“มันเป็นงานป้า ป้านั่นแหละทิ้งงาน”
“หน็อยไอ้ต่างด้าวกล้าเถียงแทนเมียมึงเหรอ”
“ไม่ใช่เมีย”
“เออตอนนี้ยังไม่ใช่ แต่อีกหน่อยละไม่แน่ เอ็งก็ทำคะแนนหน่อยแล้วกัน แต่ถึงขั้นยอมให้จับมือถือแขนในที่ลับตา ก็คงจะอีกไม่นานนี้ละว้ากูว่า”
“ไอ้ที่พูดออกมาน่ะไม่เป็นความจริงสักอย่าง” นลินสวนขึ้นเพราะอดทนฟังอีกต่อไปไม่ได้แล้ว “ไม่กลัวถูกเขาฟ้องหมิ่นประมาทเหรอ”
“ถุ้ย” ป้าตอบโต้อย่างไม่เกรงกลัว “ก็ลองไอ้อีหน้าไหนไปฟ้องกูดูสิวะ กูจะฟ้องมันกลับฐานหนีหนี้ซะให้เข็ด ไอ้คุ้งเอ๊ย เอ็งก็ระวังกระเป๋าเงินเอ็งให้ดีล่ะ อย่าให้มีใครอมได้”
“เตือนอะไรอย่างนั้นละนังอ้อย ไอ้อม ๆ แอ้ม ๆ อะไรนั่นอาจเป็นสิ่งที่ไอ้คุ้งมันหวังมากที่สุดก็ได้”
เกิดเสียงหัวเราะเกลียวขึ้นในวงสนทนา
“ในเมื่อป้ามาแล้วก็ยกเองก็แล้วกัน” คุ้งกระแทกตะกร้าบรรจุผลไม้อย่างแรง เดินไปขึ้นรถขับออกไป ในขณะที่นลินหน้าร้อนขึ้นมาแต่ก็ทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าการเดินหนีไปอีกคน
สินมีหน้าที่ตามหนี้นอกสถานที่ แล้วยังต้องคอยรวบรวมข้อมูลเพื่อไปรายงานกับนายหัว พรรู้หน้าที่ของตัวเองดี ทุกวันก่อนเลิกงานจะต้องนำเอาสรุปผลการทำงานประจำวันของนลินมาส่งในออฟฟิศ เช่นเดียวกับวันนี้
“นำองุ่นกลับบ้านสิบโล ?”
“พอดีมีเรื่องเถียงกันนิดหน่อย คุ้งมันเลยทำองุ่นช้ำทั้งตะกร้าพี่เลยให้ลินเอากลับบ้าน”
“มีเรื่องอะไรกันเหรอ” สินถามด้วยท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจแต่หูผึ่ง
หญิงวัยสามสิบตอนปลายเริ่มเล่าตั้งแต่นลินโดนกรรไกรตัดแต่งกิ่งบาดไปจนเลิกงานให้ฟังโดยละเอียด เล่าจบก็ถามด้วยความอัดอั้น
“เมื่อไหร่ถึงจะให้พี่เลิกสอนงานเด็กคนนั้นซะที บางครั้งพี่ลืมตัวเกือบจะแสดงออกว่าเห็นใจ ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปคงได้บ้ากันทั้งคู่ แล้วดูสิเถาองุ่นดี ๆ ต้องถูกตัดไปเป็นไร่ ทำแบบนี้มันจะดีจริงเหรอ”
“ดีหรือไม่ดีเราก็มีหน้าที่ทำตาม นายหัวสั่งมาว่าพรุ่งนี้ให้พาเธอไปผสมปุ๋ยคอก” สินยกข้อมือขึ้นดูเวลา
“นี่ก็ได้เวลาเลิกงานแล้วพี่พรกลับไปพักเถอะ พรุ่งนี้ต้องมาทำงานแต่เช้า”
“นั่นสินะเรามันก็แค่ลูกจ้าง นายหัวสั่งอะไรจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีเราก็ต้องทำตาม ใครใช้ให้พ่อแม่ของนังหนูนั่นหนีหนี้กันล่ะ เกิดมาเป็นลูกไม่ได้ก่อกรรมแต่ต้องมารับกรรมแทน น่าเศร้าจริง ๆ”
พรระบายความอัดอั้นที่เก็บมาตลอด หมุนตัวกลับเพื่อเดินออกจากห้องไป ทว่าสิ่งที่เห็นได้ทำเอาความอึดอัดตลอดทั้งวันกลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไปเลย
“นะ นายหัว ! มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“มานานจนได้ยินว่าพี่พรไม่มีความสุขกับการทำงาน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เห็นแก่ที่พี่ทำงานมานาน เป็นผู้มีประสบการณ์ที่มีความดีความชอบ ผมจะไม่ให้พี่พรต้องทำในสิ่งที่ฝืนใจอีกต่อไป”
“ขอบคุณมาก ขอบคุณมากค่ะนายหัว” พรยิ้มร่าเอามือทาบอก ส่งเสียงใสพูดกับตัวเองอย่างดีใจ
“ดีจัง พรุ่งนี้เราจะได้กลับไปทำเอกสารเหมือนเดิม”
อิทธิพัทธ์เดินไปนั่ง สั่งลูกน้องคนสนิท “ออกหนังสือเบิกเงินชดเชยแล้วก็เตรียมหนังสือยื่นขอลาออกให้ด้วย พี่พรจะได้เอากลับไปเซ็นที่บ้านได้เลย”
“นะ หนังสือขอลาออก”
“มันจะดีกว่านะครับถ้าเป็นลาออกไม่ใช่ไล่ออก”
สินวางสีหน้าเรียบทำใจเย็น เดินเข้าไปหยิบหนังสือลาออก ยื่นให้พี่พร
“โชคดีนะครับ ขอบคุณมากที่อยู่ด้วยกันมานานหลายปี”
“พี่ไม่อึดอัดแล้วค่ะ ยินดีทรมานเด็กนั่นให้หนักขึ้นตามคำสั่ง”
“วันนี้มีอะไร” อิทธิพัทธ์หันไปพูดกับสิน บ่งบอกว่าธุระกับพี่พรยุติลงแล้ว เขาเป็นคนเด็ดขาด คำไหนคำนั้น เมื่อแสดงความลังเลจนแตกแถวเขาก็จะไม่เลี้ยงเอาไว้ !
พรทำอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ยืนคอตกยอมรับชะตากรรม
“เอ่อ...นายหัวครับ” สินเอยขึ้นด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความนอบน้อมขอความเมตตา
“ถ้าเกิดว่าพี่พรเขายินดีที่จะปรับตัว ก็เห็นแก่ที่เขาอยู่กับเรามานาน ให้โอกาสพี่เขาอีกสักครั้งเถอะนะครับ ผมจะช่วยดูอีกแรงไม่ให้หย่อนยาน”
อิทธิพัทธ์ปรายตามองพี่พร
“ใช่ค่ะ ๆ พี่พรยินดีที่จะปรับตัว พี่พรจะทำให้ดีกว่าเดิม”
“อย่าทำให้ผมผิดหวังอีก”
“ค่ะ ไม่ทำแน่ค่ะ” พรรีบนำหนังสือขอลาออกวางไว้บนโต๊ะแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
สินใช้กำปั้นอุดปากกลั้นเสียงหัวเราะ
“ขำอะไร”
“ปะ เปล่าครับ” สินเดินเข้าใกล้เจ้านาย ก้มหัวขณะส่งยื่นแฟ้มให้ด้วยความนอบน้อมเกินปกติ จนอิทธิพัทธ์ต้องกระแอมคอเตือนว่าการเล่นละครลิงจบลงแล้ว ให้ทำตัวตามปกติ
“เป็นยอดเงินของวันนี้ที่จะหักจากลินครับ” สินรายงาน
“อืม…. ยังไม่มากพอ ไปตามแม่นั่นมาที”
ท่าทางที่เบิกบานเกินไปของนายหัวทำเอาลูกน้องคนสนิทรู้สึกเห็นใจลูกหนี้ตัวน้อยขึ้นมาทันที !
