ตอนที่ 10
“ เออ นายท่านข้ามีเรื่องมารายงาน ” ไปรุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ติดขัดและก้มหน้าลง “ ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ” “ ข้าไม่ได้คิดไรขอรับ ” “เจ้านี้ มีอะไรก็ว่ามา ” “ ข้าไปค้นในหอตำราของเผ่า มีตำราเล่มนึงกล่าวถึงการที่ปีศาจถูกผนึกมานานอาจทำให้พลังปราณถูกปิดบังไว้ ในตำราเล่มนั้น ได้บอกถึงวิธีที่จะดึงพลังกับมาขอรับ ” “ เอาตำรามาให้ข้าดู ” “ นี้ขอรับ ” ไปรุ่ยส่งตำราเก่าๆ เล่มนั้นให้ เฉาเฟิงรับมารีบเปิดอ่านอย่างตั้งใจสีหน้าเคร่งเครียด ตำราเล่มนี้กล่าวไว้ว่า เมื่อถูกผนึกกักขังไว้เป็นเวลานาน คล้ายกับการถูกแช่แข็ง อาจทำให้พลังจากต้นจิตและเส้นลมปราณถูกสกัดกักไว้ด้วย วิธีที่เปิดมันออกคือใช้โลหิตของคนที่สร้างผนึกนั้นขึ้นมา เผื่อประโลมต้นจิตและทลายเส้นลมปราณที่ถูกสกัดกั้นไว้ วิธีที่สองคือใช้พิษเงือกแต่เป็นวิธีที่อันตรายที่สุดผู้ใช้ต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากๆ เมื่อพิษเงือกเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำลายเส้นลมปราณทั้งหมดผู้ใช้ต้องรีบใช้พลังจากต้นจิตขับพิษเงือกออกและสร้างเส้นลมปราณใหม่ขึ้นมา ถ้าผิดพลาดหรือไม่ทันการผู้รับพิษเงือกเข้าไปจะตายได้ “ แต่เทพสงครามเย่วหมีที่สร้างผนึกมาได้ตายไปแล้ว จึงไม่สามารถใช้โลหิตตามวิธีแรกได้ ” ไปรุ่ยกล่าว “เหลือวิธีที่สอง” เฉาเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเงียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความกังวล “แต่มันอันตรายมากนะขอรับ” “ข้าไม่มีทางเลือกอื่น ใช้วิธีนี้แหละ " "งั้นข้าจะไปเอาพิษเงือกมาให้นายท่านเอง และมีอีกเรื่องขอรับ” “ว่ามา” “ตั้งแต่ท่านราชาปีศาจกลับมาพวกผ่องพี่น้องเผ่าปีศาจเริ่มทยอยเดินทางกลับเข้าเผ่ากันมากขึ้น อีกทั้งยังมีปีศาจรุ่นใหม่ๆ มากขึ้นด้วยขอรับ ข้าคิดว่าท่านราชา น่าจะไปปรากฎตัวพบปะราษฎรสร้างขวัญและกำลังใจให้ชาวบ้านขอรับ ” “ข้ารู้เเล้ว อีกสองชัวยามข้าจะไปที่กลางเมือง ” “ขอรับ” เมื่อถึงเวลา เฉาเฟิงและไป่รุ่ย พร้อมด้วยองครักษ์อีกหกนายและนางกำนัลอีกนิดหน่อย เดินทางออกไปกลางเมื่อ ขณะเดินออกจากวังปีศาจนั้นชีเหนียงก็เห็นเข้าพอดี จึงให้ผ้าคลุมหน้าและแอบเดินตามมาปะปนกับพวกนางกำนัล แต่นั้นหาพ้นสายตาของราชาปีศาจ เขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าร่างบางนั้นคือนางแต่ก็ทำเป็นมองไม่เห็น ในที่สุดชีเหนียงก็เดินพ้นกำแพงวังปีศาจออกมาได้ ระหว่างทางนั้น พบเจอพวกปีศาจที่เดินไปเดินมาเพียงไม่กี่ตนเท่านั้น ถนนที่ว่างเปล่า บรรยากาศเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แค่มองดูก็รู้ว่าปีศาจพวกนี้ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันแล้ววันเล่า ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ถึงกลางเมือง ดูก็รู้ว่าที่นี้เคยรุ่งเรืองมากแค่ไหน แต่บัดนี้ร้านค้าหรือตลาดถูกปิดบ้านเรือนแลดูทรุดโทรม ทั้งหมดมาถึงใจกลางเมือง เริ่มมีพวกปีศาจเดินล้อมเข้ามาจากทุกสารทิศเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนมองไปสุดลูกตา เสียงคุยกันจ้อกแจ้กดังไปทั่ว เมื่อเฉาเฟิงเดินขึ้นไปบนแท่นใจกลางเมืองนั้น ทุกสิ่งเงียบลงทันที ทุกคนต่างพร้อมใจกันคุกเข่า เอามือทั้งสองแตะหน้าผาก และก้มลงจนหัวติดพื้น และเป้งเสียงออกมาพร้อมกัน “คาราวะราชาปีศาจเฉาเฟิง คาราวะราชาปีศาจเฉาเฟิง” “ข้าราชาปีศาจเฉาเฟิง วันนี้ข้ากลับมายืนอยู่ต่อหน้าทุกคนได้ ที่ผ่านพวกพี่น้องเผ่าปีศาจทุกคนมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก ท้อแท้ต่อความพ่ายแพ้ครอบครัวพลาดพลาดจากสงครามครั้งนั้น แต่นับจากนี้ไปข้าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับพวกเผ่าเทพที่มันมารุกรานข่มเหง ข้าจะนำแม่น้ำศักดิ์ของเผ่าเรากลับมาให้จงได้ ” ชีเหนียงที่ปะปนกับนางกำนัลได้ยินเฉาเฟิงพูดดังนั้น และมองไปยังพวกปีศาจด้านหน้า ดูแววตาพวกเขาช่างหน้าสงสาร ถึงพวกนี้จะเป็นปีศาจก็จริงแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทำไมพวกคนผ่าเทพถึงทำแบบนี้ เมื่อเฉาเฟิงพูดจบเขาก็เดินลงไปด้านล่างเพื่อพบปะประชาชนของเขา ชีเหนียงซึ่งมองอยู่ก็คิดในใจว่า ภายนอกเขาดูโหด เย็นชา จริงๆ แล้วเฉาเฟิงก็มีมุมที่น่ารักและอ่อนโยนเยอะอยู่ “อยากรู้จังแม่น้ำศักดิ์สิทธ์นั้นอยู่ที่ไหน” นางเอ่ยออกมาลอยๆ แต่นางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยินพอดี จึงตอบนางไปว่า แม่น้ำศักดิ์สิทธิอยู่ทางทิศเหนือ เดินตามลำธารแห้งๆ นั้นไป ครึ่งชั่วยามก็ถึง นางจึงบอกนางกำนัลตนนั้นว่าอยากไปดูให้เห็นกับตาสักหน่อย “อย่าไปเลยเจ้าค่ะ แถวนั้นคนเผ่าเทพยึดครอง ถ้าเกิดไปเจอมันจะจับตัวไปเป็นเชลย ดีไม่ดีมันอาจฆ่าเราทิ้งนะเจ้าคะ อันตรายมาก ” “ไม่เป็นไรหรอก ข้าดูไกล ๆ ไม่เข้าไปใกล้หรอก ” ชีเหนียงนางหันมองซ้ายมองขวาหาจังหวะเดินเลี่ยงออกไป โดยไม่สนใจเสียงห้ามของนางกำนัลผู้นั้น และเฉาเฟิงก็รับรู้ได้ว่านางกำลังปลีกตัวเดินออกไป ชีเหนียงเดินตามลำธารมาขึ้นเรื่อยๆ พบปะปีศาจบ้าง แต่ไม่เยอะเท่าไร ระหว่างทางเดินนางมองลำธารใหญ่แห่งนี้ที่น้ำแห้งขอด มองเห็นพื้นดินแตกระแหง พลางคิดในใจเพราะไม่มีน้ำผู้คนถึงอยู่ไม่ได้ นางเดินต่อไปสักพักเห็นหมู่บ้านอยู่ไม่ไกล ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าอยู่รำไร จึงรีบเดินต่อเมื่อถึงทางเข้าหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ จู่ๆ ก็มีชายสามสี่คน เอามีดมาจ่อนางไว้ นางตกใจเป็นอย่างมาก พยายามบอกปีศาจพวกนั้นว่าตนเองเป็นนางกำนัลมาจากวังปีศาจ แต่เพราะบนตัวนางมีกลิ่นไอมนุษย์ พวกนั้นจึงคิดว่านางโกหก จึงจับนางไว้ แต่ทันใดนั้นเองเฉาเฟิง ก็ปรากฎตัวขึ้นร้องห้ามพวกปีศาจพวกนั้นไว้ "ปล่อยนางก่อน นั้นเมียข้าเอง พวกเราพึงจะกับเข้าเผ่ามา เมียข้ายังไม่คุ้นชินทางจึงเดินหลงมาที่นี้ " ชายพวกนั้นเห็นเฉาเฟิง ก็รู้ว่าเขาเป็นปีศาจ เพราะมีกลิ่นไอปีศาจอยู่บนตัว แต่ไม่รู้ว่าคือราชาของพวกเขาเพราะที่นี้อยู่ห่างไกล จากในเมืองมากนัก พวกนั้นจึงปล่อยตัวชีเหนียง เมื่อนางหลุดพ้นเเล้วจึงรีบวิ่งไปหลับที่หลังเฉาเฟิงทันที " พวกเจ้าสองผัวเมีย คงเดินทางกันมาไกลสินะ นี้ก็จะค่ำเเล้ว พวกเจ้าเข้าไปพักใน้หมู่บ้านกันก่อนเถอะ เดี๋ยวให้คนนำเข้าไป " "ดีเหมือนกัน งั้นข้าขอตัวก่อน " เฉาเฟิงและชีเหนียงจึงตามปีศาจชายคนหนึ่งเข้ามาในหมู่บ้าน "ทำไมไม่บอกว่าข้าเป็นน้องสาวล่ะ ทำไม่ต้องบอกว่าเป็นเมียเจ้าด้วย " ชีเหนียงพูดกระซิบเพราะกลัวว่าคนนำทางตรงหน้าจะได้ยิน "ถ้าบอกว่าเจ้าเป็นน้องสาว ใครจะเชื่อ " "เหตุใดถึงไม่เชื่อล่ะ" นางยังคงถามต่อ " กลิ่นไอมนุษย์ จากตัวเจ้าไง ปีศาจที่ไหนจะมีน้องสาวเป็นมนุษย์ " " ก็จริงของเจ้า แล้วพวกปีศาจนี้ไม่รู้เหรอว่าเจ้าคือราชาของพวกเค้า " " ไม่น่าจะรู้กันหรอก ที่นี่อยู่ห่างไกลจากในเมืองมากนัก และข้าก็ไม่อยู่ตั้งหลายหมื่นปี " " แล้ว.. อุ้ย!! " ทางเดินค่อนข้างมืดนางจึงเดินสดุดก้อนหิน แต่ดีที่เฉาเฟิงรวบตัวนางไว้ได้ทันไม่งั้นคงหน้าคม่ำไป "หยุดพูดแล้วเดินดีๆ" เฉาเฟิงทำหน้าดุใส่นาง เดินเข้ามาไม่ไกล หมู่บ้านแห่งนี้มีบ้านอยู่ไม่ค่อยเยอะนักอยู่กระจัดกระจายกันออกไป ชายปีศาจตนนั้นเดินนำเข้ามายังบ้านหลังหนึ่ง แล้วจัดแจงที่พักให้ทั้งสองคน "เจ้าสองคนพักที่บ้านนี่เถิด บ้านหลังนี้ตอนนี้ไม่มีผู้อยู่ เจ้าพักได้ตามสบาย ถ้าหิวก็เดินออกไปกลางหมู่บ้านที่นั้นมีพวกหญิงเฒ่าอยู่ นางจะเอาของกินให้เจ้าเอง " เมื่อกล่าวจบเขาก็เดินออกไป " ขอบคุณนะคะ " ชีเหนียงนางเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้อง กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ที่ภายนอกดูทรุดโทรมแต่ภายในนั้นดูสะอาดสะอ้าน นางสะดุดตากับเตียงนอนเล็ก ๆ นั้น " เตียงนั้นเล็กมากเลย น่าจะนอนได้แค่คนเดียว " " ใช่ มันนอนได้แค่คนเดียว " เฉาเฟิงกล่าว เขาเดินผ่านนางไปแล้วล้มตัวลงนอนที่เตียงนั้น เขาหันมาทางนางแล้วพูดว่า " ส่วนเจ้านอนข้างล่าง " พร้อมชี้นิ้วไปที่พื้น " นี้ เจ้า " ชีเหนียงทำหน้าบึงบ่นอุบ " เจ้ามันจอมปีศาจ " " ก็ถูกของเจ้า " เขาเถียงกับมาทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ นางจึงกระทืบเท้าเดินออกจากห้องไป " อารมณ์เสีย ไปหาอะไรกินดีกว่า " แล้วนางมุ่งหน้าไปกลางหมู่บ้านนั้น เฉาเฟิงเห็นนางเดินออกไปสักครู่หนึ่งแล้วยังไม่กลับเข้ามา จึงลุกขึ้นจากเตียงเดินออกมาดูภายนอก กับไม่เจอเขาคิดว่านางคงไปหาอะไรกินแน่ๆ จึงเดินมุ่งไปยังที่นั้นทันที เมื่อเดินมาถึงบริเวณกลางหมู่บ้าน เขาพบกองไฟอยู่ตรงกลางลาน มีทั้งปีศาจทั้งหญิงชายและเด็กนั่งรายล้อมเพื่อรับความอบอุ่นจากกองไฟ เมื่อเขามองหาคนที่ตามหา เเค่แวบเดียวก็พบนางแล้ว เขาเห็นนางนั่งอยู่ท่ามกลางพวกปีศาจหญิงสาวใบหน้าของนางยิ้มแย้มหัวเราะดูสนุกสนาน เขายืนมองนางอยู่สักครู่สายตานางก็มาสบตากันพอดี ชีเหนียงเมื่อเห็นเฉาเฟิงยืนมองอยู่ ก็โบกมือขึ้นทักทาย แต่เขากับทำท่าทีแสร้งมองไปทางอื่น นางนึกในใจนี้เขามองไม่เห็น นางจริงหรือ จึงลุกขึ้นยืนแต่นางเซเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินมาถึงตัวเฉาเฟิง " เจ้ามองไม่เห็นข้าหรือไง" น้ำเสียงยานคางของนางที่เอ่ยคล้ายอาการของคนเมา " เจ้า กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว " เฉาเฟิงทำหน้าดุใส่นาง ชีเหนียงเงยหน้ามองคนตัวสูง ด้วยดวงตาที่ฉ่ำวาว