ตอนที่ 5
ลำเอียง
“ไป๋ซูเหยียน เจ้าต้องแต่งงานกับองค์ชายใหญ่แทนพี่สาวเจ้า!!” คำพูดของบิดาทำให้ในห้องเกิดความเงียบขึ้น
นางเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าบิดาจะทำเช่นนี้ เพราะในชาติก่อนบิดาปล่อยให้เรื่องมันค้างคาจนถึงเทศกาลล่าสัตว์ และนางก็ตกหน้าผาตาย
“ท่านพี่พูดจริงหรือเจ้าค่ะ เป็นเรื่องดีเลยทีเดียว เช่นนั้นอวี้เอ๋อร์ก็ต้องแต่งงานกับแม่ทัพจิ้นใช่หรือไม่เจ้าคะ” ไป๋ฮูหยินได้สติก่อน จึงเอ่ยถามสามีด้วยน้ำเสียงดีใจ
“เป็นเช่นนั้น ไป๋ซูเหยียนเจ้าเตรียมตัวไว้ให้ดี อย่าทำให้ข้าต้องเดือดร้อนเล่า” น้ำเสียงที่บิดาใช้กับนางนั้นต่างจากที่ใช้กับบุตรสาวคนโปรดมากมายนัก
“แต่ว่าข้าเป็นคู่หมั้นของแม่ทัพจิ้นนะเจ้าคะ หากเปลี่ยนตัวกันทางวังหลวงอาจไม่พอใจ...” นางลองเอ่ยแย้ง แต่ก็ถูกสวนกลับทันที
“หุบปากเจ้าเสีย!! อย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องเกิดขึ้น เจ้าจะให้พี่สาวเจ้าแต่งกับองค์ชายตาบอดไร้อนาคตเช่นนั้นหรือ เจ้าเป็นน้องควรเสียสละให้พี่สาวเจ้า ไม่ใช่อะไรก็เอาแต่อิจฉาพี่สาวเจ้าเช่นนี้!!”
บิดาต่อว่านางทันที ทั้งที่นางเพียงถามเท่านั้น พวกเขาไม่เคยปล่อยให้นางได้พูดจบประโยคเลย
“ท่านพ่ออย่าว่าน้องรองเลยเจ้าค่ะ จริงอย่างนางว่า หากวังหลวงรู้เรื่องนี้เข้า ท่านพ่อจะไม่ถูกลงโทษหรือเจ้าคะ”
แค่ไป๋เซียนอวี้ถามท่าทีบิดาก็อ่อนลงทันที เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าคนบ้านนี้ไม่เคยเห็นนางเป็นบุตรสาวพวกเขาเลย ทั้งพ่อและแม่
“อย่าห่วงเลย เรื่องนี้พ่อใช้เส้นสายในราชสำนักจัดการให้เจ้าได้แน่นอน พ่อจะไม่ยอมให้เจ้าหมดอนาคตเป็นนกน้อยในกรงทองแน่ บุตรสาวของพ่อต้องมีชีวิตที่ดีต่างหาก”
ผู้เป็นบิดาให้คำมั่นสัญญากับบุตรสาวคนโตอย่างเป็นหมั่นเหมาะ โดยไม่ได้สนใจบุตรสาวคนรองที่ยืนอยู่ข้างหลังเลย
“ยินดีกับพี่หญิงใหญ่ด้วยขอรับ แม่ทัพจิ้นมากความสามารถเพียงนั้น ไม่นานคงได้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นแน่ เช่นนั้นว่าที่ฮูหยินแม่ทัพใหญ่ก็คงอยู่ไม่ไกลแล้ว”
ไป๋หยางชิงเอ่ยแสดงความยินดีล่วงหน้ากับพี่สาว จึงถูกมือเล็กตีเข้าที่แขนไปเบา ๆ ด้วยความเขินอายที่ถูกน้องชายหยอกล้อเช่นนี้
“เช่นนั้นต้องฉลองเสียหน่อย อาเซียวเจ้าให้คนไปซื้ออาหารที่ภัตตาคารเลี่ยงจิน เอาของที่ลูก ๆ ของข้าชอบมาทุกอย่างเลยนะ”
ช่างน่าขันนัก หึหึหึ! บอกว่าให้พี่หญิงใหญ่แต่งกับองค์ชายใหญ่แล้วจะหมดอนาคต แล้วนางเล่า! นางจะเป็นเช่นไรก็ช่างงั้นหรือ!!!
