นภิศาตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปทำงานแต่เช้า แต่ทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเกื้อกูลตื่นแล้วและกำลังจ้องมองมาที่เธอ
“ทำไมคุณเกื้อตื่นเร็วจังเลยคะ หรือว่ามีงานที่ต้องเข้าบริษัท”
“เปล่า ไม่มีธุระเข้าบริษัทหรอก แต่มีธุระอย่างอื่น” บอกพลางลุกเดินเข้ามาหาแล้วรวบเอาเอวบางมากอดไว้ ก่อนจะกดจูบลงที่ข้างแก้มอย่างอดใจไม่ได้
“อื้อ..ทำอะไรคะเนี๊ยะ ทำไมไม่ไปนุ่งผ้า เดินโทงๆ มาอย่างนี้ได้ยังไง น่าอายจะตาย”
“อายอะไร อายใคร อายเธอเหรอ เห็นกันมาสี่ห้าปียังจะต้องมาอายอะไรอีก หรือเธอไม่เคยจับมันเลย ฮึ”
ถามพลางหรี่ตามองจ้องหน้าแล้วขยับไปจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างหยอกเย้า นภิศาเขินอายจนต้องเบือนหน้าหลบแล้วทุบลงที่หัวไหล่เขาไปเบาๆ จึงโดนเขาจูบไซร้ไปที่ซอกคออีกจนขนลุกเกรียว
“อื้อ..อย่าค่ะ พอแล้ว เดี๋ยวนัทไปทำงานสาย”
“ไม่ต้องไปทำงานหรอก ฉันโทรไปบอกการุณย์ให้แล้ว”
“อ้าว! ทำไมล่ะคะ คุณเกื้อจะพานัทไปไหนเหรอ”
เกื้อกูลไม่ตอบ จับจูงมือเธอไปที่เตียงแล้วรั้งให้นั่งลงที่ตักพร้อมกับกอดเอวบางเอาไว้ ก่อนจะบอก
“จะพาไปเที่ยว”
นภิศาหันมองจ้องหน้าเขาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ไม่รู้ว่าเขาจะพาไปเที่ยวไหน แต่เธอก็ดีใจ เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่เกื้อกูลจะมีเวลาได้อยู่กับเธอเพียงลำพังนอกจากห้องพักที่คอนโดฯ
“คุณเกื้อพูดจริงเหรอคะ”
เธอถามออกไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ใบหน้าและแววตาก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังลิงโลด
“จริงสิ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนก่อน”
“อะไรคะ”
“อาบน้ำให้ฉันสิ แล้วหลังจากนั้น เธออยากไปเที่ยวไหนฉันจะพาไป”
“ไปทะเลได้มั้ยคะ” เธอต่อรองเพิ่ม
“ได้สิ เอาทะเลที่เธออยากไปเลย”
“กระบี่นะคะ”
“อืม”
“คุณเกื้อน่ารักที่สุดเลยค่ะ”
บอกแล้วจุ๊บลงที่ริมฝีปากของเขาแล้วหอมแก้มซ้ายขวา ก่อนจะลากเอาร่างสูงใหญ่ที่เปลือยเปล่าเข้าไปในห้องน้ำทันที และแน่นอนว่าการอาบน้ำในเช้านี้ไม่ได้จบแค่เธอช่วยเขาถูสบู่ แต่เป็นเธอที่โดนเขาถูไปทั้งตัว
“คุณเกื้อใส่บิกินีชุดนี้ได้มั้ยคะ”
