LOGINบทที่ 3 อุณากรรณ
“ฮะ! ว่ายังไงนะ”
อุณากรรณตะโกนเสียงดังใส่โทรศัพท์หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดพี่สาว
“ฮื้อ ฮัก อื้อ ตะโกนทำไมพลอย คนยิ่งเสียใจอยู่นะ”
บุษบาร้องทักน้ำเสียงอู้อี้พยายามกลั้นน้ำตาไปด้วย มือเล็กปาดหยาดน้ำที่ไหลลงอาบแก้มทิ้งไปเป็นระยะ ๆ
“ขอโทษแพร อย่าร้องนะ นะ”
คราวนี้อุณากรรณค่อยลดเสียงลงเอ่ยปลอบใจด้วยเสียงอ่อนหวาน คิ้วเรียวคันศรยังขมวดสงสัยว่าที่บุษบาเล่าให้ฟังนั่นตัวเธอฟังผิดไปหรือเปล่า?
“พลอย แพรจะทำยังไงดี แพรยังไม่อยากแต่งงาน ฮื้อ อึก อึก แล้วกับพี่เพลิงด้วย”
เสียงสะอึกสะอื้นของฝาแฝดคนพี่ที่อุณากรรณคลานตามออกมาเพียงไม่กี่นาที ทำให้เธอฟังแล้วใจเสียแต่ยังไงต้องถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“แพรเล่าให้พลอยฟังอีกทีได้ไหม พลอยไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า”
“พลอย ฮื้อ พี่เพลิง พี่เพลิง ฮื้อ พ่อกับแม่จะให้แพรแต่งงานกับพี่เพลิง ฮื้ออออ!!”
เพียงพูดจบประโยคบุษบาก็ปล่อยโฮออกมาดังลั่นจนอุณากรรณต้องดึงโทรศัพท์ถอยห่างใบหูพร้อมเหลียวมองไปรอบ ๆ ว่ามีใครได้ยินหรือเปล่า
“ใจเย็น ๆ นะ พี่เพลิงไหน อย่าบอกนะว่าเป็นตาอัคคีที่อยู่บ้านติดกัน”
“ฮื้อ ใช่ ฮื้อ จะให้แพรแต่งได้ยังไง เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก แล้ว ฮื้อ แล้วพี่เพลิงก็อายุแก่กว่าตั้งเยอะ”
อุณากรรณได้ยินแล้วขัดในหูแต่ไม่อยากจะแย้งบุษบาว่าอัคคียังไม่แก่ขนาดนั้น เธอยังจำภาพใบหน้าแกร่งคมดุยามเธอเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อตอนปีนต้นมะม่วง เพิ่งเรียนจบประถมศึกษาปีที่หก
เขาอายุแก่กว่าพวกเธอสิบปี ฉะนั้นตอนนี้ตัวเธอเองอายุยี่สิบสอง อัคคีเองคงอายุราวสามสิบสองปี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร สำคัญตรงที่ นายอัคคี ภิชญ์ภัทรโสภา เป็นเสือผู้หญิงของแท้
ลูกชายคนโตเจ้าของบริษัทน้ำเมายักษ์ใหญ่เมืองไทย ธุรกิจครอบครัวสืบทอดกันต่อมาหลายรุ่น ข่าวซุบซิบควงดารานางแบบเปลี่ยนคู่เป็นว่าเล่น แล้วบุษบาพี่สาวของเธอเป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวาน จะทันเล่ห์กลเหลี่ยมจัดแพรวพราวของอัคคีได้ยังไง
“เรื่องเป็นมายังไงกันแพร ทำไมแพรกับตาอัคคีต้องแต่งงานกันด้วย”
น้ำเสียงอุณากรรณเริ่มเข้มขึ้น ภาพหน้าหล่อยิ้มมุมปากเยาะเย้ยเวลาเห็นเธอเดินผ่านหน้าบ้านตอนกลับจากโรงเรียน ตัวเธอเองยังจำได้ติดตา
เสียงสะอื้นของบุษบาดูท่าค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว เพราะเหลือเพียงเสียงสูดน้ำมูก
“พ่อบอกว่า พ่อของพี่เพลิงเป็นคนมาพูดสู่ขอ ลุงประกายน่ะ พลอยจำได้ไหม”
“อื้อ จำได้สิ ลุงประกายใจดี ไม่เคยว่าพลอยเวลาที่พลอยชอบทำมะม่วงตกข้ามรั้ว แต่ทำไมพ่อเราถึงยอมง่าย ๆ ล่ะแพร พ่อต้องถามความเห็นของแพรก่อนนะ นี่มันเรื่องใหญ่ของผู้หญิงเรา ต้องแต่งงานด้วยความรักเท่านั้น!”
