“ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรอีกฉันจะไปทำความสะอาด”
“พี่พรบอกว่ามือของเธอมีแผล”
“ไม่คิดว่าคุณจะเป็นห่วงเรื่องนั้น”
“แน่นอนว่าฉันไม่ได้ห่วงเรื่องที่เธอต้องเจ็บตัว ที่ฉันห่วงคือประสิทธิภาพของงานที่จะได้จากแม่บ้านที่ทำงานได้ไม่เต็มที่ ฉันรังเกียจที่สุดคือความสกปรก”
พูดเสร็จก็ใช้ปลายนิ้วปาดบนโต๊ะที่เมื่อวานนลินเช็ดจนเอี่ยมอ่อง จากนั้นปรายหางตามองเรือนร่างของนลิน เน้นเป็นพิเศษบริเวณกึ่งกลางลำตัว
นลินรู้สึกอับอายเหลือกำลังจนแทบจะร้องไห้ออกมา เธอต้องมาทำงานใช้แรงงาน จำเป็นต้องแต่งตัวด้วยชุดทะมัดทะแมง สวมหมวกผ้าปีกกว้างเหมือนแรงงานคนอื่น
แดด ฝุ่น และเหงื่อทำให้เธอดูมีสภาพที่ย่ำแย่ทรุดโทรม ดูไม่ได้ ไหนจะกลิ่นเหงื่อกลิ่นองุ่นเน่าที่เธอต้องคอยคัดทิ้ง
โดยรวมคือเธอมีสภาพที่ดูสกปรกเกินกว่าตัวเองจะรับได้ ทว่าความสกปรกภายนอกไม่ใช่สิ่งที่เขาจงใจบอก เธอเข้าใจความหมายในแววตานั้นเป็นอย่างดี
อิทธิพัทธ์เบ้หน้าพูดจาร้ายแรงต่อ
“ดูฝุ่นพวกนี้สิ ดูสิว่าเธอทำงานบกพร่องยังไง”
“เมื่อวานฉันทำความสะอาดแล้ว และก็ดีมาก ๆ ด้วย แต่วันนี้ผ่านมาทั้งวันฝุ่นมันก็ต้องมีเป็นธรรมดา”
“ครอบครัวของเธอนี่นอกจากจะหนีความรับผิดชอบแล้วอีกอย่างที่ถนัดมากก็คงจะเป็นเรื่องการแก้ตัว”
“คุณจะให้ฉันทำยังไงพูดออกมาเถอะค่ะ”
เธอเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยชนิดที่ว่าไม่เหลือแรงแม้แต่จะเล่นสงครามประสาท เธอรู้ดีว่าเขาต้องการพูดจากดทับ ยิ่งเธอโต้เถียงมากเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งหาเรื่องไม่หยุด ดังนั้นวันนี้เธอจะยอมให้เขาได้ตามที่เขาต้องการ
แสงแดดอ่อนแสงลงเรื่อยหากมัวโต้เถียงกับเขาอยู่อย่างนี้ กว่าจะได้ไปทำความสะอาด กว่าจะเดินถึงบ้านคงมืดกันพอดี
“ค่าแรงของเธอเมื่อวานนี้จะถือเป็นโมฆะ”
“โกง !”
“เธอทำโต๊ะไม้สักของฉันเปียกน้ำจนเป็นรอยด่าง นั่นยังไม่รวมกับการที่เธอทิ้งกล่องนมที่ยังกินไม่หมดลงถังขยะในห้องทำงานของฉัน และไม่ได้เอาขยะไปทิ้ง กว่าจะถึงวันใหม่ ห้องฉันเลยเหม็นไม่ต่างจากขี้ ที่ทำแค่งดจ่ายเงินไม่หักเงินเพิ่มก็ถือว่าดีมากแล้ว”
“ดีกับผีนะสิ นมกล่องนั้นมันอยู่ในห้องอยู่แล้ว มันวางอยู่บนโต๊ะทำงานของคุณด้วย”
“เธอต้องเรียกฉันว่านายหัว ไม่ใช่แค่คุณ ฉันไม่ได้สนิทสนมกับเธอ”
“เจ้ายศเจ้าอย่าง ! เผด็จการ !”
“ฉันไม่สนใจว่าเธอจะรับเงื่อนไขได้หรือไม่ เพราะฉันหาแม่บ้านคนใหม่มาแทนเธอได้แล้ว”
“คุณทำแบบนี้ไม่ได้ !”