เธอชูชุดว่ายน้ำทูพีชแบบเชือกผูกสีเหลืองอ๋อยดอกทองอุไรให้เขาดู หวังจะใส่ขับผิวให้สว่างตัดกับน้ำทะเลไปเลย แต่คำตอบที่ได้กลับทำเอาใบหน้าของคนถามงอง้ำ
“ใส่ได้ แต่ที่ก้นเธอมีรอยฟัน”
เขาตอบมาหน้าตาเฉยทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำเอาไว้แท้ๆ นภิศาสะบัดหน้าพรืดแง่งอนที่เขาเป็นต้นเหตุทำให้เธออดใส่ชุดสวยๆ อย่างที่ตั้งใจ
“คนหื่น”
เธอแอบว่าให้เขาเบาๆ พอให้ได้ระบายความขัดใจแต่ไม่ต้องการให้เขาได้ยิน ถึงอย่างนั้นเกื้อกูลก็หันมามองที่เธอเขม็งเหมือนรู้ว่ากำลังถูกว่า
สุดท้ายแล้วนภิศาก็เลือกใส่ชุดสีเหลืองอ๋อยนั้นอยู่ดี แต่สวมกางเกงยีนขาสั้นแบบสั้นจุ้ดจู๋ทับคลุมด้วยเสื้อยืดสีขาวโอเวอร์ไซน์เนื้อบาง ที่มองยังไงก็ทะลุทะลวงไปถึงข้างใน มิหนำซ้ำคอเสื้อยังกว้างจนตกมาที่ไหล่อีกข้างอย่างยั่วตา แต่คนที่มาด้วยกลับรู้สึกขัดตาจนอยากพาเธอเดินกลับไปที่โรงแรม
“ทำไมคะ ทำไมคุณเกื้อต้องมองอย่างนั้นด้วย”
“ไว้คืนนี้ก่อนเถอะ ฉันจะทำรอยเอาไว้ทุกตารางนิ้ว”
เขากระซิบที่ข้างหูอย่างคาดโทษ แต่นภิศาไม่สนใจ เธอหัวเราะคิกคักแล้วลากแขนเขาไปขึ้นเรือเพื่อไปเล่นน้ำอีกเกาะที่อยู่ไม่ไกล
น้ำทะเลใสสีเขียวครามตัดกับหาดทรายขาวไม่ยวนตาเท่ากับหญิงสาวร่างบางในชุดบิกินีสีเหลืองสดจนแสบตา ทันทีที่มาถึงเกาะนภิศาก็ไม่สนใจสายตาของใครต่อใคร เธอถอดเสื้อยืดและกางเกงยีนขาสั้นออกแล้ววิ่งลงเล่นน้ำไม่ต่างจากเด็ก ส่วนเกื้อกูลก็มีหน้าที่เฝ้ากองเสื้อผ้าที่เธอถอดทิ้งไว้ให้ใต้ร่มไม้ พร้อมกับสัมภาระบางส่วนที่หอบหิ้วมา
พอจัดวางข้าวของและปูผ้าเสร็จเรียบร้อย กำลังจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาสายตาก็พลันหันไปเห็นว่ามีหนุ่มตาน้ำข้าวผิวขาวเคราดำพอรำไรเดินมาคุยกับนภิศาและดูท่าเหมือนจะชวนเธอดำน้ำเล่นด้วยกัน หนังสือที่หยิบมาว่าจะอ่านเลยจำเป็นต้องวางลง ลุกขึ้นยืนถอดเสื้อทิ้งไว้แล้วเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่ทันที
รูปร่างของเกื้อกูลสูงใหญ่ไม่ต่างจากฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้น ต่างกันก็แค่เคราที่เขาไม่มีและขนอ่อนหน้าท้องที่บางกว่า แต่กล้ามท้องก็แน่นหนาไม่แพ้กันเลย ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแต่ติดถมึงทึงเดินลุยน้ำไปหยุดซ้อนหลังของนภิศาเอ่ยทักทายฝรั่งที่มาผูกมิตรกับหญิงสาวอย่างยินดี แต่สีหน้าดูไม่ได้เป็นมิตรแต่อย่างใด