ภาพครอบครัวสุขสันต์ตรงหน้า ทำให้หัวใจของไป๋ซูเหยียน เจ็บแปลบ คิดว่าจะชาชินแต่เมื่อได้ประสบอีกครั้งกลับไม่ใช่อย่างที่คิด
เมื่อก่อนพื้นที่ตรงนั้นไม่เคยมีนางอยู่อย่างไร ยามนี้ก็ยังไม่เคยมีนางอยู่เช่นนั้น แล้วนางจะหวังไปเพื่อสิ่งใดอีก
“ลูกรู้สึกไม่ค่อยสบายนัก ขอตัวกลับเรือนก่อนเจ้าค่ะ” นางเอ่ยจบก็หมุนตัวจากมาทันที
“ก็ดีขอรับ เรื่องมงคลเช่นนี้มีแค่คนในครอบครัวเราก็พอแล้ว” เสียงของไป๋หยางชิงลอยตามหลังนางมา
“อย่าใส่ใจนางเลยเจ้าค่ะ ทำเช่นนี้คงเรียกร้องความสนใจเช่นทุกครั้งนั่นแหละ” เสียงมารดาเอ่ยขึ้นบ้าง
“นางอาจกำลังน้อยใจก็ได้นะเจ้าคะ ข้าตามไปดูน้องรองหน่อยดีกว่า” ไป๋เซียนอวี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวล แต่ถูกทุกคนห้ามไว้เช่นทุกครั้ง
“อย่าเลย เจ้ามักจะใจดีเช่นนี้นางถึงได้ใจ และใช้ความสงสารของเจ้ามาทำให้เจ้าต้องลำบากใจตลอด” บิดาเอ่ยขึ้นบ้าง
ทุกประโยคนี้มาจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นครอบครัวเดียวกับนาง เห็นทีนางต้องหาที่พึ่งไว้บ้างเสียแล้ว
ระหว่างเดินกลับเรือนนางกลับนึกบางอย่างขึ้นได้ จึงเปลี่ยนทิศทางไปที่ครัวแทน
“คุณหนูหิวหรือเจ้าคะ เดี๋ยวข้าไปยกสำรับให้ก็ได้เจ้าค่ะ คุณหนูไม่ต้องไปเองเช่นนี้หรอก” เสี่ยวจูเอ่ยเมื่อเห็นว่าคุณหนูเดินไปที่ใด
“ไม่เป็นไร ข้าไปนั่งกินที่เรือนครัวก็ได้ เจ้าจะได้ไม่ต้องยกสำรับอาหารไปกลับให้ยุ่งยาก อีกอย่างตอนนี้ข้าหิวมาก ขนมในงานเลี้ยงข้ากินไปนิดเดียวเอง”
นางทำท่าลูบท้อง สาวใช้คนสนิทจึงยอมเดินตามคุณหนูไปที่เรือนครัวง่าย ๆ เพราะปกติคุณหนูก็มักจะไปทำอาหารให้นายท่านกับนายหญิงกินเป็นประจำอยู่แล้ว
“คุณหนูรองหิวใช่หรือไม่เจ้าคะ มานั่งเลยเจ้าค่ะ ข้าแบ่งสำรับไว้ให้ท่านแล้ว”
ป้าฟานหัวหน้าแม่ครัวเอ่ยพลางดึงแขนหญิงสาวไปนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะเอาสำรับที่แบ่งไว้ออกมาวางให้ ซึ่งมีทั้งเนื้อแกะตุ๋น ผัดผักกาดขาว และปลานึ่งที่แกะก้างแล้ว
“มีแต่ของที่ข้าชอบทั้งนั้นเลย ขอบคุณป้าฟานมากเลยนะเจ้าคะ” นางเอ่ยขอบคุณหญิงวัยกลางคนตรงหน้า
ในชาติก่อนนอกจากเสี่ยวจูที่รักนางจากใจจริง ก็มีป้าฟานกับแม่นมจางที่ดูแลนางมาตลอด ชาตินี้นางสาบานกับตัวเองแล้ว ว่าจะตอบแทนพวกเขาแน่นอน
“คุณหนูกินเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะไปดูคนอื่น ๆ ทำอาหารก่อน เสร็จแล้วบอกข้านะเจ้าคะ ข้าจะมาเก็บจานชามไปล้างให้ คุณหนูห้ามล้างเองเช่นครั้งที่แล้วเด็ดขาด!!”