“นัยว่าบ้านลุงประกายมีบุญคุณกับพ่อสมัยยังหนุ่ม ๆ พ่อไม่บอกรายละเอียดเรื่องนี้น่ะพลอย”
“ไม่ได้! พลอยไม่ยอมแน่ ๆ ตาอัคคีอะไรนั่นนิสัยไม่ดี เจ้าเล่ห์ เจ้าชู้ ขี้แกล้งคน พลอยไม่ชอบ!”
“แล้วจะให้แพรทำยังไงล่ะพลอย พลอยก็รู้จักนิสัยแพรดี แพรไม่กล้าขัดใจพ่อกับแม่หรอก”
น้ำเสียงละห้อยอ่อนแรงของบุษบาทำให้อุณากรรณเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง
“แล้วกำหนดงานแต่งหรือยัง”
“ยัง เมื่อวานนี้ไปทานข้าวที่บ้านลุงประกาย เจอกับพี่เพลิงครั้งแรก แพรกลัวมาก พี่เพลิงไม่เห็นเหมือนที่แพรจำได้เลย ตัวใหญ่มากแล้วก็ผิวเข้มยิ่งกว่าลุงประกายอีก โชคดีที่พี่เพลิงบอกว่าขอเวลาให้เราคุ้นเคยกันก่อนสักระยะค่อยหาฤกษ์แต่ง”
“ตาบ้า! แล้วนี่แพรกับตาอัคคีต้องทำความคุ้นเคยยังไง ผู้ชายคนนั้นรุ่มร่ามกับแพรหรือเปล่า”
“ไม่เลย พี่เพลิงสุภาพมาก แต่แพรกลัว แค่มองหน้าแพรยังกลัวเลย คนอะไรหน้าดุขนาดนั้น ตอนนี้แพรต้องไปทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาส่วนตัวของพี่เพลิง วันนี้เพิ่งไปยื่นใบสมัคร พรุ่งนี้เขาให้เริ่มงงานเลย แพรจะทำงานยังไงพลอย แพรกลัว”
อุณากรรณอ้าปากจะแย้งพี่สาวอีกครั้ง แต่หุบปากฉับลงเสียก่อน ไม่ดีแน่ ตอนนี้บุษบาเห็นแต่ข้อเสียของอัคคีก็ดีแล้ว เธอจะไปพูดเกลี้ยกล่อมทำไมว่าอัคคีไม่ได้หน้าดุ เขาเรียกคมเข้มต่างหาก
“เอาแบบนี้ แพรหาทางยืดเวลาก่อน พยายามหลีกเลี่ยงอยู่สองต่อสองนะ พลอยจะลาพักร้อนแล้วจะรีบกลับเมืองไทยไปช่วย”
“อือ มาเร็ว ๆ นะพลอย แพรกลัวพี่เพลิง ช่วยแพรด้วยนะ”
“ได้สิ พลอยจะรีบกลับ แค่นี้นะ พลอยต้องทำงานก่อน”
“พลอยดูแลตัวเองดี ๆ นะ”
“โธ่! แพร บอกตัวเองเถอะ พลอยน่ะเก่งอยู่แล้ว แค่นี้นะบาย”
อุณากรรณวางสายจากบุษบา พี่สาวฝาแฝดที่เหมือนกันมากจนแม้แต่พ่อกับแม่ยังแยกไม่ออก นอกจากว่าจะอยู่ด้วยกันเท่านั้นจึงเห็นความแตกต่าง
ฝาแฝดสองคนรูปร่างสูงโปร่งบอบบาง น้ำหนักส่วนสูงเท่ากัน สีผมสีตาหรือแม้แต่น้ำเสียงยังเหมือนกัน แล้วทั้งคู่ก็รู้สึกชอบที่พวกเธอนั้นเหมือนกันมากเลยพากันไว้ผมทรงเดียวกันมาตลอดตั้งแต่เด็ก และมักจะแกล้งคนอื่นเป็นประจำด้วยการสลับตัวเพื่อความสนุก
อุณากรรณเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเล็กในห้องทำงานบนเรือสำราญขนาดใหญ่ซึ่งจอดเทียบท่าอยู่ประเทศสิงคโปร์
ตัวเธอนั้นเรียนจบเอกภาษา จึงตัดสินใจหาประสบการณ์ด้วยการสมัครงานบนสำราญ ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์คอยดูแลแขกที่เข้ามาพักผ่อนบนเรือและกำลังสนุกกับงานมาก
ถ้าเธอลางานสามเดือน อุณากรรณไม่คาดหวังว่าตัวเองจะได้ขึ้นเงินเดือน เผลอ ๆ อาจโดนให้ออกจากงาน
แต่เรื่องของบุษบาก็สำคัญ ถ้าขืนเธอปล่อยให้บุษบาเผชิญชะตากรรมคนเดียว บุษบาไม่มีทางแก้ปัญหาเองได้ เพราะนิสัยของบุษบาเองนั่นเป็นคนไม่สู้คน ทั้งยังอ่อนหวานเชื่อฟังพ่อกับแม่ ผิดไปจากเธอที่กระโดกกระเดก ซุกซน และกล้าเถียงถ้าตัวเองไม่ผิด
