สายลมบามค่ำพัดผ่านเรือนพักกว้างขวาง เสียงใบไม้เสียดสีกันดังแผ่วคล้ายเสียงขลุ่ย จันทราเต็มดวงส่องลอดม่านบางที่ปลิวไหว เงาสะท้อนบนโต๊ะหินเผยให้เห็นจอกสุราสองจอกวางเรียงคู่กัน
เสิ่นหมิงหัวเราะเบา ๆ ดวงตาคมทอดมองนางราวจะหลอมรวมวิญญาณเข้าไปในดวงหน้าอันอ่อนโยนนั้น
มู่เถาฮวาใบหน้าแดงซ่าน ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์สุรา หรือเพราะอะไรบางอย่าง ร่างกายของนางในตอนนี้รู้สึกเหมือนถูกถ่านร้อนแนบตามลำตัว มันร้อนลุ่มไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
ความวูบไหวนี้ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ และค่อยๆ ชัดเจนขึ้นตามเวลาที่ล่วงผ่านไป และตอนนี้นางก็ข่มอารมณ์ไว้ไม่ไหวแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาและนางกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันบนเตียง แล้วแต่ต่อมามู่เถาฮวาก็เริ่มมีสติขึ้นมาเล็กน้อย นางจึงผละออกจากเขา
เสิ่นหมิงค่อย ๆ เอื้อมมือไปแตะข้อมือของนางเบา ๆ ปลายนิ้วเย็นเฉียบแนบลงกับผิวอุ่น
“อย่าไป...”
เขากระซิบใกล้จนลมหายใจอุ่นรินผ่านข้างแก้ม
“อยู่ตรงนี้กับข้า...เพียงคืนนี้ก็พอ”
ดวงตาทั้งคู่สบกัน ท่ามกลางความเงียบงันที่เต็มไปด้วยเสียงหัวใจเต้นแรง
แล้วเขาก็โน้มตัวเข้าไป จูบแรกแผ่วเบา แต่นานพอให้นางหลับตาลง ริมฝีปากสัมผัสกันอย่างลังเล สั่นไหวราวกับไม่แน่ใจว่าคือความจริง หรือเป็นเพียงฝันในคืนที่เมามาย
มือของเขาประคองใบหน้านางอย่างทะนุถนอม ขณะที่นางยื่นมือขึ้นแตะแผ่นอกเขาเบา ๆ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นและโถมเข้าหาร่างสูงที่นั่งอยู่
หญิงสาวรู้สึกเร่าร้อนจนไม่อาจต้านทานได้จึงเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหาเขาอย่างหน้ามืดตามัว มารู้ตัวอีกทีนางก็เป็นฝ่ายจุมพิตเขาด้วยตนเองไปเสียแล้ว
เสียงลมหายใจสอดประสานกันใต้จันทรา ปล่อยให้ความรู้สึกไหลไปกับรสของสุราและความหวั่นไหวในหัวใจ
มือบางดึงรั้งร่างสูงเข้ามาใกล้อีกนิด ริมฝีปากของนางหยอกเย้าขบเม้มลงบนริมฝีปากอุ่นอย่างรุนแรง ทุกการสัมผัสในตอนนี้ดูรีบร้อนไปหมด จนแม้แต่เสิ่นหมิงก็เริ่มตามไม่ทัน
มู่เถาฮวาตอนนี้เปลือยกายล่อนจ้อน เผยให้เห็นผิวขาวที่สะท้อนแสงจันทร์ เสิ่นหมิงตะลึงอยู่เพียงครู่ ก่อนจะก้มลงจูบไหล่เนียนที่สั่นไหวเบา ๆ ใต้ริมฝีปาก
“เถาฮวา...”
เขาเอ่ยชื่อของนางราวกับจะกลืนมันไว้ในลมหายใจ
“องค์ชายรอง ท่านช่างงดงามยิ่งนัก”
หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่ว แววตาของนางฉายความวาบหวามออกมาอย่างไม่ปิดบัง ก่อนที่นางจะดึงเขาให้ลุกขึ้นยืน พร้อมกับเริ่มจุมพิตไปตามผิวกายของเขา
เสิ่นหมิงไม่เคยถูกสตรีใดลวนลามอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ แต่ไม่เพียงเขาจะไม่รังเกียจ แต่กลับยิ่งชื่นชอบสัมผัสซุกซนเย้ายวนของนางด้วย
“เจ้าช่างร้อนแรงยิ่งนักมู่เถาฮวา ข้าชอบ...”
