“แม่นางเหมย เบ่งอีกนิดนะ” หมอตำแยบอกหญิงนางหนึ่งอายุไม่เกิน 18 ปี ที่ร้องอย่างเจ็บปวดเนื่องจากกำลังจะคลอดท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ครืนนน ซ่า
“อะ โอ้ย ข้าเจ็บเหลือเกิน...”
“อีกนิดเดียว เด็กกำลังกลับหัว” หมอหญิงวัยชราผู้ทำคลอดเอ่ยบอก มือพยายามบีบนวดหน้าท้องให้เด็กกลับหัว
“อึก ขะ ข้าไม่ไหว”
“เด็กกลับหัวแล้ว เบ่งอีก”
“มะ ไม่ไหว แล้ว ฝะ ฝากลูกข้าด้วย กรี๊ดดดดด”
“แม่นางเหมย แม่นาง !!” หมอชราส่งเสียงเรียกหญิงที่ได้เป็นแม่คนแล้วดังลั่น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปหลังเบ่งบุตรสาวออกมา จับชีพจรจึงพบว่าอีกฝ่ายได้เสียชีวิตลงแล้ว จ้องมองเด็กน้อยตัวขาวจ้ำม่ำไม่เหมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วยความเศร้าใจ
เกิดมาก็กำพร้าแม่เลยหรือนี่
ผ่าง
“เมียข้าเป็นอย่างไรบ้าง !” หลี่เจียหมิง เปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน ความตื่นเต้นทำให้เขาเผลอพรวดพราดเข้ามาอย่างอดใจไม่ไหว เมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของเมียรัก ทว่ากลับต้องตกตะลึงเมื่อพบร่างขาวซีดของเหมยลี่นอนนิ่ง หันไปหาหมอตำแยเพื่อฟังคำอธิบาย ทว่านอกจากหญิงชราจะไม่พูดอันใด ยังส่ายหน้ามองร่างที่นอนแน่นิ่งด้วยความเศร้าใจ
“เหมยลี่ ฮึก !” เจียหมิงรีบเข้าไปกุมมือเย็นเฉียบของฮูหยินไว้ มือหนาสั่นทำอะไรไม่ถูก น้ำตาหลั่งไหลออกมา ภาพเหตุการณ์มากมายพรั่งพรูเข้ามาตั้งแต่เขาพบเธอระหว่างขึ้นเขาล่าสัตว์ ตอนนั้นอายุเพียง 16 และเหมยลี่ 14 ปี หญิงคนเดียวท่ามกลางป่าเขาไม่มีญาติสหายที่ไหนเขาจึงพากลับมายังหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ แรกๆครอบครัวเขาก็ต้อนรับเธออย่างดี ภายหลังจึงมารู้ว่าเพราะเห็นแก่ของมีค่าที่ติดตัวเหมยลี่มา แต่พอนานไป ทางบ้านเขาใช้สารพัดวิธีนำสิ่งของที่ติดตัวเธอมาไปขายแลกกับเงินไม่กี่เหรียญเงินและอ้างว่าเพื่อนำมาใช้จ่าย ด้วยความโลภและใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายของคนในครอบครัว พอเงินหมดทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จากตอนแรกต้อนรับ หลังมากลับผลักไส ใช้งานหนักจนเป็นลมหลายต่อหลายครั้ง