ปีศาจสาวพวกนั้นจึงเดินตามมา " นี้สามีเจ้าสินะ รูปงามไม่เบาเลย " "ใช่ที่ไหน เขาคือราชาปีศาจ เขาใจร้ายมากเลยนะ" พวกปีศาจสาวต่างหัวเราะคิกคักกัน " ภรรยาท่านนางตลกดีนะเจ้าคะ " หนึ่งในปีศาจสาวเอ่ยขึ้น เฉาเฟิงถอนหายใจ "กลับเถอะ เจ้าเมามากเลยนะ " เขาจับมือนางไว้หมายจะดึงกลับห้อง แต่นางขืนไว้แล้วนั่งลงดื่มสุรากับพวกปีศาจสาวต่อ ชีเหนียงนางกำลังจะยกจอกสุราเข้าปาก แต่เฉาเฟิงกลับแย่งจอกสุราในมือนางกระดกเข้าปากรวดเดียว เมื่อเขาได้ลิ้มรสสุรานี้ก็พบว่า มันคือสุราหมักจากดอกไม้ปีศาจที่แรงมากและมีฤทธิปลุกกำหนัด และยิ่งนางเป็นมนุษย์ธรรมดาคงทนฤทธิ์สุรานี่ไม่ไว้แน่ " นางดื่มไปเยอะแค่ไหน " "ก ากว่าๆ เจ้าค่ะ " เฉาเฟิงเชยคางนางให้เงยหน้าขึ้นมา สีหน้าดูแดงระเรื่อ เเววตาที่นางมองเขาช่างหวานหยดย้อย ริมฝีปากแห้งผาก ตัวนางเองเริ่มรู้สึกภายในกายมันร้อนวูบวาบ ขนกายลุกชันอย่างบอกไม่ถูก "ชีเหนียง กับเถอะ เจ้าเมามากแล้ว" เฉาเฟิงจับต้นแขนนางทั้งสองข้างและพยุงนางลุกขึ้น และประคองนางออกมา เดินมาได้ไม่ไกลจู่ ๆนางก็ตัวอ่อนปวกเปียกขาอ่อนหมดแรงเดิน " ข้าเดินไม่ไว้ " นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามาก เขาเห็นท่านางคงเดินไม่ไว้เพราะฤทธิสุราจึงอุ้มนางขึ้นมาในท่าเจ้าสาว และเขาไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์ต่อจากนี้เลย "ทำไมร้อนจัง ข้าร้อน " นางใช้มือลูบเนื้อตัวไปมา "เจ้าอยู่นิ่งๆ หน่อย อย่าดิ้น " พอถึงห้องพักเขาวางนางลงบนเตียงนอน เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้า นางยังคงดิ้นไปมาดึงทึงเสื้อผ้าออก เฉาเฟิงรวมข้อมือทั้งสองข้างขึ้นไว้เหนือหัวนาง อีกมือใช้ผ้าเช็คเหงือให้ "ไม่ได้การแล้ว" เสื้อผ้านางเปี้ยกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เฉาเฟิงตตัดสินใจอุ่มนางขึ้นมาและเดินมายังบริเวณห้องอาบน้ำ ภายในห้องตรงกลางมีอ่างขนาดใหญ่ เขาจึงวางตัวนางลง....ตอนพิเศษ สี่ปีผ่านไปทั้งสามเผ่าต่างอยู่กันอย่างสงบสุข แต่จะมีอยู่สถานที่หนึ่ง "ท่านอา" "ท่านอาหลิงเฮ่อต้องให้ข้าก่อน" "ท่านอา ให้นางไปก่อนก็ได้ขอรับข้าเป็นผู้ชาย ที่แข็งแกร่งย่อมต้องเสียสละให้สตรีก่อน" เสียงเจือยแจ้วขององค์ชายปีศาจน้อยวัยสามขวบกว่านามว่า " ลู่เฟย" "ใช่เจ้าค่ะท่านอา ต้องให้ข้าก่อนสิเจ้าค่ะ" เสียงองค์หญิงปีศาจน้อย "ลู่เอิน" จอมเอาแต่ใจ ปีศาจน้อยฝาแฝดชายหญิง วัยสามขวบกว่า ๆ ตัวอ้วนกลมแก้วยุ้ย น่ารักน่าชังตามติดหลิงเฮ่อที่มีศักดิ์เป็นอา ตลอดเพราะหลิงเฮ่อเลี้ยงมาตั้งเเต่เล็กค่อยตามใจและชอบหาของเล่นแปลก ๆ มาให้เจ้าปีศาจน้อยทั้งสอง "พอแล้วไม่ต้องแยกกัน อามีสองอัน นี้!! เห็นไหม" "เย้ เย้" เย้ เย้" เสียงปีศาจน้อยทั้งสองร้องอย่างดีใจ และเล่นอย่างสนุกสนาน หลิงเฮ่อใช้มือบีบแก้มเด็กทั้งสองเบา ๆ อย่างเอ็นดู "เจ้าก้อนแป้งของอา อาให้เล่นอีกหนึ่งชั่วยาม เสร็จเเล้วเราจะมาฝึกวิชาต่อจากเมื่อวาน ถ้าวันนี้ฝึกก้าวหน้าอาจะพาไปเที่ยวเผ่ามนุษย์" "เย้ เย้ ข้าอยากไปขอรับ" ลู่เฟยกระโดดร่างที่ตุ้ยนุ้ยดีใจ "อยากไปเดี๋ยวเจ้าต้องตั้งใจฝึกนะ" "ขอรับ" "ลู่เอิน เจ้าไม่อยาก
ตอนที่ 38 เฉาเฟิงกลับมาถึงเผ่าปีศาจ ไป่รุ่ยจึงจัดการทำแผลให้เจ้านาย ที่เอาแต่นิ่งเงียบใบหน้าเรียบเฉย ตั้งแต่ออกมาจากเผ่าเทพแล้ว "นายท่านบาดแผลไม่ลึกมากขอรับ" "ข้ารู้แล้วเจ้าออกไปเถอะ" "ขอรับ" ชายหนุ่มตอบองค์รักษ์ด้วยน้ำเสียงเงียบเฉยที่คนฟังแล้วก็ดูออกว่า เขากำลังโศกเศร้าอยู่ ไป่รุ่ยจึงปล่อยให้เฉาเฟิงได้อยู่คนเดียวก่อน ทว่าขณะที่ออกมาจากห้องบรรทม ก็พบกับครอบครัวของชีเหนียงที่มาไถ่ถามถึงชีเหนียงด้วยความเป็นห่วง ไป่รุ่ยได้แต่อึกอักไม่กล้าที่จะตอบ จึงเกิดเสียงเอะอะขึ้น ราชาปีศาจได้ยินดังนั้น เขาก็เปิดประตูออกมา "นางปลอดภัยดี เดี๋ยวข้าจะพาไปพบนาง" (พาครอบครัวนางไปนางอาจจะจำอะไรได้) เฉาเฟิงคิดในใจ เหตุการณ์เอะอะเมื่อครู่นี้จึงสงบลง เฉาเฟิงเลยเดินไปหาหลิงเฮ่อต่อ ก็เจอกับเฟยอวี่พอดี "นายท่านหลิงเฮ่อ ฟื้นแล้วขอรับ" เฟยอวี่แจ้งเฉาเฟิงด้วยความดีใจ เฉาเฟิงได้ยินดังนั้นจึงรีบเดินให้เร็วขึ้น เมื่อเปิดประตูเข้าไป เฉาเฟิงก็เห็นคนที่พึ่งจะฟื้นยืนอยู่ จึงรีบเดินไปประคองส่งกับไปยังเตียงนอน "ท่านพี่ข้าหายแล้ว" "หายแล้วก็อย่าขยับมากเดี๋ยวแผลจะปริออกได้" "ขอรับ ข้ารู้แล
ตอนที่ 37 เผ่าเทพซีฮ่าวกลับถึงเผ่าเทพ รีบไปรายงานต่อองค์เง็กเซียนทันที ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าไป เทพสงครามเยวหมีนางก็เดินสวนออกมา "ท่านเทพสงครามเยว่หมี" ซีฮ่าวเอ่ยเรียกสตรีที่ดูท่าทางองอาจเบื้องหน้า นอกจากรูปร่างหน้าตา ก็คือบุคลิกที่สามารถดูออกได้ว่านางคือคนละคนกัน "เจ้าคือเทพสองครามซีฮ่าว