LOGINตอนที่ 3 วางแผน
ณ แอลฟาผับ
เมื่อภาคินเดินเข้ามาในผับเขาก็ตรงไปยังเคาน์เตอร์เครื่องดื่มในทันที มิ่งไม่รอช้ารีบรินบรั่นดีส่งให้เจ้านายอย่างรวดเร็ว
"ลูกพี่ อารมณ์ไม่ดีหรือครับ" ต้อยเดินเข้ามาในผับ เห็นภาคินดื่มบรั่นดีไปหลายแก้ว จึงรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
"เออ กูอารมณ์ไม่ดีว่ะไอ้ต้อย เออมึงมาก็ดีแล้วกูมีเรื่องจะให้มึงไปจัดการหน่อย" ภาคินได้ยินเสียงต้อยทักขึ้นมาเขาจึงเรียกต้อยเข้ามาหา ก่อนจะกระซิบสั่งงานให้ต้อยไปทำ
"ได้ ลูกพี่รอก่อนก็แล้วกัน ไม่เกินสองวันน่าจะรู้เรื่อง" ต้อยตอบรับก่อนจะออกไปจัดการงานที่ภาคินสั่งอย่างรวดเร็ว
ภาคินมองตามหลังต้อยที่เดินหายออกจากร้านไปอย่างว่องไว เขาจึงยกยิ้มอย่างมีความสุข
"หึ.. หึ.. ศิวกร แล้วเราจะได้เห็นดีกัน" ภาคินเอ่ยพลางยกแก้วบรั่นดีขึ้นดื่มอย่างอารมณ์ดี
สองวันผ่านไป ต้อยรีบเข้าไปรายงานภาคินในทันทีที่เห็นเขาเดินเข้าผับมา
"ลูกพี่ครับ" ต้อยรีบเรียกภาคินก่อนจะรายงานเรื่องที่ภาคินให้ต้อยไปสืบมา
"ไปคุยกันในห้องกู" ภาคินเอ่ยแล้วเดินนำต้อยไปยังห้องทำงานบนชั้นสองของเขา
"ลูกพี่ครับ โดยปกตินายศิวกรจะมาไนต์คลับทุกคืนนะครับ ยกเว้นวันที่เขามีงานเลี้ยงหรืองานประชุมของบริษัท เขาถึงจะไม่มาครับ ส่วนสเปคที่นายศิวกรชอบคือผู้หญิงแนวเซ็กซี่ๆ ขาวๆ อวบๆ อึ๋มๆ ตามประสาผู้ชายทั่วไปเลยครับ ทำไมลูกพี่ถึงให้ผมไปสืบสเปคของเขาล่ะครับ" ต้อยถามภาคินด้วยความสงสัย
"หึ.. หึ.. กูก็มีแผนของกูสิวะ งั้นมึงไปหาผู้หญิงสเปกของนายศิวกรมาให้กูคนหนึ่งนะ ถ้าเป็นพวกนางแบบหน่อยก็ดี เวลามันขึ้นหน้าหนึ่งมันจะได้ดังๆ หน่อย" ภาคินเอ่ยพลางยกยิ้มอย่างมีแผน
"จะดีหรือครับลูกพี่" ต้อยเอ่ยถามด้วยความลังเล เขารู้จักกับภาคินเพราะเขาเป็นรุ่นน้องในคณะบริหารที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา
ตอนเขาเข้าเรียนชั้นปีที่หนึ่ง เขามีปัญหากับรุ่นพี่ปีสอง ซึ่งในตอนนั้นเขาก็ได้ภาคินที่เป็นพี่รหัสคอยช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงมักจะติดปากเรียกภาคินว่าลูกพี่อยู่เสมอ
หลังจากเขาเรียนจบมาก็ได้มาทำงานที่ผับของภาคินในตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวันเขาก็เป็นผู้ช่วยภาคินที่โรงแรม ดังนั้นชีวิตของเขาจึงตามติดภาคินทั้งเวลากลางวันและกลางคืนจึงทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมาก
ส่วนสินที่เป็นผู้จัดการร้านและทำหน้าที่บัญชีนั้นเป็นรุ่นน้องของต้อยอีกที หรือหลานรหัสของภาคินนั่นเอง เมื่อภาคินเห็นต้อยช่วยเขาทำงานทั้งที่โรงแรมและที่ผับจึงได้ให้สินมาทำงานเป็นผู้จัดการและทำบัญชีที่ร้านแทนต้อย