ประโยคสุดท้ายป้าฟานเน้นย้ำเสียงดุ ก่อนจะเดินออกไปเมื่อเห็นนางพยักหน้ารับแรง ๆ
ไป๋ซูเหยียนนั่งกินข้าวไปได้ครึ่งชามก็มีคนยกปิ่นโตอาหารเข้ามา พวกเขาเปลี่ยนอาหารใส่จาน ก่อนจะออกไปเอาถาดด้านนอก
นางที่เห็นโอกาสจึงไปหยิบบางอย่างจากในกล่องที่คุ้นเคย แล้วเอาผงนั่นผสมน้ำเล็กน้อย
“คุณหนูจะทำสิ่งใดเจ้าคะ!” เสี่ยวจูอุทานอย่างตกใจ ที่เห็นคุณหนูเอาน้ำนั่นหยอดใส่อาหารทุกจานบนโต๊ะ
“ชู่ว์!!! ยามเห็นหน้าข้า พวกเขาทำราวกับถ่ายไม่ออกมาหลายวัน ข้าเพียงจะช่วยเท่านั้น” นางเอ่ยพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะกลับมานั่งกินข้าวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เสี่ยวจูเห็นแล้วเข้าใจชัดเจนว่าคุณหนูของตนคิดทำสิ่งใด แต่ไม่ได้แสดงพิรุธอะไรออกมา เพราะตนก็ไม่พอใจที่เจ้านายคนอื่นทำกับคุณหนูเช่นนี้เหมือนกัน
เมื่อกินข้าวเสร็จนางก็กลับไปนั่งคัดตำราที่เรือนตัวเองต่อ ตกดึกคืนนั้นพ่อบ้านออกไปตามหมอมาดูอาการคนในจวนด้วยท่าทีรีบร้อน เพราะทุกคนที่กินอาหารสำรับนั้นต่างท้องเสียกันทุกคน
รวมถึงบ่าวไพร่ที่กินอาหารเหล่านั้นต่อด้วย อาการหนักเบาขึ้นอยู่กับผู้ใดกินน้อยกินมาก แต่ที่เห็นจะหนักสุดคงเป็นเจ้านายของบ้านทั้งสี่
“ยาถ่ายของป้าฟานใช้ได้ดีเลยนะเจ้าคะ ใส่ไปนิดเดียวก็ทำให้คนเรือนใหญ่ท้องเสียวิ่งเข้าห้องน้ำกันไม่หยุดเลย”
เสี่ยวจูเอ่ยพลางหัวเราะอย่าสะใจ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่คุณหนูทำนั้นไม่ถูกต้อง แต่นางก็อยากให้คุณหนูเอาคืนคนเหล่านั้นบ้าง ที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยมองคุณหนูของนางเป็นเหมือนคนในครอบครัวพวกเขาเลย
“อย่าเสียงดังไป หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ว่าแต่ข่าวลือด้านนอกตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว”
“แย่มากเจ้าค่ะ ข้าว่าหากฮูหยินได้ยินคงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วหาเรื่องมาลงกับคุณหนูอีกเป็นแน่” พูดถึงเรื่องนี้เสี่ยวจูก็มีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที
“พวกเขาทำอะไรข้าไม่ได้มากหรอก เพราะข้าไม่ได้บอกคนเหล่านั้นให้พูดเสียหน่อย อีกอย่างงานวันเกิดท่านย่าก็ใกล้ถึงแล้ว หากท่านแม่กล้าสั่งโบยข้า คงต้องไปตอบคำถามท่านย่าเองว่าเหตุใดข้าไม่ไปร่วมงานเลี้ยง”
นางอธิบายพร้อมกับเริ่มเอาตำราเล่มใหม่มาคัดอย่างตั้งใจ เสี่ยวจูจึงไปเอาของว่างกับชามาวางให้นาง ก่อนจะออกไปยืนรอเงียบ ๆ นอกห้อง
