รามัญตื่นนอนในตอนสายของอีกวันหนึ่ง เขาลืมไปสนิทเลยว่าวันนี้เป็นวันเสาร์จึงไม่สามารถไปหาคุณนครินทร์ที่บริษัทได้เพราะวันเสาร์คุณนครินทร์ไม่เข้ามาในบริษัท ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งจ้องโทรศัพท์และตัดสินใจว่าโทรศัพท์ไปหาคุณนครินทร์โดยตรงดีหรือเปล่า
แต่ดูเหมือนคุณนครินทร์ก็ใจตรงกันเพราะเขายังไม่ทันได้กดโทรออกฝ่ายนั้นก็โทรเข้ามาเสียก่อน
“สวัสดีครับคุณใหญ่” เขากดรับสายและทักทายอย่างเป็นกันเองเพราะคุณนครินทร์กับเขารู้จักและสนิทสนมกันดี
“รามยุ่งอยู่หรือเปล่า ว่างคุยกับพี่มั้ย”
“ว่างครับ” รามัญไม่รู้ว่าคุณนครินทร์จะพูดเรื่องอะไรหรือเขารู้แล้วว่าเมื่อวานริณเรณูมาหาเขาที่บริษัท
“พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ออกมาเจอพี่หน่อยได้ไหม”
“ได้ครับ คุณใหญ่จะให้ผมไปหาที่ไหน”
“ตอนนี้พี่ออกมาตีกอล์ฟกับเพื่อนๆ รามออกมาเจอพี่ที่สนามกอล์ฟนะ”
“ได้ครับอีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปหาที่เดิมใช่ไหม”
“ที่เดิมนั่นแหละ”
เมื่อวางสายจากคุณนครินทร์แล้วรามัญก็รีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะขับรถไปยังสนามกอล์ฟที่เขาเคยไปกับคุณนครินทร์อยู่หลายครั้ง
เมื่อมาถึงก็เจอคุณนครินทร์นั่งรออยู่ในอาคารเขาแต่งกายด้วยชุดสำหรับมาเล่นกอล์ฟและนั่งรอด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“สวัสดีครับคุณใหญ่”
“นั่งก่อนสิกินอะไรมาหรือยัง”
“ยังเลยครับ”
“เอากาแฟไหม”
“ก็ดีครับ” ชายหนุ่มกวักมือเรียกพนักงานจากนั้นก็สั่งกาแฟของตนเองมาหนึ่งแก้ว
“คุณใหญ่มีอะไรจะคุยกับผมครับ ท่าทางดูเครียดมากเลย”
“เมื่อวานเลขาของพี่บอกว่าตอนบ่ายมีเด็กผู้หญิงมาขอพบพี่แต่ประชาสัมพันธ์ไม่ให้ขึ้นมาด้านบน พี่ลองถามประชาสัมพันธ์แล้วเธอบอกว่าเด็กผู้หญิงที่มานั่งคุยกับรามและรามก็ขับรถออกไปกับเธอใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร” เลขาและประชาสัมพันธ์บอกเขาแล้วว่าเด็กคนนั้นชื่ออะไรแต่เขาอยากฟังจากปากของรามัญอีกครั้งเพราะเขาเป็นคนเดียวที่คุยกับเด็กผู้หญิงคนเมื่อวานนานกว่าใคร
“ริณเรณูครับ”
“อะไรนะรามเธอชื่ออะไรนะ”
“ริณเรณูครับ เธอมากับเพื่อนอีกคนชื่อสุนิสา”
“รามแน่ใจนะว่าเธอชื่อนั้นจริงๆ”
“ใช่ครับคุณใหญ่มีอะไรหรือเปล่า” รามัญยังไม่กล้าบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของนครินทร์เพราะอยากจะดูท่าทางของรุ่นพี่คนนี้ก่อน
“มันเป็นไปได้ยังไง” นครินทร์พูดกับตัวเองเบาๆ
“คุณใหญ่ครับมีอะไรหรือเปล่าครับหรือคุณใหญ่รู้จัก”
“ชื่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นเหมือนชื่อที่พี่เคยจะตั้งให้กับลูก”