หลังจากต้อยมาทำงานกับภาคิน ตอนนี้ต้อยจึงมีเงินเก็บและสามารถส่งเงินกลับไปให้แม่ที่ต่างจังหวัดได้สร้างบ้าน ต้อยรู้สึกซาบซึ้งใจที่มีภาคินคอยสนับสนุนและช่วยเหลือเขา เมื่อภาคินสั่งให้เขาทำอะไรเขาก็จะรีบลงมือทำในทันที
"กูบอกว่าดี ก็ดีดิวะ ไป.. ไปจัดการได้แล้ว" ภาคินออกคำสั่งเสียงดัง ทำให้ต้อยเกรงใจรีบไปจัดการตามที่ภาคินสั่ง
สองวันถัดมาในคืนวันพุธ ณ ไดมอนด์ไนต์คลับ ต้อยสืบได้ความมาว่าคืนนี้ศิวกรจะเข้ามาในไนต์คลับ ภาคินจึงได้ให้ต้อยพาแอน นางแบบรุ่นใหม่ซึ่งกำลังดังมาที่ไนต์คลับของศิวกร
คืนนี้แอนแต่งตัวแสนเซ็กซี่และเย้ายวนด้วยเดรสหนังเกาะอกสีดำรัดรูป ซึ่งช่วยขับเน้นสัดส่วนอย่างชัดเจน ส่วนไหนควรเว้าก็เว้า ส่วนไหนควรโค้งก็โค้ง ช่างดึงดูดสายตาพวกหนุ่มๆ ที่นั่งตามโต๊ะภายในไนต์คลับให้คอยเหลียวมองเธอตลอดเวลา
ซึ่งพวกเขาต่างก็พากันมองแอนด้วยความสนใจและอยากเข้าตีสนิทกับแอนเป็นอย่างมาก เมื่อภาคินเห็นสายตาหนุ่มๆ พวกนั้นที่กำลังจับจ้องไปที่แอน เขาก็ยกยิ้มอย่างมีแผน
หึ.. หึ.. นายศิวกร นายดังแน่ เขาพึมพำก่อนจะพาแอนไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งเขาได้สั่งจองไว้ล่วงหน้าโดยโต๊ะที่แอนนั่งก็คือโต๊ะที่เขาเคยมานั่งกับต้อยในคราวก่อน เพราะตรงนี้ศิวกรจะได้มองเห็นแอนอย่างถนัดตา
ส่วนโต๊ะของเขาจะอยู่เยื้องไปทางมุมด้านหลังของแอนไปเล็กน้อย แต่ก็สามารถมองขึ้นไปยังห้องทำงานของศิวกรได้อย่างชัดเจน
"แอนคุณนั่งตรงนี้นะ ผมสั่งเครื่องดื่มให้คุณแล้ว ส่วนแก้วนี้คุณจะต้องหาทางให้นายศิวกรดื่มให้ได้ ถ้าคุณทำสำเร็จผมจะให้คุณเพิ่มอีกเท่าจากที่เราได้ตกลงกันไว้" ภาคินเอ่ยตามแผนที่เขาได้บอกแอนไว้ อีกทั้งยังเพิ่มเงินให้แอนอีกเท่าตัวเพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้แอนทำสำเร็จให้ได้
"จริงหรือคะคุณภาคิน ได้ค่ะ.. แอนจะทำให้เต็มที่เลยค่ะ เชื่อมือแอนนะคะ" เมื่อได้ยินว่าภาคินจะเพิ่มเงินให้เธออีกเท่าตัว เธอก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เงินดีกว่างานเดินแบบและถ่ายแบบเสียอีก
หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ภาคินและต้อยก็เดินไปนั่งที่โต๊ะของตน
"ลูกพี่มีแผนอะไรไม่เห็นจะบอกผมบ้างเลย" ต้อยกระซิบถามภาคินด้วยความอยากรู้ ภาคินจึงกระดิกนิ้วเรียกต้อยเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะเล่าแผนการให้ต้อยฟัง
"มึงเห็นบรั่นดีแก้วนั้นไหมวะ" ภาคินชี้ไปยังแก้วที่เขาเตรียมให้แอนเพื่อให้ศิวกรได้ดื่ม
"อ๋อ.. ครับลูกพี่" ต้อยมองตามนิ้วชี้ของภาคินที่ชี้ไปยังแก้วบรั่นดี
"หึหึหึ.. มึงรู้ไหมว่าในนั้นกูใส่ยาลงไปด้วย พอมันดื่มเข้าไปมันก็จะควบคุมตัวเองไม่อยู่ อะไรที่มันต้องการมันก็จะทำยังไงล่ะ" ภาคินเอ่ยเล่าแผนการของเขาให้ต้อยฟัง