เพื่อนต่างชาติของนภิศาบอกมาแก้ตัวว่าเห็นเธอเล่นน้ำอยู่คนเดียวจึงมาชวนไปดำน้ำด้วยกัน แต่ถ้าเธอมีเพื่อนร่วมทางมาด้วยแบบนี้เขาเลยต้องขอตัว ก่อนจะเดินถอยออกมาและว่ายน้ำห่างออกไป
“ไหนคุณเกื้อบอกว่าจะไม่เล่นน้ำไงคะ”
“ยังจะมาพูดอีก”
ว่าแล้วอุ้มเอาร่างบางขึ้นพาดบ่าพาเดินลุยน้ำลงไปลึกกว่าเดิมก่อนจะโยนโครมลงไปจนน้ำทะเลแตกกระจาย ทันทีที่ทรงตัวได้นภิศาก็ไม่ยอมเธอวักน้ำใส่หน้าเขาด้วยความโมโห พอเขาถลาแหวกน้ำมาเธอก็กรีดร้องแล้วรีบแหวกน้ำหนีโดยไว แต่ก็ช้ากว่าคนร่างใหญ่ที่กระโจนน้ำไหว้เข้ามาก่อนจะคว้าตัวเธอเอาไว้ได้โดยที่เท้าของหญิงสาวลอยอยู่เหนือพื้น เลยจำต้องใช้ขาเกี่ยวเอวเขาไว้พร้อมทั้งโอบแขนรอบคอเกาะไหล่เพราะกลัวจม
“กลัวเหรอ”
“ไม่กลัว”
“ไม่กลัวแล้วทำไมเกาะแน่นเป็นลูกลิงเลย”
“ลูกลิงอะไรจะสวยขนาดนี้” ตอบเขาแล้วหัวเราะเสียงใสก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากเขาอย่างเอาใจ
“คุณเกื้อพาไปตรงนั้นหน่อย” ขอเขาเมื่อผละจูบออกมาแล้ว
“ตรงไหน”
“ตรงนั้น ตรงที่เป็นโขดหินยื่นลงมาในน้ำ” บอกพร้อมชี้ไม้ชี้มือไปตรงที่ว่า แล้วหันมาถามต่อ “คุณเกื้อเอากล้องมาหรือเปล่าคะ”
“จะใช้ให้ถ่ายรูปให้เหรอ”
“ก็คุณเกื้อถ่ายรูปสวย”
“พอยอมพามาเที่ยวหน่อยก็ใช้ใหญ่เลยนะ” เขาหรี่ตามองอย่างคาดโทษ นภิศาจึงก้มจูบเขาอีกครั้ง
“ไม่ได้ให้ทำฟรีซะหน่อย นะคะคุณเกื้อ เดี๋ยวค่าตอบแทนนัทจ่ายให้คืนนี้...แบบบุพเฟ่เลย” ประโยคสุดท้ายเธอกระซิบข้างหูอย่างรู้กัน
หลังจากนั้นไม่นานนภิศาก็ได้โพสท่าสวยๆ ตามที่เธอต้องการ หญิงสาวนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับรูปที่อยู่ในกล้องที่ชายหนุ่มถ่ายให้ ก่อนจะชวนเขาเข้ามาถ่ายรูปด้วยกันไม่ต่างจากคู่รักทั่วไป
ทริปเที่ยวกระบี่สามวันเหมือนนภิศาได้ขึ้นสวรรค์ยังไงยังงั้น เพราะเกื้อกูลยอมตามใจเธอทุกอย่างและแน่นอนว่าเธอเองก็ต้องตามใจเขาเช่นกัน แต่นั่นมันก็คือความเต็มใจ หัวใจของนภิศาพองโตและอิ่มสุขทุกครั้งที่เขาโอบกอดไม่ว่าจะตอนนั่ง ตอนเดิน หรือแม้กระทั่งตอนจะนอน การมาเที่ยวครั้งนี้ระหว่างเธอกับเขาไม่ต่างจากคู่แต่งงานใหม่ที่มาฮันนีมูนทั้งที่ความสัมพันธ์มันเกิดขึ้นมาแล้วถึงห้าปี ห้าปีที่เธอเป็นผู้หญิงของเขา แค่ผู้หญิงของเขาแต่ไม่ใช่ภรรยา
“แอ๊ะ แอ้ แอ้”
เสียงเด็กเล็กร้องอ้อแอ้ในระหว่างที่เธอและเขากำลังนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ นภิศาหันไปมองเพราะคิดว่าเจ้าหนูหรือแม่หนูนั่นคงจะหิวนม หรือไม่ก็คงจะตกใจตอนที่เครื่องเทคตัวขึ้น หญิงสาวนั่งมองปฏิกิริยาของคนเป็นแม่ว่าจะทำอย่างไรกับลูกน้อยบ้าง เธอเห็นว่าเด็กน้อยได้รับการโอบกอด กล่อมโอ๋อยู่สักพักก็เงียบไปเพราะผู้เป็นแม่หยิบขวดนมเข้าปากให้ได้ทัน นภิศาอดคิดถึงลูกของเธอที่เคยเอาออกไปไม่ได้ ถ้าเธอเก็บลูกไว้ป่านนี้ลูกของเธอจะโตแค่ไหนกันนะ ถ้าเธอเก็บลูกไว้ ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจะเป็นยังไง อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาไม่รู้ตัวจนคนที่นั่งข้างเอ่ยทักมา
“ร้องไห้ทำไม”
พอถูกถามมาแบบนั้นเธอถึงได้รู้ตัว รีบปาดเช็ดน้ำตาออกโดยไว แต่ถึงอย่างนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเธอเก็บลูกไว้ ป่านนี้เขาหรือเธอจะโตแค่ไหนกันแล้วนะ พลันสายตาก็มองไปเห็นเด็กเล็กโผล่หัวขึ้นมาจากเบาะนั่งข้างหน้า แล้วน้ำตาเธอก็ไหลออกมาอีกอย่างห้ามไม่อยู่
“คุณเกื้อ”เธอหันไปมองที่เขาทั้งที่น้ำตายังไหลอาบแก้ม
“เป็นอะไร” เอ่ยถามอย่างแปลกใจ ยิ่งเห็นเธอร้องไห้ไม่หยุดเขายิ่งสงสัย
“ถ้าตอนนั้น...นัทไม่...”
“ไม่อะไร”
“ลูก..ถ้านัทไม่เอาเขาออก ป่านนี้ลูกเราคงจะโตแล้ว”
“อย่าเหลวไหล ตอนนั้นเธอไม่พร้อมหรอก”
บอกปัดเหมือนไม่ใส่ใจ แต่น้ำเสียงนั้นกลับทำให้นภิศาใจเสีย เธอรู้สึกผิดหวังที่เขาไม่มีเยื่อใยหรือความรู้สึกอาลัยรักต่อลูกของเธอเลย
“คุณเกื้อ..แล้วถ้าตอนนี้...”
“อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก ฉันเคยบอกเธอไว้แล้วไม่ใช่เหรอ”
นภิศาไม่ตอบและไม่คิดจะพูดอะไรให้ตัวเธอเองต้องหมดกำลังใจไปมากกว่านี้อีก หญิงสาวก้มหน้าปาดเช็ดน้ำตาออกจนหมดก่อนจะเงยหน้าหันไปมองที่เขาอีกครั้ง เห็นเกื้อกูลเอนหลังนั่งหลับตาเธอจึงดึงแขนเขาเข้ามากอดและซบลงที่หัวไหล่ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ
“นัทขอโทษค่ะ”
เสียงครางงึมงำของเกื้อกูลที่ดังอยู่ข้างหูทำให้นภิศาหันมามอง คนที่นอนอยู่ข้างๆเธอเขายังคงหลับตา แต่ริมฝีปากก็ยังพึมพำอะไรบางอย่างที่เธอฟังไม่ค่อยชัด“คุณเกื้อคะ คุณเกื้อ ละเมอเหรอคะ คุณเกื้อคะ”เธอพยายามเขย่าปลุกเรียกให้ตื่น แต่เกื้อกูลก็ยังคงเพ้อไม่หยุด“ไม่ ไม่จริง ไม่ใช่ ไม่จริง มันไม่ใช่ความจริง”คราวนี้นภิศาได้ยินชัดเพราะเขาพูดคำเดิมซ้ำๆและดังขึ้นเรื่อยๆเหมือนกำลังเถียงกับตัวเอง นอกจากนั้นท่าทางของเกื้อกูลยังดูหวาดกลัวในสิ่งที่ตัวเขาเองกำลังปฏิเสธมันออกมา“คุณเกื้อคะ คุณเกื้อ ตื่นค่ะ คุณเกื้อ เพี๊ยะ!!”เมื่อเห็นว่าแค่ปลุกเรียกเขาคงไม่ตื่น เธอจึงฟาดฝ่ามือลงที่ท่อนแขนที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามออกมาเต็มแรง ทำเอาคนที่กำลังหลับละเมอสะดุ้งตื่น เขาหันมามองหน้าเธอสีหน้างงงวย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นภิศาจึงอธิบายให้ฟังว่าเขาละเมอ เธอพยายามปลุกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมตื่นเลยต้องฟาดฝ่ามือตีแรงๆ“พี่ละเมอเหรอ”“ค่ะ คุณเกื้อละเมอ จำได้มั้ยคะว่าละเมอว่าอะไร นัทได้ยินคุณเกื้อบอกว่าไม่ ไม่จริง
เค้กช็อคโกแลตก้อนใหญ่ปักเทียนเอาไว้โดยรอบ ถูกยื่นมาตรงหน้าของเจ้าหนูกุลกานต์ ที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้เด็ก รายล้อมไปด้วยปู่ย่า พ่อแม่ และอา รวมทั้งคนงานในบ้านทุกคน ต่างมาร่วมอวยพรและร้องเพลงวันเกิดให้ ทำเอาน้องกานต์ชอบใจปรบมือแปะๆตามทุกคน ปากก็ร้องงึมงำงึมงำตามไม่เป็นภาษา จนเมื่อเพลงจบเกื้อกูลจึงบอกให้ลูกเป่าเค้ก พ่อกับแม่ช่วยกันเป่าดับไปแล้วบางส่วน เจ้าตัวเล็กเห็นแบบนั้นก็เอาบ้าง เป่าลมพรูออกจากปากจนน้ำลายกระเด็น แต่เทียนก็ยังดับไม่หมดจนคนเป็นพ่อต้องช่วยเป่าแทนอีกรอบ พอเทียนดับหมดน้องกานต์ก็ปรบมือแปะๆชอบใจ“หนึ่งขวบแล้วนะครับหลานย่า”คุณพรประภาก้มจูบลงที่ศีรษะของหลานรักด้วยความเอ็นดู คนเป็นปู่ก็ยื่นมือมายีหัวอย่างรักใคร่ ใครต่อใครต่างเข้ามาห้อมล้อมเต็มไปหมด จนเจ้ากานต์น้อยไม่รู้จะหันไปมองใคร จึงทำได้แต่กวักมือเรียกหาแม่อยู่ไหวๆ“แหมะๆๆ แหมะ”การุณย์ได้ยินหลานเรียกแม่แบบนั้นก็ขำใหญ่ หัวเราะงอหายท้องขดท้องแข็ง“โธ่ เจ้าอ้วนหลานอา นั่นแม่นะลูก ไม่ใช่แพะ จะมาเรียกแหมะๆแบบนั้นไม่ได้ ไหนเรียกใหม่ซิ แม่ เรียกเร็วเรียก แม่ ไ
หลายวันผ่านไปห้องของเกื้อกูลที่รีโนเวทไว้ก็เรียบร้อย จากที่ตั้งใจจะเร่งให้เสร็จโดยไวแต่ก็ทิ้งระยะไปเป็นเดือนเพราะเตียงไซน์ใหญ่ที่เขาสั่งทำขึ้นมาใหม่ยังไม่พร้อมโชคดีเป็นของชายหนุ่มอยู่บ้างที่ระหว่างรอนั้นเขาคืนดีกับนภิศาได้แล้ว จึงทำให้มีที่หลับนอน ไม่อย่างนั้นก็คงต้องอาศัยห้องของการุณย์แล้วคอยตื้อขอนอนห้องเธออยู่อย่างนั้นจนกวาจะใจอ่อนวันนี้เกื้อกูลสั่งให้คนในบ้านช่วยกันย้ายข้าวของของนภิศากับลูกมาไว้ที่ห้องนอนของเขาจนเกลี้ยง แน่นอนว่าเกลี้ยงชนิดที่กลับมานอนอีกไม่ได้ แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้บางอย่างเขาก็ยกให้คนงานในบ้านแบ่งกันเอาไปใช้ให้หมดเพราะเกื้อกูลคิดไว้แล้วว่าหากเผลอทำอะไรให้นภิศางอน จะต้องไม่มีห้องให้เธอหอบลูกหนีมานอนแยกกับเขาได้อีกหลังจากจัดแจงทุกอย่างเสร็จสรรพ รวมทั้งช่วยกันกับอินทรยกชั้นออกไปไว้ที่ห้องพักเขาก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน พอเดินผ่านห้องนั่งเล่น พ่อกับแม่ของเขาก็เรียกให้เข้าไปหา“พ่อกับแม่มีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่าครับ”“มีสิ” คุณพรประภาเป็นคนตอบ ก่อนจะมองหน้าแล้วเอ่ยถามลูกชายด้วยสีหน้าจริงจัง&l
“อ๊ะ! อ๊า คุณเกื้อเบาๆ ค่ะ นัทเจ็บ”นภิศาห่อไหล่ครางซี้ดซ้าด ทั้งเจ็บทั้งเสียวจากแรงดูดดึงและขบเม้มของเกื้อกูล เขาผละจากอกอิ่มข้างหนึ่งมาดูดดึงอีกข้างหนึ่งจนพอใจ จึงลุกขึ้นมาถอดทิ้งเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดก่อนจะโน้มลงคร่อมร่างของเธอเอาไว้แล้วกดจูบลงไปที่สองข้างแก้ม ริมฝีปาก ปลายคาง ซอกคอ หัวไหล่ซ้าย หัวไหล่ขวา ลูบไล้ไปทั่วผิวกายอ่อนละมุน กดจูบดอมดมไปทั่วทุกอณูเนื้อนวลสัมผัสแผ่วเบาของเขาลากเรื่อยไปตามผิวกายของนภิศาจูบไล่ลงมาตามร่องอก เคลื่อนริมฝีปากลงต่ำมาจนถึงสะดือเล็ก แล้วช้อนตาขึ้นมองเธออีกครั้งก่อนจะวางฝ่ามือลงที่หว่างขา ลูบไล้ไปมาเบาๆ ทำเอานภิศาถึงกับต้องกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่นหัวใจสั่นไหวในตอนที่เขาจ้องมอง“อยากให้พี่ทำยังไงครับ”เกื้อกูลเอ่ยถามเสียงพร่า นภิศาปิดปากส่ายหน้า ไม่รู้ว่าจะต้องตอบเขาว่ายังไง ไม่ว่าเขาจะทำอะไรให้เธอก็ยินยอมทั้งนั้นเกื้อกูลยิ้มในหน้า ฝ่ามือของเขายังคงลูบไล้อยู่ที่กลุ่มใหมบางของเธอไปมา ก่อนจะกดปลายนิ้วเข้าหาความฉ่ำชื้นที่กำลังเอ่อไหลแล้วค่อยจมมิดหายเข้าสู่กายสาวถึงสองนิ้วพร้อมกันอย่างช้าๆ“อ๊ะ..อื้อ..คุณเกื
หนึ่งอาทิตย์ถัดจากนั้นคุณหมอชิดชลก็ถูกเชิญให้มาทานข้าวที่บ้านประชาพิพัฒน์ด้วยคำชวนของคุณพรประภา ทันตแพทย์หนุ่มยังคงงงงวยอยู่ไม่น้อยที่หลังจากที่เขามาพบนภิศาไม่นาน เธอกับเกื้อกูลก็คืนดีกัน ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนยังรักกันอยู่ แต่คุณหมอชิดชลก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเร็วจนเขานึกไม่ถึง“ว่าไงครับเจ้าลูกหมู น้องกานต์ลูกพ่อชล มาหาพ่อหน่อยมา คิดถึงจังเลยลูก”เมื่อเห็นนภิศาอุ้มลูกชายเข้ามาหาคุณหมอหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะขออุ้มทันที เพราะตอนนี้เจ้าหนูกุลกานต์พึ่งอาบน้ำประแป้งมาซะตัวหอมเลยทีเดียวพอรับเจ้าลูกหมูมาไว้ในอ้อมแขนก็จัดการฟัดแก้มซ้ายขวาเอาซะหน้าคุณหมอหนุ่มติดแป้งขาวตามลูกชายของเขาจนนภิศาอดขำไม่ได้“อะ แฮ่ม!!”เสียงกระแอมที่ดังอยู่ไม่ไกลทำให้คุณหมอชิดชลเงยหน้าจากการฟัดแก้มยุ้ยขึ้นมามอง เห็นเกื้อกูลเดินมาหยุดซ้อนหลังแม่เจ้าอ้วนแล้วมองที่เขาตาขุ่นขวางก็เอ่ยทักทาย“เป็นไงบ้างครับคุณเกื้อกูล ดูเหมือนว่าลูกชายของเราจะโตวันโตคืนเชียวนะครับ”เอ่ยกับคนเป็นพ่อแล้วอุ้มเอาลูกเขาตรงไปที่ห้องรับแขกที่คุณพรประภาและคุณเกรียงศักดิ์นั่งรออยู่
เช้าวันใหม่สำหรับเกื้อกูลวันนี้เป็นเช้าที่สดใสที่สุดตั้งแต่มีชีวิตเกิดมาสามสิบกว่าปี ในอ้อมแขนของเขาคือเจ้าหนูกุลกานต์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนในวัยห้าเดือนเศษ เขาตื่นมาพาลูกออกมาเดินเล่นที่สวนหน้าบ้านตั้งแต่ฟ้าเริ่มสาง ปล่อยให้นภิศาจัดการกิจวัตรของเธออยู่ในห้องเพียงลำพัง“ว่าไงครับลูกพ่อ หนูอยากไปไหนอีกมั้ย เมื่อยหรือยังลูก หืม หนูเมื่อยหรือยังครับ”“แอ้แอ้”เจ้าหนูน้อยนี่ก็ช่างเอาใจพ่อเก่ง พ่อพูดพ่อคุยอะไรมาก็ตอบรับอ้อแอ้ไปซะหมด ยิ่งทำให้เกื้อกูลได้ใจไปใหญ่ ถึงจะมีบางครั้งที่มือน้อยๆ นั้นจะยังหันมาฟาดหน้าพ่ออยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นไร เขาทนได้ถ้าลูกเขาชอบ“นั่นคุณเกื้ออุ้มน้องกานต์อยู่เหรอคะ”น้ำพลอยที่เดินผ่านมาเห็นเอ่ยถามด้วยความสงสัยท่าทางของเธอดูจะตกใจมากกว่าประหลาดใจเสียด้วยซ้ำ“ก็ใช่น่ะสิ ทำไม ก็ลูกฉัน ฉันจะอุ้มลูกตัวเองออกมาเดินเล่นบ้างไม่ได้เหรอ”“แต่คุณเกื้อถูกสั่งห้ามไม่ให้แตะต้องน้องกานต์นะคะ”“นั่นมันเป็นคำสั่งเก่า ตอนนี้นัทเขายอมให้ฉันแตะลูกได้แล้ว จริงมั้ยครับลูกพ่อ หืม น้องกานต์ชอบอยู่กับพ่อมั้ยครับลูก”ตอบก