10.30 น. วันต่อมา
บุหงันที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีพราวฟ้านั่งบนพื้นบีบนวดฝ่าเท้าให้ ละสายตาจากทีวีจอยักษ์มองบุรุษร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในบ้าน มือทั้งสองข้างถือถุงกระดาษและถุงอาหารมาหลายใบ เจ้าของเรือนกายผู้นั้นคือยุรนันท์ แขกคุ้นเคยบ้านหลังนี้
“หอบอะไรมาเยอะเชียวเฮิร์ป” บุหงันทักถาม
“คุณยายกลับมาจากเกาหลีครับ ท่านซื้อของมาฝากคุณย่าหลายอย่าง คุณยายจะมาเองแต่ก็ปวดหลังปวดเอว ผมเลยเอามาให้คุณย่าครับ มีโสมด้วยนะครับ”
ยุรนันท์ตอบ วางถุงของฝากลงบนโต๊ะ
“ซื้อฝากมาเยอะเชียว ฝากขอบคุณคุณยายด้วยนะที่นึกถึงกัน” บุหงันตอบกลับ “ย่าก็ไม่ได้ไปไหนด้วย ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไปให้คุณยาย ละอายใจจัง”
“คุณยายไม่คิดอย่างนั้นหรอกครับ คุณยายบอกว่า ถ้าหายปวดหลังปวดเอวจะแวะมาคุยกับคุณย่าครับ” ยุรนันท์พูดต่อ
“คุณย่าคะ เดี๋ยวทรายจะทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ทรายทำเผื่อไปให้คุณยายพี่เฮิร์ปดีไหมคะ” พราวฟ้าเสนอ
“ดีๆ แกทำเผื่อเยอะๆ เลยนะ จะได้กินทั้งบ้าน” บุหงันเห็นด้วย “ฝีมือทำอาหารของทรายไม่เป็นสองรองใครนะ แต่บ้านนี้ลิ้นเทวดาหรือไม่ก็ลิ้นชาถึงได้บอกว่าไม่อร่อย”
ยุรนันท์ยิ้มกับคำพูดกระทบกระทียบของบุหงัน
“คุณย่าพูดแบบนี้ชักอยากลองชิมฝีมือทรายซะแล้ว อยากรู้ว่าจะอร่อยตามที่คุณย่าพูดหรือเปล่า”
“งั้นก็ลองกินตอนเที่ยงไหมล่ะ ถ้าไม่มีธุระที่ไหนก็อยู่กินข้าวกับย่าก่อน ทรายทำข้าวผัดปลาสลิดกับแกงจืดปลาหมึกยัดไส้หมูสับ ลองกินดูแล้วจะติดใจ”
“ผมว่างครับ แล้วก็เริ่มหิวหน่อยๆ ด้วย” ยุรนันท์ตอบรับคำชวน
“แกทำเผื่อเฮิร์ปด้วยนะ ทำให้สุดฝีมือล่ะ ฝีมือแกจะได้ประจักษ์กับคนอื่นบ้าง จะให้รู้ว่ารสมือแกไม่เป็นรองใคร”
“ค่ะคุณย่า ทรายไปทำกับข้าวก่อนนะคะ ต้องจัดเตรียมทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวนด้วยค่ะ”
“อืม ก็ไปสิ ใครรั้งแกไว้มิทราบ” บางครั้งบุหงันเหมือนเอ็นดูหลานสะใภ้ แต่บางครั้งก็ทำราวกับว่าไม่ชอบหน้า พราวฟ้ารีบเดินไปยังห้องครัวทันที “ไม่ได้ดั่งใจเลย”
“ทรายไม่ได้ดั่งใจอะไรคุณย่าครับ เท่าที่ผมเห็น ทรายก็ดูกลัวเกรงคุณย่า ไม่น่าจะขัดใจคุณย่านะครับ” ยุรนันท์ถาม
“โอ๊ย แม่นี่ขัดใจหลายอย่างเลยแหละ บอกให้มีปากมีเสียงบ้างก็ไม่ทำ ปล่อยให้ตัวเองถูกโขกสับถูกต่อว่าไม่เว้นวัน โรคจิตหรือเปล่าก็ไม่รู้ บอกให้แต่งหน้าทาปากบ้างก็ไม่เอาบอกไม่ชอบ เสื้อผ้าก็เหมือนกันย่าจะให้เงินไปซื้อแบรนด์หรูๆ แพงๆ ตัวเองใส่จะได้ดูดี มีรสนิยมก็ไม่เอาอีก พูดมาได้ว่ามันแพง เสียดายเงิน ทั้งที่เงินที่ซื้อไม่ใช่เงินมันแต่เป็นเงินย่าที่อยากซื้อให้ใจแทบขาด นี่แหละที่ทรายขัดใจย่า