“ไร่ของฉัน ออฟฟิศของฉัน บ้านพักของฉัน ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้ แล้วถ้าเธอยังทำงานชุ่ย ๆ แบบนี้ต่อไป สักวันหนึ่งฉันจะโยกย้ายเธอไปทำในตำแหน่งที่เหมาะสมกับความสามารถของเธอ และอาจจะได้ค่าตอบแทนที่ลดลงตามงาน เข้าใจหรือเปล่า”
“ค่ะ” ลูกหนี้อย่างเธอต้องยอมรับอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ถ้าหมดเรื่องแล้วฉันขอลากลับก่อน”
“เดี๋ยว”
“คะ ? ! มีอะไรจะสั่งอีกเหรอคะ นายหัว !”
“เธอลืมถุงองุ่นของเธอ”
นลินคว้าถุงองุ่นอย่างแรง ภายในใจสาปแช่งอีตานายหัวสันดานชั่วนี่ไปตลอดทาง ขอให้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด !
การทำงานที่ถูกโขกสับทุกอย่าง ไม่ต่างจากเป็นไร่องุ่น ในนรกดำเนินมาจนถึงวันที่นลินเฝ้ารอมากที่สุด นั่นคือวันเงินเดือนออก
ทุกคนมีสีหน้าเบิกบานขณะเดินมาทำงาน คุ้งถึงขั้นร้องเพลงเป็นภาษาพม่าเข้ามาในไร่ พบเธอเข้าก็เข้ามาทักทายด้วยไมตรีจิตอันบริสุทธิ์
เวลาผ่านมานานแล้ว จากที่เคยหน้าบางนลินก็เริ่มมีความอดทนต่อเสียงซุบซิบ ยิ่งคนในไร่พยายามสอดสายตาสอดส่องเธอกับคุ้งมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งบอกให้คุ้งไม่ต้องหนีหน้า และปฏิบัติตัวต่อกันไปตามปกติ
บ่อยครั้งนั่งกินข้าวเที่ยงด้วยกันซึ่งพักหลังคุ้งพาเธอไปแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนแผนกยกของที่เป็นผู้ชายอีกสามสี่คน ทำให้ตอนนี้เธอเริ่มมีเพื่อนในไร่บ้างแล้ว เวลาหยิบจับยกของที่หนักเกินกำลังจึงพลอยมีคนช่วย
ในระหว่างนี้เธอได้รู้จักกับป้าสวยโดยบังเอิญถึงสามครั้ง
เหตุการณ์ครั้งแรกก็ตอนที่เดินกลับจากไร่องุ่น เธอเห็นกระเป๋าตกอยู่ เปิดดูพบเงินสดหลักแสนจึงนำไปลงบันทึกประจำวันเพื่อตามหาเจ้าของ ตำรวจตามหาจนเจอพบว่าเจ้าของทรัพย์เป็นป้าสวย ทำให้เธอได้รับรางวัลน้ำใจเป็นเงินห้าพันบาท
ต่อมาอีกสามวันนลินไปร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อยาสีฟัน พบป้าสวยกำลังงมโข่งอยู่หน้าตู้เติมเงินมือถือที่ตั้งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ จึงเข้าไปช่วยเหลือ ป้าสวยจำเธอได้ก็ดีใจใหญ่ ให้ขนมเค้กที่ซื้อติดมือมาหนึ่งชิ้นกับขนมบ้าบิ่นที่แกซื้อกลับมาจากตลาด
นลินจำได้ว่ามันเป็นเค้กส้มแสนธรรมดาที่แป้งเป็นไต แต่การได้กินเค้กครั้งแรกหลังจากที่ต้องทนอดมื้อกินมื้อมานานก็เปลี่ยนให้เค้กส้มก้อนนั้น ทั้งนุ่มทั้งหอมจนกลายเป็นเค้กที่อร่อยที่สุดในโลกเท่าที่เคยกินมาเลย
ครั้งที่สามคือเมื่อสองวันก่อนที่ป้าสวยมารับองุ่นที่ไร่ไปขาย ป้าสวยคิดว่าการพบกันบ่อยครั้งขนาดนี้ควรได้พูดคุยกัน จึงชวนเธอนั่งรถกลับด้วยกัน
