LOGINสองสาวเจอกันตอนไปแข่งฟิสิกส์โอลิมปิกที่ประเทศจีน เมื่อครั้งที่พวกเธอยังเรียนชั้นมัธยมปลาย ด้วยความที่ชื่นชอบอะไรเหมือนๆ กัน เลยคุยกันถูกคอ แถมสไตล์การแต่งตัวยังคล้ายคลึงกันมาก ไม่ว่าจะเป็นการสวมแว่นตาหนาเตอะ ใส่กระโปรงทรงสุ่ม และใส่เสื้อปกปิดเนื้อตัวมิดชิด แต่บุปผชาติจะดูเฉิ่มและเชยกว่า หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ติดต่อกันมาตลอด จนกลายมาเป็นเพื่อนรักในที่สุด
สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ
แล้ววันที่บุปผชาติจะต้องจากเมืองไทยก็มาถึง นายบริรักษ์แทบไม่อยากให้ถึงวันนี้ เวลาช่างเดินเร็วนัก อีกไม่กี่นาทีลูกก็จะจากเขาไปไกลซะแล้ว สองพ่อลูกร่ำลากันอยู่ที่หน้าห้องผู้โดยสารขาออกด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
“จำไว้นะแก้ม ถ้าหนูอยู่ไม่ได้ ต้องโทรมาบอกป๋าทันทีนะ เข้าใจไหมลูก” บิดายังคงย้ำชัดประโยคเดิมๆ จนผู้เป็นลูกจำได้ขึ้นใจ แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายรักและเป็นห่วงตนมากแค่ไหน
“ค่ะคุณป๋า แก้มไม่ลืมหรอกค่ะ” สาวน้อยรับคำด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
“ดูแลตัวเองให้ดีนะลูก ป๋ารักหนูนะ นี่เป็นนามบัตรเพื่อนป๋า หากหนูมีปัญหาโทรหาเขาได้ทุกเมื่อ เขาจะส่งคนมาช่วยลูกทันทีไม่ว่าเรื่องใด คุณลุงเขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลในฝรั่งเศส”
“แน้…ป๊ะป๋าเราแอบคบมาเฟียซะด้วย แล้วหนูจะโทรมาหาป๋าบ่อยๆ นะคะ เสียงเขาเรียกแล้วค่ะ แก้มต้องไปแล้ว” บุปผชาติเย้าบิดาอย่างยิ้มๆ เพราะพอรู้มาบ้างว่าในฝรั่งเศสมีแก๊งมาเฟียอยู่ไม่น้อยไปกว่าในอิตาลี
“ไม่ไปไม่ได้เหรอลูก” ครั้นลูกจะเดินเข้าไปภายในห้องผู้โดยสารผู้เป็นพ่อกลับรั้งแขนเธอไว้และพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอยากให้ลูกเปลี่ยนใจ
“คุณป๋าอย่างอแงสิคะ เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะคะ” มาถึงตอนนี้หญิงสาวก็มิอาจกลับลำได้แล้ว ถึงยังไงเธอก็ไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจตามคำขอของบิดาแน่
“จ้ะๆ งั้นป๋าจะรอโทรศัพท์นะลูก ไปถึงแล้วอย่าลืมโทรหาป๋าด้วยล่ะ” สุดท้ายนายบริรักษ์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และยอมปล่อยมือจากแขนลูกสาวแต่โดยดี
“ค่ะ มาแก้มขอกอดสุดหล่อทีนึง อื้ม…รักป๊ะป๋านะคะ” ทั้งสองกอดและหอมกันอยู่นาน เพื่อหวังว่าความอบอุ่นนี้จะยังคงตราตรึงเมื่อพ่อลูกต้องไกลห่าง
“ป๋าก็รักและเป็นห่วงหนูมากนะลูก ดูแลตัวเองให้ดีนะยัยแก้ม” ผู้เป็นพ่อบอกลูกด้วยเสียงทุ้ม สั่งให้อีกฝ่ายดูแลตัวเองให้ดี เพราะต่อแต่นี้เธอจะต้องไปเผชิญโลกกว้างด้วยตัวของตัวเองแล้ว ถ้าคิดในทางที่ดีประสบการณ์ครั้งนี้อาจจะสอนให้บุปผชาติโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็ได้
“รับทราบค่ะ บ๊ายบายค่ะป๊ะป๋า” เจ้าของเสียงหวานใสรับคำพ่อด้วยรอยยิ้มเพื่อให้ท่านสบายใจ
“โชคดีและเดินทางปลอดภัยนะลูกพ่อ” นายบริรักษ์อวยพรลูกด้วยความอาลัย ยังทำใจไม่ได้ที่แก้วตาดวงใจจะจากไปอยู่แดนไกล แต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อเขาตกปากอนุญาตเธอไปแล้ว
หลังจากโบกมืออำลาบิดาทั้งน้ำตาบุปผชาติก็เดินไปขึ้นเครื่อง เพื่อบินลัดฟ้าไปยังประเทศฝรั่งเศส สถานที่ที่จะช่วยเติมเต็มความฝันของสาวน้อยจอมอัจฉริยะอย่างเธอให้เป็นจริง และเมื่อวันนั้นมาถึงความสำเร็จมันคงจะหอมหวานอย่างหาที่สุดไม่ได้ แค่คิดหัวใจดวงน้อยก็เต้นระรัวแล้ว
สนามบูการ์ติ เรสซิ่ง สปอร์ต ประเทศฝรั่งเศส
วันนี้มีการแข่งขันรถยนต์ทางโค้งชิงแชมป์ประจำปี สนามแข่งยอดนิยมคราคร่ำไปด้วยกองเชียร์ที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ชื่นชอบในกีฬาประเภทนี้เหมือนๆ กัน รวมทั้งกองเชียร์จากค่ายรถดังในฝรั่งเศสและต่างประเทศ ทุกคนต่างเฝ้ารอชมการแข่งขันรถยนต์ที่ขึ้นชื่อในความหฤโหดของสนาม หากไม่ชำนาญหรือพลาดพลั้งก็อาจจบชีวิตลง ณ ที่แห่งนี้ได้
สนามนี้ถือว่าสุดยอดที่สุดในฝรั่งเศส สำหรับนักแข่งผู้กระหายในความท้าทายและผาดโผน หนึ่งในนั้นก็คือมาร์โค ดิมิเทียส อภิมหาเศรษฐี วัยสามสิบสองปี หนุ่มลูกครึ่งฝรั่งเศส-รัสเซีย เทพบุตรสุดหล่อเจ้าของบริษัทส่งออกรถยนต์รายใหญ่ของฝรั่งเศส ทายาทตระกูลมาเฟียมหาอำนาจ เพลย์บอยตัวฉกาจ ผู้คลั่งไคล้กีฬาเอ็กซ์ตรีมทุกประเภท และอีกอย่างที่พ่อเจ้าประคุณหลงใหลไม่สร่างซาคือผู้หญิงเซ็กซี่ ยิ่งร้อนแรงยิ่งถูกใจชายหนุ่มยิ่งนัก ซึ่งตอนนี้เขาก็มีสาวสวยเซ็กซี่ล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด
ริชชี่ อัลแมนด้า พริตตี้สาวสวยเซ็กซี่ทรงโต เฉี่ยวและคม ที่อยู่ภายใต้ชุดอันเซ็กซี่รัดรูปจนเห็นไปหมดทุกสัดส่วนบนเรือนร่างสะโอดสะอง กำลังโพสต์ท่าให้นักข่าวได้เก็บภาพด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่ดูเป็นมืออาชีพ ทันทีที่เห็นมาร์โคเดินมาหาหล่อนก็ปรี่เข้าไปควงแขนกำยำพร้อมยิ้มร่า แล้วเบียดกระแซะร่างอวบอั๋นน่าฟัดเข้าหากายทรงพลังเป็นเชิงออดอ้อน เป็นเหตุให้นักข่าวสายบันเทิงได้ภาพไปลงข่าวกันอย่างจุใจ แต่มาร์โคก็ไม่แคร์ เพราะเขาเป็นข่าวจนชินซะแล้ว และถ้าจะเป็นอีกข่าวจะเป็นไรไป
“มาร์คคะ หากคุณชนะ คืนนี้ริชชี่มีรางวัลแบบนอนสต็อปให้นะคะ เอาชนะให้ได้นะคะที่รัก” พริตตี้สาวมอเตอร์โชว์คนล่าสุด ที่เขาไปสอยมาเมื่อครั้งไปโชว์ตัวในงานมอเตอร์โชว์ประจำปี และกลายมาป็นคู่ควงของเขาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว จริตจะกร้านของหล่อนช่างโดนใจพ่อหนุ่มเลือดร้อนยิ่งนัก
จุ๊บ!!!
“ต้องชนะเท่านั้นนะคะ ไม่งั้น…อด” หลังจากบรรจงกดเรียวปากเซ็กซี่สีแดงสดลงตรงโหนกแก้มสาก ริชชี่ก็ทำสายตาหยาดเยิ้ม พร้อมส่งรอยยิ้มเชิญชวนมาให้ชายหนุ่มอย่างเปิดเผย
“ได้เลยจ้ะยาหยี ถ้ามีรางวัลมาล่อใจขนาดนี้ นายมาร์โคสู้สุดใจขาดดิ้นอยู่แล้ว” มาร์โคยักคิ้วรับคำแม่สาวขาวอวบทรงโต เพียงแม่เจ้าประคุณนาบจูบร้อนแรงลงบนข้างแก้มก็ทำให้กายแกร่งคึกคัก เผลอคิดไปถึงบทรักอันเร่าร้อนที่จะเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้
จากนั้นมาร์โคก็เดินไปทักทายเพื่อนรักของตน แก๊งนี้มีทั้งหมดสี่หนุ่ม ซึ่งประกอบด้วยเคลวิน อัลกราโด้ มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของสายการบินชื่อดังในฝรั่งเศส หนุ่มหล่อขั้นเทพและกะล่อนไม่ต่างจากมาร์โค, แดเนียล กิลเบิร์ต ทายาทตระกูลมหาเศรษฐี หนุ่มนักรัก เจ้าพ่อแห่งวงการโทรคมนาคมที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วทุกมุมโลก, ราฟาเอล แมคไบรค์ มหาเศรษฐีหนุ่มผู้เงียบขรึมแต่ลุ่มลึกถึงใจ เจ้าของเหมืองแร่ทองคำมูลค่ามหาศาล และตัวเขาเอง มาร์โค ดิมิเทียส
ทั้งสี่หนุ่มเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ มิตรภาพของพวกเขาก็ยังแน่นแฟ้นไม่เสื่อมคลาย และยังคลั่งไคล้กีฬาเอ็กซ์ตรีมเหมือนกันอีก ซึ่งแต่ละคนมีฝีมือขั้นเทพ ไม่เป็นสองรองใคร จนได้รับฉายาว่า Prince of Extreme
สี่หนุ่มหล่อต่างมีกิตติศัพท์ล่ำลือในเรื่องความเจ้าชู้ ลีลาเด็ด เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า สิ่งที่ทุกคนไม่ปลื้มเหมือนๆ กันคือผู้หญิงตัวเล็ก หน้าอกแบนราบ ผู้หญิงประเภทนี้ไม่มีสิทธิ์ได้ขึ้นเตียงกับพวกเขาอย่างแน่นอน อย่างพวกเขาต้องระดับนางงาม นางแบบ หรือไม่ก็พริตตี้สาวสวยเซ็กซี่เท่านั้น
ผู้หญิงทั่วทั้งเมืองต่างใฝ่ฝันว่าจะได้ขึ้นสวรรค์กับสี่หนุ่มซักครั้ง เพราะคนที่เคยนอนกับพวกเขาต่างให้นิยามว่า ‘ถึงไม่ใช่นางฟ้า แต่พี่ก็พาขึ้นสวรรค์ได้’ ดังนั้นพวกเขาจึงฮอตยิ่งกว่าดาราบางคนเสียอีก แค่เพียงกระดิกนิ้วอิสตรีทั้งหลายต่างก็แย่งชิงวิ่งมาซบอกกันถ้วนหน้า
ทันทีที่ลงจากรถได้มาร์โคก็ถอดหมวกกันน็อคออก แล้วโบกมือให้ท่านผู้ชมรอบสนามด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว และเดินไปเปิดแชมเปญฉลองให้กับตำแหน่งแชมป์สมัยที่สี่ของตน เมื่อฉลองกับชัยชนะพอหอมปากหอมคอแล้ว เขาก็ตระกองกอดร่างอวบอิ่มของริชชี่มายังรถของตนทันที เพราะทนรอรับรางวัลอันแสนยั่วใจจากสาวเจ้าแทบจะไม่ไหวแล้ว เลือดหนุ่มมันร้อนระอุไปทั่วสรรพางค์กาย บนรถแข่งคู่ใจ มีร่างของมาร์โคและริชชี่กำลังโรมรันพันตูกันอย่างเมามัน พอทั้งสองขึ้นมาในรถได้ก็ผวาเข้าหากันราวกับแม่เหล็กต่างขั้ว เพราะต่างหิวกระหายในบทรักเหมือนกัน เมื่อสาวร้อนแรงมาเจอกับหนุ่มร้อนรักการโหมโรงในรถจึงดุเด็ดเผ็ดมันถึงใจ สองร่างต่างจูบฟัด นัวเนีย และแลกลิ้นกันอย่างถึงพริกถึงขิง เล่นเอาความต้องการพลุ่งพล่านไปทั้งเรือนกายอันเต็มไปด้วยไฟปรารถนา และเพียงชั่วพริบตาอาภรณ์ก็อันตรธานไป “มาร์คคะ ได้โปรดเถอะ…ริชชี่ไม่ไหวแล้ว” คนที่นั่งคร่อมอยู่บนตักกว้างส่งเสียงกระเส่าเว้าวอน นัยน์ตาหยาดเยิ้มเชิญชวนเต็มอัตรา บ่งบอกถึงความต้องการอย่างเปิดเผย “แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอที่รัก ไหนบอกว่าแบบนอนสต็อปไงล่ะคนสวย” เสียง
“ไงวะเพื่อน มีสาวสวยมาออดอ้อนไม่เคยห่างเลยนะแก” เคลวินแขวะมาร์โคด้วยความหมั่นไส้ ทันทีที่อีกฝ่ายเดินยิ้มเผล่เข้ามาหา“แหงล่ะ ก็คนมันหล่อนี่หว่า ช่วยไม่ได้” มาร์โคไม่คิดจะปฏิเสธหรือโต้แย้งถ้อยคำที่เพื่อนตั้งใจกระแนะกระแหนเลยสักนิด แถมยังยิ้มกว้างด้วยความมั่นใจในตัวเองอย่างแรง “ไอ้ห่า หมั่นไส้คนหล่อว่ะ!” ราฟาเอลทนไม่ไหวจึงจัดไปให้เพื่อนรักหนึ่งดอก“ระวังนะโว้ย แกจะได้สาวเฉิ่มมาเป็นเมีย” แดเนียลเปรยด้วยท่าทางอารมณ์ดี“ไม่มีทาง ผู้หญิงมันก็ต้องแรงๆ สิครับไอ้คุณเพื่อน มันถึงจะซู่ซ่าถึงใจ ไม่แรงจะเอามาทำไม ถ้ายิ่งจืดชืดเป็นยาเย็นอย่าได้สะเออะมาเสนอตัวให้นายมาร์โค ดิมิเทียส คนนี้เชียว พ่อจะไล่ตะเพิดเข้าให้ ถ้าได้ผู้หญิงแบบนั้นมาทำพันธ์ฉันขอไปบวชดีกว่าว่ะ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ เพื่อน” มาร์โคยืนยันเสียงแข็งว่าไม่มีทางชายตาแลสาวเฉิ่มเบ๊อะแน่ แค่คิดเขาก็กระอักกระอ่วนเต็มทนแล้ว “ฮะๆๆ แล้วฉันจะคอยดูแล้วกัน ว่าแกจะแน่ซักแค่ไหน” แดเนียลหัวเราะเสียงดังสนั่นให้กับท่าทางสยดสยองของไอ้เพื่อนตัวดี “คนอย่างนายมาร์โค ไม่คิดจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีนั้นอยู่แล้ว ยิ่งสาวเอเชียยิ่งขอบาย แค่คิดก็หมดอารมณ์แล้ว ใ
สองสาวเจอกันตอนไปแข่งฟิสิกส์โอลิมปิกที่ประเทศจีน เมื่อครั้งที่พวกเธอยังเรียนชั้นมัธยมปลาย ด้วยความที่ชื่นชอบอะไรเหมือนๆ กัน เลยคุยกันถูกคอ แถมสไตล์การแต่งตัวยังคล้ายคลึงกันมาก ไม่ว่าจะเป็นการสวมแว่นตาหนาเตอะ ใส่กระโปรงทรงสุ่ม และใส่เสื้อปกปิดเนื้อตัวมิดชิด แต่บุปผชาติจะดูเฉิ่มและเชยกว่า หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ติดต่อกันมาตลอด จนกลายมาเป็นเพื่อนรักในที่สุด สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการแล้ววันที่บุปผชาติจะต้องจากเมืองไทยก็มาถึง นายบริรักษ์แทบไม่อยากให้ถึงวันนี้ เวลาช่างเดินเร็วนัก อีกไม่กี่นาทีลูกก็จะจากเขาไปไกลซะแล้ว สองพ่อลูกร่ำลากันอยู่ที่หน้าห้องผู้โดยสารขาออกด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ “จำไว้นะแก้ม ถ้าหนูอยู่ไม่ได้ ต้องโทรมาบอกป๋าทันทีนะ เข้าใจไหมลูก” บิดายังคงย้ำชัดประโยคเดิมๆ จนผู้เป็นลูกจำได้ขึ้นใจ แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายรักและเป็นห่วงตนมากแค่ไหน“ค่ะคุณป๋า แก้มไม่ลืมหรอกค่ะ” สาวน้อยรับคำด้วยน้ำเสียงแข็งขัน“ดูแลตัวเองให้ดีนะลูก ป๋ารักหนูนะ นี่เป็นนามบัตรเพื่อนป๋า หากหนูมีปัญหาโทรหาเขาได้ทุกเมื่อ เขาจะส่งคนมาช่วยลูกทันทีไม่ว
“เราโทรมาบอกว่าบริษัท Professional Enterprise and Development ติดต่อมาขอซื้อตัวเรา แล้วเธอล่ะเป็นไงทางนั้นติดต่อมาบ้างหรือยัง?” มณีญาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่ส่งโปรไฟล์ไปแนะนำตัว หลังจากนั้นเพียงสองอาทิตย์ทางบริษัทก็ติดต่อกลับมาว่าอยากได้เธอไปร่วมทีมด้วย “ไชโย้! ดีใจจังเลย เราก็ได้เหมือนกัน แบบนี้ก็ดีน่ะสิ แก้มจะได้มีเพื่อน” บุปผชาติร้องตะโกนด้วยความยินดีที่ทั้งคู่จะได้ไปทำงานที่ตนใฝ่ฝันด้วยกัน “เราจะนับวันรอได้เจอแก้มเลยล่ะ งั้นแค่นี้นะบ๊ายบายจ้ะ” มณีญาก็รู้สึกยินดีไม่ต่างจากเพื่อนรัก เพราะเธอรอเวลาที่จะได้เจอกับบุปผชาติมานานนัก ที่ผ่านมาจะได้คุยกับเพื่อนสาวเพียงทางโทรศัพท์ แต่ครั้งนี้จะได้เจอหน้า เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ “เราก็เหมือนกันจ้ะ บาย” สาวเฉิ่มยิ้มอยู่คนเดียวจนแก้มแทบปริ ดีใจที่ทุกอย่างดูลงล็อกเป็นไปตามที่ตนคาดหวังไว้ทุกประการ สองสาวเจอกันตอนไปแข่งฟิสิกส์โอลิมปิกที่ประเทศจีน เมื่อครั้งที่พวกเธอยังเรียนชั้นมัธยมปลาย ด้วยความที่ชื่นชอบอะไรเหมือนๆ กัน เลยคุยกันถูกคอ แถมสไตล์การแต่งตัวยังคล้ายคลึงกันมาก ไม่ว่าจะเป็นการสวมแว่นตาหนาเตอะ
“ป๊ะป๋าให้แก้มไปเถอะนะคะ นะ…นะ…คุณป๋าสุดหล่อ” สาวน้อยเกาะแขนบิดาแน่น ปากก็พร่ำออดอ้อนออเซาะ แนบแก้มถูไถลำแขนแกร่ง พร้อมเงยหน้าทำตาปริบๆ ให้น่าเห็นใจมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กิริยาคล้ายแมวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้านายของมันอย่างไรอย่างนั้น “ไม่ไปไม่ได้เหรอลูก หนูเป็นผู้หญิง ป๋าไม่อยากให้ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวเลย” ใจคนเป็นพ่อพลันอ่อนยวบ เพียงได้ยินเสียงอ่อนเสียงหวานของผู้ที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ แจ้งความประสงค์ชัดเจนว่าต้องการห่างจากอกตนเพื่อไปทำงานแดนไกล จะให้เขาปล่อยเธอไปได้ยังไง เลี้ยงดูมาตลอดยี่สิบเอ็ดปี ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ถ้าไปอยู่ไกลหูไกลตาแล้วใครจะดูแล “แต่แก้มอยากไปทำงานที่ตัวเองใฝ่ฝันนี่คะ นะคะ…ได้โปรดให้ลูกไปเถอะนะคะ” หญิงสาวยื่นศีรษะไปซบอกอุ่นของบิดาพร้อมเอ่ยเสียงหวาน เพียงหวังว่าท่านจะยอมใจอ่อนและเห็นใจเธอบ้าง “ถ้าหนูไป แล้วป๋าจะอยู่กับใครล่ะลูก?” ผู้เป็นพ่อทำหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่ชอบใจที่ครั้งนี้ดูท่าว่าลูกจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเป็นแน่แท้ “ป๊ะป๋าก็หาสาวมาอยู่ด้วยสักคนสิคะ จะได้ไม่เหงา…อิอิ” บุปผชาติพูดติดตลก เพราะรู้ดีว่าผู้เป็นบิดารักมารดาของเธอมากแค่ไหน พอ
บ้านเลขที่ 99/99 สีลม กรุงเทพมหานคร คนที่ผ่านไปมาย่านนี้ต่างก็มองป่าเขียวขจีด้วยความแปลกใจ ในพื้นที่ทำเลทองของเมืองหลวงเช่นนี้ ใครล่ะจะคิดว่ายังมีป่ากลางเมืองได้ และที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นคือมีบ้านทรงไทยสไตล์ล้านนา ทำด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้นานาพันธุ์บนพื้นที่กว่าสามไร่ บ้านหลังงามที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น ดูกลมกลืนมองแล้วเป็นเหมือนป่ามากกว่าที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีอันจะกิน ด้วยความที่สมาชิกภายในครอบครัวทุกคนรักในความเป็นไทยแท้ การตกแต่งทุกอย่างจึงเป็นแบบไทยๆ เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวบ้าน สวนดอกไม้ สนามหญ้า สระเลี้ยงปลา และศาลากลางน้ำ ยกเว้นก็แต่ห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ขนาดย่อม ที่ตั้งอยู่บริเวณส่วนของหลังบ้าน ซึ่งประมุขของบ้านตั้งใจสร้างให้บุตรสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เพราะเห็นพรสวรรค์ในเรื่องวิทยาศาสตร์ของลูกที่ฉายแววตั้งแต่ยังเล็ก จึงส่งเสริมเธอในทุกรูปแบบ สิ่งปลูกสร้างอันประณีตวิจิตรตระการตาทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นดั่งวิมานบนดินสำหรับสมาชิกในครอบครัวดิลกรัตนกุล เพราะมันล้วนอบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่น ที่คนใ







