공유

Chapter5. ข้ากินไม่อิ่ม

last update 최신 업데이트: 2024-12-02 12:18:10

            นางมองแผ่นหลังของเซียวเหรินที่ยุ่งกับการตรวจคนป่วยที่นอนบนแคร่ไม้ไผ่ นางกินอาหารที่ติงชุ่ยยกมาให้ ติงชุ่ยหน้าตาบึ้งตึงพูดอะไรไม่รู้มากมายแล้วหมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้นางกินโจ๊กหอมกรุ่น เป็นครั้งแรกที่นางจับช้อนตักอาหารเข้าปากด้วยตนเอง นางเงอะงะอยู่ครู่หนึ่งจึงทำได้โดยไม่หกเลอะเทอะ นางได้กินโจ๊กหอมกรุ่นจนเกลี้ยงชาม แต่เหตุใดนางยังไม่รู้สึกอิ่ม หญิงสาวลูบท้องของตนเบาๆ เมื่อครั้งเป็นนกนางก็กินเพียงเล็กน้อย เคยเฝ้าดูคุณหนูกินอาหารแต่ละมื้อก็กินเพียงเล็กน้อยเช่นกัน แต่เหตุใดนางกินจนเกลี้ยงชามแล้วยังไม่รู้สึกอิ่ม ร่างกายยังอ่อนแรงอยู่ นางจึงยอมขัดคำสั่งของเซียวเหรินที่ให้นางอยู่แต่ในห้อง ถือชามโจ๊กออกมาด้านนอก

            หญิงงามแม้อยู่ในชุดหญิงชาวบ้านเสื้อผ้าเปื่อยเก่าแต่ไม่อาจปกปิดความงามนั้นไว้ได้ ผมยาวดำขลับเพียงถูกรวบไว้ง่ายๆ ด้วยปิ่นไม้ นางประคองชามโจ๊กที่ว่างเปล่าราวกับขอทานน้อย แววตาตื่นตระหนก ริมฝีปากแดงชาดเม้มแน่นดูน่าสงสารนัก

            “เจ้าออกมาทำไมกัน” ติงชุ่ยถามพลางเดินไปลากแขนแทบจะปลิวลมของหญิงสาวมาใกล้ นางไม่ยินดีเห็นสตรีอื่นหน้าตาโดดเด่นมาอยู่ใกล้นัก เดิมทีได้ยินท่านเซียวสั่งให้นางอยู่แต่ในห้อง ไม่คิดว่านางกล้าออกมาให้ผู้อื่นเห็นเช่นนี้

            “ข้า...ข้ากินไม่อิ่ม” นางพูดตะกุกตะกัก “ขอ...ขอกินอีกได้ไหม”

            ติงชุ่ยแม้ไม่ชอบหญิงสาวคนนี้ หรือพูดให้ถูกคือไม่ชอบหญิงสาวทุกคนที่อยู่ใกล้เซียวเหริน แต่ท่าทางน่าสงสารเช่นนี้ทำให้คนใจอ่อน ติงชุ่ยจับข้อมือผอมบางนั้นเดินไปยังครัวเล็กๆ ที่เป็นทั้งครัวและที่ต้มยา หลัววั่งที่กำลังต้มยาอยู่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมติงชุ่ยก็ส่งยิ้มให้ แต่ติงชุ่ยกลับเบ้ปากใส่แล้วพยักพเยิดให้หลัววั่งมองดูในชามเปล่าในมือของนาง

            “นางกินไม่อิ่ม เจ้าพอมีอะไรให้นางกินอีกหรือไม่”

            หลัววั่งฉีกยิ้มกว้าง คนหิวกินอาหารได้มากแสดงว่าร่างกายกำลังฟื้นคืนกำลัง เขาเองแม้ไม่ฉลาดนัก แต่จดจำถ้อยคำของท่านเซียวไว้เป็น

ความรู้

            “โจ๊กหมดแล้ว แต่มีหมั่นโถวอยู่ เจ้ากินรองท้องไปก่อนได้หรือไม่”

            หญิงสาวรีบพยักหน้าหงึกๆ แววตาเป็นประกายด้วยความดีใจ หลัววั่งเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่คาดเอวอยู่แล้วเดินไปเปิดซึ้งหยิบหมั่นโถวออกมา เขารับชามเปล่าจากมือนางแล้วยื่นหมั่นโถวให้

            “ค่อยๆ กิน มันร้อน”