วันนั้นรถสองแถวไม่ได้อยู่รอนลิน เนื่องจากเธอต้องอยู่ปิดปั๊มของบ่อบำบัดน้ำเสียที่ยังทำงานไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ ทำให้กลับออกมาจากไร่ช้ากว่าปกติ
การพูดคุยในครั้งนั้นทำให้รู้ว่าป้าสวยเปิดร้านของใช้เด็ก และเครื่องพลาสติกในตัวเมือง แล้วยังเปิดแผงผลไม้เล็ก ๆ อยู่หน้าร้านให้หลานชายขายเล่นๆ ส่วนเธอได้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวไปเพียงเล็กน้อยว่าเป็นคนงานของนายหัวอิทธิพัทธ์
“นายหัวเป็นคนใจดี ทำงานที่นั่นแหละดี” ป้าสวยบอก
ดีกับป้า ดีกับคนงานคนอื่น ๆ ดีกับผีสางเทวดาทุกตน แต่เลวแค่กับเธอคนเดียวน่ะสิไม่ว่า นลินคิดในใจขณะแกล้งฉีกยิ้ม
“พี่ไปรับเงินหรือยัง” คุ้งถามหลังจากที่ได้รู้ว่าตนเองเกิดหลังนลินสองปี เขาก็เปลี่ยนสรรพนามเรียกขานเธอย่างให้เกียรติ
“ยังเลย” นลินตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เลิกคิดถึงเรื่องของป้าสวยที่ผุดขึ้นมาในหัว “เดี๋ยวเลิกงานค่อยไปรับ”
“ก็ดี เห็นหมวกพี่หลวม ได้เงินก็ไปซื้อใหม่ซะนะ นี่ต้องซื้อหมวกสานแบบผมนี่ถึงจะดี เอายี่ห้อนี้นะ ยี่ห้อที่เย็บขอบสีส้ม ไม่ค่อยดี ตอนซื้อพี่ต้องดูดี ๆ นะ”
“ได้รับคำชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญด้านหมวกแบบนี้ พี่คงซื้อ ไม่ผิดแน่ ไงอ้วน เสก โอ้โฮแม็กซ์ วันนี้สูบบุหรี่มวนเชียว ปกติเห็นสูบแบบพันด้วยมือ”
“วันนี้รวยพี่ เย็นนี้ม่วน”
นลินทำหน้างง
“เงินออกพวกมันจะไปร้านเหล้ากันน่ะ”
คุ้งอธิบายพร้อมคำชวน “พี่อยากไปด้วยกันไหม”
“ไปกันเถอะพี่กินเหล้าไม่เป็น”
บรรยากาศโดยรอบในไร่วันนี้ถือว่าครึกครื้นในตอนเช้า
และก็เปลี่ยนไปเมื่อคนงานหลายคนมาถึงที่ทำงานพร้อมกับกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า ‘แก๊งทวงหนี้’ เข้ามาทวงหนี้กับนลิน
“พ่อฉันเป็นคนยืมไม่ใช่ฉัน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครยอดเท่าไหร่” นลินปฏิเสธไม่ใช้หนี้แทน
“เรื่องนั้นมันไม่ยากหรอกนังหนู เอ็งไม่รู้ยอดแต่เจ้าหนี้เอ็งรู้ ตาเสริฐมันยืมข้าไปพันห้า ยืมนังสายห้าร้อย ยืมไอ้เดชสามพัน แล้วก็นี่ยืมพี่แดงไปมากสุด ทบรวมแล้วหมื่นสอง ยืมนังอิ๋วไปแปดร้อย นังนิดอีกหกร้อย แม้แต่ไอ้คุ้งยังโดนแม่เอ็งอมไปตั้งเป็นพัน แต่ดูท่าคงจะได้อมคืนแล้วละมั้ง”
เกิดเสียงหัวเราะเกลียวขึ้นไม่ต่างจากวันที่ทะเลาะกันในโรงแพ็ก
“มีสัญญากู้ยืมหรือเปล่า” นลินพยายามมีเหตุผล
“ชาวบ้านยืมกันเองจะไปมีสัญญาเหมือนกู้ธนาคารได้ยังไง”
“ถ้าไม่มีสัญญาก็คงจ่ายให้ไม่ได้ เพราะไม่มีการยืนยันยอดจริง ๆ แต่ถึงมีสัญญากู้ยืม ตามกฎหมายแล้วหนี้พ่อแม่ไม่ถือว่าเป็นหนี้ของทายาท ไม่ใช่ภาระที่ทายาทต้องใช้คืน ดังนั้นจะมาทวงกับฉันไม่ได้ พวกป้ารอทวงตอนพ่อฉันกลับมาดีกว่า ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย”
อิทธิพัทธ์อมยิ้มเล็กน้อย โน้มตัวลงบดจูบริมฝีปากบวมแดงอย่างหลงใหลแค่นลินเผยอปากเพียงนิดเดียว ลิ้นอุ่นของอีกฝ่ายก็เข้ามากวาดความหวานอย่างตามใจ ไม่รู้ว่าจูบนั้นเพลิดเพลินและโหยหากันและกันมากแค่ไหน พอรู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของเธอก็นาบลงบนเตียงนุ่ม ส่วนผัวรักของเธอก็ยังคงรักษาคอนเซปต์ของความป่าเถือนอย่างคงเส้นคงวาแคว่ก ! เพนตี้ลูกไม้ขาดถูกโยนออกไปไกล“นี่ ! นายหัว ฉีกมันอีกแล้วนะ ไอ้โรค อื้อ…”คำว่า ‘จิต’ ค้างอยู่ในลำคอเมื่อลิ้นอุ่นเลื่อนลงไปทักทายกลีบกลางอย่างรวดเร็ว“ลิน หวานมาก” เขาหยุดแล้วส่งเสียงอู้ ๆ อี้ ๆ บอกเธอก่อนจะทำการชำแหละหาความหมอหวานต่อนลินดิ้นเร่าอ้าขาออกกว้างอย่างหน้าไม่อาย แน่นอนว่าเธอคิดถึงความสุขสุดยอดนี้แค่ไหน นึกว่าอีตาผัวกระทิงควายจะกลายเป็นโรคประสาท สมองกลับจนไม่ทำแบบนี้ให้เธออีกต่อไปแล้ว โอ้วววแม่เจ้า ขอต้อนรับกลับบ้านค่ะนายหัวผัวกระทิงควาย นลินคิดในใจขณะเคลิบเคลิ้มวิ่งเล่นอยู่บนดวงจันทร์“ฉัน อื้อ เสียว ไม่ไหวแล้วค่ะนายหัว”อิทธิพัทธ์หยุดการเคลื่อนไหว นั่นทำให้นลินยิ่งประหลาดใจ ดวงตาพร่าสวาทกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้นก็กว้างขึ้น นัยน์ตาดำขลับมีรูปเครื่องหมายคำถาม ( ?
พยายามจะสะกดใจ แต่…นลินถือไดร์เป่าผมสะบัดไปมาบนผมเปียกที่พึ่งสระเสร็จอยู่หน้ากระจก ท่าทางของเธอเหมือนตั้งใจจะให้ผมนั้นกลับมาแห้งสสวยโดยเร็ว ๆ ทว่าจริงแล้วดวงตากลมโตไม่ได้สนใจผมของตัวเองสักนิด แต่กำลังมองผ่านกระจก ดูเรือนร่างกำยำที่ใส่ผ้าขนหนูในลักษณะหมิ่นเหม่ กำลังเช็ดผมแบบลวก ๆ ทำท่าเหมือนจะอ่อยเธอ นลินนึกถึงเมื่อตอนบ่ายของวันนี้ที่สินประกาศดังลั่น“เอาล่ะทุกคนตอนนี้นายหญิงของไร่ร่างกายอ่อนเพลียมากต้องการพัก เชิญทุกคนไปสังสรรค์ร้องโฮ่ฮู้กันต่อได้ที่โรงอาหาร”เสียงเฮดังลั่นขณะที่เรือนร่างของเธอถูกว่าที่เจ้าบ่าวอุ้ม ตอนนั้นเธอเข้าใจว่าคงต้องปรนเปรอนายหัวกระทิงควายเป็นแน่ เธอคิดถึงเขา เขาคิดถึงเธอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากการกลับมาเจอกันอีกครั้งจะกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์แบบนันสต็อปทว่ากลับผิดคาดเมื่อเขาวางตัวเธอลงบนโซฟาห้องรับแขก ตรงหน้าคืออาหารชั้นดีบำรุงครรภ์ พยาบาลบอกด้วยหน้าตา ยิ้มแย้มแจ่มใส ตามมาด้วยยาสำหรับคุณแม่ท้องอ่อน แน่นอนว่าตานายหัวอยู่ร่วมรับประทานอาหารกับเธอ“นายหัวกินข้าวได้เยอะแบบนี้ผมก็เบาใจ”“นายไปร่วมส