ข้าจะไปพักที่ตำหนักเจ้า ขอตัวก่อน" นางพูดจบก็เดินกลับไปทันที ซีฮ่าวได้รายงานเรื่องราวต่าง ๆ แก่องค์เง็กเซียนทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน รวมถึงเรื่องที่หญิงมนุษย์คนนั้นก็คือเทพสงครามเย่วหมี "นางเล่าให้ข้าฟังทุกอย่างแล้ว นางจำทุกอย่างได้แม้ตอนที่เป็นเศษเสี้ยวดวงจิต" "ขอรับ แต่หญิงคนนั้น นางคือคนรักของราชาปีศาจเฉาเฟิงขอรับ" "......" องค์เง็กเซียนไม่ได้กล่าวอันใดออกมา ได้แต่เอามือลูบเครายาวๆ และยิ้มออกมา ซีฮ่าวกลับมายังตำหนัก ได้พบกับเทพสงครามเยว่หมี จึงได้พูดคุยกัน เยว่หมีจึงได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมายรวมถึงหลิงเฮ่อ น้องชายของราชาปีศาจที่ตามหาดวงจิตนางเพื่อปลดผนึก "แล้วตอนนี้ชีเหนียงนางตายแล้วหรือขอรับ" "นางก็อยู่นี้ไง" เยว่หมี่ใช้นิ้วชี้จิ้มมาที่ตนเอง ใบหน้าซีฮ่าวบงบอกถึงความงุน
ตอนที่ 35 "ข้ารักเจ้า" นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เเล้วทุกอย่างก็มืดสนิท ชีเหนียงรู้สึกว่าตัวนางเองยืนอยู่ที่ไหนสักแห่ง มันว่างเปล่าไปหมด "นี้ข้าตายแล้วใช่ไหม" นางพูดคนเดียวแล้วทรุดเข่านั่งลงกับพื้น น้ำตาเริ่มรินไหลออกมา ไหล่บางสั่นไหวสะอื้นไห้ นึกภาพดวงตาที่แดงกร่ำของเฉาเฟิงเมื่อครู่นี้ได้ดี ท่ามกลางความเงียบในที่มืดแห่งนั้นนอกจากเสียงร่ำไห้ กับมีเสียงฝีเท้าคนเดินใกล้เข้ามา จนมาหยุดอยู่เบื้องหน้านาง ชีเหนียงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง "ท่าน…" "รอข้า" สิ้นคำพูดนางทุกอย่างสว่างจ้า ร่างโชกเลือดของชีเหนียงจู่ๆ ก็ลอยขึ้นมาพร้อมปราณพลังหมุนอยู่รอบกาย บาดเเผลที่โดนแทงนั้นเริ่มจางหายไป เสื้อผ้าอาภรณ์เปลี่ยนใหม่กลายเป็นชุดประจำตัวของนาง "เทพสงครามเย่วหมี" นางชูกระบี่ขึ้นฟ้าฉับพลันเกิดสายฟ้าวิ่งไปมาอยู่ที่ปลายดาบ นางฟาดกระบี่ใส่มารทั้งสอง จนเกิดแสงสว่างวาบไปทั่ว เมื่อเเสงสว่างนั้นดับลง มารทั้งสองเจ็บปวดราวถูกทัณฑ์อัคนีสักร้อยสาย นางหันใบหน้ามาทางราชาปีศาจ "ใช้ พลังไฟโกันต์ของเจ้าเเผดเผามันให้สิ้นซาก" เฉาเฟิงไม่รอช้าปล่อยพลังไฟโลกันต์ทำลายล้างไอมารและแผดเผาจื่อหยา