ในขณะที่เรือนเล็กเงียบสงบ แต่เรือนใหญ่กลับวุ่นวายจนไม่มีใครได้นั่ง เพราะทุกคนต่างผลัดกันถ่ายหนักไม่หยุด
“ท่านแม่ไหนว่ากินยาไปแล้วจะดีขึ้นอย่างไรเล่าเจ้าคะ ข้าถ่ายหนักจนจะหมดแรงแล้วนะ” ไป๋เซียนอวี้เอ่ยขณะเดินขาลากมานั่งที่เก้าอี้ข้างมารดา
ทุกคนมาร่วมตัวกันที่เรือนใหญ่เพราะให้หมอมาตรวจอาการทีเดียว เมื่อหมอจัดยาให้เสร็จจึงกลับไปได้ครู่หนึ่งแล้ว
“แม่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน โอ๊ย!! แม่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” เอ่ยจบไป๋ฮูหยินก็วิ่งสวนทางกับบุตรชายที่เดินหมดแรงออกมา
“ข้าว่าต้องมีคนวางยาพวกเราแน่ขอรับ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ท้องเสียหนักกันทั้งบ้านเช่นนี้หรอก!!” ไป๋หยางชิงเอ่ยก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ที่มารดาเพิ่งลุกไป
“ใครมันจะวางยาเราล่ะ ในเมื่ออาหารเหล่านั้นพวกบ่าวไปซื้อมาจากภัตตาคารเลี่ยงจินเลยนะ” หญิงสาวเอ่ยแย้ง
“ใครในจวนที่มันไม่ท้องเสียเช่นเราละขอรับ” สามพ่อลูกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอุทานออกมาพร้อมกัน
“ไป๋ซูเหยียน!!!!”
“อย่างน้องรองไม่น่าจะเป็นไปได้นะเจ้าคะ เพราะนิสัยนางไม่ใช่คนเช่นนั้น แต่หากเป็นสาวใช้ของนางนั้นไม่แน่” ไป๋เซียนอวี้เอ่ย ทำให้ทั้งสองเห็นตรงกัน
“ไปเอาตัวสาวใช้คนสนิทคุณหนูรองมา!!!!”
คืนนั้นเสี่ยวจูถูกตามตัวไปที่เรือนใหญ่ ก่อนจะกลับมาด้วยท่าทีงุนงง เพราะเมื่อไปถึงก็ไม่มีใครออกมาพบนางเลย นางไปนั่งรออยู่กว่าครึ่งชั่วยามจึงได้กลับมา
ตอนที่ 25บทส่งท้ายวันที่องค์ชายใหญ่กับพระชายาจะเดินทางไปเมืองทางใต้ก็มาถึง ชาวเมืองต่างออกมาส่งพวกเขากันมากมาย รวมถึงตระกูลไป๋สายหลักด้วยเช่นกันก่อนหน้านี้ไม่กี่วันนางได้ไปหาครอบครัวตัวเองที่จวนนอกเมือง จึงได้เห็นสายตาไม่พอใจของพวกเขา เมื่อรู้ว่านางกำลังจะเดินทางไปเมืองทางใต้กับองค์ชายใหญ่หากพวกเขาพูดได้คงพ่นคำพูดไม่ดีต่าง ๆ ใส่นางมากมาย และบังคับให้นางพาพวกเขาไปด้วย หรือไม่ก็ให้นางทิ้งเงินทองไว้ให้พวกเขาเยอะ ๆเมื่อเห็นขบวนเดินทางของหลานสาวหายลับไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ให้คนพาไปส่งที่เรือนนอกเมืองตอนนี้ทั้งสามต้องนอนในห้องเดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล พวกสาวใช้จะได้ไม่ต้องเดินเข้าออกหลายห้อง“เป็นอย่างไรบ้างเหวินหลง แม่บอกเจ้าแล้วว่าให้เลือกฮูหยินที่เป็นบุตรสาวฮูหยินเอก เจ้าก็ไม่เชื่อแม่ ดึงดันจะเอานังลูกอนุนี่เป็นฮูหยิน เอกให้ได้ ครานี้ครอบครัวเจ้าไม่เหลือสิ่งใดแล้ว แม่เองก็คงช่วยเจ้าไม่ได้”
