3 แม่นั่น
“หมายความว่ายังไง ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” นลินสวนกลับทันควัน เธอไม่ใช่คนที่จะยอมให้คนที่ไม่รู้จักมาพูดจาดูถูก ดูแคลนอยู่แล้ว
อิทธิพัทธ์ปรายตามองหญิงสาวที่หันหน้าทะมึนตึงมองมาหาตนอย่างวิเคราะห์ ใบหน้ารูปไข่ ตากลมโตหางตาเชิดขึ้น จมูกเล็กคม ริมฝีปากหยักเป็นรูปชัดเจน ผิวสีน้ำผึ้ง ดูแล้วน่าจะเป็นลูกผสมเมืองคอนกับจังหวัดอื่น หน้าตาก็แตกต่างไปจากพ่อกับแม่มาก ส่วนรูปร่างดูบางจริงแต่ก็มีสัดส่วนนูน เว้า โค้ง ให้เห็นอย่างชัดเจนแม้จะนั่งอยู่ โดยรวมจัดอยู่ในหมวด ‘พอดูได้’
เขาไม่เคยพบเธอมาก่อนแต่จากสถานการณ์สามารถเดาได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นคนค้ำประกันหนี้ของครอบครัวนายประเสริฐแน่นอน เพราะวันนี้มีเพียงเธอที่สินต้องไปรับตัวมาเจรจาหนี้ตามระเบียบของบริษัทที่เขาวางเอาไว้
“มองแบบนี้หมายความว่ายังไง”
อิทธิพัทธ์เค้นเสียงในลำคอตอบเพียงสั้น ๆ
“มองคนที่บอกจะยอมทำทุกอย่างแลกเงิน แต่ฉันดูแล้วฉันว่าอย่างเธอ งานยืนตัดองุ่นคงไม่ถนัดเท่ากับงานนอนบนเตียงนุ่ม ๆ”
“นี่แก !”
“เอ่อ ทั้งคู่ นี่คือนายหัวอิทธิพัทธ์ นายหัวครับนี่คือคุณ…. เอ่อ เธอเป็นลูกสาวของลุงเสริฐ ผู้ค้ำประกันเงินกู้”
“ฉันมีชื่อ ชื่อของฉันคือนลิน”
เจ้าของชื่อจ้องกลับด้วยแววตาท้าทาย สำรวจผู้มาใหม่ตั้งแต่หัวจดเท้าด้วยสายตาแบบเดียวกับที่เขาเคยใช้มันกับเธอ จากที่เห็นได้ด้วยตา ตานายหัวนี่อายุน่าจะเลยสามสิบไม่เกินสามสิบห้า รูปร่างกำยำสูงใหญ่รวมกับผิวเข้มของเขาทำให้ดูดุดัน แววตาเย้ยหยันอยู่ภายใต้ขนตาแพหนารับกับคิ้วดกดำ ใบหน้าคมคายมีปื้นหนวดเครารับความคมสันของจมูกโด่งจนคนมองเผลอชื่นชมไปชั่วขณะ
แต่เมื่อได้สติ นลินก็วินิจฉัยในทันทีว่าเจ้าหนี้ของเธอมีลักษณะภายนอกถือว่า ‘งั้น ๆ’ ส่วนลักษณะภายในเข้าขั้น ‘แย่’ ฝีปากสุนัขไม่รับประทาน !
“มีแค่ตาแก่ตัณหากลับเท่านั้นที่จะคิดถึงวิธีขัดดอก” เธอโต้ตอบ
“ก็ถ้าลูกหนี้มีสภาพน่าเอา”
นลินผุดลุกขึ้นยืนชี้หน้าอ้าปาก…
“ฉันเป็นเจ้าหนี้เรียกเธอมาเพื่อเก็บหนี้ ไม่ได้เรียกมาต่อปากต่อคำ ว่างนักก็ไปทำงานบ้าน”
“ฉันไม่ใช่แม่บ้าน”
“อ๋อ ฉันลืมไปว่าเธอเป็น…อย่างอื่น”
“เอ่อ ผมว่า ทำงานบ้านเพิ่มเติมก็ช่วยให้มีรายได้เพิ่ม บางทีคุณนลินน่าจะลองรับทำดู”
นลินงับปากลง พูดฉะฉาน
“ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ตอนกลางวันฉันจะทำงานในไร่องุ่น เลิกงานในไร่จะทำความสะอาด เสร็จแล้วฉันถึงจะกลับบ้าน หวังว่าหนี้ยี่สิบกว่าปีคงจะลดลงมาบ้าง”
“แม่บ้านเงินเดือนหมื่นสอง”
“หมื่นสอง ? !”