สุดท้ายเขาทนไม่ไหวพาเหมยลี่แยกบ้านออกมาอยู่กันสองคน แม้ไม่มีการหมั้นหมายหรือสู่ขอตามธรรมเนียม มีเพียงสัญญาปากเปล่าว่าจะดูแลอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนกระทั่งเหมยลี่ตั้งครรภ์ มิวายบ้านหลักยังมารังควาน รีดไถเงินจากเหมยลี่บ่อยครั้งเมื่อตอนเขาออกไปล่าสัตว์ ทว่าครั้งนี้กลับหนักกว่าทุกครั้งเพราะการฉุดกระชากเศษเงินเพียงไม่กี่เหมานั้นทำให้เหมยลี่เกิดเจ็บท้อง เป็นเหตุให้คลอดก่อนกำหนด
“นางไปสบายแล้ว เหลือแต่บุตรสาวให้เจ้าได้ดูแล” หมอชราทำคลอดผ่านประสบการณ์มาหลายครั้ง มีหลายบ้านที่คลอดออกมาแล้วแม่เด็กตาย หรือตายทั้งคู่ แม้จะสงสาร แต่ก็เป็นภาพที่ชินตา มือเหี่ยวย่นใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นทำความสะอาดเด็กน้อย พยายามตบหลังให้เด็กส่งเสียงออกมา แต่เด็กน้อยกลับทำเพียงเบะปากเท่านั้น
“ฮึก ๆ พี่สัญญาจะดูแลลูกของเราเป็นอย่างดี” เจียหมิงเอ่ยพูดกับร่างไร้ลมหายใจของเหมยลี่ พลางมองบุตรสาวที่จ้องเขาตาแป๋วอย่างไม่เกรงกลัวด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก
“อุแว้ อุแว้”
“ขอบคุณขอรับท่านหมอ โอ๋ๆ ข้าขออุ้มนางเองได้หรือไม่” เจียหมิงขอบคุณแม่หมอที่ทำคลอด อยากลองอุ้มบุตรสาวดู แม้ท่าทางจะเก้ๆกังๆก็ตาม
“รับไปสิ” ว่าพลางยื่นเด็กทารกให้ นึกสงสัยนางตบหลังเด็กน้อยแปะๆ ตั้งนาน กลับไม่ร้องสักแอะเด็กน้อยกลับดื้อรั้น มองตาแป๋วเหมือนเดิม แต่พอได้ยินพวกเขาคุยกันคล้ายพอจับใจความได้กลับส่งเสียงร้องไห้ออกมา หญิงชราสลัดความคิดไร้สาระนั้น เด็กทารกจะมีความคิดได้คิดอย่างไร มีเพียงสัญชาตญาณของเด็กที่พอหิวก็ร้องเท่านั้น
“เอ่อ ละ ลูกพ่อ” เจียหมิงทำตัวไม่ถูก พึ่งเคยมีลูกครั้งแรก ดีที่แม่หมอสอนหลายอย่าง เจียหมิงอุ้มบุตรสาวอย่างทะนุถนอม เพราะกลัวจะทำให้นางเจ็บ บุตรสาวของเขาช่างน่ารัก น่าเอ็นดูเหลือเกิน ปากนิด จมูกหน่อย แก้มจ้ำม่ำ ผิวขาวราวหิมะคล้ายผู้เป็นแม่ จะมีเพียงดวงตาดับขลับที่เหมือนเขา ดวงตาของเด็กน้อยยังเอ่อไปด้วยน้ำตา นางหยุดร้องไห้แล้วเหลือเพียงเจือสะอื้น ปัญหาตอนนี้เขาต้องหาแม่นมให้นาง ท่ามกลางความกระวนกระวายใจของผู้เป็นพ่อ ไม่มีใครล่วงรู้ความคิดเด็กน้อยเลย
‘มืดจัง’
‘อึดอัดมาก’
“โอ้ยย ออกมาสักทีเถอะลูก” โมนิก้าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องด้วยความเจ็บปวด บอกให้ออกไปสักที แต่จะออกได้อย่างไรในนี้ทั้งมืดทั้งอึดอัด