ตอนที่ 36 ฮวนชินค่อยๆ ลุกเขารวบรวมพลังทั้งหมดยกกระบี่ขึ้น อาศัยจังหวะที่เฉาเฟิงกำลังต่อสู่อยู่ไม่ทันได้สังเกต พุ่งกระบี่เข้าหาเฉาเฟิงทันที "ระวัง !!" เป็นจังหวะเดียวกับที่ซีฮ่าว เห็นฮวนชินพุ่งกระบี่ไปด้วยความเร็ว เขาจึงตระโกนอย่างสุดเสียง แต่จากจุดที่ซีฮ่าวอยู่ไกลจากตรงนั้นมากนักจึงไปขวางฮวนชินไม่ทัน หลิงเฮ่อเห็นเข้าพอดีจึงรีบเอาตัวเข้ามารับกระบี่แทน กระบี่ของฮวนชินแทงทะลุอกของหลิงเฮ่อทันที เฉาเฟิงเห็นหลิงเฮ่อถูกแทงต่อหน้าต่อตา เขาตกใจเป็นอย่างมาก รีบเข้าไปรับตัวหลิงเฮ่อเอาไว้แล้วใช้ไฟโลกันต์ฟาดใส่ฮวนชินเต็ม ๆ ซีฮ่าวจึงรีบมาต่อสู่ขัดขวางมารจื่อหยางต่อ "หลิงเฮ่อ !! หลิงเฮ่อ " เฉาเฟิงประคองเรียกน้องชายไม่หยุดปาก เลือดสดๆ เริ่มไหลทะลักออกจากบาดแผล พร้อมกับสติที่ใกล้จะเลือนลาง "ท่านพี่ข้าไม่เป็นไร" น้ำเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดผ่านริมฝีปากที่ปนเลือดออกมา รอยยิ้มที่อ่อนแรงลง ส่งให้พี่ชายที่ตนรักและเคารพ "เจ้าต้องไม่เป็นอะไร เชื่อพี่ " เฉาเฟิงปลอบใจหลิงเฮ่อ ขณะที่เฟยอวี่องค์รักษ์ของหลิงเฮ่อมาถึงพอดี "ดูแลน้องข้าให้ดี" เฉาเฟิงออกคำสั่งต่อเฟยอวี่ เขาลุกขึ้นยืนเตรียมตัวออกไปสู่ต่อ
ตอนที่ 34 รุ่งเช้าวันใหม่ชีเหนียง ตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยขบไปทั่วร่างกายพร้อมร่องรอยรักสีกุหลาบที่ชายหนุ่มทิ้งไว้บนเนินอกอิ่มทั้งสองข้าง นางหันมองหาคนที่นอนข้าง ๆ แต่พบกับความว่างเปล่า "เขาหายไปไหนนะ นี้ยังเช้าอยู่เลย" นางลุกจากเตียงนอนชำระร่างกายจนสะอาดเลือกสวมอารมณ์ชุดใหม่สีหวานขับผิวเนียนแลดูงดงาม ชีเหนียงออกจากห้องเดินตามหาเฉาเฟิงจนมาถึงโถงว่าการ "ไปไหนนะ ไหนบอกให้ข้าอยู่ในสายตา แต่ตัวเองดันหายไป" นางเดินเข้ามาในโถงว่าการกับพบแต่ความว่างเปล่า มีทหารปีศาจเฝ้าอยู่แค่สองคน นางกำลังจะเอ่ยถาม แต่แล้วกับได้ยินเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินเข้ามา นางจึงหันไปทางต้นเสียงนั้น "พี่ชีเหนียง" เสียงเจ้าแฝดอาฉี อาเฟย ที่กำลังเดินเข้ามาหานาง โดยด้านหลังของทั้งสองยังมีลุงเกาที่กำลังเดินมาอีกคน "ลุงเกา อาฉี อาเฟย มาได้ยังไง"ชีเหนียงเอ่ยเรียกทั้งสามคนด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขแฝงไปด้วยความคิดถึง ทั้งสองฝ่ายเดินเข้าหากันจนถึงตัวก็กอดกันกลมและถามสารทุกข์สุขดิบตามปกติเหมือนที่เคยทำ"นี้มากันได้ยังไง""ก็สัตว์ปีศาจของพี่เฉาเฟิงไง" ชีเหนียงมองตามมือที่อาเฟยชี้ไปที่ทหารปีศาจคนหนึ่งที่พึงเดินตามหลั