            “อือ” ปากเล็กๆ อ้าเป็นวงกลมแล้วเป่าหมั่นโถวขาวอวบในมือ เมื่อมั่นใจว่าไล่ความร้อนออกไปแล้วก็อ้าปากกัดกินคำโต

            “ค่อยๆ กิน ประเดี๋ยวจะติดคอ” หลัววั่งเตือนแล้วรีบหมุนตัวไปรินน้ำมาเตรียมไว้ให้ดื่ม “ยังมีอีกหลายลูก เจ้าไม่ต้องกลัวจะไม่อิ่ม”

            “ขอบคุณมาก” นางซาบซึ้งใจยิ่งนัก “พี่สาวกับพี่ชายช่างดีเหลือเกิน”

            ถ้อยคำเอ่ยตรงไปตรงมาทำให้ติงชุ่ยและหลัววั่งเขินอายขึ้นมา ติงชุ่ยเห็นท่าทางไร้เดียงสาของนางก็อดเอ็นดูไม่ได้

            “เจ้าชื่ออะไรนะ”

            “หลันหลัน” นางตอบทั้งที่หมั่นโถวเต็มปาก ก้อนแป้งขาวติดริมฝีปากสีแดงช่างน่าดูนัก “คุณหนูเรียกข้าว่าหลันหลัน”

            “อ่อ...” หลัววั่งพยักหน้ารับ “ข้าชื่อหลัววั่งและนี่ติงชุ่ย”

            “พี่หลัววั่ง พี่ติงชุ่ย” นางเรียกขานพร้อมรอยยิ้ม

“หมั่นโถวอร่อยมากหรือ?”

ติงชุ่ยกินอาหารฝีมือหลัววั่งบ่อยๆ มิอาจบอกได้ว่าอร่อยหรือไม่ นางไม่ชอบทำอาหาร แม้ทำได้บ้างแต่ไม่นับว่าเก่งนัก มักถูกมารดาตำหนิที่ไม่ฝึกฝนเรื่องงานครัวอยู่บ่อยครั้ง

“อร่อยมาก” นางพยักหน้าขึ้นลง “อร่อยจนไม่รู้ข้าจะบรรยายอย่างไร”

หลัววั่งหัวเราะแก้เขิน “อยากได้อีกลูกไหม?”

“พอแล้ว” ติงชุ่ยรีบห้าม “นางเพิ่งฟื้นจะให้กินเยอะมากไม่ได้ ประเดี๋ยวร่างกายรับไม่ไหวจะอาเจียนออกมาหมด”

หญิงสาวพยักหน้าเร็วๆ นางเป็นนกนี่นะ คุ้นเคยกับการพยักหน้าผงกศีรษะ นางรู้สึกอิ่มก็จริงแต่ร่างกายยังโหวงเหวงชอบกล หรืออาจเพราะนางเพิ่งฟื้นก็เป็นได้  

“พี่หลัววั่ง พี่ติงชุ่ย มีสิ่งใดให้ข้าช่วยบ้างหรือไม่” 

“เจ้าเป็นคนป่วย เพิ่งฟื้นเช่นนี้ไปพักผ่อนเถิด” หลัววั่งโบกมือไล่  “บริเวณนี้ร้อนนัก ประเดี๋ยวหน้ามืดหน้าคว่ำใส่เตาต้มยา เจ้าถอยไปห่างๆ เถิด” 

หลันหลันพยักหน้าเร็วๆ แล้วก้าวถอยห่างอย่างเชื่อฟัง ติงชุ่ยแม้เตือนตัวเองอย่าได้หลงกลท่าทางไร้เดียงสานี้แต่ก็อดเอ็นดูไม่ได้

“เช่นนั้นตามข้ามา” ติงชุ่ยคว้าข้อมือเรียวเล็กของหลันหลันแล้วก็ขมวดคิ้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ถือตัวนางก็พิจารณาดูข้อมือของหลันหลัน ผอมจนเห็นเป็นกระดูกขึ้นมา ยามที่นางช่วยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เห็นตามเนื้อตัวมีรอยช้ำ ทั้งเก่าใหม่เต็มไปหมด แม้ไม่รู้ที่มาที่ไปแต่เห็นแล้วน่าสงสารไม่น้อย  

“เจ้าอย่าใช้งานนางหนักนัก”

“เปล่าเสียหน่อย” ติงชุ่ยแยกเขี้ยวใส่ “ข้าแค่จะพานางกลับไปพักเท่านั้น”