ซึ่งต้อยฟังแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจมากนัก
"แล้วมันยังไงล่ะลูกพี่ มันก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชายรึเปล่า" ต้อยถามภาคินด้วยความสงสัยและงุนงง
"กูก็จะแอบไปถ่ายรูปตอนที่มันกำลังดิบเถื่อนสิวะ แล้วส่งให้นักข่าว อย่างน้อยมันก็มีข่าวฉาวโฉ่ว ไนต์คลับของมันก็อาจจะเสียชื่อเสียงที่มีนายศิวกรเป็นเจ้าของยังไงล่ะ" ภาคินเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
"ผมว่าแผนลูกพี่ก็งั้นๆ แหละครับ นายศิวกรทั้งหล่อ ทั้งหน้าตาดี แถมรวยอีกต่างหาก จะมีภาพหลุดเล็กๆ น้อยๆ จะเป็นไรไป ดีไม่ดีพวกนักข่าวจะคิดว่าแอนแอบปล่อยภาพเพื่อหวังจับนายศิวกรก็ได้นะครับ" ต้อยกลับคิดตรงข้ามกับภาคิน
"ถ้าเป็นลูกพี่ก็ว่าไปอย่าง ขืนมีภาพหลุดแบบนั้นออกมา ป๊าลูกพี่คงจะโมโหมากและสั่งปิดผับแน่ๆ เลยครับ" ต้อยเอ่ยพลางคิดไปถึงคุณภูดิสผู้เป็นพ่อของภาคิน
คุณภูดิสเป็นคนจีนที่ค่อนข้างเข้มงวดและกวดขันมาก กว่าภาคินจะเปิดผับได้ก็ใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะโน้มน้าวคุณภูดิสให้อนุญาตเปิดผับ
ตอนที่เขาเรียนจบใหม่ๆ ภาคินก็รับเขาเข้าไปเป็นผู้ช่วยที่โรงแรมก่อน หลังจากคุณภูดิสอนุญาตให้เปิดผับได้ เขาก็ได้เข้ามาช่วยภาคินที่ผับอีกแรง
เมื่อภาคินได้ยินต้อยเอ่ย เขาก็หยุดชะงักมือที่กำลังยกบรั่นดีขึ้นดื่ม
"เสียใจว่ะไอ้ต้อย กูทำอะไรรอบคอบเสมอเพราะกูรู้ไงว่าป๊ากูเป็นยังไง" เขาเอ่ยจบก็ยกบรั่นดีขึ้นดื่มจนหมดในรวดเดียว ก่อนจะเรียกบริกรให้มาเสิร์ฟอีกแก้ว
"ลูกพี่ พอแล้วอย่าดื่มเยอะเลยเดี๋ยวจะเมาเสียก่อน ว่าแต่ลูกพี่จะให้ใครไปแอบถ่ายรูปล่ะ" ต้อยรีบห้ามปรามเมื่อเห็นภาคินยกบรั่นดีขึ้นดื่มไม่หยุด
"ไอ้ต้อย กูเจ้าของผับนะโว้ยจะเมาได้ไงวะ ไอ้นี่กูก็ดื่มประจำรึเปล่าวะ" ภาคินไม่สนใจที่ต้อยห้ามปราม เขายกขึ้นดื่มอีกแก้วจนต้อยได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของลูกพี่ ไม่เมายังไงก็เขาเป็นคนไปส่งภาคินที่คอนโดทุกครั้งที่ภาคินดื่มหนัก
ไม่นานศิวกรก็เดินเข้ามาในไนต์คลับ เมื่อต้อยเห็นจึงรีบเดินไปสะกิดบอกแอนในทันที แอนมองตามศิวกรด้วยความหลงใหลในความหล่อเหลาของเขา ซึ่งมันยิ่งทำให้เกิดแรงฮึดขึ้นมาอีกด้วย
ส่วนภาคินซึ่งกำลังดื่มได้ที่ก็เรียกต้อยเข้ามาใกล้ๆ หลังจากต้อยบอกภาคินว่าศิวกรเข้ามาแล้ว
"เดี๋ยวมึงตามไปแอบถ่ายรูปของนายศิวกรนะ รอมันยกดื่มสักสิบห้านาทีก่อน เวลานั้นยาคงออกฤทธิ์แล้ว" ภาคินรีบสั่งงานต้อยทันที
"เฮ้ย.. จะ.. จะ.. ดีเหรอลูกพี่ ผมไม่กล้าครับ" ต้อยรู้สึกกลัวขึ้นมา หากศิวกรเห็นเข้าเขาจะทำยังไง