ตอนที่ 23จุดจบตระกูลไป๋สายรองผ่านมากว่าสามเดือนแล้วที่ไป๋เซียนอวี้อมาอยู่ที่เมืองชุนหมิง ทุกคืนวันนางเฝ้ารอการกลับไปเหยียบที่จวนตระกูลป็นั้นอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะความคิดถึงหรือโหยหา แต่เพราะต้องการแก้แค้นต่างหากตั้งแต่นางมาถึง นางพยายามส่งจดหมายกลับไปหามารดาและน้องชาย แต่ทั้งสองกลับเงียบไม่เคยตอบจดหมายนางเลยกลับกันเมื่อนางส่งจดกหมายไปหาน้องสาว กลับได้รับการตอบกลับมาในไม่กี่วัน เท่านี้ก็รู้แล้วว่าคนที่จวนคิดกับนางเช่นไรและวันที่รอคอยก็มาถึง วันนี้นางได้กลับมาเหยียบจวนตระกูลไป๋อีกครั้ง แต่คนที่มารอนางกลับมีเพียงมารดาเท่านั้น“กลับมาก็ดีแล้ว แม่ให้คนเตรียมเรือนไว้ให้เจ้าแล้วไปพักเถอะ” ผู้เป็นมารดาเอ่ยอย่างไม่ยินดียินร้าย ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มยามพบนางนั้น ไม่มีอีกต่อไป“เจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านพ่อกับน้องชายไปไหนหรือเจ้าคะ ไม่เห็นออกมาต้อนรับข้าเลย” นางแสร้งเอ่ยถามไปเท่านั้น แต่ความจริงพวกเขาจะมารอร
ตอนที่ 21ความแค้นครั้งใหม่ยามนี้ตระกุลไป๋ถูกเพ่งเล็งจากทั้งชาวบ้านและเหล่าขุนนาง จนใต้เท้าไป๋ไม่กล้าออกจากจวนไปที่ใด นอกจากออกไปว่าราชการเช้ากับฝ่าบาทแล้วก็ตรงกลับจวนทันที“วันนี้หมอที่นัดไว้จะมาใช่หรือไม่ ไป๋เซียนอวี้เป็นอย่างไรบ้าง”“ท่านพี่ ตอนนี้ลูกโกรธเรามาก แถมนางยังมีอาการคลุ้มคลั่งแปลก ๆ ร้องว่าหิวแต่พอเอาข้าวให้นางกลับไม่ยอมกิน ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วเจ้าค่ะ”ไป๋ฮูหยินเอ่ยอย่างเป็นห่วงบุตรสาว ตั้งแต่เกิดเรื่องที่จวนตระกูลจิ้นนี่ก็ผ่านมากว่าเจ็ดวันแล้ว บุตรสาวนางพยายามออกจากจวนแทบทุกวัน ดีที่ตนให้พวกบ่าวช่วยกันจับตัวไว้“เพราะเจ้าเลี้ยงดูนางอย่างตามใจ ทุกอย่างจึงออกมาเป็นเช่นนี้ หึ! อย่างไรวันนี้นางต้องเอาเด็กออก ไม่เช่นนั้นข้านี่แหละจะกระทืบมารหัวขนนั่นออกมาเอง”ใต้เท้าไป๋เอ่ยจบก็เดินเข้าห้องทำงานตัวเองไปทันที ทิ้งให้ไป๋ฮูหยินยืนกลุ้มใจอยู่ตรงนั้นคนเดียวห
ตอนที่ 24ผลกรรม“ราชโองการจากฟ้า องค์ชายใหญ่ม่อเสวียนหยางมีเป็นผู้มีคุณธรรม มากความสามารถ ฝ่าบาทมีพระประสงค์แต่งตั้งให้เป็นชินอ๋อง ยกดินแดนทางใต้ทั้งหกเมืองให้ปกครอง ออกเดินทางในอีกสองเดือนข้างหน้า จบราชโองการ!!!!”