“แม่นางเหมย เบ่งอีกนิดนะ” หืม เบ่งงั้นเหรอ เหตุการณ์คุ้นๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย หรือว่าที่ฟ้าผ่าครานั้นจะทำให้เธอกลับมายังโลกที่ควรจะอยู่ตามที่แม่บอก
“อะ โอ้ย ข้าเจ็บเหลือเกิน...” เสียงผู้หญิงคนเดิมร้องขึ้นดึงให้สติกลับมายังปัจจุบันอีกครั้ง
“อีกนิดเดียว เด็กกำลังกลับหัว” ชัดเลย เธอกำลังเกิดใหม่ ไม่ได้การละต้องช่วยแม่ในโลกนี้
“อึก ขะ ข้าไม่ไหว” แต่เสียงของแม่คนใหม่ช่างดูเจ็บปวดและแหบแห้งเหลือเกิน
ฮึบ สู้เขาสิโมนิก้า แค่กลับหัวแล้วออกไปโลดแล่นโลกภายนอกเอง
“เด็กกลับหัวแล้ว เบ่งอีก”
“มะ ไม่ไหว แล้ว ฝะ ฝากลูกข้าด้วย กรี๊ดดดดด”
ในที่สุดก็ได้ออกมาแล้ว เด็กทารกเห็นเพียงภาพเบลอๆมองซ้ายทีขวาทีอย่างมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งโผล่เข้ามา คาดว่าน่าจะเป็นพ่อในโลกใหม่ของเธอ
“เมียข้าเป็นอย่างไรบ้าง !” เสียงคนเข้ามาใหม่ดังขึ้นอย่างร้อนรน
“เหมยลี่ ฮึก !” เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ โมนิก้าหันขวับมองภาพตรงหน้าทันที แม้จะเห็นเพียงภาพเบลอแต่ก็พอเดาเอา
“นางไปสบายแล้ว เหลือแต่บุตรสาวให้เจ้าได้ดูแล” ได้ยินคำพูดหมอทำคลอด ยิ่งตอกย้ำว่าแม่ในโลกใหม่ของเธอเสียไปแล้ว คิดได้ดังนั้นเธอจึงเบะปากคล้ายจะร้องไห้ สวรรค์ไม่เห็นใจให้เธอได้มีโอกาสอยู่กับแม่บ้างเลยหรือ นี่คือสิ่งที่แม่เธอขอโทษในประโยคสุดท้ายที่เธอนึกถึงก่อนมาเกิดใหม่ใช่หรือไม่
“ฮึก ๆ พี่สัญญาจะดูแลลูกของเราเป็นอย่างดี”
“อุแว้ อุแว้” เมื่อได้ยินพ่อพูดดังนั้น จึงกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป ส่งเสียงร้องลั่นบ้าน ทว่าเสียงที่เปล่งออกมากลับเป็นเพียงเสียงทารกเท่านั้น
“ข้าขอตัวกลับก่อนนะเจียหมิง”
“ข้าเดินไปส่งขอรับ”
“ไม่ต้อง ๆ เจ้าดูแลบุตรสาว จัดการร่างของเมียเจ้าเถอะ อย่าลืมตั้งชื่อให้นางด้วยล่ะ” หมอชราเอ่ยทักท้วงพ่อมือใหม่อย่างเจียหมิงที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นจนลืมบางอย่างไป
“ขอบคุณท่านหมอขอรับ” หลี่เจียหมิงเหมือนคิดได้ว่ามีสิ่งที่ต้องจัดการต่อจากนี้ ดวงตาจึงฉายแววเศร้าขึ้นมาทันที เมียของเขาเคยบอกหากว่าสักวันหนึ่งนางเป็นอะไรไป ให้จัดการฝังหลุมศพที่ป่าหลังเขาเงียบๆ ไม่ต้องมีการจัดงานใดๆ ฉะนั้นเขาจึงทำตามเจตจำนงของนาง
“แอ้ !”
“พ่อมาแล้ว ๆ หิวไหมฮวาเอ๋อร์” บ้านของเขาอยู่ติดกับป่านอกหมู่บ้านแต่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก เนื่องจากพอแยกครอบครัวออกมา พ่อของเขาที่เสียไปแล้วให้ที่ดินผืนนึง นี่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เขามี หลังจากจัดการฝังศพนางเสร็จ เขาได้เดินทางเข้าหมู่บ้านเพื่อไปขอซื้อน้ำนมจากแม่ลูกอ่อนมาให้ เหลียนฮวา
ใช่แล้ว บุตรสาวของเขามีชื่อว่าเหลียนฮวา เนื่องจากสังเกตเห็นปานตรงข้อมือคล้ายดอกบัว เลยตั้งชื่อว่าเหลียนฮวา ซึ่งแปลว่าดอกบัวตามปานของนาง เขาชื่นชอบชื่อนี้ไม่น้อย เหลียนเอ๋อร์เปรียบเสมือนดอกไม้ที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว ที่เขาต้องปกป้องดูแลให้ดี ชดเชยแทนแม่ของนางหรือเมียรักของเขาที่ด่วนจากไปก่อนวัยอันควรด้วย
“จ๊วบ จ๊วบ”
“ค่อยๆกินลูก ประเดี๋ยวสำลัก” เจียหมิงมองเด็กน้อยดูดน้ำนมจากขวดนมที่เขาเอาเงินเก็บที่เหลืออยู่ทั้งหมดไปซื้อมา พอมองนางตั้งหน้าตั้งตาดูดนมเข้าอึกใหญ่ เขาก็บอกกับตัวเองจะต้องทำงานหาเงินเยอะๆ เพื่อหาซื้อน้ำนมให้นางกิน มองบุตรสาวกินนมเพียงไม่นานตานางก็ปรือหลังลง
กินเก่ง เลี้ยงง่ายจริงบุตรสาวเขา
เจียหมิงส่ายหน้ากับท่านอนน่ารัก ก้นโด่งของบุตรสาว เมื่อเด็กน้อยหลับสนิทแล้ว เขาจึงตัดสินใจแบกกระบุงไปล่าสัตว์ หาของป่ามาขาย
‘เฮ้อ ท่านพ่อไปแล้ว’ เหลียนฮวาหลี่ตามองเมื่อเห็นว่าพ่อของนางออกไปด้านนอกแล้ว จึงลืมตาขึ้น ดวงตากลมโตที่เริ่มปรับสภาพการมองเห็นชัดขึ้นได้มองไปรอบๆพบว่าครอบครัวนี้ยากจนจริงๆ บ้านไม้เก่าๆ เรียกว่าบ้านก็ไม่ถูก น่าจะเรียกว่ากระท่อมมากกว่า การแต่งกายของคนที่นี่ก็แปลกประหลาด บ้านเรือนก็แตกต่างจากโลกเก่าของนาง แต่สิ่งที่นางกลับคุ้นเคยที่สุดน่าจะเป็นท่านพ่อคนใหม่ เธอรู้สึกถึงความรักความผูกพันกับเจ้าของร่างไม่ต่างจากพ่อคนเก่าเลยสักนิด อีกทั้งยามมองใบหน้าพ่อคนใหม่ ใบหน้าปะป๊ากลับทับซ้อนมา เธอเชื่อเรื่องโชคชะตา ขนาดคนที่สูญเสียพ่ออย่างเธอ ยังได้รับโอกาสกลับมาเกิดใหม่ให้มีพ่อ แม้รูปลักษณ์จะไม่เหมือนเดิม แต่ความรู้สึกบ่งบอกว่านี่คือพ่อคนเดิมของนางแน่ๆ
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะปกป้องท่านพ่อคนนี้ให้ได้
“ฮึบ ๆ” เหลียนฮวาพยายามพลิกตัวไปมา จะมีเด็กทารกคนไหนบ้าง เกิดได้เพียงวันเดียวสามารถพลิกตัวได้แบบเธอ ฮึๆ เธอนี่มันอัจฉริยะจริงๆ