"กูบอกว่าดีก็ดีสิวะ มึงไปแอบถ่ายรูปสองรูปก็พอแล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้นายศิวกรกับแอนสนุกกันก็พอ แล้วเราจะได้รีบๆ กลับยังไงล่ะ" ภาคินเพียงต้องการรูปถ่ายไม่กี่ใบแค่พอส่งให้นักข่าวก็เพียงพอแล้ว
ต้อยได้แต่รับปากอย่างจนใจ ก่อนจะหันไปสังเกตการณ์ระหว่างแอนและศิวกร
ทางด้านศิวกร เมื่อเขาเดินเข้ามาในไนต์คลับเขาก็เดินตรงเข้าไปยังห้องทำงานบนชั้นสามในทันที
แอนมักจะชำเลืองมองไปยังห้องทำงานบนชั้นสามของศิวกรอยู่ตลอดเวลาเพื่อรอให้เขามองลงมาทางตน เมื่อศิวกรมายืนมองบรรยากาศภายในร้านบนห้องทำงานชั้นสามของเขา เขาก็มองผ่านไปจนปะทะเข้ากับสายตาของแอนเข้าพอดี
แอนที่คอยจังหวะอยู่แล้วจึงยกยิ้มอย่างยั่วยวนให้เขา ก่อนจะยกแก้วเหล้าให้เขาอย่างเชิญชวน ศิวกรได้แต่ส่งยิ้มให้ก่อนจะเบนสายตามองไปทางอื่น
เขายอมรับว่าผู้หญิงคนนี้ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน สายตาเธอที่ส่งมาให้เขานั้น เขาอ่านออกว่าเธอต้องการอะไร แต่เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธเธอไปเพราะผู้หญิงแบบนี้มักมีสัญญาณอันตรายอยู่เสมอ ทางที่ดีเขาไม่ควรเข้าไปยุ่งจะดีกว่า เขาเคยเจอมานักต่อนักแล้ว
ขณะที่เขากำลังจะหมุนตัวเดินเข้าไปยังโต๊ะทำงานของเขา หางตาของเขาก็สะดุดเข้ากับภาคินซึ่งกำลังยกบรั่นดีขึ้นดื่มพอดี เขาจึงยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน
แอนเห็นศิวกรกำลังเดินตรงมาทางที่เธอนั่งอยู่ เธอจึงคิดว่าศิวกรกำลังจะเดินมาหาตนเอง แอนจึงรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปทักทายศิวกรในทันที
"สวัสดีค่ะคุณศิวกร แอนดีใจที่ได้เจอคุณในวันนี้นะคะ" เธอเอ่ยทักทายเสียงหวานพลางส่งยิ้มอย่างยั่วยวนให้เขา
"ครับ ผมก็เช่นกันครับ" ศิวกรเอ่ยตอบตามมารยาท
"งั้นคุณคงไม่รังเกียจนะคะหากแอนจะขอเลี้ยงบรั่นดีคุณสักแก้ว ถือเป็นการทักทายของเราค่ะ" แอนไม่รอช้า เธอรีบเดินไปยกแก้วคอกเทลของเธอและแก้วบรั่นดีที่ภาคินเตรียมไว้ส่งไปให้ศิวกรในทันที ศิวกรมองแก้วบรั่นดีด้วยความลังเลใจ
"ผมไม่ดื่มในเวลาทำงานครับคุณแอน" เขาตั้งใจเอ่ยปฏิเสธ แต่แอนกลับไม่ยอมรับฟัง เธอยังคงยื่นแก้วบรั่นดีให้เขา
"คุณรังเกียจแอนหรือเปล่าคะ ตอนนี้แอนอาจจะยังไม่ดัง แต่ไม่เกินปีหน้าแอนดังแน่ๆ ค่ะ ถือว่าแสดงความยินดีล่วงหน้าให้แอนได้ไหมคะคุณศิวกร" แอนเอ่ยอย่างไม่ยอมลดละ ทำให้ศิวกรจำใจยอมรับแก้วบรั่นดีจากแอนมาดื่มจนหมดแก้ว
"ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ผมยังมีงานต้องทำครับ" ศิวกรวางแก้วบรั่นดีลงบนโต๊ะของแอนก่อนจะเดินผ่านแอนไปยังโต๊ะของภาคินซึ่งอยู่เยื้องไปทางด้านหลัง
แอนมองตามศิวกรอย่างมึนงง เธอไม่เคยถูกผู้ชายปฏิเสธมาก่อน ตั้งแต่เล็กจนโตก็มีแต่ผู้ชายพยายามเข้าหาเธอทั้งนั้น เธอได้แต่มองแผ่นหลังหนาของศิวกรด้วยความไม่เข้าใจ