“ให้หมื่นสองก็มากพอแล้วรวมทั้งปีได้ตั้งแสนสี่ รวมกับยอดเงินจากงานในไร่อีกปีละแสนกว่า ไป ๆ มา ๆ เวลาลดลงไปตั้งสิบปี”
ตานี่หัวเร็วชะมัด…นลินรู้สึกทึ่ง
“ยอดที่เป๊ะ ๆ จะรวมเป็นสิบสองปี ลดจากเดิมถึงสิบห้าปี” สินให้ข้อมูล หลังจากที่ปลายนิ้วกดรัว ๆ บนเครื่องคิดเลข
“นำสัญญาให้แม่นี่เซ็น” อิทธิพัทธ์สรุป “แล้วก็จัดหาที่นอนให้เธอด้วย”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะกลับไปนอนที่บ้าน บ้านของฉันอยู่ห่างจากไร่แค่กิโลเดียว ฉันเดินไหว”
“อะไรทำให้เธอคิดว่าฉันจะสนใจว่าเธอจะเดินไหวหรือไม่ไหว ที่ฉันสนใจคือคนไม่เคยลำบากอย่างเธอจะหนีหนี้ไปใช้ชีวิตสะดวกสบายเหมือนพ่อแม่พี่น้องของเธอต่างหาก”
นลินเป็นคนที่โดนโขกสับมาตลอดชีวิต การถูกพูดจาร้าย ๆ ใส่เป็นเรื่องที่เธอเคยพบเจอมา จึงเรียนรู้ที่จะตอบโต้กลับแล้วหาวิธีเยียวยาจิตใจไม่ให้คิดมาก
แต่ครั้งนี้เป็นคำพูดรุนแรงที่มาจากคนที่ไม่รู้จัก อีกทั้งยังเหยียดหยามไปถึงครอบครัว มันจึงทำให้เธอน้ำตาคลอ รู้สึกว่าเรี่ยวแรงจะโต้เถียงลดลงแทบไม่เหลือ
ท่าทางที่เปลี่ยนไปของนลินทำให้เจ้าหนี้อย่างอิทธิพัทธ์เข้าใจผิด คิดไปว่าเป็นการเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่สู้คน คงจะหวังอย่างอื่นในภายหลัง เขาเจอมาเยอะผู้หญิงที่ใช้มารยาทำนองนี้เพื่อจับเขา แต่เขาจะไม่ใจอ่อนกับลูกสาวบ้านนี้เด็ดขาด ทุกครั้งที่พ่อแม่ของเธอมากู้ มีครั้งไหนบ้างที่ไม่สร้างหนี้เพราะต้องนำเงินไปปรนเปรอคุณหนูหัวสูงอย่างแม่นี่
เงินยังต้องยืมคนอื่นใช้จ่าย แต่อยากได้โน่นอยากได้นี่ไม่เว้นแต่ละวัน แม้จะเรียนอยู่ไกลถึงกรุงเทพฯ ยังถ่อมาเซ็นรับเป็นผู้ค้ำประกันเพื่อให้ได้เงิน
ทีวันนี้ทำเป็นเล่นตัวทั้งที่ถ่อมาถึงไร่โดยไม่ต้องให้ใครฉุดกระชากลากถู ก็ไม่รู้ว่านอกจากหวังปลดหนี้ทางลัดตามแผนที่วางร่วมกับครอบครัวแล้ว ยังจะมีแผนปอกลอกอะไรอีกหรือเปล่า
ดังนั้นเขาจึงต้องจับให้เซ็นสัญญาจ้างงาน เพราะเป็นอีกอย่างที่จะช่วยการันตีว่าแม่นี่จะไม่เล่นตุกติก เขาก็อยากจะรู้นักว่าคุณหนูหัวสูงทั้งที่ฐานะทางบ้านติดลบจะทนได้สักกี่น้ำก่อนที่ธาตุแท้จะเผยออกมา
นลินนั่งอ่านสัญญาอย่างละเอียดจนเข้าใจเงื่อนไขเป็นอย่างดี เห็นว่าระยะเวลาของการทำงานลดลงมาเหลือสิบสองปี แล้วเงินเดือนที่จะได้รับเหลือสามสิบเปอร์เซ็นต์จากที่ควรหักทั้งหมด ตัวเลขนั้นถือว่าสูงมากทีเดียวสำหรับลูกหนี้เครดิตเสีย
คิดได้ดังนั้นก็จรดปากกาลงเซ็นเสร็จแล้วยื่นให้กับสิน แต่ก่อนที่สินจะรับหนังสือสัญญาไปเธอก็ย้ำถึงความต้องการอีกครั้ง
“ฉันจะเดินทางไปกลับบ้านของฉันไม่ค้างที่ไร่”
สินหันไปมองหน้าเจ้านาย เมื่อไม่มีประโยคคัดค้านออกมาจากปากหยักได้รูป สินก็ยืนยันรับคำขอนั้น
“ดี” นลินสรุป “ในเมื่อเซ็นสัญญาแล้วฉันก็จะกลับเลย ฉันจะเริ่มงานพรุ่งนี้ ถึงจะมีสัญญาจ้างแต่ฉันก็เป็นลูกจ้างที่ถูกกฎหมาย ฉันมีสิทธิ์ร้องเรียนกรมแรงงานถ้าถูกโขกสับเกินกว่าที่มาตรฐานกรมแรงงานกำหนด”
“อวดดีนักก็ทำไป แต่ฉันจะไม่ให้รถหรือคนไปรับไปส่งเธอด้วยความเสน่หาหรอกนะ ถ้าตีนมันแดงจนเดินไม่ได้ก็รอนั่งสองแถวไปกลับพร้อมคนงานคนอื่น ๆ เบียดกันหน่อยคงไม่ทำให้ทนไม่ไหว”
นลินขมวดคิ้วกับคำพูดประชดประชัน ได้แต่อ้าปากค้าง ‘แน่จริงก็อยู่รับฝีปากกันก่อนสิโว๊ย !’ เสียงตะโกนดังด่าในใจตามแผ่นหลังกว้างที่ไกลออกไปทุกขณะ
บ้านที่สกปรกเลอะเทอะต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการทำความสะอาด กว่าจะได้นอนบ้านคืนแรกจึงยืดเวลาออกไปถึงเที่ยงคืน นลินหมดเรี่ยวแรง ท้องร้องหิวจนแสบไส้แต่ภายในบ้านไม่มีอะไรให้กิน เธอจึงต้องนอนนิ่ง ๆ ข่มตาให้หลับ ซึ่งมันช่างทำได้ยากเย็นเหลือเกิน
วันนี้เธอพบเจอเหตุการณ์เร็วร้ายมาอย่างหนัก ตอนที่อยู่บนรถสองแถว ในตอนแรกคนงานคนอื่น ๆ โดยเฉพาะผู้ชายแย่งกันสละที่นั่งให้กับเธอ คนงานผู้หญิงต่างก็มีท่าทีเป็นมิตร เอ่ยชมว่าเธอดูสวยเกินกว่าจะมานั่งรถสองแถวเกลือกกลั้วกับพวกเศษเดน
พวกเศษเดนที่ถูกหมายถึงโต้ตอบกลับทว่าไม่มีแววเคียดแค้นในน้ำเสียง มีเพียงการเล่นมุกที่เรียกเสียงหัวเราะของผู้ร่วมโดยสาร ไม่นานเธอก็กลับมาถึงบ้าน
อิทธิพัทธ์อมยิ้มเล็กน้อย โน้มตัวลงบดจูบริมฝีปากบวมแดงอย่างหลงใหลแค่นลินเผยอปากเพียงนิดเดียว ลิ้นอุ่นของอีกฝ่ายก็เข้ามากวาดความหวานอย่างตามใจ ไม่รู้ว่าจูบนั้นเพลิดเพลินและโหยหากันและกันมากแค่ไหน พอรู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของเธอก็นาบลงบนเตียงนุ่ม ส่วนผัวรักของเธอก็ยังคงรักษาคอนเซปต์ของความป่าเถือนอย่างคงเส้นคงวาแคว่ก ! เพนตี้ลูกไม้ขาดถูกโยนออกไปไกล“นี่ ! นายหัว ฉีกมันอีกแล้วนะ ไอ้โรค อื้อ…”คำว่า ‘จิต’ ค้างอยู่ในลำคอเมื่อลิ้นอุ่นเลื่อนลงไปทักทายกลีบกลางอย่างรวดเร็ว“ลิน หวานมาก” เขาหยุดแล้วส่งเสียงอู้ ๆ อี้ ๆ บอกเธอก่อนจะทำการชำแหละหาความหมอหวานต่อนลินดิ้นเร่าอ้าขาออกกว้างอย่างหน้าไม่อาย แน่นอนว่าเธอคิดถึงความสุขสุดยอดนี้แค่ไหน นึกว่าอีตาผัวกระทิงควายจะกลายเป็นโรคประสาท สมองกลับจนไม่ทำแบบนี้ให้เธออีกต่อไปแล้ว โอ้วววแม่เจ้า ขอต้อนรับกลับบ้านค่ะนายหัวผัวกระทิงควาย นลินคิดในใจขณะเคลิบเคลิ้มวิ่งเล่นอยู่บนดวงจันทร์“ฉัน อื้อ เสียว ไม่ไหวแล้วค่ะนายหัว”อิทธิพัทธ์หยุดการเคลื่อนไหว นั่นทำให้นลินยิ่งประหลาดใจ ดวงตาพร่าสวาทกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้นก็กว้างขึ้น นัยน์ตาดำขลับมีรูปเครื่องหมายคำถาม ( ?
พยายามจะสะกดใจ แต่…นลินถือไดร์เป่าผมสะบัดไปมาบนผมเปียกที่พึ่งสระเสร็จอยู่หน้ากระจก ท่าทางของเธอเหมือนตั้งใจจะให้ผมนั้นกลับมาแห้งสสวยโดยเร็ว ๆ ทว่าจริงแล้วดวงตากลมโตไม่ได้สนใจผมของตัวเองสักนิด แต่กำลังมองผ่านกระจก ดูเรือนร่างกำยำที่ใส่ผ้าขนหนูในลักษณะหมิ่นเหม่ กำลังเช็ดผมแบบลวก ๆ ทำท่าเหมือนจะอ่อยเธอ นลินนึกถึงเมื่อตอนบ่ายของวันนี้ที่สินประกาศดังลั่น“เอาล่ะทุกคนตอนนี้นายหญิงของไร่ร่างกายอ่อนเพลียมากต้องการพัก เชิญทุกคนไปสังสรรค์ร้องโฮ่ฮู้กันต่อได้ที่โรงอาหาร”เสียงเฮดังลั่นขณะที่เรือนร่างของเธอถูกว่าที่เจ้าบ่าวอุ้ม ตอนนั้นเธอเข้าใจว่าคงต้องปรนเปรอนายหัวกระทิงควายเป็นแน่ เธอคิดถึงเขา เขาคิดถึงเธอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากการกลับมาเจอกันอีกครั้งจะกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์แบบนันสต็อปทว่ากลับผิดคาดเมื่อเขาวางตัวเธอลงบนโซฟาห้องรับแขก ตรงหน้าคืออาหารชั้นดีบำรุงครรภ์ พยาบาลบอกด้วยหน้าตา ยิ้มแย้มแจ่มใส ตามมาด้วยยาสำหรับคุณแม่ท้องอ่อน แน่นอนว่าตานายหัวอยู่ร่วมรับประทานอาหารกับเธอ“นายหัวกินข้าวได้เยอะแบบนี้ผมก็เบาใจ”“นายไปร่วมส
“ทำไม คุณเสียใจมากหรือไงที่ฉันท้อง หรือคุณจะหาว่าฉันท้องกับคนอื่น”“ลิน” อิทธิพัทธ์ทำหน้าตกใจ เมื่อหันกลับไปพบนลินยืนเท้าสะเอวอยู่ จึงถามเสียงสั่นว่า“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ไม่สำคัญหรอก” เธอบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกตามตรงว่าเธอมาตั้งแต่ตอนที่เขาพูดคุยกับนายหัวหนุ่ยทำให้เธอเพิ่งรู้ถึงเหตุผลอันแท้จริงของการที่เขาไล่เธอออกไปจากไร่ และเขายอมเสี่ยงแค่ไหนเพื่อจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง มันทำให้ความโกรธในใจหายไปราวกับปลิดทิ้ง แทนที่ด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง เขาเป็นคนเดียวในชีวิตที่ยืนหยัดเพื่อเธอมากขนาดนี้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอยอมกลืนน้ำลายตัวเอง“ฉันไม่เคยคิดว่าเธอท้องกับคนอื่นเลยนะ ฉันมั่นใจว่าลูกเป็นลูกของฉัน ฉันถึงได้ซื้อของใช้เด็กอ่อนเอาไว้มากมายรอลูกของเรา ฉันอยากให้ลูกเกิดมาบนความพร้อม และความรัก ฉันสัญญาว่าจะทำหน้าที่พ่ออย่างดีที่สุด จะไม่ทำให้ลูกขาดความอบอุ่น หรือรู้สึกต่ำต้อยกว่าคนอื่น ลูกอินทร์ชื่อลูกของเรา มาจากลินกับอิทไง ฉันตั้งเอง”นลินขมวดคิ้วให้กับชื่อนั้น“เห็นไหม บอกแล้วว่าฉันตั้งใจกับหน้าที่พ่อมากแค่ไหน และฉันสัญญาว่าจะเป็นสามีที่ดี เราคืนดีกันนะ”“ง่ายไปหรือเปล่า”“อะไรง่าย”
26 เหตุผล“มีอะไร” อิทธิพัทธ์ถามเสียงขุ่น ยกมือออกจากหน้าขาของอีกฝ่ายนลินรู้สึกขัดเขินกับความใกล้ชิดต่อหน้าคนอื่น จึงดึงผ้าห่มขึ้นห่มถึงคาง เบือนหน้าออกไปทางหน้าต่างมองแปลงองุ่นที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา“นายหัวหนุ่ยโทร. มาครับ แจ้งว่าต้องการคุยกับนายหัวด่วน คงจะเป็นเรื่อง…”สินหยุดพูดไปเท่านั้น แต่ทุกคนก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่าคงเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้ นอกจากเรื่องที่เขาพานลินเข้าบ้านนี่เป็นการผิดสัญญาที่เขาเคยรับปากกับนายหัวหนุ่ยไว้ ตอนที่ให้นลินย้ายออกไป เขาถูกนายหัวหนุ่ยเรียกพบเพื่อพูดคุยกันเรื่องนี้ ความจริงแล้วนายหัวหนุ่ยไม่ได้สนใจว่าเขาจะนอนกับใครหรือไล่ใครออกจากงาน ที่เขาสนใจเรื่องนี้เพราะมันกระทบกับลูกสาวของเขา นั่นย่อมหมายถึงกระทบกับตัวเขาเช่นเดียวกันการที่อิทธิพัทธ์ยอมหักหน้าภาพิมลเพื่อแม่บ้านคนเดียว เป็นเรื่องที่รู้ถึงไหนอายเขาไปถึงนั่น ลูกสาวของเขาถึงจะผิดจะถูกอย่างไรก็เป็นคุณหนูชาติตระกูลดี จะปล่อยให้ถูกคนงาน เยาะเย้ยว่าแพ้แม่บ้านก็เหลือทนนายหัวหนุ่ยบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าเรื่องนี้ตนรับไม่ได้ ในเมื่ออิท
แน่นอนว่าลูกค้าคนสำคัญทำให้เธอมีเงินเหลือเก็บ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะเป็นเพียงระยะเวลาอันสั้น เด็กสมัยนี้โตไวซื้อของไปก็ใช้ได้แค่แป๊บเดียวเอง เธอจึงอยากหาลูกค้าแบบนี้เพิ่มหลังจากปล่อยให้ความคิดของตัวเองล่องลอยไปได้เพียงไม่นาน นลินก็กลับมาสนใจออเดอร์ของลูกค้าอีกครั้ง จัดแจงกดเบอร์ในมือถือโทรไปยังร้าน ‘โลกของเด็ก’ เป็นร้านขายของใช้เด็กของป้าสวย เพื่อสอบถามสต๊อกและยืมรถสำหรับนำส่งลูกค้าประจำคนนี้เมื่อถึงเวลานัดส่งมอบสินค้า นลินกับเบิ้ม เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปี เป็นหลานชายป้าสวย ได้ไปตามสถานที่นัดก่อนเวลานัดหมายสิบนาที และพบว่าพี่ลูกอินทร์ก็มาก่อนเวลาเช่นเดียวกันแต่ผิดคาดเล็กน้อยเมื่อพบว่าลูกค้าดีเด่นคนนี้เป็นผู้ชาย แล้วยังเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่เธอคิดจะขายของใช้เด็กอ่อนให้ !“นายหัว !”“เธอจะตะโกนทำไม” อิทธิพัทธ์สวมแว่นตาดำ ทำให้มองไม่เห็นแววตาของเขา แต่จากสีหน้าสามารถบอกได้ว่าเขารู้สึกพอใจ“ฉันเอาของมาแล้ว ฉันไม่ได้เอามาให้นายหัวเล่นสนุกนะ”“ใครบอกเธอว่าฉันเล่นสนุก ฉันจะซื้อทุกอย่างจริง ๆ”“นี่มันของใช้เด็กอ่อน”“แล้วไง”“ถามมาได้ว่าแล้วไง นายหัวไม่มีลูกจะซื้อของพวกนี้ไปทำไม อ๋อ แล้วที
“ฉันนึกว่าเมื่อรู้แล้วว่าฉันปลดหนี้ได้ แม่จะกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเมื่อก่อนก็ได้น่ะ” ต่อให้รู้สึกห่างเหินกับมารดา ที่ตอนนี้มีศักดิ์เป็นป้า แต่นลินก็คือนลินเด็กกตัญญูอย่างไรเล่า จึงไม่อาจละเลยที่จะไม่เลี้ยงดู“แกปลดหนี้ได้แล้วเหรอ หนี้ที่พวกฉัน…” หญิงวัยกลางคนละอายใจเกินกว่าจะพูดต่อ“ฉันนึกว่าแม่รู้”“ไม่รู้ ดูเหมือนว่านายหัวจะไม่ไว้ใจ กลัวว่าฉันจะมาเกาะแกกินเลยไม่ยอมบอกเรื่องนี้”“ถ้าแม่กับมินตราสัญญาว่าจะปรับตัวใหม่ ตั้งใจทำมาหากิน จะกลับมาอยู่ด้วยกันฉันก็ไม่ว่า”“แกเป็นคนดีจริง ๆ ลิน น่าเสียดายที่แกต้องอยู่ในการเลี้ยงดูของฉัน ถ้าแกได้อยู่กับแม่แท้ ๆ หรือตายายของแก ชีวิตของแกคงจะมีแต่ความสุข”“พวกเขาไม่ได้เป็นคนเลี้ยงฉัน แต่แม่เป็นคนที่เลี้ยงฉันมา ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่าง และสำหรับกำไลทองนี่ ทั้งที่แม่จะขายทิ้ง เอาเงินมาใช้จ่ายเหมือนสมบัติชิ้นอื่น ๆ ของแม่ฉันก็ได้”วิภาวีพยักหน้าเล็กน้อย แววตายังคงเศร้าปนระอายใจ“ถือว่ามันเป็นสิ่งดีสิ่งเดียวที่ฉันมอบให้ก่อนจากกันก็แล้วกัน เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันจะกลับก่อน”“แม่จะกลับยังไง”“อ๋อ มีพลเมืองดีไปรับไปส่งน่ะ ไม่ต้องงง คนพวกนี้เป็นลูกน้องของ