“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี”“ยินดีกับองค์ชายใหญ่และพระชายาด้วยพะย่ะค่ะ”กงกงหลี่ยิ้มกว้าง ทั้งดีใจที่องค์ชายใหญ่หายจากอาการตาบอด และดีใจที่องค์ชายใหญ่ได้พบเจอคนที่คู่ควรเสียทีเพราะตนนั้นรับใช้ใกล้ชิดฝ่าบาท ยามที่องค์ชายใหญ่เข้าวังไปถวายการรับใช้พระบิดาเขาย่อมเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่มตรงหน้าพอเสร็จธุระก็รีบกลับตำหนักเพียงนั้น จะไม่ให้พวกเขารู้ได้อย่างไรเล่า บางวันพระชายาก็ฝากคนเอาสำรับอาหารมาให้ ขนาดฝ่าบาทขอชิมองค์ชายใหญ่ยังไม่ให้ชิมเลย“ฝ่าบาทก็ให้ฮองเฮาทำให้กินเองสิพะย่ะค่ะ นี่มันสำรับที่หวางเฟยทำมาให้กร
ตอนที่ 22หญิงงามตั้งแต่จบเรื่องงานแต่งครั้งนั้น จิ้นอวี่หาวก็ไม่ออกไปพบผู้ใดอีกเลย วัน ๆ ไม่อยู่ที่จวนก็อยู่ที่ค่ายทหาร มารดาเขาพยายามหาสตรีให้ แต่เขาก็ไม่สนใจวันนี้เขาขี่ม้าไปที่ค่ายทหารเช่นทุกครั้ง แต่ระหว่างทางกลับพบเข้ากับสตรีนางหนึ่งนอนสลบอยู่ข้างทาง ด้วยความที่เป็นสุภาพบุรุษตนจึงลงไปช่วยเหลือพาส่งโรงหมอ“ฝากท่านหมอช่วยดูแลนางด้วย นี่คือค่ารักษาของนางขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยจบก็ทำท่าจะเดินออกไป“ท่านแม่ทัพนางฟื้นแล้วขอรับ นางบอกว่าอยากพบผู้ที่ช่วยนางไว้” ผู้ช่วยหมอเดินเข้ามารายงาน ทำให้ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย“ท่านเข้าไปพบนางสักหน่อยเถอะ นางคงอยากขอบคุณท่านกระมั้ง” ท่านหมอเอ่ยชายหนุ่มจึงเดินกลับเข้าไปยังห้องที่หญิงสาวนอนอยู่ ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มชวนมองนั้นทำเอาเขาเผลอมองครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติกลับมา“ท่านคือคนที่ช่วยข้าไว้หรือเจ้าคะ ขอบคุณท่านมากหากไม่ได้ท่าน ข้าก
ตอนที่ 19ลูกเนรคุณ“กลับไปเถอะขอรับ อย่าให้ข้าต้องให้ทหารลากตัวพวกท่านออกไปเลย” จิ้นอวี่หาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา หากเป็นศัตรูป่านนี้เขาคงจับคนตระกูลไป๋มาถลกหนังแล้ว“ท่านพี่!! อย่าทำเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ ข้าท้องลูกของท่านจริง ๆ ข้าไม่เคยนอกใจท่านเลยนะเจ้าคะ” ไป๋เซียนอวี้พยายามพูดแก้ต่าง แต่ดูแล้วไม่เป็นผลนักเพราะเหมือนจะเป็นการกระตุ้นให้แม่ทัพจิ้นโมโหหนักกว่าเดิมมากกว่า เขาพุ่งเข้าไปบีบแขนหญิงสาวอย่างแรงก่อนกระซิบให้ได้ยินกันสองคน“ความต้องการของเจ้ามากมายเพียงใดเหตุใดข้าจะไม่รู้ แค่เพียงบุรุษผู้นั้นเอ่ยปากออกมาก็แน่ชัดแล้วว่าคือเรื่องจริง หึ!!”หญิงสาวหน้าซีดเผือดทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงดังราวจะขาดใจตาย“พ่อบ้านไล่ตัวกาลกิณีนี่ออกไปจากจวนข้าให้หมด แล้วอย่าลืมเอาน้ำมนต์มาล้างทางเข้าจวนด้วย เดี๋ยวเสนียดติดหน้าประตูจวนข้า!!”จิ้นฮูหย