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #4 THE ENDรุ่งเช้าภาคินและศิวกรแต่งกายด้วยชุดยูกาตะแล้วจึงพากันเดินเที่ยวตามแผนที่ภาคินวางไว้ในทริปการเดินทางนี้ ทั้งสองคนเดินชมดอกซากุระที่กำลังบานสะพรั่งรอบๆ หมู่บ้านซึ่งที่หมู่บ้านนี้มีนักท่องเที่ยวมาชมดอกซากุระและแช่น้ำร้อนกันค่อนข้างมากทั้งคู่รัก เพื่อนและครอบครัว ผู้คนก็สวมใส่ชุดยูกาตะเดินท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ จึงเข้ากับบรรยากาศในหมู่บ้านแห่งนี้ และนักท่องเที่ยวบางคนก็สวมใส่รองเท้าเกี๊ยะที่ทำขึ้นจากไม้ เวลาเดินจึงเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นถนนช่างแปลกหูดีสำหรับภาคิน แต่เขาและศิวกรเลือกไม่สวมรองเท้าเกี๊ยะเพราะเดินไม่ถนัดระหว่างทางที่เดินชมดอกซากุระรอบหมู่บ้านก็จะพบกับร้านค้ามากมายไม่ว่าจะร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านขายขนม ร้านถ่ายภาพสำหรับเก็บเป็นที่ระลึก และบ่อน้ำร้อนสาธารณะ ซึ่งมีบริการสำหรับนักท่องเที่ยวจำนวนหลายบ่ออยู่ห่างกันกระจัดกระจายกันออกไป ทั้งคู่จึงพากันไปนั่งแช่เท้าในบ่อน้ำร้อนที่ค่อนข้างห่างไกลกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ"สนุกไหมคิน" ศิวกรเอ่ยถามภาคินที่ดูกำลังสนุกและสนใจทุกสิ่งรอบกายด้วยความสนใจ"สนุกครับ แต่คินมีคว
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #3หลังจากภาคินมาถึงที่ทำงาน สายตาของเขาก็สอดส่ายหาลูกน้องคนสนิทที่หายหน้าหายตาไปถึงสี่วันเต็มๆ เมื่อเขามองไม่เห็นต้อยจึงได้สั่งนุชนารถผู้ช่วยคนเก่งของเขาให้บอกต้อยไปพบเขาที่ห้องทำงานด้วยถ้ามาถึงแล้ว ราว ๆ ครึ่งชั่วโมงต้อยก็มาพบเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างคนอารมณ์ดี"ลูกพี่มีอะไรให้กระผมรับใช้ขอรับ" น้ำเสียงที่ร่าเริงของต้อยทำให้ภาคินต้องหันมามองต้อยด้วยความแปลกใจ เมื่อวานที่เขาเจอต้อยในลิฟต์ยังดูท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากอยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงได้ร่าเริงเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ฮึ... คงจะได้น้ำดีมาแน่ ๆ ถึงได้กระดี้กระด๊าจนน่าหมั่นไส้"หน้าแบบนี้แปลว่าหายดีแล้วสิ สรุปว่าใคร?" ภาคินถามออกไปตรงๆ ทำเอาต้อยที่ไม่ทันตั้งตัวชะงักไปในทันทีด้วยความตกใจ"อะ...อะไร ใคร...หมายความว่ายังไง ผมไม่เข้าใจ" ต้อยรีบพูดกลบเกลื่อนภาคินอย่างรวดเร็วหลังจากได้สติ"หึ... หึ... ไอ้ต้อย กูเป็นพี่มึงนะโว้ย มึงคิดว่ากูจะไม่รู้หรือยังไง มึงอาบน้ำแต่งตัวมาทำงาน มึงไม่เห็นรอยแดงที่คอมึงบ้างรึไง" ภาคินพูดพลางชี้ไปที่คอปกเสื้อของตนเอง ทำให้ต้อยตกใจรีบดึงปกเสื้อเชิ้ตมาปิดลำคอใน