หลันหลันมองหลัววั่งสลับกับติงชุ่ยไปมาแล้วก็ยิ้มกว้างพยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ “พี่ชายกับพี่สาวช่างเป็นคู่รักที่น่ารักยิ่งนัก”

“คู่รัก!” ติงชุ่ยกับหลัววั่งพูดออกมาพร้อมกันแล้วสบตากันก่อนหันหน้าหนีซ่อนแก้มแดงระเรื่อของตนเอง “เจ้าอย่าพูดจาส่งเดช”

“ไม่ใช่รึ?” นางเอียงคอมองแล้วโคลงศีรษะอย่างไม่เข้าใจ “พี่สาวกับพี่ชายเข้ากันได้ดีถึงเพียงนี้ มิใช่เป็นคู่รักย่อมเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย”

ติงชุ่ยไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระอีกจึงรีบดึงข้อมือเล็กๆ ของหลัน หลันให้รีบเดินออกมาโดยเร็ว ใจจริงนางอยากจับหลันหลันยัดกลับเข้าไปในห้องแล้วลงกลอนปิดประตูไว้ แต่เมื่อเดินออกมาก็พบว่าคนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมเซียวเหรินอยู่

“เหตุใดเจ้าไม่ยอมช่วยมารดาของข้า” ชายร่างยักษ์คว้าคอเสื้อของเซียวเหรินกระชากอย่างแรงจนร่างสูงโปร่งแทบจะปลิวตามแรงกระชาก

“ข้าพูดไปแล้ว” เซียวเหรินกล่าวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มีแววหวาดกลัวว่าจะถูกทำร้ายแต่อย่างใด

“เจ้าแค่จับข้อมือ เปิดดวงตามารดาของข้า เพียงแค่นี้ก็บอกว่ารักษาไม่ได้แล้ว! เจ้าเป็นหมอภาษาอะไร ยังไม่ทันลงมือก็บอกว่ามารดาของข้าไม่รอดแล้ว”

ติงชุ่ยปล่อยมือจากข้อมือเล็กๆ ของหลันหลันแล้วอุทาน “แย่แล้ว!”

“แย่แล้ว?” หลันหลันพูดทวนคำเดียวกับติงชุ่ย

“เจ้าอยู่ที่นี่อย่าให้ใครทำร้ายท่านเซียวนะ ข้าจะไปตามหลัววั่ง”

หลันหลันพยักหน้าขึ้นลงรับคำสั่งจากติงชุ่ย นางจ้องมองภาพเบื้องหน้า ชายร่างใหญ่เหมือนหมีดำกระชากคอเสื้อของเซียวเหรินจนปลายเท้าลอยขึ้นจากพื้น นางเบิกตากว้างรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีวิ่งพุ่งเข้าไปอย่างแรง หวังใช้สองมือผลักหมียักษ์ให้กระเด็น ทว่าสุดแรงของนางนั้นไม่ได้ทำให้ร่างหมีดำขยับแม้แต่น้อย มีเพียงดวงตาสองข้างที่ย้ายสายตาจากเซียวเหรินมาที่ฝ่ามือเล็กๆ ที่ทำท่าดันเขา

“เจ้าทำอะไร” ชายร่างใหญ่เอ่ยถาม เห็นชัดว่านางดันร่างของเขาแต่สองเท้านั้นตะกุยพื้นดิน

“ผลักเจ้าไง” นางเงยหน้าขึ้นมองไร้แววหวาดกลัว

“นี่ออกแรงแล้วรึ”

หลันหลันพยักหน้าหงึกๆ ด้วยท่าทีจริงจัง นางใช้สองมือดันร่างใหญ่จนเท้าเล็กๆ ของนางจิกพื้นดิน

“แรงแค่นี้คิดจะผลักข้ารึ”

 คนร่างใหญ่ขมวดคิ้ว อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ออกจะสงสารที่นางพยายามแล้วแต่ทำได้แค่นี้ อย่าว่าแต่มัดไก่เลย ตบยุงก็ไม่น่าจะตายด้วยซ้ำ  

เซียวเหรินไม่คิดต่อสู้อยู่แล้วจึงยอมให้อีกฝ่ายจับคอเสื้อยกเขาจนปลายเท้าลอยขึ้นเหนือพื้นเช่นนี้ แต่เห็นสาวใช้ของกงเสวี่ยหลิงพยายามช่วยเขาอยู่ ก็ทำให้เขาจำใจยกมือขึ้นหมายจี้สกัดจุดให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายขยับตัวไม่ได้เสีย แต่มือใหญ่นั้นกลับปล่อยคอเสื้อของเขาออกอย่างรวดเร็วแล้วโน้มตัวลงก้มหน้ามองคนตัวเล็กที่เชิดหน้าขึ้นข่มขวัญคนตัวใหญ่