5 ตานี่
นลินออกจากไร่ก็รีบเดินไปที่สำนักงานเพื่อทำหน้าที่แม่บ้านต่อ แต่กลับถูกสินตามให้ไปพบกับนายหัวอิทธิพัทธ์
วันนี้ยังจะมีอะไรแย่กว่าที่เจอมาทั้งวัน เธอบอกตัวเอง ขณะเดินเข้าไปในสำนักงาน
ใบหน้าคมเข้มของเขานั่นไงที่แย่กว่า นลินสรุปได้ในทันที ความโมโหอันน้อยนิดผุดขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มเจรจา
“นายหัวครับ ลินมาแล้วครับ”
ไม่มีตาหรือไง ถึงต้องให้คนคอยบอกในสิ่งที่เห็นได้ชัด ๆ ตรงหน้า นลินคิดในใจ
“อืม” อิทธิพัทธ์รับรู้ “ออกไปก่อน”
ตานี่จะมาไม้ไหนอีก
“วันนี้เธอทำงานได้ไม่เต็มที่”
“ฉันทำงานเต็มที่เท่าที่ฉันจะทำได้”
“นั่นแหละที่ฉันเรียกว่าไม่เต็มที่ เพราะเต็มที่ที่เธอคิดมันยังไม่มากพอ แล้วยังสร้างความวุ่นวายในที่ทำงาน ทะเลาะเบาะแว้งกับคนงานอีกด้วย”
“ป้าเขามาหาเรื่องฉันก่อน พูดจาไม่ให้เกียรติคุ้งอีกต่างหาก”
“ถึงที่นี่จะไม่ได้มีกฎเคร่งครัดเหมือนที่อื่น แต่ในเวลางาน ในสถานที่ทำงานหญิงชายไม่ควรทำอะไรที่ประเจิดประเจ้อ”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรที่ประเจิดประเจ้อ แล้วฉันกับคุ้งก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน เราเพิ่งเจอกันวันแรกจะรักกันได้ยังไง”
“ฉันไม่ได้พูดเรื่องความรัก เธอก็ไม่น่าจะไม่รู้ว่าเรื่องที่พูด ๆ กันอยู่นี่มันไม่จำเป็นต้องใช้ความรัก แค่เงินพันสองพัน ก็เพียงพอ”
คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อย เข้าใจว่าอีกฝ่ายจงใจพูดดูถูก นลินบวกลบคูณหารแล้วคิดว่าพูดแย้งก็มีแต่จะเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ จึงพูดตัดความรำคาญ
อิทธิพัทธ์อมยิ้มเล็กน้อย โน้มตัวลงบดจูบริมฝีปากบวมแดงอย่างหลงใหลแค่นลินเผยอปากเพียงนิดเดียว ลิ้นอุ่นของอีกฝ่ายก็เข้ามากวาดความหวานอย่างตามใจ ไม่รู้ว่าจูบนั้นเพลิดเพลินและโหยหากันและกันมากแค่ไหน พอรู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของเธอก็นาบลงบนเตียงนุ่ม ส่วนผัวรักของเธอก็ยังคงรักษาคอนเซปต์ของความป่าเถือนอย่างคงเส้นคงวาแคว่ก ! เพนตี้ลูกไม้ขาดถูกโยนออกไปไกล“นี่ ! นายหัว ฉีกมันอีกแล้วนะ ไอ้โรค อื้อ…”คำว่า ‘จิต’ ค้างอยู่ในลำคอเมื่อลิ้นอุ่นเลื่อนลงไปทักทายกลีบกลางอย่างรวดเร็ว“ลิน หวานมาก” เขาหยุดแล้วส่งเสียงอู้ ๆ อี้ ๆ บอกเธอก่อนจะทำการชำแหละหาความหมอหวานต่อนลินดิ้นเร่าอ้าขาออกกว้างอย่างหน้าไม่อาย แน่นอนว่าเธอคิดถึงความสุขสุดยอดนี้แค่ไหน นึกว่าอีตาผัวกระทิงควายจะกลายเป็นโรคประสาท สมองกลับจนไม่ทำแบบนี้ให้เธออีกต่อไปแล้ว โอ้วววแม่เจ้า ขอต้อนรับกลับบ้านค่ะนายหัวผัวกระทิงควาย นลินคิดในใจขณะเคลิบเคลิ้มวิ่งเล่นอยู่บนดวงจันทร์“ฉัน อื้อ เสียว ไม่ไหวแล้วค่ะนายหัว”อิทธิพัทธ์หยุดการเคลื่อนไหว นั่นทำให้นลินยิ่งประหลาดใจ ดวงตาพร่าสวาทกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้นก็กว้างขึ้น นัยน์ตาดำขลับมีรูปเครื่องหมายคำถาม ( ?
พยายามจะสะกดใจ แต่…นลินถือไดร์เป่าผมสะบัดไปมาบนผมเปียกที่พึ่งสระเสร็จอยู่หน้ากระจก ท่าทางของเธอเหมือนตั้งใจจะให้ผมนั้นกลับมาแห้งสสวยโดยเร็ว ๆ ทว่าจริงแล้วดวงตากลมโตไม่ได้สนใจผมของตัวเองสักนิด แต่กำลังมองผ่านกระจก ดูเรือนร่างกำยำที่ใส่ผ้าขนหนูในลักษณะหมิ่นเหม่ กำลังเช็ดผมแบบลวก ๆ ทำท่าเหมือนจะอ่อยเธอ นลินนึกถึงเมื่อตอนบ่ายของวันนี้ที่สินประกาศดังลั่น“เอาล่ะทุกคนตอนนี้นายหญิงของไร่ร่างกายอ่อนเพลียมากต้องการพัก เชิญทุกคนไปสังสรรค์ร้องโฮ่ฮู้กันต่อได้ที่โรงอาหาร”เสียงเฮดังลั่นขณะที่เรือนร่างของเธอถูกว่าที่เจ้าบ่าวอุ้ม ตอนนั้นเธอเข้าใจว่าคงต้องปรนเปรอนายหัวกระทิงควายเป็นแน่ เธอคิดถึงเขา เขาคิดถึงเธอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากการกลับมาเจอกันอีกครั้งจะกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์แบบนันสต็อปทว่ากลับผิดคาดเมื่อเขาวางตัวเธอลงบนโซฟาห้องรับแขก ตรงหน้าคืออาหารชั้นดีบำรุงครรภ์ พยาบาลบอกด้วยหน้าตา ยิ้มแย้มแจ่มใส ตามมาด้วยยาสำหรับคุณแม่ท้องอ่อน แน่นอนว่าตานายหัวอยู่ร่วมรับประทานอาหารกับเธอ“นายหัวกินข้าวได้เยอะแบบนี้ผมก็เบาใจ”“นายไปร่วมส
“ทำไม คุณเสียใจมากหรือไงที่ฉันท้อง หรือคุณจะหาว่าฉันท้องกับคนอื่น”“ลิน” อิทธิพัทธ์ทำหน้าตกใจ เมื่อหันกลับไปพบนลินยืนเท้าสะเอวอยู่ จึงถามเสียงสั่นว่า“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ไม่สำคัญหรอก” เธอบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกตามตรงว่าเธอมาตั้งแต่ตอนที่เขาพูดคุยกับนายหัวหนุ่ยทำให้เธอเพิ่งรู้ถึงเหตุผลอันแท้จริงของการที่เขาไล่เธอออกไปจากไร่ และเขายอมเสี่ยงแค่ไหนเพื่อจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง มันทำให้ความโกรธในใจหายไปราวกับปลิดทิ้ง แทนที่ด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง เขาเป็นคนเดียวในชีวิตที่ยืนหยัดเพื่อเธอมากขนาดนี้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอยอมกลืนน้ำลายตัวเอง“ฉันไม่เคยคิดว่าเธอท้องกับคนอื่นเลยนะ ฉันมั่นใจว่าลูกเป็นลูกของฉัน ฉันถึงได้ซื้อของใช้เด็กอ่อนเอาไว้มากมายรอลูกของเรา ฉันอยากให้ลูกเกิดมาบนความพร้อม และความรัก ฉันสัญญาว่าจะทำหน้าที่พ่ออย่างดีที่สุด จะไม่ทำให้ลูกขาดความอบอุ่น หรือรู้สึกต่ำต้อยกว่าคนอื่น ลูกอินทร์ชื่อลูกของเรา มาจากลินกับอิทไง ฉันตั้งเอง”นลินขมวดคิ้วให้กับชื่อนั้น“เห็นไหม บอกแล้วว่าฉันตั้งใจกับหน้าที่พ่อมากแค่ไหน และฉันสัญญาว่าจะเป็นสามีที่ดี เราคืนดีกันนะ”“ง่ายไปหรือเปล่า”“อะไรง่าย”
26 เหตุผล“มีอะไร” อิทธิพัทธ์ถามเสียงขุ่น ยกมือออกจากหน้าขาของอีกฝ่ายนลินรู้สึกขัดเขินกับความใกล้ชิดต่อหน้าคนอื่น จึงดึงผ้าห่มขึ้นห่มถึงคาง เบือนหน้าออกไปทางหน้าต่างมองแปลงองุ่นที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา“นายหัวหนุ่ยโทร. มาครับ แจ้งว่าต้องการคุยกับนายหัวด่วน คงจะเป็นเรื่อง…”สินหยุดพูดไปเท่านั้น แต่ทุกคนก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่าคงเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้ นอกจากเรื่องที่เขาพานลินเข้าบ้านนี่เป็นการผิดสัญญาที่เขาเคยรับปากกับนายหัวหนุ่ยไว้ ตอนที่ให้นลินย้ายออกไป เขาถูกนายหัวหนุ่ยเรียกพบเพื่อพูดคุยกันเรื่องนี้ ความจริงแล้วนายหัวหนุ่ยไม่ได้สนใจว่าเขาจะนอนกับใครหรือไล่ใครออกจากงาน ที่เขาสนใจเรื่องนี้เพราะมันกระทบกับลูกสาวของเขา นั่นย่อมหมายถึงกระทบกับตัวเขาเช่นเดียวกันการที่อิทธิพัทธ์ยอมหักหน้าภาพิมลเพื่อแม่บ้านคนเดียว เป็นเรื่องที่รู้ถึงไหนอายเขาไปถึงนั่น ลูกสาวของเขาถึงจะผิดจะถูกอย่างไรก็เป็นคุณหนูชาติตระกูลดี จะปล่อยให้ถูกคนงาน เยาะเย้ยว่าแพ้แม่บ้านก็เหลือทนนายหัวหนุ่ยบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าเรื่องนี้ตนรับไม่ได้ ในเมื่ออิท
แน่นอนว่าลูกค้าคนสำคัญทำให้เธอมีเงินเหลือเก็บ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะเป็นเพียงระยะเวลาอันสั้น เด็กสมัยนี้โตไวซื้อของไปก็ใช้ได้แค่แป๊บเดียวเอง เธอจึงอยากหาลูกค้าแบบนี้เพิ่มหลังจากปล่อยให้ความคิดของตัวเองล่องลอยไปได้เพียงไม่นาน นลินก็กลับมาสนใจออเดอร์ของลูกค้าอีกครั้ง จัดแจงกดเบอร์ในมือถือโทรไปยังร้าน ‘โลกของเด็ก’ เป็นร้านขายของใช้เด็กของป้าสวย เพื่อสอบถามสต๊อกและยืมรถสำหรับนำส่งลูกค้าประจำคนนี้เมื่อถึงเวลานัดส่งมอบสินค้า นลินกับเบิ้ม เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปี เป็นหลานชายป้าสวย ได้ไปตามสถานที่นัดก่อนเวลานัดหมายสิบนาที และพบว่าพี่ลูกอินทร์ก็มาก่อนเวลาเช่นเดียวกันแต่ผิดคาดเล็กน้อยเมื่อพบว่าลูกค้าดีเด่นคนนี้เป็นผู้ชาย แล้วยังเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่เธอคิดจะขายของใช้เด็กอ่อนให้ !“นายหัว !”“เธอจะตะโกนทำไม” อิทธิพัทธ์สวมแว่นตาดำ ทำให้มองไม่เห็นแววตาของเขา แต่จากสีหน้าสามารถบอกได้ว่าเขารู้สึกพอใจ“ฉันเอาของมาแล้ว ฉันไม่ได้เอามาให้นายหัวเล่นสนุกนะ”“ใครบอกเธอว่าฉันเล่นสนุก ฉันจะซื้อทุกอย่างจริง ๆ”“นี่มันของใช้เด็กอ่อน”“แล้วไง”“ถามมาได้ว่าแล้วไง นายหัวไม่มีลูกจะซื้อของพวกนี้ไปทำไม อ๋อ แล้วที
“ฉันนึกว่าเมื่อรู้แล้วว่าฉันปลดหนี้ได้ แม่จะกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเมื่อก่อนก็ได้น่ะ” ต่อให้รู้สึกห่างเหินกับมารดา ที่ตอนนี้มีศักดิ์เป็นป้า แต่นลินก็คือนลินเด็กกตัญญูอย่างไรเล่า จึงไม่อาจละเลยที่จะไม่เลี้ยงดู“แกปลดหนี้ได้แล้วเหรอ หนี้ที่พวกฉัน…” หญิงวัยกลางคนละอายใจเกินกว่าจะพูดต่อ“ฉันนึกว่าแม่รู้”“ไม่รู้ ดูเหมือนว่านายหัวจะไม่ไว้ใจ กลัวว่าฉันจะมาเกาะแกกินเลยไม่ยอมบอกเรื่องนี้”“ถ้าแม่กับมินตราสัญญาว่าจะปรับตัวใหม่ ตั้งใจทำมาหากิน จะกลับมาอยู่ด้วยกันฉันก็ไม่ว่า”“แกเป็นคนดีจริง ๆ ลิน น่าเสียดายที่แกต้องอยู่ในการเลี้ยงดูของฉัน ถ้าแกได้อยู่กับแม่แท้ ๆ หรือตายายของแก ชีวิตของแกคงจะมีแต่ความสุข”“พวกเขาไม่ได้เป็นคนเลี้ยงฉัน แต่แม่เป็นคนที่เลี้ยงฉันมา ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่าง และสำหรับกำไลทองนี่ ทั้งที่แม่จะขายทิ้ง เอาเงินมาใช้จ่ายเหมือนสมบัติชิ้นอื่น ๆ ของแม่ฉันก็ได้”วิภาวีพยักหน้าเล็กน้อย แววตายังคงเศร้าปนระอายใจ“ถือว่ามันเป็นสิ่งดีสิ่งเดียวที่ฉันมอบให้ก่อนจากกันก็แล้วกัน เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันจะกลับก่อน”“แม่จะกลับยังไง”“อ๋อ มีพลเมืองดีไปรับไปส่งน่ะ ไม่ต้องงง คนพวกนี้เป็นลูกน้องของ