“แต่ลูกของคุณใหญ่ชื่อรวิตานี่ครับ”
“ครับใช่นั่นคือลูกสาวของพี่กับคุณศิตาแต่ริณเรณูคือชื่อที่พี่เคยคิดไว้ว่าจะตั้งให้กับลูกสาวของพี่กับผู้หญิงที่ชื่อเรณู”
“คุณใหญ่หมายความว่ายังไง”
“พี่คิดว่าเด็กที่มาขอเจอพี่เมื่อวานน่าจะเป็นลูกของพี่”
“คุณใหญ่ยังไม่เคยเจอเด็กคนนั้นเลยนะครับทำไมถึงคิดว่าเธอคือลูกสาวของคุณใหญ่ล่ะ”
“เพราะมันเป็นชื่อที่แปลกมากยังไงล่ะ แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่เด็กคนนั้นจะมาหาพี่ถ้าเธอไม่ใช่ลูกของพี่ รามได้คุยกับเธอใช่ไหม เธอบอกอะไรกับรามบ้าง”
“ก่อนที่ผมจะบอกว่าผมคุยอะไรกับเด็กคนนั้นบ้าง ผมขอถามพี่หน่อยได้ไหมว่าคุณใหญ่เคยไปทำงานที่จังหวัดน่านใช่หรือเปล่า” รามัญถามพลางสังเกตอาการของนครินทร์ไปด้วยว่าเขาจะปิดบังอะไรหรือเปล่า
“ใช่พี่เคยไปทำงานที่นั่นเมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน” นครินทร์ตอบไปตามจริง
“แล้วเคยแต่งงานกับผู้หญิงที่นั่นหรือเปล่า”
“รามรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“เด็กที่ชื่อริณเรณูเล่าให้ผมฟังครับ เธอบอกว่าคุณใหญ่คือพ่อของเธอ”
คำตอบของรามัญทำให้คุณนครินทร์นิ่งเพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเรณูท้องลูกของเขา เขารู้แค่ว่าหลังจากเขาลงมากรุงเทพได้สองเดือนเรณูก็แต่งงานใหม่และเธอก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ทำให้เขาติดต่อไม่ได้เลย อีกทั้งตอนนั้นเขาก็พลาดทำศิตาท้องทำให้เขาต้องรับผิดชอบและแต่งงานกับเธออย่างเลี่ยงไม่ได้
“เด็กคนนั้นมาหาพี่ทำไมแล้วเธอเล่าอะไรให้รามฟังอีกบ้าง”
“เธอมาหาคุณใหญ่เพราะอยากให้ไปเยี่ยมแม่ของเธอน่ะครับ แม่ของเธอไม่สบาย แล้วพอดีเธอมากรุงเทพก็เลยแวะมาบอก คุณใหญ่เคยแต่งงานกับแม่ของเธอจริงๆ เหรอครับ”
“ใช่พี่แต่งงานกับเรณูจากนั้นพี่ก็ลงมาที่กรุงเทพและคิดว่าถ้าเคลียร์งานที่กรุงเทพเสร็จจะขึ้นไปรับเธอลงมาอยู่ด้วยกัน”
“แล้วคุณใหญ่ไปรับไหมครับ” รามัญถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
“ไม่เลย เรื่องมันก็ไม่ได้เป็นแบบที่พี่คิดไว้ นั้นหลังจากพี่มาอยู่กรุงเทพได้สองเดือนพี่ก็ติดต่อเรณูไม่ได้จนกระทั่งมีคนส่งรูปเรณูแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นมาให้ พี่ก็เลยเลิกติดต่อกับเธอ แต่พี่ไม่เคยรู้เลยว่าเรณูท้องลูกของพี่ เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อเล่นชื่ออะไร”
“ชื่อริณครับ เธอเล่าให้ผมฟังว่าแม่เธอไม่เคยแต่งงานใหม่หรือมีผู้ชายคนไหนเลยเธออยู่กับแม่สองคนตามลำพังครับ”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อมีคนส่งรูปถ่ายว่าเธอแต่งงานใหม่ไปแล้ว”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ริณบอกผม”
“เธอบอกว่าอะไร”
“ริณบอกว่าหลังจากคุณใหญ่ลงมากรุงเทพได้สองเดือนก็มีผู้หญิงไปหาแม่ของเธอที่บ้าน แล้วบอกว่ากำลังท้องลูกของคุณใหญ่อยู่อีกทั้งยังเอารูปวันแต่งงานของคุณใหญ่กับพี่ศิตาไปให้เธอดูด้วย”
“ใครจะทำแบบนั้นพี่งงไปหมดแล้ว”
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมเล่าตามที่ผมได้ฟังมาจากริณอีกที”
“พี่ว่าเรื่องนี้มันต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ”
“แล้วคุณใหญ่จะเอายังไงต่อครับ จะไปเยี่ยมแม่ของริณไหม”
“รามก็รู้นี่ว่าพี่จะกระดิกตัวไปที่ไหนได้บ้าง คุณศิตาตามติดตลอด วันนี้ที่พี่ออกมาตีกอล์ฟกับเพื่อน เธอก็จะขอตามมาด้วยแต่พอดีว่ายายริต้าชวนออกไปซื้อของก็เลยมาไม่ตามมา พี่ก็เลยเรียกรามให้มาเจอที่นี่ แล้วเรณูเธอป่วยเป็นอะไรเหรอ”
“ริณบอกผมว่าแม่เธอป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายครับ”
“อะไรนะทำไมถึงได้โชคร้ายอย่างนั้น”
“ที่ริณมากรุงเทพก็อยากให้คุณใหญ่ไปเยี่ยมไหมเธอเป็นครั้งสุดท้ายครับ”
“พี่คงไปเร็วๆ นี้ไม่ได้”
“ผมเข้าใจครับ แล้วคุณใหญ่จะไปหรือเปล่า”
“ไปสิ แต่คงต้องรอไปเดือนน้าเพราะคุณศิตาไปเที่ยวยุโรปกับลูกสาวถึงตอนนั้นพี่หวังว่าเรณูน่าจะยังรอพี่อยู่ พี่ขอฝากรามอย่างหนึ่งได้ไหม”
“ฝากอะไรครับ”
“ฝากช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและสอบถามอาการของเรณูให้พี่ด้วย”
“ได้ครับไม่มีปัญหาผมจะคอยถามอาการของคุณเรณูให้คุณใหญ่เอง ผมมีเบอร์โทรของริณด้วยนะครับเดี๋ยวผมจะส่งให้ทางไลน์นะครับ ถ้าคุณใหญ่ไปเยี่ยมไม่ได้ผมก็อยากให้โทรไปหาเธอ ไปให้กำลังใจเธอบ้าง”
“ได้สิแล้วพี่จะติดต่อกลับไป ส่วนเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าดูแลเรณูกับลูกพี่จะสั่งจ่ายเป็นค่าออกแบบก็แล้วกันนะ จะได้ไม่มีใครสงสัยเพราะถ้าพี่โอนเงินให้ริณหรือโอนเงินให้รามคุณศิตาจะต้องสงสัยแน่เพราะเธอหูตาไวมากๆ”
“ได้ครับคุณใหญ่”
“ถ้าคุณศิตารู้ว่าคุณพี่มีลูกกับเรณูพี่ว่าคนที่เดือดร้อนคงจะเป็นลูกสาวของพี่”
“ผมเข้าใจครับ”
“ลูกสาวพี่หน้าตาเป็นยังไงบ้างเธอสวยไหม”
“สวยมากๆ ครับตาเธอกลมโต ผิวขาวผมสีดำยาว เธอให้ผมดูรูปวันที่แม่ของเธอแต่งงานหน้าตาเธอเหมือนกับแม่มากๆ เลยครับ”
“ถ้าหน้าตาเธอเหมือนกับเรณูก็ต้องสวยมากๆ”
“ครับเธอสวยมากๆ” เมื่อนึกถึงใบหน้าเศร้าของเด็กสาวที่ชื่อริณเรณูแล้วรามัญก็ยิ้มที่มุมปากนิด เขาเจอผู้หญิงมาเยอะแต่ไม่เคยมีใครสวยสะดุดตาเท่ากับเด็กสาวคนนั้นมาก่อน ถึงแม้เธอจะอายุแค่สิบหกปีแต่ใบหน้าเธอก็สวยและสมบูรณ์แบบมากๆ
“พี่คงคุยกับรามได้แค่นี้ ถ้ายังไงฝากจัดการเรื่องนี้ต่อด้วยนะเรื่องริณจะเป็นความลับรามจะให้ใครรู้ไม่ได้นะ”
“ไม่ค่ะ”“ทำไมล่ะ ไหนบอกมีคนมาจีบเยอะ” รามัญแอบยิ้มเมื่อรู้ว่าหญิงสาวยังไม่คบกับผู้ชายคนไหน“ก็หนูยังไม่เจอคนที่ถูกใจค่ะ อีกอย่างตอนนี้หนูก็กำลังปรับตัว เลยคิดว่าจะตั้งใจเรียนไปก่อนส่วนเรื่องแฟนค่อยว่ากันอีกที”“เพื่อนกลุ่มหนูมีแฟนกันหรือยังล่ะ”“มีแฟนแล้วสองคนยังโสดสองคนค่ะ แต่เพื่อนในห้องหนูก็มีแฟนกันเยอะเลยนะคะอารามบางคนก็มีแฟนเป็นรุ่นพี่ต่างคณะค่ะบางคนก็มีแฟนที่ทำงานแล้ว”“แล้วผู้ชายที่มาจีบหนูเขาอยู่คณะอะไร”“ก็มีหลายคณะค่ะ มีเดือนคณะวิศวะด้วยนะคะ”“แสดงว่าต้องหล่อมากๆ เลยสิ”“ใช่ค่ะหล่อมากสาวๆ กรี๊ดเต็มเลยแต่หนูไม่ชอบคนที่เป็นจุดเด่นแบบนั้นหรอกค่ะเพราะหนูก็ไม่อยากผู้หญิงคนอื่นมองแฟนหนูหรอกค่ะ”“แสดงว่าถ้ามีแฟนนี่ต้องขี้หึงมากๆ เลยใช่ไหม”“หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะเพราะยังไม่เคยมีแฟนสักทีอารามคิดว่าอายุอย่างหนูมีแฟนได้ไหม”“ได้สิ จริงๆ แล้วจะมีแฟนตอนอายุเท่าไหร่ก็ไม่มีใครกำหนดไว้หรอกนะ ถ้าการมีแฟนแล้วไม่ทำให้เราเสียการเรียน”“อารามมีแฟนตอนอายุเท่าไหร่คะ”“อามีแฟนคนแรกตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วล่ะ”“แล้วตอนนี้ยังคบกับแฟนคนแรกอยู่ไหม”“เลิกไปนานแล้วล่ะ ป่านนี้เขาคงแต่งงานมีครอบครัวไปแล
ริณเรณูมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงเวลาตีสองครึ่ง หญิงสาวอยากจะโทรศัพท์ไปถามรามัญเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ชายที่เธอเห็นเดินควงไปกับแพรวาที่หน้าผับนั้นใช่ชายหนุ่มหรือเปล่าแต่ก็รู้สึกเกรงใจมากๆ เพราะดึกขนาดนี้มันเป็นเวลาส่วนตัว เธอลังเลแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้กับตัวเองก่อนและคิดว่าพรุ่งนี้จะแกล้งโทรศัพท์ไปชวนเขาคุยและถ้ามีโอกาสก็จะถามเขาเรื่องนี้หญิงสาวรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของชายหนุ่มและจะเสียมารยาทมากถ้าหากไปถามเขาแบบนั้น แต่เธอก็ทนไม่ได้ที่เห็นคนที่ตนเองรักออกไปกับผู้หญิงคนอื่นและผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกับเธอริณเรณูเคยคิดว่าตนเองกับรามัญมีความแตกต่างระหว่างอายุและเขาคงไม่สนใจจะมองเด็กที่อายุห่างกันสิบกว่าปีอย่างเธอแต่ในเมื่อเขาไปกับเพื่อนเธอได้นั่นก็หมายความว่าเรื่องของอายุไม่ใช่อุปสรรคอะไรเลยหญิงสาวไม่เคยรู้มาก่อนว่ารามัญมีแฟนหรือคบผู้หญิงคนไหนเพราะตลอดระยะเวลาที่รู้จักกับเขาสามปีกว่าชายหนุ่มก็ไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนไหนมันเลยทำให้ริณเรณูรู้สึกดีมากๆ เหมือนกับเขามีแค่เธอคนเดียวแต่เมื่อเห็นเขามีคนอื่นเธอก็รู้สึกใจหายเป็นอย่างมาก ริณเรณูคิดว่าจะเก็บ
เปิดเทอมได้สองเดือนแล้วตอนนี้ริณเรณูปรับตัวกับการเรียนและการใช้ชีวิตในกรุงเทพได้ดีขึ้น หญิงสาวไม่มีปัญหาในเรื่องการเรียนเลยเพราะตอนเรียนมัธยมเธอก็ตั้งใจเรียนมาตลอดเมื่อมีพื้นฐานแน่นการเรียนต่อก็เป็นเรื่องไม่ยากเลยตอนนี้หญิงสาวมีเพื่อนสนิทอยู่สามคนคือวรัญญาหรือกอหญ้า มาริษาหรือเมย์และการ์ตูนหรือเขมจิราซึ่งคนสุดท้ายนั้นมาจากต่างจังหวัดเหมือนกับริณเรณูทั้งสองจึงสนิทกันมากกว่าเพื่อนที่เหลือ“เย็นนี้การ์ตูนจะไปติวกับพวกเราที่หอของเมย์ไหม” ริณเรณูถามเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเดินออกจากห้องไปแล้ว“ไปสิแต่พรุ่งนี้ไปไม่ได้นะ”“ทำไมล่ะการ์ตูนพรุ่งนี้วันศุกร์นะ พวกเราว่าจะติวกันดึกเลยริณว่าจะมานอนค้างที่ห้องเมย์ด้วย”“ก็การ์ตูนต้องไปทำงานพิเศษ”“แต่ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วนะ ถ้าไปทำงานจะมีเวลาอ่านหนังสือเหรอ” วรัญญาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ช่วงสิ้นเดือนแบบนี้ลูกค้าเยอะถ้าไม่ไปก็เสียดายเงิน แต่สัปดาห์หน้าคงจะหยุด” เขมจิราทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งเพื่อเป็นรายได้พิเศษระหว่างเรียน ที่เธอทำงานแบบนี้ไม่ใช่เพราะขัดสนแต่เพราะอยากมีเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือยมากขึ้นตามอย่างเพื่อนบางคนในห้องเรียน“การ์
เช้าวันต่อมารามัญก็มารับริณเรณูตามที่ได้ตกลงกันไว้ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านสวัสดีทักทายคุณย่านารีอย่างคุ้นเคย“ย่าฝากด้วยนะราม หาคอนโดที่มันดูปลอดภัยและอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยให้หนูริณด้วยเรื่องราคาย่าไม่เกี่ยงเลย”“ได้ครับคุณย่า วันนี้ผมคงไปหาข้อมูลแล้วจะรวบรวมมาให้คุณย่าอีกทีนะครับ”“รามไม่ต้องกังวลเรื่องราคานะแพงแค่ไหนย่าก็จ่ายได้”“คุณย่าคะถ้าคอนโดมันแพงมากจริงๆ หนูยอมนั่งรถไปกลับก็ได้ค่ะ”“แต่มันจะไม่สะดวกเอานะลูกย่ามาคิดดูแล้วการที่หนูจะต้องตื่นเช้าไปเรียนและกลับมาบ้านมืดค่ำมันจะทำให้หนูไม่มีเวลาพักผ่อนเลย” “ผมเห็นด้วยกับความคิดของคุณย่านะ ครับมหาวิทยาลัยของริณอยู่ค่อนข้างไกล ถ้าเดินทางไปกลับก็คงจะเหนื่อยมากๆ”“ตอนแรกย่าก็อยากให้เขาขับรถไปเรียนนะ แต่ริณก็บอกว่าขับรถไม่เป็นและไม่ค่อยคุ้นกับถนนกรุงเทพ แต่ย่าว่ายังไงหนูริณต้องฝึกขับรถไว้เอาไว้ช่วงปิดเทอมหนูไปเรียนขับรถนะ”“ถ้าไม่อยากไปเรียนขับรถจะให้อาช่วยสอนก็ได้นะ”“หนูไม่รบกวนอารามขนาดนั้นหรอกค่ะ ตอนนี้หนูยังไม่คิดถึงการขับรถ หนูใจไม่กล้าพอค่ะ ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ค่อยว่ากัน”“ถ้าหนูไปอยู่คอนโดแล้วหนูจะไปเรียนยังไง ย่าลืมคิดเรื่อง
“ย่าว่าหนูลองโทรไปถามพ่อหนูสิลูก พ่อเขารู้จักคนเยอะน่าจะพอมีใครที่มีคอนโดใกล้ๆ แถวนั้นอยู่บ้าง”“ค่ะคุณย่า”ริณเรณูออกมาโทรศัพท์ไปหาคุณนครินทร์และบอกถึงเรื่องที่ตนเองคุยกับคุณย่านารีให้ท่านทราบ“เดี๋ยวพ่อจะให้คนของพ่อจัดการเรื่องที่ให้นะ”“นานไหมคะกว่าจะรู้เรื่อง”“พ่อไม่แน่ใจเลย อีกสองอาทิตย์ใช่ไหมที่หนูจะต้องไปเรียน”“ค่ะพ่อ”“คุณพ่อค่ะหนูให้อารามช่วยหาด้วยได้ไหมคะ อารามบอกว่าเขาคุ้นเคยกับบริเวณนั้นดี”“นั้นสิพ่อลืมไปเลยว่ารามเขาพักอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น แต่หนูลองโทรไปถามเขาก่อนนะว่าเขาว่างหรือเปล่า ช่วงนี้งานเขาค่อนข้างยุ่งเหมือนกัน”“ได้ค่ะคุณพ่อ”เมื่อวางสายจากนครินทร์แล้วหญิงสาวก็โทรไปหารามัญเพื่อบอกข่าวดีว่าตอนนี้คุณย่าและบิดาของเธออนุญาตให้ออกไปอยู่ข้างนอกได้แล้วแม้จะเป็นแค่ช่วงเปิดเทอมก็ตาม“คุณพ่อกับคุณย่าบอกว่าให้หนูออกไปอยู่ข้างนอกได้แล้วค่ะ แต่อยากให้อยู่คอนโดมากกว่า อารามพอจะมีที่ไหนแนะนำบ้างคะ”“มีหลายที่เลยนะ แต่ไม่รู้จะถูกใจหนูหรือเปล่า”“หนูขออยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนะคะ เอาแบบเดินทางสะดวกค่ะ”“แล้วจะไปเรียนยังไง”“รถเมล์หรือรถไฟฟ้าก็ได้ค่ะ”“จะสะดวกเหรอ”“ตอนแรกคุณย่า
การมาอยู่กับครอบครัวใหม่ของบิดานั้นไม่ง่ายสำหรับริณเรณูเลยเพราะหญิงสาวต้องปรับตัวอีกมากแต่ก็ไม่ยากเกินไปเพราะในทุกครั้งที่มีปัญหาหรือรู้สึกอึดอัดจะมีรามัญคอยพูดให้กำลังใจและบางครั้งเขาก็มารับเธอออกไปข้างนอกคุณศิตาที่เหมือนจะยอมรับเธอมาเป็นลูกเลี้ยงได้ แต่พอลับหลังคุณนครินทร์และคุณย่านารีเธอก็มักจะพูดกระแนะกระแหนและเปรียบเทียบริณเรณูกับลูกสาวของตนเองอยู่เสมอ แต่ริณเรณูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากถ้าเธอเลี่ยงได้เธอก็เลี่ยงที่จะเจอหญิงสาวคิดว่าถ้าเปิดเทอมตนเองจะขออนุญาตคุณย่านารีไปอยู่ที่หอพักเพราะน่าจะสะดวกมากกว่าการอยู่ที่บ้าน อีกทั้งระยะทางจากบ้านของเธอไปมหาวิทยาลัยก็ค่อนข้างไกล เธอไม่ค่อยชินกับเส้นทางในกรุงเทพถ้าหากจะต้องนั่งรถเมล์ไปเองในทุกๆ เช้าก็คงจะเหนื่อยจนเกินไป ส่วนรวิตากับเธอไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไหร่เพราะหญิงสาวมักจะออกไปเที่ยวนอกบ้านกับเพื่อนเสมอคนที่เธอพูดคุยด้วยมากที่สุดก็จะมีคุณย่านารีกับมาวินน้องชายที่ดูเหมือนจะสนิทกับเธอมากกว่าพี่สาวแท้ๆ ของตนเองตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณสองสัปดาห์ก็จะถึงวันเปิดเทอมวันนี้คุณย่านารีเลยเรียกหลานสาวทั้งสองคนเขามาคุยในห้องเพราะอยากจะมอบของรางว