“ตัวแค่นี้ แรงก็นิดเดียวจะทำอะไรใครได้”

“ได้สิ! ข้าจะต้องปกป้องผู้มีพระคุณของข้า” นางยังมุ่งมั่นที่จะผลักหมีดำแต่มือใหญ่หยาบกร้านยื่นมาดันศีรษะนางเบาๆ แต่กระนั้นนางก็ถอยหลังง่ายดาย

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   จบ

    หญิงสาวได้แต่ยิ้มน้อยๆ แล้วมองเด็กสองคนที่แย่งกันมองนอกหน้าต่างรถม้าที่โยกไหวไปมา นี่คือเส้นทางที่นางตัดสินใจแล้ว เขาไม่ต้องการนาง นางก็ไม่สามารถทำใจแข็งมองดูเขากับหญิงอื่นได้ ไม่รู้ทำไม ใจนางจึงชอบบุรุษผู้นั้นไปได้ ภายนอกเขาดูเย็นชาแต่เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง เขาใส่ใจนางอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไร นางก็เป็นเพียงหญิงจากหอนางโลมที่รัชทายาทประทานให้ เมื่อเขาไม่ต้องการก็ส่งนางกลับไป คิดถึงเรื่องนี้หัวใจก็เจ็บราวถูกมีดเฉือดเนื้อหัวใจเป็นริ้วๆ“นั้นอะไร” เด็กหญิงเอ่ยถาม“ม้ายังไงเล่า” เด็กชายตอบ “มีคนขี่ม้ามาทางนี้”“คงเป็นทหารนำสาสน์ด่วนผ่านมาทางนี้” ผู้เป็นแม่อธิบาย“ข้าจะเป็นทหาร!” เด็กชายพูดขึ้น“ข้าด้วย” เด็กหญิงพูดบ้าง“เจ้าเป็นผู้หญิง เป็นทหารไม่ได้”“ข้าจะเป็นทหาร ขี่ม้าเหมือนคนผู้นั้น”“อ๋า! ใกล้มาแล้ว”จู่ๆ รถม้าก็หยุดกะทันหัน ผู้คนในรถม้าไม่ทันตั้งตัวล้มไปคนละทาง หลิวเจียวเหมยยื่นมือไปรับเด็กหญิงไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มกระแทกพื้นรถ“เกิดอะไรขึ้น!” หลิวเจียวเหมยหัวเสีย แม้จะเป็นคนของทางการแต่ทำเช่นนี้ไม่ถูก หากมีคนบาดเจ็บขึ้นมาจะทำอย่างไร หญิงสาวหงุดหงิดแล้วยื่นหน้าออกไปมองเป็นจังหว

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter71.บุรุษในดวงใจ

    หยางเฟยหลิงก้าวพรวดพราดเข้าไปหาน้องชายที่นี่นั่งอ่านตำราอยู่ สีหน้าของหยางไห่เทาไม่สะทกสะท้านแม้ถูกกระชากคอเสื้อจนตัวลอยขึ้นจากเก้าอี้ สาวใช้ตกใจส่งเสียงหวีดร้องขึ้นมาทันที “พี่ใหญ่” หยางไห่เทาคลี่ยิ้มไม่ถือสาที่ถูกพี่ชายทำเช่นนี้ “หากเจ้ายังเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ ก็บอกมาว่าซ่อนหลิวเจียวเหมยไว้ที่ใด!” “แค่สตรีนางหนึ่งเป็นแค่หญิงรับใช้ พี่ใหญ่จะต้องสนใจไปไย” “นางเป็นคนของข้า!” “ข้ารู้” หยางไห่เทายังคงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาเตรียมใจมาเจอเรื่องเช่นนี้แล้วจึงไม่ได้หวาดกลัวสิ่งใด เขายกมือขึ้นแตะหลังมือพี่ใหญ่เป็นเชิงเตือนให้ปล่อยมือ แม่ทัพหนุ่มรู้ดีว่าทำไม่ถูกนัก แต่เขาระงับใจไว้ไม่อยู่ ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกก่อนปล่อยมือจากเสื้อของน้องชาย หยางไห่เทาพรูลมหายใจเบาๆ พลางจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วผายมือเชิญให้พี่ใหญ่นั่งลงก่อน เขารินน้ำชาด้วยตนเองแล้วส่งให้ “พี่ใหญ่ไม่ต้องการนางแล้ว จะรั้งนางไว้เพื่อสิ่งใด มิสู้ปล่อยให้นางได้ใช้ชีวิตของตนมิดีกว่าหรือ?” “ผู้ใดบอกว่าข้าไม่ต้องการนาง” เขา

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter70. รสขมปร่าในอก

    บ้านเมืองสงบสุขไปหรือไร ไฉนทุกคนถึงได้เป็นห่วงเป็นไยว่าเขายังไม่ได้แต่งงาน หยางเฟยหลิงหงุดหงิดในใจทว่าไม่สามารถแสดงสีหน้าหรืออารมณ์ออกมาได้ เขายังคงนั่งจิบน้ำชาอย่างไร้ความรู้สึกต่อหน้ารัชทายาทฝูไหลที่นัดหมายพบหน้าเขาถึงที่จวน โดยแจ้งว่ามีใบชาชั้นเลิศมอบให้ คนอย่างเขาดื่มสุรามากกว่าน้ำชาด้วยซ้ำ เหตุใดจึงมอบใบชาให้เขากันเล่า และสุดท้ายก็สอบถามเขาเรื่องตบแต่งภรรยา “แม่ทัพหยางไม่ถูกใจน้องสาวของข้ารึ หรือเจ้าชอบองค์หญิงคนไหน ข้าสามารถพูดกับเสด็จพ่อได้” “ฐานะกระหม่อมไม่คู่ควร โปรดเลิกคิดเรื่องเหล่านี้เถิด” ฝูไหลไม่โกรธแต่กลับหัวเราะออกมา “หรือแม่ทัพหยางมีหญิงในดวงใจจึงไม่พึ่งใจพี่สาวน้องสาวของข้า” หญิงในดวงใจ เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ตั้งแต่รับหลิวเจียวเหมยไว้ข้างกาย เขาก็ไม่ต้องสตรีนางใดอีก เขาชอบเวลาที่มีนางอยู่ใกล้ๆ นางเหมือนสายน้ำไหลเย็นที่ไร้เสียง แต่รับรู้ได้ว่ามีตัวตนในขณะเดียวกันก็ซุกซ่อนอีกด้านที่ไม่เปิดเผยให้ผู้อื่นได้สัมผัส ท่าทางแง่งอนหรือดื้อรั้น ภายใต้ท่าทีอ่อนน้อมเช่นนางจะหัวแข็งไ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter69. ข้ามีสิทธิ์รอหรือ?

    ปลายจมูกโด่งกดซุกไซ้ที่ซอกคอขาวผ่อง หญิงสาวบิดตัวไปมาพลางยกมือขึ้นปัดป้อง ทว่าสองมือกลับถูกกดลงข้างตัวทำให้คนที่หลับใหลผวาตื่นจ้องมองใบหน้าผู้บุกรุกยามวิกาล “ท่าน...ท่านแม่ทัพ...” “หรือเจ้าคิดว่าเป็นผู้ใด” น้ำเสียงหงุดหงิดเคล้ากับกลิ่นสุรารสแรงทำให้หลิวเจียวเหมยตัวเกร็งและไม่กล้าขยับตัวส่งเดชอีก ท่าทางตื่นกลัวของนางทำให้หยางเฟยหลิงหงุดหงิด เหตุใดนางจึงดูกลัวเขานักนะ ทั้งที่ร่วมหลับนอนกันมาหลายครั้งหลายคราแล้ว“ตอบสิ”“....” หญิงสาวปรับสายตาครู่หนึ่ง ยามนี้ร่างใหญ่โตของเขาคร่อมร่างนางอยู่ ไอร้อนจากตัวบุรุษโอบล้อมราวย้ำเตือนว่านางไม่อาจหลบหนีไปได้“ข้า...ข้าไม่ได้รอผู้ใดเจ้าค่ะ” ‘ข้ามีสิทธิ์รอหรือ? ข้าเป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียงท่านแม่ทัพ จะมีสิทธิ์ทำสิ่งใดได้’คล้ายไม่พอใจกับคำตอบที่ได้ยิน ริมฝีปากเจือรสสุราทาบทับลงมาจูบกลีบปากดุจกลีบกุหลาบ เขาขบเม้มริมฝีปากนางอย่างแรงจนหญิงสาวนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ ร่างกายดิ้นรนต่อต้านแต่ไม่อาจสู้แรงอีกฝ่ายและแน่นอนว่าเขาไม่ได้ออกแรงเลยสักนิด ยิ่งนางต่อต้านเขายิ่งอยากเอาชนะ มือที่ว่างอีกข้างกระชากเสื้อของนางเปิดอ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter68. เหลวไหล

    คนเป็นน้องอ้าปากจะพูดแต่หญิงสาวยกน้ำชาเข้ามาก่อน แม้นางสวมชุดสาวใช้แต่กิริยามารยาทอ่อนช้อยงดงามสมกับเป็นคุณหนูในตระกูลเก่าแก่ หากไม่เพราะเลือกข้างผิดคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ หญิงสาวรินน้ำชาเสร็จก็ค่อยๆ ก้าวออกไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่ต้องให้ใครเอ่ยปากขับไล่ แม่ทัพหยางมองร่างบอบบางเดินออกไปแล้วจึงย้ายสายตามาจ้องมองน้องชาย “พี่ใหญ่คงรู้แล้วว่าข้าป่วยทางใจ หมอที่ใดก็เยียวยามิได้” หยางไห่เทายกน้ำชาขึ้นจิบเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อ “ไม่อาจกล่าวโทษพี่ใหญ่ที่ทำให้ครอบครัวเราจากเดิมที่เป็นเพียงคนยากไร้ได้กลับกลายเป็นคนตระกูลสูงส่งมีผู้คนนับหน้าถือตา แต่สิ่งเหล่านั้นสร้างความกดดันให้ข้าไม่น้อย ไม่ว่าจะทำสิ่งใดมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับพี่ใหญ่ผู้เกรียงไกรในสนามรบ” “เหลวไหล ข้าเป็นพี่ใหญ่ของเจ้านะ” หยางไห่เทาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนคลี่ยิ้มเหนื่อยล้า“พวกเรารู้ดีว่าพี่ใหญ่ทำเพื่อครอบครัวมากเพียงใด แต่พวกเราก็หนักใจที่ต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงมากมายที่มาพร้อมฐานะที่สูงขึ้น” “ข้าไม่รู้ว่า...” “เรื่องนี้พี่ใหญ่ไม่ผิด ท่านเองก็รู้ว่าในวังหลวงมี

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter67. ร้อนใจ

    “ท่านแม่พูดว่า...น้องเล็กจะกลับมาแล้วหรือขอรับ” “ใช่” หากหยางไห่เทากลับมา...น้องชายคงอยากพบหลิวเจียวเหมยเป็นแน่ แม้หลิวเจียวเหมยเคยพูดกับเขาว่านับหยางไห่เทาเป็นสหาย แต่น้องชายของเขาเล่าคิดเช่นไรกับสตรีผู้นี้? อาหารเลิศรสกลายเป็นฝืนคอไปทันที หลังจากกินอาหารเสร็จ พ่อลูกนั่งจิบชาอยู่ครู่หนึ่ง หยางเฟยหลิงจึงขอตัวกลับ ระหว่างที่เดินออกมานั้น เด็กน้อยวิ่งถลาเข้ามาทางเขาอย่างไม่ตั้งใจ “ตงตงระหว่างชนท่านลุง” น้องชายคนรองร้องห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้ว เด็กน้อยวัยสิบขวบวิ่งชนเข้าไปเต็มที แต่หยางเฟยหลิงคว้าร่างเล็กไว้ได้ทันก่อนจะชนกับเขาเข้า ซึ่งถ้าอาจทำให้เด็กน้อยเจ็บตัวได้ เด็กชายตัวจ้อยแหงนหน้ามองบุรุษร่างสูงใหญ่ด้วยความไม่คุ้นเคย ดวงตากลมกะพริบตาปริบๆ แล้วหันไปทางบิดาที่เดินตามมา “ท่านลุง?” “นี่ท่านลุงของเจ้า” น้องชายคนรองหัวเราะเบาๆ แล้วอุ้มเจ้าจอมซนเอาไว้ “พี่ใหญ่ไม่เป็นไรกระมัง” “ข้าจะเป็นอะไรได้” เขามองเด็กน้อยแล้วยิ้ม “พี่ใหญ่ก็กลับมาบ้านบ่อยๆ ลูกข้าจะได้จำหน้าท่านลุงได้...หรือไม

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status