อุณากรรณมองไปยังท้องฟ้าด้านนอกเรือก่อนจะตัดสินใจกลับบ้าน เธอต้องไปช่วยบุษบาให้พ้นจากเงื้อมมืออสูรร้ายอย่างอัคคีให้ได้
บทที่ 13 หนีเที่ยว“พลอย จะออกไปข้างนอกเหรอ”บุษบาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เอ่ยทักเมื่อเห็นอุณากรรณแต่งตัวจัดเต็มในชุดรัดรูปสีดำตัวสั้น ตัวเสื้อควานลึกยังดีที่มีเสื้อคลุมตัวเล็กพอให้ปกปิดบ้าง รองเท้าส้นสูงสีดำสานไขว้ประดับคริสตัลคู่เก่งราคาแพง ดัดผมลอนเล็กน้อยเป็นคลื่นสยายลงกลางหลัง แต่งหน้าสโมคกี้อายแต่ไม่เข้มมาก ริมฝีปากสีแดงสด“ใช่แล้ว นุ้ยกับติซ่าชวนไปเที่ยวผับเปิดใหม่”“ใครกัน?”“โธ่เอ้ย! แพร ก็เพื่อนร่วมงานยังไงล่ะ แพรไปทำงานเป็นอาทิตย์นี่ไม่รู้จักใครเลยเหรอไง”อุณากรรณพูดพรางหมุนดูตัวเองในกระจกหน้าต่างบานใหญ่ที่สะท้อนหน้าหวานซึ้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง“แล้วนี่พี่เพลิงรู้หรือเปล่า”“เกี่ยวอะไรกับพี่เพลิงด้วยแพร”อุณากรรณคว้ากระเป๋าหนังแกะสีดำทรงสี่เหลี่ยมขนาดเก้านิ้วขึ้นสะพายไหล่ เอี้ยวหน้ามองบุษบาฝาแฝดที่เหมือนตัวเองดั่งเงาในกระจก แต่นิสัยผิดแผกแตกต่างราวฟ้ากับดิน“อ้าว ก็พี่เพลิงเขาโทรหาทุกวันไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่เพลิงโทรมาหาจะทำยังไง”นึกไปถึงอัคคี อย่างที่บุษบาบอกเขาโทรศัพท์มาจากสิงคโปร์ทุกวันจริง ๆ แต่โทรไม่นาน แค่ถามว่าทำอะไร กินข้าวห
บทที่ 12 พี่ชอบกินเด็กครับปัง!เสียงปิดประตูทำให้บุษบาเดินออกมาจากห้องนอน มองเห็นน้องสาวฝาแฝดใบหน้าดูไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ทั้งริมฝีปากเม้มตึง“เป็นอะไรพลอย”เฮือก!! อุณากรรณสะดุ้งทันทีเพราะมัวแต่คิดเรื่องบนรถจนไม่ได้ยินเสียงพี่สาวฝาแฝดเดินออกมาจากห้องนอน“ไม่มีอะไร”รีบแสร้งเดินไปรินน้ำในครัวเพื่อปรับสีหน้า“อย่ามาโกหกเลย เราเป็นฝาแฝดกันนะ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่ามีเรื่อง”อุณากรรณยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินออกจากห้องครัวตรงไปทางโถงนั่งเล่นของคอนโดมิเนียมขนาดกว้างพอสมควรขณะเดินไปพยายามคิดหาคำพูดบอกพี่สาว ตอนนี้เธอทำเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม บุษบาต้องใจเสียแน่เมื่อได้ยินตุบ!หลังจากทิ้งร่างบนโซฟาแล้ววางแก้วน้ำลง จึงหันไปมองพี่สาวฝาแฝดตรง ๆ ตัดสินใจพูดความจริงออกไปดีกว่า“พี่เพลิงจะให้พ่อกับแม่ไปหาฤกษ์แล้ว”“ห๊า!! อะไรนะ ไหน ๆ พลอยบอกมีวิธี แล้ว แล้วนี่แค่พลอยไปทำงานวันเดียว ทำไมกลายเป็นแบบนี้”“ใจเย็น ๆ สิแพร พลอยเองก็ไม่เข้าใจ ตามที่แพรเล่ามา พี่เพลิงก็ดูไม่ได้ชอบอะไรแพร ซ้ำยังยืดเวลาขอดูใจออกไปอีก แต่ค่ำนี้หลังจากกลับจากทานข้าวกับลูกค้า ก่อนลงจากรถพี่เพลิงก็บอกจะให้พ่อก
บทที่ 11 แต่งงานกันให้เร็วที่สุดภายในรถเงียบสนิท หลังจากอุณากรรณบอกทางไปคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงาน ตัวเธอเองนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา หันหน้าหนีคนร่างโตไปนอกรถ มองรถบนถนนที่ยังหนาตาแม้ว่าดึกแล้วก็ตาม“พรุ่งนี้ไปทานข้าวกลางวันกัน”จู่ ๆ อัคคีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถ อุณากรรณไม่ตอบยังนั่งหันหน้าออกไปนอกรถ“เลน่า ยังงอนอยู่อีกเหรอครับ”“ใครงอนกันคะ แพรเปล่าสะหน่อย แค่ง่วง”เสียงหวานนุ่มขึ้นเสียงสูงเล็กน้อยไม่รู้ตัว ตอบทั้งที่ไม่หันหน้ามองคนร่างโตด้ายข้างแม้แต่น้อย จนเขาเองถอนหายใจ“ต่อไปพี่จะไม่พบกับเกรซอีก”“ก็แล้วแต่บอสสิคะ”“พี่จะไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นอีก”ผู้หญิงคนอื่น? คงมีหลายคนสินะคราวนี้อุณากรรณไม่นั่งนิ่งเงียบ เอี้ยวหน้ากลับไปหาอัคคีทันควันเมื่อได้ยิน สีหน้าแสดงอารมณ์โกรธแต่ยังไม่รู้ตัวจนคนร่างสูงจ้องมองอย่างเผลอไผล“ก็แล้วแต่บอสสิคะ ไม่ใช่ธุระของแพร ไม่ต้องบอกแพรก็ได้ค่ะ”ดวงตากลมโตวิบวับแพรวระยับขณะที่พูดน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย จ้องตอบนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มออกดำไม่ลดละ แต่เพราะอัคคีเองไม่ปิดบังความปรารถนา แววตาจึงล้ำลึกขึ้นจนเป็นอุณากรรณต้องเบือนหน้าหนีพ่วงแก้มแดงซ่าน“ก
บทที่ 10 ใครเอาแต่ใจ ใครดื้อเพียงไม่นานนักรถหรูเลี้ยวเข้าถนนกว้างโค้งของโรงแรมระดับชั้นนำ“ที่จริงพี่เพลิงน่าจะให้คุณเกรซมา แพรแต่งตัวไม่เหมาะเลยค่ะ”“ไม่หรอก เลน่าแต่งตัวมาดีแล้ว อีกอย่างแทนตัวเองว่าเลน่าก็ถูกแล้วไม่ต้องแทนตัวเองว่าแพรกับพี่อีก”“ทำไมล่ะคะ แพรจะพูดชื่อไหนก็ได้นี่คะ ก็มันชื่อของแพร”อัคคีไม่ตอบ เขาเดินลงจากรถลงไปก่อนรอกระทั่งอุณากรรณลงจากรถจึงยื่นแขนออกมาให้คล้อง สังเกตว่าหญิงสาวชะงักคิดก่อนแต่ไม่นานเท่านั้นก็ยอมคล้องแขนเขาเดินขึ้นโถงบันไดลำแขนแกร่งแน่นอบอุ่นถึงร้อนจัด อุณากรรณมองมือตัวเองที่จับลำแขนนั้นไว้ มือเรียวเล็กของเธอเมื่อเทียบกับเขาแล้วยิ่งดูเล็กไปถนัดใจ“มาเถอะ พี่จะแนะนำให้รู้จัก”อุณากรรณละสายตาออกจากท่อนแขนแกร่ง มองตรงไปทางโต๊ะรับรองที่โทรศัพท์มาจองไว้ มีชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว หน้าตาคล้ายเป็นคนชนชาติจีนดั่งเช่นคนสิงคโปร์ทั่ว ๆ ไป สวมชุดสูทนักธุรกิจ รูปร่างสันทัดไม่สูงไม่เตี้ย แต่พออัคคีเดินเข้าไปใกล้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองดูเตี้ยลงไปทันที“ริชาร์ด คาล นี่เลน่า คู่หมั้นผมครับ”คราวนี้อุณากรรณยิ้มไม่ออกแต่ก็พูดแก้ตัวไม่ได้ต่อหน้านักธุรกิจชาวสิงคโ
บทที่ 9 พี่เพลิงอุณากรรณนั่งเขี่ยมือเล่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เมื่อกลางวันตอนอยู่ในลิฟต์สองต่อสองว่าแย่แล้ว ตกเย็นพอขึ้นมานั่งรถคันเดียวกัน แม้ว่ารถคันใหญ่แต่ยังรับรู้ถึงไออุ่นจากคนตัวโตด้านข้างอยู่ดีทั้งกลิ่นบุหรี่ กลิ่นกายชาย สารพัดที่ทำให้สาวสะพรั่งอย่างเธอว้าวุ่นได้ จึงพยายามหาอย่างอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากอัคคีดวงหน้าหวานซึ้งเบี่ยงไปด้านข้างเพื่อมองถนนท่ามกลางรถมากมายของเมืองหลวงที่ขยับไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“วันนี้รถติดหน่อยนะครับนาย”เสียงชุมพลเอ่ยถึงขึ้นขณะที่รถแล่นจนเกือบจะคลาน“ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลา”เสียงทุ้มต่ำด้านข้างคุยโต้ตอบกับคนขับรถสนิทสนมจนอุณากรรณแปลกใจ เธอมักไม่ค่อยพบคนในระดับนี้พูดคุยกับคนขับรถมาก่อน ส่วนใหญ่มักไว้ตัวและท่ามาก จึงเอี้ยวหน้าไปมอง ถึงกับสะดุ้งตกใจจริง ๆ เพราะเจอเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่หลุบมองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างค้นหา“น้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ”“คะ คะ อะไรนะคะ”ใบหน้าคมเข้มยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงตอบมึนงง“ก็พี่ถามว่าน้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ นั่งตัวลีบอยู่ตรงนั้น ขยับมาอีกก็ได้นะ พี่ไม่กัดหรอก”“เออ ไม่เป็นไรค่ะ แพรไม่เมื่อยค
บทที่ 8 บอสขณะที่อัคคีกำลังเดินขึ้นอาคารสำนักงานก่อนจะเหลือบสายตามองเห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งของบุษบา ซึ่งวันนี้ดูสูงกว่าทุกวัน ทีแรกเขาเองไม่ได้ใส่ใจแต่เมื่อกวาดตามองอีกครั้งพลันสะดุดเข้ากับรองเท้าส้นสูงแบบสานพันข้อเท้า จึงไล่สายตาขึ้นไปยังใบหน้าอีกครั้ง หน้าหวานซึ้งยังคงเดิม สวยดั่งนางในวรรณคดี แต่มีบางอย่างผิดแปลกไปคงเป็นทรงผมที่ไม่มัดรวบตึงเหมือนทุกวัน หรือเพราะเสื้อผ้า กระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดท่อนขาเรียวยาวขาวนวล หรือจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะหวานนุ่มเบา ๆ เมื่อกำลังฟังเพื่อนนินทานินทา!! เมื่อเขาเดินเข้าใกล้จึงได้ยินเสียงของคนร่างอวบพูดขึ้นพร้อมคว้าเอวของบุษบาเข้าใกล้ จนตัวบุษบาเองหัวเราะร่วนออกมาอัคคีเริ่มชักสีหน้าจึงเรียกเสียงดังขึ้นให้พนักงานในบริษัทรับรู้ว่าเขาได้ยินและไม่พอใจร่างระหงของบุษบาไม่ได้สะดุ้งขึ้นเหมือนทุกครั้ง เธอเพียงยืดแผ่นหลังขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเหลียวกลับมาสบตากับเขาดวงตากลมโตปนซึ้งซึ่งเหมือนจะรื้นนน้ำตาทุกครั้ง วันนี้กระจ่างใสพร้อมร่องรอยติเตียนส่งตรงมายังเขา จนอัคคีจดจ้องตอบอีกครั้งด้วยตาคมดุ“ค่ะ บอส”อัคคีหรี่ตาลงเล็กน้อยเพียงแวบเดียวก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ