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #2หลังจากต้อยลาป่วยไปสามวันก็กลับมาทำงานตามปกติ ต้อยพยายามเดินให้เหมือนเดิมมากที่สุด คืนนั้นเขาถูกอิฐจัดหนักจัดเต็มจนครบหลักสูตร ต้อยจึงไม่สามารถลุกเดินได้เหมือนปกติมากนัก แม้ตอนนี้เขาจะดีขึ้นมากแล้วแต่ก็ยังคงรู้สึกขัดๆ อยู่บ้างเวลาเดินเร็วๆ“ไอ้ต้อย...” หลังจากศิวกรขับรถมาส่งภาคินที่โรงแรม ภาคินเห็นหลังต้อยไวไวกำลังจะเดินขึ้นลิฟต์ เขาจึงรีบวิ่งตามต้อยเข้ามาในลิฟต์อย่างรวดเร็วต้อยสะดุ้งตกใจจนตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงของภาคินเรียกอยู่ทางด้านหลัง เขาจึงชะงักค้างและยืนยิ่งไปทันที เพราะกลัวว่าภาคินจะจับผิดสังเกตเขาได้"อะ...อะ เอ่อ ลูกพี่" น้ำเสียงของต้อยติดอ่างขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าของภาคินกำลังมองมาทางเขาด้วยความเป็นห่วงตนเอง"ไง...มึงหายดีแล้วเหรอ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมึงจะลาป่วยเลยสักครั้ง กูจะไปเยี่ยมมึงก็ไม่ให้ไป" ภาคินพูดพลางตบไหล่หนาของต้อย ทำให้เขาเห็นรอยแดงจางๆ บริเวณลำคอหนาของต้อยภาคินตกตะลึงและนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองใบหน้าของต้อยที่เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ต้อยเมื่อรู้สึกถูกภาคินจ้องใบหน้าจึงเกิดอาการประหม่า ยิ่งเ
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #1ณ ห้องทำงานของภาคินขณะที่ภาคินกำลังนั่งมองแหวนแต่งงานซึ่งศิวกรสวมให้เขาที่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างเหม่อลอยนั้น ต้อยก็ได้เดินผ่านประตูห้องทำงานมาพอดี เขาเห็นภาคินกำลังนั่งใจลอยอยู่จึงอดที่จะเดินเข้ามาสอบถามไม่ได้"ลูกพี่.. ลูกพี่เป็นอะไร ผมเห็นลูกพี่นั่งมองแหวนแต่งงานมาพักหนึ่งละ" ต้อยเอ่ยถามขณะนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของภาคินด้วยความสงสัยภาคินได้ยินเสียงของต้อยเอ่ยถาม เขาจึงได้สติแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามองต้อยอย่างครุ่นคิด"อย่าบอกนะว่าลูกพี่ทะเลาะกับคุณกร" ต้อยถามด้วยน้ำเสียงกึ่งตกใจ ขณะที่เขากำลังคาดเดาใบหน้าที่กำลังตึงเครียดของภาคิน"บ้าแล้วไอ้ต้อย พี่กรดีกับกูจะตาย กูจะไปทะเลาะกับเขาทำไม" ภาคินตอบกลับต้อยด้วยน้ำเสียงกึ่งดุนิดๆ ศิวกรไม่เคยขัดใจเขาเลยสักครั้ง แล้วเขาจะไปมีปัญหากับศิวกรได้อย่างไร"อ้าว.. ก็ผมเห็นลูกพี่เอาแต่จ้องแหวนแต่งงาน แล้วก็ทำท่าทางเหมือนคนกำลังกลุ้มใจ ผมก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าลูกพี่มีปัญหากับคุณกรเสียอีก" ต้อยตอบเสียงอ่อนลง"เฮ้อ.. แล้วกูจะปรึกษากับมึงได้ไหมเนี่ย" ภาคินพูดพลางถอนหายใจ คราวก่อนก็เพราะปรึกษาต้อยทำให้ศิวกรลงโ