เมื่อพลิกตัวสำเร็จ เหลียนฮวาจึงเริ่มสำรวจรอยสักรูปดอกบัวที่ติดตัวมายังโลกนี้ด้วย แต่ไม่ว่าจะลูบอย่างไรมันก็ไม่มีปฏิกริยาใดๆ หรือเป็นเพราะว่าร่างนี้ยังเด็กเกินไป งั้นลองทำแบบดู
วูบบบ
ออกมาจริงด้วย เหลียนฮวาลองคิดถึงนมผง จู่ๆนมผงยี่ห้อดังในโลกก่อนก็ปรากฏขึ้น ทว่าออกมาเป็นกล่องยังไม่แกะแบบนี้เธอจะทำยังไง ชงออกมาให้หน่อยก็ไม่ได้ โอดครวญไม่นานก็เก็บกลับเข้าไป
ฮื่อ อยากกินนมผงมากกว่า เธอไม่รู้ว่าท่านพ่อเอาน้ำนมจากไหนมาให้ แต่จืดชืด เหมือนกินน้ำเปล่าที่มีรสคาว ทำอย่างไรได้ในเมื่อนางหิวมาก ท่านพ่อเอาอะไรมาให้ก็ต้องกิน ไม่มีโอกาสได้เลือก
ปัง ปัง
“ไอ้หมาป่าตาขาว แกออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ !” ระหว่างเหลียนฮวากำลังคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆมีเสียงแหลมสูงของสตรีดังขึ้นหน้าบ้าน เคาะประตูจนแทบพัง ไม่รู้ใช้มือหรือตี-นกันแน่ ประตูบ้านเธอที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่อยู่แล้วแทบหลุดออกมา ว่าแต่หมาป่ามีตาสีขาวด้วยหรือ
“เจียหมิง !!!” เสียงแหกปากตะโกนยังคงดังไม่ลดละ
“แม่ ข้าว่าท่านพี่ไม่น่าจะอยู่บ้านหรอก เรากลับกันเถอะ” หญิงอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว บรรยากาศเย็นๆ ไหนจะพี่สะใภ้ที่ตายไปแล้วอีก
“เจ้าหุบปากไปซิงอี วันนี้ยังไงข้าก็ต้องเอาเงินมาให้ได้”
“แต่ว่า...”
“พวกท่านมาทำอะไรที่นี่” หลี่เจียหมิงกลับจากล่าสัตว์เก็บผักป่า วันนี้โชคดีได้ไก่ป่ามา 2 ตัว และผักป่าอีกนิดหน่อย กะว่าจะเอาไปขายแลกน้ำนมให้ฮวาเอ๋อร์ ทว่ากลับต้องขมวดคิ้วหมุ่น เมื่อแม่เลี้ยงและน้องสาว ซึ่งเป็นลูกติดของนางมายืนอยู่หน้าบ้าน
“แกมาก็ดีแล้ว เอาเงินมาให้ข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“อุแว้ อุแว้”“ที่รักเหนื่อยไหม ขอบคุณที่คลอดบุตรให้พี่อีกคนนะ” หยางหลงเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้คนรักที่หน้าซีดเซียว“ไม่เลยเจ้าค่ะ แค่เห็นหน้าลูกๆกับพี่ ข้าก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” เหลียนฮวาที่มีประสบการณ์จากการคลออบุตรครั้งแรกถึงสองคน ครั้งนี้จึงคลอดง่ายมาก หมอหลวงที่เดินทางจากแคว้นเว่ยโดยเฉพาะอุ้มเด็กน้อยตัวอวบอ้วนเข้ามา“ขอแสดงความยินดีกับชินอ๋องและพระชายา เป็นเด็กทารกเพศชาย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพคะ” หมอหญิงส่งเด็กทารกให้แก่ชินอ๋อง หยางหลงรับมาด้วยความทะนุถนอม“อีกแล้ว ข้าอุ้มท้องเขามา 9 เดือนนะเจ้าคะ” เหลียนฮวาพูดอย่างน้อยใจ เมื่อบุตรลายคนที่สามไม่มีส่วนไหนเหมือนนางเช่นเดียวกัน นี่น้ำเชื้อเขาแรงมากเลยหรือ ลูกออกมาสามคน หน้าตาเหมือนเขาทุกคน“ฮ่าๆ คนที่สี่ต้องเหมือนเจ้าอย่างแน่นอน” หยางหลงพูดด้วยรอยยิ้ม เหลียนฮวาได้แต่อ้าปาก
แคว้นฉินพระราชวัง“ฮื่อ ฮื่อ” เสียงเด็กน้อยร่ำไห้อยู่ข้างเตียงของหญิงนางหนึ่ง“แค่ก ๆ ขะ ข้าไม่น่า คะ คลอดเด็กอย่างเจ้าออกมาเลย” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยใบหน้าโกรธแค้น ตัวนางซูบผอมเหลือแต่กระดูก อันเนื่องจากคลอดเด็กลูกครึ่งผีดิบที่กัดกินชีวิตนางตั้งแต่อยู่ในครรภ์ นางหวังให้ลูกของนางเติบโตมาแข็งแกร่งเหมือนพ่อ ทว่าเด็กออกมากลับเป็นผู้หญิง นอกจากอ่อนแอแถมยังไร้ประโยชน์ทำไมกันนะ ชีวิตของนางถึงไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ตั้งแต่มีพระสวามี เขาก็ทิ้งนางให้อยู่ท่ามกลางผีดิบ ดีที่ยังมีคนรับใช้หลงเหลือไว้ให้อยู่ แต่รอบตัวก็เต็มไปด้วยผีดิบ ไม่มีใครสามารถออกจากแคว้นได้เลย มีครั้งหนึ่งที่แม่ทัพของเคยคิดออกจากแคว้น ทว่ายังไปได้ไม่ไกล ต่างโดนเหล่าผีดิบเข้ามากัดกินทั้งเป็น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกไปนอกแคว้นอีกเลย“ท่างแม่…”“ยะ อย่า แ
4 ปีต่อมา“เสี่ยวชุน เสี่ยวเฉินลงมาจากต้นไม้เดี๋ยวนี้!!” เหลียนฮวาตะโกนบอกบุตรชายตัวแสบวัยสามขวบทั้งสอง อุ้มท้องมา 9 เดือน แต่ไม่มีส่วนใดได้นางมาเลย เด็กๆถอดแบบพี่หยางมาทั้งหมด ชอบปีนต้นไม้เหมือนใครก็ไม่รู้? แถมยังหลบหนีพี่เลี้ยงเก่งเป็นที่หนึ่ง“ปี้ชายลงไปก่อนซี่” เสี่ยวชุนหรือเว่ยชุนหวงเอ่ยบอกพี่ชายที่คลอดก่อนตนเพียง 5 วินาที ร่างกลมป้อมอวบอัด ทว่ากลับว่องไวกว่าคนเป็นพี่บุ้ยปากให้พี่ชายลงจากต้นไม้ก่อน“เจ้าเปงน้องก็ต้องลงก่อง” เสี่ยวเฉินหรือเว่ยเฉินอี้กล่าวบอกผู้เป็นน้อง ทั้งสองเกี่ยงกันลงก่อนเนื่องจากยังดูพวกท่านตาฝึกซ้อมยังไม่เสร็จ“ลง มา พร้อม กัน” เหลียนฮวาจำต้องเน้นเสียงทีล่ะคำบอกบุตรชาย ไม่งั้นก็ยังเกี่ยงกันไม่เลิก บุตรชายของนางทั้งสองชื่นชอบการต่อสู้เป็นพิเศษ หากเห็นทหารหรือบรรดาตาๆตัวเองฝึกก็จะรีบขอตามไปดูอย่างไวพวกเด็กๆจะเรียกพ่อของนางว่าต
“เหนื่อยหรือไม่” หยางหลงเอ่ยถามเจ้าสาวของตนหลังคืนแต่งงานผ่านพ้นไป คนรักที่กลายมาเป็นภรรยาและคู่ชีวิตของเขานับแต่นี้เหลียนฮวานั่งตัวเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูก นางกำลังเผชิญกับคืนเข้าหอเป็นครั้งแรก“…”“เหตุใดไม่คุยกับพี่้เล่า” หยางหลงค่อยๆเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวเชยคางมนมาสบตา ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง“ตะ ต้องดื่มเหล้าก่อนมงคลเจ้าค่ะ” เหลียนฮวาที่ไม่รู้จะหาข้ออ้างอันใดมาเอ่ยจึงมองไปที่กาใส่เหล้ามงคลเอาไว้“จริงสิ เป็นขนบธรรมเนียมของที่นี่” หยางหลงยิ้มกริ่มก่อนจะค่อยๆเทเหล้ามงคลจากกาน้ำสองจอดและยกขึ้นมาถือไว้“ดื่มเถิด” เขายื่นให้คนรักหนึ่งแก้วและถือไว้เองหนึ่งแก้ว ทั้งสองคล้องแขนกันก่อนจะยกขึ้นดื่มพร้อมกัน ทั้งกลิ่นทั้งรสชาติของเหล้ามีความแรงจนเหลียนฮวาต้องนิ่วหน้า นางรีบกลืนภายในอึกเดียว ไม่นานหน้
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ” ฮ่องเต้สวรรค์มองบุตรสาวด้วยสายตาไม่พอใจนัก“เจ้ารู้ความผิดที่ก่อหรือไม่เทพธิดาเหมยลี่” น้ำเสียงดังก้องกังวาลไปทั่วชั้นฟ้า“ไม่เพคะ” เทพธิดาเหมยลี่เชิดหน้าไม่ยอมแพ้“เจ้า!!!”“ลูกไม่คิดว่าการที่พวกเรารักกันจะผิดตรงไหน”“แม้จะไม่มีบัญญัติว่าห้ามรักต่างฐานันดร แต่เจ้าก็ทำผิดกฎสวรรค์ เจ้ากำลังตั้งครรภ์!!!” ฮ่องเต้สวรรค์แทบลมจับ สั่งให้ทูตสวรรค์หรือที่เรียกทหารในโลกมนุษย์พาธิดากลับมาและนำไอ้ชายที่มันล่อลวงบุตรสาวของเขามารับโทษ“ตั้งครรภ์ จริงสิ เสด็จพ่อทรงมีหลานแล้วเพคะ นางจะเป็นเทพธิดาตนใดมาเกิดกันนะ” เหมยลี่พูดไปยิ้มไป สายใยแม่ลูกทำให้รู้ว่าในครรภ์ของนางเป็นเพศหญิง พลางลูบหน้าท้องแบนราบของตน“ช่างเรื่องนั้นก่อน เจ้าต้องได้รับโทษ” ฮ่องเต้สวร
“พี่หยาง ผักที่เราปลูกงอกแล้วเจ้าค่ะ” เหลียนฮวากล่าวอย่างตื่นเต้น เป็นล็อตสองที่ทดลองปลูก แถมผักที่ปลูกยังเป็นชนิดใหม่“หืม งอกเร็วมาก ยังไม่ถึงเดือน” หยางหลงรีบเข้ามาดูต้นผักตามคนรักชี้บอก วันนี้พ่อตาและคนอื่นไม่อยู่ต้องไปทำภารกิจ“เพราะดินที่เราหมั่นบำรุงมั้งเจ้าคะ”ฟอดดด“เพราะเราช่วยกันปลูกต่างหาก” ขายหนุ่มแอบหอมแก้มแฟนสาวเร็วๆ แล้วส่งยิ้มกระชากใจหลังจากกลับจากแคว้นเว่ยมีประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องว่าที่พระชายาองค์ชายห้า เล่นเป็นข่าวดัง พูดถึงกันอยู่พักใหญ่เพราะว่าที่พระชายาเป็นคนต่างแคว้นแถมยังเป็นสามัญชน ทว่าทั้งคู่กลับไม่มีใครสนใจ พากันเดินทางไปแคว้นจ้าวสลับกับแคว้นเว่ย ไปๆมาๆระหว่างสองแคว้น แถมยังหวานกันยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องปกปิดตัวตนอีกต่อไป“ครั้งหน้าหากผักในโรงปลูกผักโตกว่า