“ทำไม คุณเสียใจมากหรือไงที่ฉันท้อง หรือคุณจะหาว่าฉันท้องกับคนอื่น”“ลิน” อิทธิพัทธ์ทำหน้าตกใจ เมื่อหันกลับไปพบนลินยืนเท้าสะเอวอยู่ จึงถามเสียงสั่นว่า“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ไม่สำคัญหรอก” เธอบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกตามตรงว่าเธอมาตั้งแต่ตอนที่เขาพูดคุยกับนายหัวหนุ่ยทำให้เธอเพิ่งรู้ถึงเหตุผลอันแท้จริงของการที่เขาไล่เธอออกไปจากไร่ และเขายอมเสี่ยงแค่ไหนเพื่อจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง มันทำให้ความโกรธในใจหายไปราวกับปลิดทิ้ง แทนที่ด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง เขาเป็นคนเดียวในชีวิตที่ยืนหยัดเพื่อเธอมากขนาดนี้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอยอมกลืนน้ำลายตัวเอง“ฉันไม่เคยคิดว่าเธอท้องกับคนอื่นเลยนะ ฉันมั่นใจว่าลูกเป็นลูกของฉัน ฉันถึงได้ซื้อของใช้เด็กอ่อนเอาไว้มากมายรอลูกของเรา ฉันอยากให้ลูกเกิดมาบนความพร้อม และความรัก ฉันสัญญาว่าจะทำหน้าที่พ่ออย่างดีที่สุด จะไม่ทำให้ลูกขาดความอบอุ่น หรือรู้สึกต่ำต้อยกว่าคนอื่น ลูกอินทร์ชื่อลูกของเรา มาจากลินกับอิทไง ฉันตั้งเอง”นลินขมวดคิ้วให้กับชื่อนั้น“เห็นไหม บอกแล้วว่าฉันตั้งใจกับหน้าที่พ่อมากแค่ไหน และฉันสัญญาว่าจะเป็นสามีที่ดี เราคืนดีกันนะ”“ง่ายไปหรือเปล่า”“อะไรง่าย”
26 เหตุผล“มีอะไร” อิทธิพัทธ์ถามเสียงขุ่น ยกมือออกจากหน้าขาของอีกฝ่ายนลินรู้สึกขัดเขินกับความใกล้ชิดต่อหน้าคนอื่น จึงดึงผ้าห่มขึ้นห่มถึงคาง เบือนหน้าออกไปทางหน้าต่างมองแปลงองุ่นที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา“นายหัวหนุ่ยโทร. มาครับ แจ้งว่าต้องการคุยกับนายหัวด่วน คงจะเป็นเรื่อง…”สินหยุดพูดไปเท่านั้น แต่ทุกคนก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่าคงเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้ นอกจากเรื่องที่เขาพานลินเข้าบ้านนี่เป็นการผิดสัญญาที่เขาเคยรับปากกับนายหัวหนุ่ยไว้ ตอนที่ให้นลินย้ายออกไป เขาถูกนายหัวหนุ่ยเรียกพบเพื่อพูดคุยกันเรื่องนี้ ความจริงแล้วนายหัวหนุ่ยไม่ได้สนใจว่าเขาจะนอนกับใครหรือไล่ใครออกจากงาน ที่เขาสนใจเรื่องนี้เพราะมันกระทบกับลูกสาวของเขา นั่นย่อมหมายถึงกระทบกับตัวเขาเช่นเดียวกันการที่อิทธิพัทธ์ยอมหักหน้าภาพิมลเพื่อแม่บ้านคนเดียว เป็นเรื่องที่รู้ถึงไหนอายเขาไปถึงนั่น ลูกสาวของเขาถึงจะผิดจะถูกอย่างไรก็เป็นคุณหนูชาติตระกูลดี จะปล่อยให้ถูกคนงาน เยาะเย้ยว่าแพ้แม่บ้านก็เหลือทนนายหัวหนุ่ยบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าเรื่องนี้ตนรับไม่ได้ ในเมื่ออิท
แน่นอนว่าลูกค้าคนสำคัญทำให้เธอมีเงินเหลือเก็บ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะเป็นเพียงระยะเวลาอันสั้น เด็กสมัยนี้โตไวซื้อของไปก็ใช้ได้แค่แป๊บเดียวเอง เธอจึงอยากหาลูกค้าแบบนี้เพิ่มหลังจากปล่อยให้ความคิดของตัวเองล่องลอยไปได้เพียงไม่นาน นลินก็กลับมาสนใจออเดอร์ของลูกค้าอีกครั้ง จัดแจงกดเบอร์ในมือถือโทรไปยังร้าน ‘โลกของเด็ก’ เป็นร้านขายของใช้เด็กของป้าสวย เพื่อสอบถามสต๊อกและยืมรถสำหรับนำส่งลูกค้าประจำคนนี้เมื่อถึงเวลานัดส่งมอบสินค้า นลินกับเบิ้ม เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปี เป็นหลานชายป้าสวย ได้ไปตามสถานที่นัดก่อนเวลานัดหมายสิบนาที และพบว่าพี่ลูกอินทร์ก็มาก่อนเวลาเช่นเดียวกันแต่ผิดคาดเล็กน้อยเมื่อพบว่าลูกค้าดีเด่นคนนี้เป็นผู้ชาย แล้วยังเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่เธอคิดจะขายของใช้เด็กอ่อนให้ !“นายหัว !”“เธอจะตะโกนทำไม” อิทธิพัทธ์สวมแว่นตาดำ ทำให้มองไม่เห็นแววตาของเขา แต่จากสีหน้าสามารถบอกได้ว่าเขารู้สึกพอใจ“ฉันเอาของมาแล้ว ฉันไม่ได้เอามาให้นายหัวเล่นสนุกนะ”“ใครบอกเธอว่าฉันเล่นสนุก ฉันจะซื้อทุกอย่างจริง ๆ”“นี่มันของใช้เด็กอ่อน”“แล้วไง”“ถามมาได้ว่าแล้วไง นายหัวไม่มีลูกจะซื้อของพวกนี้ไปทำไม อ๋อ แล้วที
“ฉันนึกว่าเมื่อรู้แล้วว่าฉันปลดหนี้ได้ แม่จะกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเมื่อก่อนก็ได้น่ะ” ต่อให้รู้สึกห่างเหินกับมารดา ที่ตอนนี้มีศักดิ์เป็นป้า แต่นลินก็คือนลินเด็กกตัญญูอย่างไรเล่า จึงไม่อาจละเลยที่จะไม่เลี้ยงดู“แกปลดหนี้ได้แล้วเหรอ หนี้ที่พวกฉัน…” หญิงวัยกลางคนละอายใจเกินกว่าจะพูดต่อ“ฉันนึกว่าแม่รู้”“ไม่รู้ ดูเหมือนว่านายหัวจะไม่ไว้ใจ กลัวว่าฉันจะมาเกาะแกกินเลยไม่ยอมบอกเรื่องนี้”“ถ้าแม่กับมินตราสัญญาว่าจะปรับตัวใหม่ ตั้งใจทำมาหากิน จะกลับมาอยู่ด้วยกันฉันก็ไม่ว่า”“แกเป็นคนดีจริง ๆ ลิน น่าเสียดายที่แกต้องอยู่ในการเลี้ยงดูของฉัน ถ้าแกได้อยู่กับแม่แท้ ๆ หรือตายายของแก ชีวิตของแกคงจะมีแต่ความสุข”“พวกเขาไม่ได้เป็นคนเลี้ยงฉัน แต่แม่เป็นคนที่เลี้ยงฉันมา ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่าง และสำหรับกำไลทองนี่ ทั้งที่แม่จะขายทิ้ง เอาเงินมาใช้จ่ายเหมือนสมบัติชิ้นอื่น ๆ ของแม่ฉันก็ได้”วิภาวีพยักหน้าเล็กน้อย แววตายังคงเศร้าปนระอายใจ“ถือว่ามันเป็นสิ่งดีสิ่งเดียวที่ฉันมอบให้ก่อนจากกันก็แล้วกัน เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันจะกลับก่อน”“แม่จะกลับยังไง”“อ๋อ มีพลเมืองดีไปรับไปส่งน่ะ ไม่ต้องงง คนพวกนี้เป็นลูกน้องของ