ตอนพิเศษ สวัสดีวันเด็ก"คุณคินคะ มีคนส่งของมาให้ค่ะ" แอร์พนักงานต้อนรับโรงแรมของภาคิน เดินนำถุงกระดาษสีขาวใบเล็กน่ารักมาให้ภาคินที่ห้องทำงาน แต่ระหว่างที่เธอเดินออกมาจากลิฟต์ ก็พบภาคินและต้อยซึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าห้องทำงานพอดี เธอจึงรีบเดินนำเอาของมาให้ภาคิน"ของผมเหรอครับ คุณแอร์" ภาคินถามแอร์ด้วยความงุนงงระคนสงสัยว่าใครเป็นคนส่งของให้เขา และเนื่องในโอกาสอะไร จะว่าวันเกิดก็ไม่น่าจะใช่"ของคุณคินจริงๆ ค่ะ มีการ์ดแนบมาด้วยนะคะ นี่ค่ะ" แอร์ยืนยันพลางส่งการ์ดให้ภาคินทันที" สุขสันต์วันเด็กครับหนูคินขอให้หนูคินเป็นเด็กดีของพี่กรคนเดียวนะครับรักนะเด็กดี... พี่กร "ภาคินรับการ์ดที่ปิดผนึกซองอย่างดีมาแกะอ่านก่อนจะยกยิ้มอย่างมีความสุข ที่แท้ก็เป็นของศิวกรนี่เอง"ขอบใจนะ.. แอร์" ภาคินรับถุงกระดาษสีขาวมาจากแอร์ เขาแกะสติกเกอร์บนปากถุงกระดาษด้วยความระมัดระวัง เมื่อเขาอ้าปากถุงกระดาษออกจึงพบว่ามีกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสีทองอยู่ข้างในกล่องหนึ่ง"ยินดีค่ะ งั้นแอร์ขอตัวก่อนนะคะคุณคิน" แอร์ส่งของให้ภาคินเรียบร้อยแล้วก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อภาคินยกยิ้มให้แอร์ก่อนจะล้วงเอากล่องของขวัญขนาดเล็กข
ตอนที่ 30 จบบริบูรณ์"พี่กรครับ ศุกร์หน้าคินต้องบินไปจัดการงานที่ภูเก็ตแทนพี่พงษ์ นัดของเราคงต้องเลื่อนไปก่อนนะครับ" ภาคินเอ่ยขึ้นมาหลังจากพวกเขากลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์หลังใหม่ที่ศิวกรซื้อให้ภาคิน เมื่อพวกเขาตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน"งั้นเหรอ น่าเสียดายจริงๆ พี่อุตส่าห์จองห้องพักที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วยนะ" ศิวกรพูดพลางเดินมาโอบกอดภาคินจากทางด้านหลัง ก่อนจะก้มลงไปกระซิบริมหูบางของภาคินแล้วจึงขยับใบหน้าซุกลงบนซอกคอขาว"คินก็เพิ่งรู้จากพี่พงษ์เมื่อกี้นี้เองครับ แขกเพิ่งจะติดต่อมาจัดงานแต่งงานที่นั่น มันกะทันหันเพราะพี่พงษ์ก็ต้องดูแลแขกที่มาจัดงานแต่งที่นี่พอดี คินเลยต้องไปแทนน่ะครับ" ภาคินหันมาบอกศิวกรที่กำลังซุกไซ้ซอกคอของเขาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ศิวกรจึงเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ภาคิน"ขอโทษนะครับ" ภาคินเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาได้เอ่ยถามพี่ชายและพี่สาวแล้วว่าเขามีงานในวันศุกร์หน้าหรือเปล่า เพราะปกติเขาจะไม่รับนัดของศิวกรในวันศุกร์และเสาร์ เนื่องจากเป็นช่วงที่แขกเข้าพักมากกว่าปกติ ซึ่งพี่สาวและพี่ชายก็ได้รับปากแล้วว่าจะ







