นเช่นนี้”หญิงสาวตอบตามจริงด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเมื่อสังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองมายังข้อมือที่บวมแดงของตน“กินยาเสีย อย่ามัวแต่มองคนงาม” นางเอ่ยพร้อมยกยิ้มพร่างพราว นางรู้ตัวดียิ่ง ว่าตนเองงดงามนักอีกฝ่ายที่ได้ฟังพลันขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ทว่าอาการตึง