เขาเอ่ยด้วยเสียงลุ่มหลง ก่อนจะเป็นฝ่ายดันนางไปชิดผนัง จากนั้นก็ขบเม้มไปตามซอกคอที่หอมกรุ่นเลื่อนลงมาถึงไหปลาร้า พร้อมกับใช้สองมือลูบไล้ไปตามเรือนกายของหญิงสาว
สุรารสชาติหอมหวานที่ชวนให้เมามายที่ดื่มไปก่อนหน้ายังไม่อาจเทียบได้กับความหวานของผิวกายสาว กลิ่นหอมของนางทำให้เขารู้สึกตื่นตัวและหลงใหลจนมิอาจห้ามใจ
เสิ่นหมิงใช้สองมือช้อนเต้าอวบไว้ด้วยสองมือ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นของเขาสะกิดที่ยอดถันสีระเรื่อทั้งสองข้างสลับกันไปมาอย่างแผ่วเบา ทว่าเพียงแค่นั้นคนที่ถูกกักตัวให้ยืนชิดผนังห้องก็แทบยืนไม่ไหว
นางส่งเสียงครางรัญจวนออกมาด้วยความกระสัน แขนของนางอ่อนแรงจนแทบเรี่ยวแรงจะยืน
ทว่าเสิ่นหมิงก็ช่างชอบรังแก เมื่อเห็นว่าร่างกายของนางกำลังสั่นหวามเพราะเขา ชายหนุ่มก็ยิ่งเพิ่มแรงดูดและขบเม้มเต้าทรวงสองข้างนั้นมากขึ้น
แม้จะมิเคยร่วมเตียงกับสตรีใด แต่เขาก็อ่านตำราปกขาวที่สอนเรื่องกามกิจและหน้าที่ของบุรุษที่มีต่อสตรียามอุ่นเตียงมาไม่น้อย สมุดภาพที่เคยดูท่วงท่าต่างๆ และกลเม็ดมัดใจสตรีให้ลุ่มหลงจึงถูกนำมาใช้
เขาช้อนอุ้มนางไปนอนหอบกระเส่าอยู่บนเตียง ในขณะที่ใบหน้าของเขาฝังซุกอยู่ตรงเนินสวรรค์ที่งดงาม
บริเวณส่วนสงวนของนางน่ามองไม่ต่างจากส่วนอื่น อีกทั้งมันยังปิดสนิทอยู่ เขาจึงค่อย ๆ ใช้นิ้วคลึงช้าๆ ก่อนจะสอดแทรกเข้าไปตรงกลีบรักอย่างตื้นเขิน ราวกับต้องการทำความรู้จักนางให้มากยิ่งขึ้น
“อ๊ะ...อย่าเอานิ้วเข้าไป”
นางเอ่ยเสียงหอบ เพราะเสียวซ่านจนแทบจะทนไม่ไหวแล้วกับการหยอกเย้านั้น
เสิ่นหมิงยินยอมตามใจถอนนิ้วของเขาออกจากร่องดอกไม้น้อย ๆ แต่กลับเปลี่ยนเป็นการรังแกนางด้วยเรียวลิ้นร้อนร้ายแทน
ปลายลิ้นของเขากระกดเข้าออกตรงส่วนนั้นแทนที่นิ้วที่เคยอยู่ตรงนั้น ก่อนที่เขาจะเริ่มชิมความหวานจากกายนางอย่างลึกซึ้ง
ชายหนุ่มทั้งขบเม้มและดูดเลียมันราวกับสิ่งตรงหน้าคือของหวานรสโอชาที่เบื้องบนส่งมาให้แก่ตนเอง
ทว่ามู่เถาฮวาไม่ใช่คนที่จะยอมถูกรังแกฝ่ายเดียว นางจึงฉวยโอกาสที่เขาพลั้งเผลอ กดเขาลงนอนบนเตียง จากนั้นก็เอาคืนบ้าง ด้วยการก้มหน้าลงไปหาน้องชายของเขาพร้อมกับใช้ริมฝีปากของนางครอบครองมันเอาไว้
ตัวตนของเขาเต้นไปมาอยู่ในโพรงปากของนาง ทว่าแท่งหยกอุ่นนั้นก็ใหญ่โตนัก ทำให้นางไม่สามารถครอบครองได้จนสุดลำ หญิงสาวจึงใช้ริมฝีปากรูดขึ้นลงไปอย่างมีจังหวะ พร้อมกับเหลือบสายตาขึ้นมองเขา
เสียงครางต่ำ ๆ ของเสิ่นหมิงลอดออกมาจากลำคอที่แห้งผากขอเขา เขาจ้องมองนางราวกับเสือร้ายที่รอคอยจะล่าเหยื่อ