พูดว่าก็แล้ว พูดกระทบก็ด้วยแทนที่จะทำตามสั่ง กลับทำตาบ๋องแบ๋วใส่ เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิด ปล่อยตัวเป็นอีเพิ้งประเดี๋ยวหมาได้คาบผัวไปกินพอดี” นางตอบเป็นชุด ยุรนันท์ฟังแล้วเข้าใจทันทีว่า บุหงันเป็นห่วงพราวฟ้ามากกว่าเกลียดชัง เป็นห่วงที่สุดคือเรื่องทิวาทิพย์ อดีตคนรักปรินทร์ที่เหมือนกำลังเข้ามาเป็นมือที่สาม “วันนี้ตอนเย็นทรายมีนัดไปกินข้าวดูหนังกับโดม แต่งตัวโทรมๆ ไปผัวที่ไหนจะมอง จะสู้แม่สาวโฉบเฉี่ยวไม่ได้ ยิ่งพูดยิ่งขัดใจ เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็น มีแต่คนอยากแต่งตัวสวยๆ มีทรายนี่แหละ นั่นก็ไม่เอา โน่นก็ไม่เอา”
ก็จริงตามที่บุหงันพูด หากเทียบระหว่างพราวฟ้ากับทิวาทิพย์ สองสาวแตกต่างกันมาก แต่สำหรับเขา พราวฟ้าเป็นผู้หญิงสวยหวาน ทิวาทิพย์สวยเฉี่ยว แต่หากมองนานๆ พราวฟ้าชวนมองมากกว่า มองได้แบบไม่มีเบื่อ
“เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ผมกินข้าวเสร็จ ผมจะพาทรายไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆ แล้วให้เปลี่ยนไปหาโดมเลย โดมจะได้ตกใจที่เห็นเมียเปลี่ยนไป”
พูดจบก็ตกใจกับคำพูดตัวเอง ว่าเสนอตัวได้อย่างไร เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจพราวฟ้า ยังคิดไม่ออกว่า เวลาพาเธอไปเลือกซื้อของ เขาสะดวกใจมากแค่ไหน คงฝืนทนน่าดู แต่เมื่อพูดออกไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตนเอง
“ก็ดีสิ แต่ทรายจะยอมเหรอ มันยิ่งดื้อเงียบอยู่ด้วย” นางดีใจ และมีความเป็นกังวล
“ผมจัดการเองครับ คุณย่าเชื่อมือผมได้เลยครับ ระดับผมแล้วเรื่องแค่นี้สิวๆ” ยุรนันท์พูดอย่างมั่นใจ
“ย่าฝากด้วยนะ เนรมิตทรายให้เป็นนางฟ้าเลยนะ รำคาญรูปลักษณ์คนใช้ของมันเต็มทนแล้ว” นางดีใจที่มีคนช่วย “เดี๋ยวย่าให้เงินไปซื้อของให้ทรายนะ”
“ไม่ต้องครับ ผมจัดการเอง”
“ย่าเกรงใจ เอาเป็นว่า ย่าให้เงินไปก็แล้วกันนะ” นางยืนกรานตามความตั้งใจเดิม
“ครับ แล้วแต่คุณย่าครับ” ยุรนันท์ไม่ขัด บุหงันว่าอย่างไรเขาก็ว่าตามนั้น ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขกสักพัก ยุรนันท์ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้กับห้องครัว
ยุรนันท์ไม่เคยสนใจเข้าครัว แต่พอเดินออกมาจากห้องน้ำ เหมือนมีอะไรดลใจให้เขาหันไปมองห้องนั้น ก่อนที่เท้าจะเดินไปห้องครัวทั้งที่หัวยังไม่ทันคิด ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงประตูห้อง มองแม่ครัวจำเป็นจัดล้างผักอยู่ตรงอ่างล้างจาน เมื่อพราวฟ้าหันหลังกลับมาวางกะละมังใส่ผักลงบนโต๊ะเตรียมอาหาร ยุรนันท์ก้าวเดินไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ากับที่เธอยืนอยู่
“ไม่มีคนอื่นช่วยเหรอ” ยุรนันท์ถามเพราะไม่เห็นคนรับใช้ในห้องนี้
“ไม่มีค่ะ เวลาทรายเข้าครัว ทรายมักทำคนเดียว”
เป็นอย่างนี้มาตลอด เวลาพราวฟ้าทำอาหาร จะไม่มีคนรับใช้คอยช่วย แม้แต่สามีสุดที่รักยังไม่เคย ทำให้เธออดนึกถึงตอนทิวาทิพย์ทำอาหาร คนรับใช้รวมถึงปรินทร์จะเข้ามาช่วยเป็นลูกมือ พราวฟ้าน้อยใจและเสียใจ แต่ก็ไม่อาจปริปากระบายให้ใครฟังได้ ที่ไม่มีใครมาช่วยเป็นเพราะอรุณสั่งห้ามคนรับใช้นั่นเอง
“ทำคนเดียวไม่เหนื่อย ไม่ยุ่งเหรอ”
ยุรนันท์พอจะรู้เหตุผล แต่ก็ไม่พูดซ้ำเติมให้อีกฝ่ายเสียใจ
“ไม่ค่ะ แค่ทรายมาทำก่อนเวลาอาหารสักชั่วโมงครึ่ง มันก็ไม่ยุ่ง ไม่ต้องเร่งทำค่ะ”
“ให้พี่ช่วยไหม หาอะไรทำดีกว่านั่งรอกินอย่างเดียว” ยุรนันท์อยากเขกหัวตัวเอง เสนอตัวโดยไม่รู้ตัวเป็นครั้งที่สอง
16.05 น. ปรินทร์เงยหน้ามองยุรนันท์ที่เดินเข้ามาในห้องทำงาน ในมือเพื่อนรักถือถุงกระดาษติดแบรนด์หรูขึ้นชื่อสองใบ อีกใบเป็นถุงร้านรองเท้า “แล้วทรายล่ะ ไหนบอกว่าจะมาด้วยกัน” ตอนแรกที่รู้ว่า บุหงันไว้วานให้ยุรนันท์พาพราวฟ้าไปซื้อเสื้อผ้า ปรินทร์อดแปลกใจไม่ได้ที่ยุรนันท์ตกปากรับคำ เพราะนิสัยของเพื่อนคนนี้คือ ไม่นิยมพาสาวเดินเที่ยวห้าง ยิ่งไปช้อปปิ้งยิ่งน้อยครั้งมาก สาวสวยที่ยุรนันท์ติดพันหรือเลี้ยงดู หากอยากได้สิ่งใดก็จะให้เงินไปซื้อเองมากกว่า แต่เข้าใจว่า คงขัดย่าตนไม่ได้ “ทรายคุยกับเพื่อนอยู่ข้างนอก เดี๋ยวทรายตามเข้ามา” ยุรนันท์ตอบพร้อมวางของลงบนโต๊ะเข้าชุดกับโซฟารับแขก “ตอนที่คุณย่าโทรมาบอกฉันว่า วานให้นายพาทรายไปซื้อเสื้อผ้าทั้งที่เย็นนี้ฉันตั้งใจพาทรายไปซื้อของ ฉันทั้งตกใจและแปลกใจนะที่นายรับปากคุณย่า นิสัยแกไม่ชอบพาผู้หญิงเดินซื้อของ แล้วก็ไม่ค่อยสนิทกับทรายสักเท่าไหร่ ฉันขอบใจนายมากนะ” ปรินทร์ไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วยุรนันท์เสนอพาพราวฟ้าเอง เป็นเพราะบุหงันกลัวจะมีใครเข้าใจผิด นางจึงบอกหลานรักเช่นนี้
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ทรายกลัวว่าจะมีกลิ่นอาหารติดเสื้อพี่เฮิร์ป” “จะกลัวอะไรกับอีกแค่กลิ่นติดเสื้อผ้า เสื้อผ้าที่พี่ใส่ไม่ได้ใส่ครั้งเดียวตลอดเดือนซะเมื่อไหร่ กลับถึงบ้านก็ถอดซักแล้ว” เขาไม่คิดว่าเรื่องกลิ่นอาหารเป็นปัญหาใหญ่ “ทรายจะให้พี่ทำอะไรบอกมาเลย พี่ทำได้ ตอนคุณแม่กับคุณยายเข้าครัว พี่ก็เคยเข้าไปช่วย” “ถ้างั้นพี่เฮิร์ปหั่นผักให้ทรายแล้วกันค่ะ หั่นแบบนี้นะคะ” ผักในกะละมังมีหลายชนิด พราวฟ้าหยิบมาทีละชนิดแล้วหั่นให้เขาดูเป็นตัวอย่าง “พี่เฮิร์ปทำได้ใช่ไหมคะ” “สบายมาก พี่จะโชว์การหั่นผักให้ทรายดู” “ก่อนทำ ทรายว่าพี่เฮิร์ปใส่ผ้ากันเปื้อนก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวทรายหยิบให้” พราวฟ้าเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนที่แขวนไว้ใกล้กับตู้เย็น จากนั้นจึงเดินมาหายุรนันท์ “นี่ค่ะผ้ากันเปื้อน” “ใส่ให้หน่อยสิ” พราวฟ้ายิ้ม ไม่ขัดข้องกับคำร้องขอ เธอก้าวเข้ามาหายุรนันท์อีกหนึ่งเก้า ความที่เขาตัวสูงกว่า เขาจึงก้มศีรษะให้เธอสวมผ้ากันเปื้อนให้ ขณะที่ยุรนันท์ก้มศีรษะ ดวงหน้าพราวฟ้าอยู่ในระยะใกล้ รอยยิ้มเธอสดใสมาก เมื่อเห็นเขารู้สึกราวกับว่า เธอดึงหั
Chapter 5 10.30 น. วันต่อมา บุหงันที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีพราวฟ้านั่งบนพื้นบีบนวดฝ่าเท้าให้ ละสายตาจากทีวีจอยักษ์มองบุรุษร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในบ้าน มือทั้งสองข้างถือถุงกระดาษและถุงอาหารมาหลายใบ เจ้าของเรือนกายผู้นั้นคือยุรนันท์ แขกคุ้นเคยบ้านหลังนี้ “หอบอะไรมาเยอะเชียวเฮิร์ป” บุหงันทักถาม “คุณยายกลับมาจากเกาหลีครับ ท่านซื้อของมาฝากคุณย่าหลายอย่าง คุณยายจะมาเองแต่ก็ปวดหลังปวดเอว ผมเลยเอามาให้คุณย่าครับ มีโสมด้วยนะครับ”ยุรนันท์ตอบ วางถุงของฝากลงบนโต๊ะ “ซื้อฝากมาเยอะเชียว ฝากขอบคุณคุณยายด้วยนะที่นึกถึงกัน” บุหงันตอบกลับ “ย่าก็ไม่ได้ไปไหนด้วย ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไปให้คุณยาย ละอายใจจัง” “คุณยายไม่คิดอย่างนั้นหรอกครับ คุณยายบอกว่า ถ้าหายปวดหลังปวดเอวจะแวะมาคุยกับคุณย่าครับ” ยุรนันท์พูดต่อ “คุณย่าคะ เดี๋ยวทรายจะทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ทรายทำเผื่อไปให้คุณยายพี่เฮิร์ปดีไหมคะ” พราวฟ้าเสนอ “ดีๆ แกทำเผื่อเยอะๆ เลยนะ จะได้กินทั้งบ้าน” บุหงันเห็นด้วย “ฝีมือทำอาหาร
Chapter 423.30 น. ปรินทร์เข้ามาในห้องนอนหลังจากออกไปดื่มคลายเครียดกับยุรนันท์และดลภพในคลับประจำ ภายในห้องมีเพียงแสงจากโคมไฟหัวเตียงที่เปิดอยู่ สายตาปรินทร์จับจ้องร่างพราวฟ้าที่นอนหลับบนเตียง เขายังจำวันที่พบเธอครั้งแรกได้ดี วันนั้นพราวฟ้าเข้ามาในห้องทำงานเขาพร้อมกับอุดม ผู้จัดการแผนกบัญชี ทั้งคู่นำบัญชีที่เป็นพิรุธของฝ่ายจัดซื้อมาให้ดู ซึ่งคนที่ตรวจสอบเจอคือพราวฟ้า พราวฟ้าทำให้ปรินทร์ทึ่งในความสามารถ เธอไม่ได้เรียนจบบัญชีโดยตรง วุฒิการศึกษาที่มาสมัครงานคือมัธยมศึกษาปีที่หก แต่รู้เรื่องบัญชีดีมาก เก่งกว่าพนักงานบัญชีหลายคนในบริษัทเสียอีก ที่เธอเก่งและมีความรู้ด้านนี้เป็นเพราะ พราวฟ้าเคยทำงานในบริษัทรับทำบัญชีครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัญชีและภาษี เจ้าของบริษัทเป็นนักบัญชีมืออาชีพ มีความสามารถมากคนหนึ่งเป็นครูสอนให้พราวฟ้ารู้งานเรื่องบัญชี พราวฟ้าทำบัญชีได้ทุกอย่าง รวมถึงเรื่องภาษีก็เก่งไม่น้อยหน้าใคร ความที่พราวฟ้าต้องจัดการเรื่องการทุจริตร่วมกับปรินทร์ ทำให้ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกัน ปรินทร์ที่คิดว่าคงรักใครไม่ได้อีก กลับรักพราวฟ้าอย่างง่ายดาย
Chapter 3แล้วที่แย่ไปกว่านั้น การสนทนาบนโต๊ะอาหารเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาที่พราวฟ้าไม่เข้าใจอยู่คนเดียว ราวกับว่าไม่อยากให้เธอรู้เรื่องที่สนทนากัน ความรู้สึกตอนนี้คือ เธอเหมือนแกะดำหลงเข้ามาในหมู่หงส์ นำพาความเศร้ามาให้พราวฟ้าอีกทำนบบุหงันที่นั่งหัวโต๊ะรู้และเห็นทุกอย่าง นางมองหลานชายก่อนมองพราวฟ้าที่นั่งตัวลีบอยู่ที่นั่งท้ายสุด นางวางช้อนและส้อมคู่กันบนจาน ทั้งที่ยังกินไม่อิ่ม“คุณแม่กินไปนิดเดียวเองนะครับ อิ่มแล้วหรือครับ” ปุริมถามมารดา“ยังไม่อิ่ม” บุหงันตอบ“ยังไม่อิ่มแล้วทำไมไม่กินต่อล่ะคะคุณแม่” ลูกสะใภ้ถาม“หรือว่าอาหารที่เปิ้ลทำไม่ถูกปากคุณย่าคะ” แม่ครัวรังสรรอาหารมื้อนี้เอ่ยถามต่อจากอรุณ“กับข้าวน่ะอร่อย แต่ฉันไม่ชอบคนกระแดะ” ทุกคนบนโต๊ะอาหารพากันเงียบ มองหน้าบุหงันเป็นตาเดียว “เป็นคนไทยแท้ๆ แต่ไม่พูดภาษาไทย ทั้งที่บนโต๊ะอาหารไม่มีคนหัวทองสักคน มีแต่หัวดำหัวย้อม ก็ต้องโทษคนเริ่มพูดคนแรกล่ะนะ คงไปอยู่เมืองนอกนานเกินไป พอกลับมาเมืองไทยเลยลืมกำพรืดตัวเอง ดัดจริต”บุหงันพูดกระทบทิวาทิพย์เต็มๆ เพราะเธอเป็นเพียงคนเดียวบนโต๊ะอาหารที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อห้าเดือนก่อน ทิวาทิพย์
Chapter 2‘เหมือนเป็นส่วนเกิน’ เป็นความรู้สึกของพราวฟ้า หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปี เธอยืนอยู่ในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของยุรนันท์หรือเฮิร์ปไฮโซชื่อดัง เพื่อนสนิทของปรินทร์ คนรักที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา แต่ไร้งานวิวาห์แล้วดูเหมือนว่า ชาตินี้ทั้งชาติเธอจะไม่ได้สวมชุดเจ้าสาวยืนเคียงข้างเจ้าบ่าวที่รักสุดใจสถานที่จัดงานคือคือห้องสูทสุดหรูชั้นบนสุดของโรงแรมชื่อดังย่านฝั่งธน ห้องนี้เหล่าคนมีชื่อเสียง หรือไม่ก็ดารานักแสดง นิยมกันมาจัดงานปาร์ตี้ เนื่องจากมีระเบียงส่วนตัวพร้อมสะว่ายน้ำขนาดพอเหมาะ จึงเหมาะกับการจัดงานเลี้ยงสังสรรแขกในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนของยุรนันท์ที่มาร่วมงานมากกว่าสี่สิบคน เป็นเพื่อนสนิทและค่อนข้างสนิทสนม อีกทั้งยังมีเพื่อนร่วมรุ่นระดับมหาวิทยาลัยอีกราวสิบกว่าคน หนึ่งในสิบกว่าคนที่ว่านี้ เป็นสตรีสาวสวย นอกจากความสวย เธอยังมีบุคลิกภาพโดดเด่นที่สุดในงาน เธอได้รับความสนใจจากผู้คนทันทีที่ย่างก้าวเข้าในงาน รวมทั้งสามีของเธอ ที่พราวฟ้าเพิ่งมารู้ว่า สาวสวยคนนั้นคือคนรักเก่าของปรินทร์ ที่คบหากันมานานสิบสองปีตั้งแต่ทิวาทิพย์ปรากฏตัวขึ้นในงานพราวฟ้าก็เหมือนส