“เถาฮวา...เจ้าท้าทายข้าจริงๆ”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่นางจะร้อง ‘ว้าย’ ออกมาคำหนึ่งเมื่อถูกกระชากขึ้นมานั่งทับบนตักเขา จากนั้นก็ดูเหมือนร่องรักที่เปียกชื้นขอนางจะทำหน้าที่ของมันได้อย่างเหมาะเจาะ เพราะเพียงพริบตา ร่างของนางก็กดทับลงมายังแท่งกายกำยำที่กำลังตื่นตัวชูชันพอดี
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีความเปียกลื่นหล่อเลี้ยง เพราะต่างได้ใช้ริมฝีปากสัมผัสอย่างลึกซึ้งให้แก่กันแล้ว แต่ครั้งแรกของการอุ่นเตียงย่อมเจ็บมากสำหรับฝ่ายหญิง
มู่เถาฮวาพยายามยันสะโพกให้ลอยขึ้นเพราะทนไม่ไหวในยามที่นางนั่งลงไปครอบครองตัวตนของเขา ทว่าเสิ่นหมิงไม่ยินยอมและใช้มือข้างหนึ่งกดสะโพกของนางลงไป
“องค์ชายรอง...ข้าเจ็บ...อ๊ะ...”
“อีกเดี๋ยวก็เสียวมากกว่าเจ็บ อดทนไหวหรือไม่”
เสียงของเขาที่ดังออกมานั้นราวกับมียากล่อมประสาทอ่อน ๆ จนทำให้มู่เถาฮวายินยอมในที่สุด นางพยายามข่มกลั้นผ่านความเจ็บในครั้งแรกไปให้ได้ โดยที่เสิ่นหมิงก็ช่วยจุมพิตเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้แก่นางอย่างต่อเนื่อง
ในระหว่างที่ลิ้นร้อนของทั้งสองตวัดเกาะเกี่ยวกันอยู่นั้น ส่วนล่างของร่างกายก็หลอมรวมกันอย่างแนบแน่น
ชายหนุ่มปล่อยให้คนในอ้อมแขนที่นั่งควบเขาอยู่ได้สักเล็กน้อย ก่นจะเริ่มสั่งให้นางขยับด้วยตนเอง หญิงสาวยินยอมแต่โดยดีเพราะนางเสียวซ่านมากจนทนไม่ไหว
ทว่าในทุกจังหวะที่นางขยับสะโพกขึ้นลงและส่ายวนไปมา ชายหนุ่มที่นางควบขี่อยู่ก็จะกระเด้งเอวรับอย่างหนักหน่วงเช่นกัน
การกระทำในท่วงท่าเช่นนี้จึงทำให้แกนกายเข้าไปได้ลึกกว่าเดิม และสร้างความสุขสมอย่างหนักหน่วงให้แก่ทั้งสอง
เสียงหอบหายใจสลับกับเสียงครางของทั้งคู่ดังผสานกัน พร้อมกับเสียงหัวใจเต้นกระหน่ำในอกทั้งสอง คล้ายจังหวะของเพลงบรรเลงที่ไร้ซึ่งเครื่องดนตรี
ความร้อนจากกายแนบแน่นนั้นแผ่ซ่านไปถึงใจ
ทุกการเคลื่อนไหวที่ถูกเปลี่ยนท่าทางไปอีกท่าหนึ่งก็ยังคงร้อนแรง คราวนี้เสิ่นหมิงเป็นฝ่ายควบคุมจังหวะบ้าง เขาสอดนิ้วมือเกาะเกี่ยวกับมือน้อย ๆ เอาไว้ พร้อมกับโน้มลงไปหานาง แล้วใช้สะโพกขยับโยกเพื่อส่งผ่านความร้อนระอุในกายไปยังสตรีใต้ร่าง
เสียงหวานพึมพำเรียกหาชื่อเขาซ้ำ ๆ ในจังหวะที่นางถูกพาไปสู่จุดสูงสุดของห้วงอารมณ์ปรารถนา ช่องทางที่คับแน่นอยู่นานแล้วก็บีบรัดตัวตนของชายหนุ่มอย่างรุนแรง ทว่าเขาก็ยังพยายามอดทนพานางถึงฝั่งฝันไปก่อน ก่อนที่ตนเองจะเกาะเกี่ยวขึ้นสู่บันไดสวรรค์ตามไปในเวลาต่อมา
ทว่าความเสน่หาต่อกันที่ถูกความเมามายจุดขึ้นก็ยากที่จะดับได้ พวกเขาจึงแลกเปลี่ยนลมหายใจความสุขสมกันอย่างยาวนานหลายชั่วยาม กว่าที่จะถึงคราวผละจากและความร้อนในกายถูกลดทอนลงก็เป็นในช่วงที่ฟ้าทอแสงแห่งวันใหม่แล้ว
ด้านเสิ่นหมิงนั้นหลังจากที่สะสางเรื่องราวต่างในเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินทางออกจากเมืองหลวงพร้อมกับเจี่ยงเฉิง ยามนี้ขั้วอำนาจมั่นคง ขุนนางที่ไว้ใจได้ล้วนมีไม่น้อย เขาจึงไม่ได้มีเรื่องให้กังวลเท่าใดนักก่อนหน้านี้เขาได้ออกตามหามู่เถาฮวาไปทั่วทุกที่ แต่ยังเหลืออีกที่หนึ่งที่เขายังไม่ได้ไปนั่นก็คือเมืองทางทิศใต้เขายังคงมีความหวังว่าจะได้พบเจอมู่เถาฮวาอีกสักครั้ง ไม่ว่านางจะอยู่ในสภาพไหน เขาก็ยินดีที่จะรับนางกลับเมืองหลวงไปใช้ชีวิตร่วมกันเขาเดินทางมาจนถึงเมืองทางทิศใต้ ที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีฝนตกลงมาประปรายอีกด้วย ชายหนุ่มเดินมาทางมากับเจี่ยงเฉิงผ่านร้านรวงต่างๆมากมาย มีเหล่าองครักษ์ลับปลอมตัวเป็นชาวบ้านคอยอารักขาเขาอยู่ห่างๆเดินทางมานานก็เริ่มรู้สึกหิว จึงถามคนในละแวกนั้นว่ามีร้านอาหารใดขึ้นชื่อบ้าง ชาวบ้านบอกว่าที่นี่มีร้านสุราขึ้นชื่ออยู่ร้านหนึ่ง เจ้าของร้านร้านหมักสุราได้รสชาติดีเป็นอย่างมาก เขาและเจี่ยงเฉิงจึงรีบไปที่ร้านนั้นในทันทีเมื่อมาถึงกลับได้ยินเสียงทะเลาะกันดังขึ้น อีกทั้งยังมีการทำลายข้าวของภายในร้านด้วย เสิ่นหมิงรีบเข้าไปดูเผื่อว่าจะห้า
เวลาก็ล่วงเลยผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่มู่เถาฮวาออกไปจากชีวิตของเสิ่นหมิง หญิงสาวเร่ร่อนไปเรื่อยๆ ทำการค้าเล็กๆน้อยเลี้ยงชีพ โชคดีทีมีเครื่องประดับติดตัวมาบ้าง นางจึงนำมันไปขายแลกเงินมาเปิดร้านค้าเอาไว้เลี้ยงชีพ นางเปิดร้านสุราแห่งหนึ่งอยู่ที่หมู่บ้านกว่างหลิง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแคว้นหนานจง หมู่บ้านแห่งนี้เงียบสงบเป็นอย่างมาก ร้านสุราของนางเป็นเพียงร้านเล็กๆร้านหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้คนก็แวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย เมืองแห่งนี้แม้สงบแต่ค่อนข้างเจริญอยู่บ้าง มีการค้าทางเรือและทางบก ที่ท่าเรือก็ค่อนข้างคึกคักไม่น้อยเลยมู่เถาฮวาใช้ผ้าโพกคลุมศีรษะของตนเอาไว้ ยามนี้ผมของนางเป็นสีขาวโพลนเหมือนหญิงชราเนื่องจากสูญเสียพลังชีวิตไป แต่ความงดงามของนางยังคงไม่จางหายไปแม้จะไม่ได้รับเคราะห์แทนเสิ่นหมิงแล้ว แต่สุขภาพของนางกลับไม่สู้ดีเท่าใดนัก มักจะเจ็บป่วยออดๆแอดๆ เพราะไม่มีเงินมากพอไปหาหมอดีดีมารักษาทำให้อาการป่วยเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆมู่เถาฮวาส่งเสียงไอออก ก่อนจะจัดการเก็บกวาดร้านเพื่อเตรียมเปิดขายสุรา"แม่นางมู่ สุราไหหนึ่ง ขอกับแกล้มดีดีด้วยล่ะ""ได้ๆ รอสักครู่"เปิดร้านไม่นานก็มีลูกค้าเข้าร้านมาแล
รัชศกหมิงปีที่1 เสิ่นหมิงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เหล่าขุนนางที่มีใจคิดไม่ซื่อถูกกวาดล้างไปจนหมด มีการเปิดสอบขุนนางใหม่เข้ามาทำงานในราชสำนัก ขุนนางใหม่ล้วนมีใจซื่อสัตย์และไม่คิดคดทรยศต่อบ้านเมือง ขั้วอำนาจที่ไม่ดีล้วนถูกเสิ่นหมิงกวาดล้างจนหมดสิ้น ไม่นานนักอดีตฮ่องเต้ผู้เป็นพระบิดาก็สวรรคตจากไป ก่อนตายยังสั่งให้ฝังพระศพของตนไว้ใกล้กับซ่งฮองเฮาอีกด้วยเสิ่นหมิงนั่งอ่านฏีฎาอยู่ในห้องทรงอักษรด้วยจิตใจที่เหม่อลอย นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่เขาตามหามู่เถาฮวาไม่พบเจี่ยงเฉิงเองก็ช่วยเขาออกตามหามู่เถาฮวาเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่พบร่องรอยของนางเลยแม้แต่น้อยกล่าวถึงเจี่ยงเฉิงแล้วนั้น หลังจากเกิดเรื่องเขาก็พามารดาออกมาจากจวนตระกูลเจี่ยง มาซื้อจวนใหม่อยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูก ใช้ชีวิตเรียบง่ายด้วยกันอย่างมีความสุข เสิ่นหมิงให้เจี่ยงเฉิงรับราชการเป็นหัวหน้าสำนักโหราศาสตร์ คอยดูทิศทางของดวงดาวและทำนายเรื่องราวต่างๆในเมืองหลวง เสิ่นหมิงไม่สนใจเรื่องราวที่ผ่านมาของตระกูลเจี่ยงเพราะเขาแยกแยะได้ว่าเจี่ยงเฉิงเป็นคนดีเมื่อเสิ่นหมิงจัดการงานทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก็ออกจากห้องทรงอักษร เขาสวมชุดชาวบ้านธ
เสิ่นหมิงนำกองกำลังทหารเข้าห่ำหั่นกับเสิ่นหลาง ยามนี้เสิ่นหลางไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นคนดีอีก เขาต่อสู้กับเสิ่นหมิงอย่างไม่ยอมแพ้ แต่กลับพบว่าพละกำลังของเสิ่นหมิงไม่ถดถอยลงเลย อีกทั้งยังไม่ยอมแพ้เขาโดยง่ายอีกด้วยไม่รู้เพราะเหตุใดเสิ่นหลางจึงรู้สึกว่าจิตใจไม่ค่อยสงบ คล้ายว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เขาและเสด็จแม่วางแผนอย่างรัดกุมแล้ว ย่อมไม่มีทางที่จะทำผิดแผน อีกอย่างตอนนี้เสด็จพ่อก็ใกล้จะไปปรโลกเต็มทีแล้ว รอให้เขาเอาศีรษะของเสิ่นหมิงไปมอบให้ตาแก่นั้นดู มันก็คงจะตายตามบุตรชายตนเขาแค้นเคืองเสด็จพ่อยิ่งนัก เขาก็เป็นบุตรชายอีกคนเช่นกัน แต่เหตุใดเสด็จพ่อจึงรักเขาน้อยกว่าเสิ่นหมิงกันเล่าเสิ่นหมิงมองเสิ่นหลางด้วยแววตาเย็นชา เขาจุดพลุสัญญาณขึ้นฟ้า ไม่นานก็ปรากฏกองทัพนับแสนเข้าสังหารทหารของเสิ่นหลางจนหมด เสิ่นหลางที่เห็นเช่นนั้นตื่นตระหนกเป็นอย่างมากของในมือเสิ่นหมิงนั่นมันตราทหารของเสด็จพ่อใช่หรือไม่ เขาเคยเห็นครั้งหนึ่ง และคิดว่าจะต้องได้ครอบครองมันแต่กลับหาไม่พบ ไม่คิดว่ามันจะตกมาอยู่ในมือของเสิ่นหมิง!ยังไม่ทันที่เขาจะได้เข้าสู้กับน้องชายตนต่อ ก็รู้สึกจุกที
เจี่ยงเฉิงที่ได้รับจดหมายจากเสิ่นหมิงก็เร่งรุดมาที่จวนองค์ชายรองอย่างไม่รอช้า เมื่อมาถึงก็พบว่ามู่เถาฮวากำลังรออยู่ในห้องทำพิธี เขารีบเข้ามาทันที"แม่นางมู่ เหตุใดจึงรีบร้อนถึงเพียงนี้เล่า เดิมทีจะต้องทำพิธีถอนคุณไสยในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่กำลังจะมาถึงไม่ใช่หรือ”มู่เถาฮวากันมามองเจี่ยงเฉิง ก่อนจะเอ่ยตอบ“เราจะรอเวลาไม่ได้แล้ว ท่านคงทราบเรื่องที่สวีกุ้ยเฟยและเสิ่นหลางองค์ชายใหญ่ยึดครองอำนาจแล้ว อีกทั้งยังมีราชโองการจากฝ่าบาทให้สวีกุ้ยเฟยเป็นผู้สำเร็จราชการแทน หากเป็นฝีมือของสองแม่ลูกที่ทำคุณไสยใส่เสิ่นหมิงจริงๆ เราก็ไม่อาจรอได้แล้ว""เจ้าเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่หรือไม่"“อืม”มู่เถาฮวามอบยันต์หลายแผ่นให้กับเจี่ยงเฉิง พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ข้าจะทำพิธีสะท้อนคุณไสยกลับไปหาคนที่ลงมือ โดยใช้ผีสาวชุดดำเป็นสื่อกลาง แต่วิธีนี้เสิ่นหมิงอาจจะเจ็บตัวเสียหน่อย แต่ไม่เป็นอันตรายอันใด หากกระอักโลหิตออกมาก็ถือว่าหายดีแล้ว""ได้ ข้าจะช่วยเจ้าเอง""อืม"เสิ่นหมิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ออกคำสั่งให้ทหารคุ้มกันจวนองค์ชายรองอย่างแน่หนา จนกว่าพิธีแก้คุณไสยจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีสายลมพัดพาเอาความ
การแช่น้ำใต้แสงจันทร์ผ่านไปด้วยดี หลังจากที่มู่เถาฮวานอนหลับไปแล้ว เจี่ยงเฉิงก็เดินเข้ามาหาเสิ่นหมิง ตอนนี้คนทั้งสองยังนอนไม่หลับ เจี่ยงเฉิงเองก็ยังไม่ได้กลับจวนตระกูลเจียงเพราะต้องการอยู่เป็นเพื่อนเสิ่นหมิงคนทั้งสองยกจกสุราขึ้นดื่ม ก่อนจะมองไปบนท้องฟ้าคราหนึ่ง เจี่ยงเฉิงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"อาหมิง เจ้าชอบนางหรือ"เสิ่นหมิงวางจอกสุราลง ก่อนจะหันมามองเจี่ยงเฉิง"ใช่ เจ้าว่าข้้าเหลวไหลเกินไปหรือไม่ ปากไม่ตรงกับใจใช่หรือไม่"เจี่ยงเฉิงส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่คิดสิ่งใด"ไม่หรอก ความรู้สึกเช่นนี้บางคราเราเองก็ไม่อาจห้ามใจได้ อีกอย่างข้าว่านางก็เป็นคนดี หากเราไม่พบนางบางคราอาจจะหาทางแก้ปัญหาในตอนนี้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ อีกอย่าง นางช่วยให้ข้ามีพลังกลับคืนมา ไม่ต้องถูกผนึกพลังวิญญาณ"เสิ่นหมิงเมื่อที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจี่ยงเฉิงแล้ว ชายหนุ่มมองหน้าสหายตนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม"เจ้าหาตัวคนที่ลงมือได้หรือยัง"เจี่ยงเฉิงหันมามองเสิ่นหมิงพลางส่ายหน้าไปมาอย่างอับจนหนทาง หลายวันมานี้เขาพยายามสืบแล้ว พบว่าท่านแม่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใ