“อืม...ก็เราน่ะโตมีครอบครัวแล้วจะอ้อนยายไปตลอดก็ไม่ได้อยู่แล้ว” พิกุลเอ่ยด้วยรอยยิ้มแต่แววตาของเธอนั้นไหววูบเล็กน้อยจนพิมพรรณและภูผาที่นั่งตรงข้ามเห็นได้ชัดและรู้ดีว่าพิกุลนั้นคงใจเสียไม่น้อยที่หลานรักคนเดียวนั้นจะผละจากอ้อมอกไป
“ว่ามีแต่ของโปรดยายสังขยาฟักทองของโปรดใครบางคนก็มีนะอยู่ในครัว” พิมพรรณเอ่ยบอกกับผ้าแพรเพราะรู้ดีว่านี่คือของโปรดหลานเธอจึงเร่งมือทำเมื่อช่วงบ่าย
“เหรอคะน้าพิมเดี๋ยวแพรจะไปเอามาเดี๋ยวนี้” แมวน้อยขี้อ่อนที่เกาะอยู่กับขนของยายตาโพรงเมื่อได้รู้ว่าวันนี้มีของโปรดที่ไม่ได้ทานมานานซ้ำยังเป็นฝีมือของพิมพรรณที่ทำได้หวานถึงใจตนก็รีบลุกออกจากเก้าอี้หมายจะไปยกมาทานทันที
“เดี๋ยวก่อนเรายังไม่ได้ทานข้าวเลยนะ” พิมพรรณต้องปรามหลานเธอเอาไว้เมื่อเห็นว่ายังไม่ได้ทานข้าวก็จะทานของหวานเสียแล้ว
“อืม..ก็ได้ค่ะ” จากหน้าบานกลายเป็นหน้างอยทันทีเมื่อถูกห้ามให้ไปเอาของโปรด
“รีบบอกทำไมล่ะแม่พิมเดี๋ยวก็ทานข้าวอย่างกับแมวดมขยักกระเพาะไว้ให้ขนมหวาน” พิกุลมองหน้าหลานของเธอที่กำลังหย่อนก้นนั่งที่เก้าอี้ข้างเธอตามเดิมด้วยสีหน้าหงอยๆ
“นั่นสิคะแม่ฉันก็ลืมไปเลยว่าหลานคนนี้ชอบของหวานนักล่ะ” พิมพรรณเอ่ยหยอกคนที่กำลังหน้าบูด
“...” ภูผาเองเห็นอาการของผ้าแพรก็แอบอมยิ้มเช่นกันเพราะเธอเหมือนเด็กๆไม่มีผิดที่เห็นขนมดีกว่าข้าว
“ใครว่าล่ะคะแพรจะทานข้าวเยอะๆเลยคอยดู...นี่คุณภูลองทานแกงไก่บ้านนี่ดูสิคะอร่อยนะคะ” ผ้าแพรทำใจที่จะทานข้าวให้ทุกคนเห็นและอดใจไว้เพื่อที่จะได้ทานของหวานดั่งใจเธอตักต้มจืดใส่จานของเธอและเห็นว่าบนโต๊ะมีแกงไก่บ้านสีแดงฉานเต็มถ้วยจึงตักให้ภูผานั้นได้ลองชิม
“อืม...หืม” ภูผาเห็นว่าแกงที่หญิงสาวตักให้สีน่าทานจึงตักเข้าปากอย่างรวดเร็วแต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะรสชาติของมันนั้นเผ็ดจนเขาเคี้ยวไม่ได้
“น้ากำลังจะบอกว่ามันเผ็ด” พิมพรรณถึงกับหน้าเสียเพราะเธอเองก็ห้ามไม่ทันแกงนี้เป็นแกงที่เหลือจากการทำบุญเมื่อเช้าเป็นรสชาติที่คนที่นี่ทานมันจึงจัดจ้านเป็นพิเศษเธอรู้ดีว่าคนเมืองอย่างภูผาคงเผ็ดมากแน่นอนดูท่าทางชายหนุ่มแล้วก็น่าจะมากเป็นพิเศษเสียด้วย
“คุณภูทานเผ็ดไม่ได้เหรอคะ” คนที่ตักแกงให้ภูผาถึงกับหน้าเสีย
“ก็พอได้แต่นี่มันเผ็ดมาก” ชายหนุ่มกลืนน้ำจนแทบหมดแก้วความเผ็ดมันก็ยังไม่ลดลงเอาเสียเลย
“แพรไม่รู้แพรขอโทษจริงๆนะคะเดี๋ยวแพรรีบไปเอามะนาวมาให้นะคะ” ผ้าแพรรีบเดินไปในครัวอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะไปหั่นมะนาวมาให้ภูผาเพราะเธอเผ็ดทีไรมะนาวนี่ก็จะช่วยได้ทุกที
“โอยย...ฟู่” ภูผาหน้าแดงไปหมดแล้วในวินาทีนี้
“เอาๆนี่น้ำ” พิกุลส่งขวดน้ำให้พิมพรรณเทใส่แก้วให้ภูผาเมื่อน้ำในแก้วของเขาหมดแล้ว
“ไหวไหมเนี่ยคุณภู” พิมพรรณรีบเทน้ำใส่แก้วให้ภูผาอย่างรวดเร็ว
“มะนาวมาแล้วค่ะอ้าปากค่ะคุณภูจะได้หายเผ็ด” ผ้าแพรกลับมาพร้อมน้ำมะนาวในแก้วเล็กเมื่อมาถึงเก้าอี้ของภูผาเธอก็ให้เขากลืนทีเดียวจนหมด
“หืม...เปรี้ยวมันช่วยได้จริงเหรอ” สีหน้าของชายหนุ่มเหยเกดูไม่ได้เมื่อครู่ก็เผ็ดมากแล้วตอนนี้ยังเปรี้ยวเข้าไปอีก
“หน้าเป็นหมาเคี้ยวพริกเลยนะ” พิกุลถึงกับกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้าของหลานเขย
“เป็นแบบนี้เลยเหรอคะยาย” ผ้าแพรหันมาถามคนเป็นยายเพราะเธอก็ไม่เคยเห็นหมาเคี้ยวพริกเหมือนกันด้วยคงไม่มีใครทะลึ่งเอาพริกใส่ปากหมาเล่น
“แม่ก็” พิมพรรณส่ายหัวเบาๆเมื่อแม่เธอก็เปรียบเปรยเสียภูผาหมดความมั่นใจแถมยังสร้างปัญหาให้ผ้าแพรนั้นต้องมาคิดอีก
“คุณนอนให้สบายเลยนะคะแพรแบ่งเตียงให้คุณเยอะมากเลย” ผ้าแพรที่อยู่ในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขายาวสีชมพูเธอเห็นภูผาพึ่งออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จก็รีบบอกให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าเธอจัดการแบ่งที่นอนให้เขาแล้วเตียงเธอใหญ่ขนาดหกฟุตเธอแบ่งให้เขชาเกินครึ่งหวังว่าเขาจะได้นอนสบาย
“เธอนอนแค่นั้นไม่กลัวตกเตียงหรือไง” ภูผามองในส่วนที่นอนของหญิงสาวเขาเห็นว่าส่วนที่เธอนอนน่ะนอนได้แต่คงจะขยับไมได้เป็นแน่
“ไม่ค่ะแพรนอนไม่ดิ้น” ร่างบางส่ายหัวเบาๆทั้งลงนอนให้เขาดูเพื่อให้เห็นภาพอีกด้วย
“ ให้ฉันนอนเตียงเดียวกับเธอไม่ระแวงฉันทำอะไรเธอเหรอ” ภูผาเข้ามานั่งพิงหัวเตียงในส่วนพื้นที่ของเขาแถมด้วยพูดลองใจหญิงสาวว่าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้นอนกับเขา
“ตอนแรกก็กลัวค่ะแต่คิดไปคิดมาแพรรู้ว่าคุณไม่ได้คิดอะไรกับแพรเรื่องที่เกิดก็เป็นอุบัติเหตุแพรเลยสบายใจที่จะนอนเตียงเดียวกับคุณค่ะหรือว่าคุณระแวงว่าแพรจะทำอะไรคุณหรือเปล่าคะ..แพรไปนอนโซฟาก็ได้นะคะคุณจะได้สบายใจ” ร่างบางพุดพรางเตรียมหมอนจะไปนอนที่โซฟาเพราะกลัวว่าเขานั้นจะระแวงเธอ
“ไม่ต้องเธอนอนตรงนี้นี่แหละฉันไว้ใจเธอ” ภูผารีบดึงหมอนจากมือของหญิงสาวและวางเอาไว้ใกล้ๆกับหมอนของเขาเพื่อที่เธอจะได้พื้นที่นอนเท่ากันทั้งบอกให้หญิงสาวได้ฟังชัดว่าเขาไว้ใจเธอไม่เช่นนั้นเธอคงจะเกรงใจเขาอยู่มากทั้งที่เขาควรจะเป็นคนเกรงใจ
“ขอบคุณที่ไว้ใจแพรนะคะ” ผ้าแพรล้มตัวนอนลงด้วยรอยยิ้มเธอสบายใจแล้วที่เขานั้นไว้ใจเธอ
“เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนกัน” ภูผาทิ้งตัวลงนอนยกแขนชันหัวเอาไว้แล้วหันมามองหน้าหวานที่ตอนนี้ไม่ได้มีอะไรแต่งแต้มเขาอยากจะรู้นักว่านิสัยของเธอที่เป็นแปลกๆแบบนี้ใครเป็นคนสอนหรือเหมือนใครกันแน่
“ฟ้ายังไมได้พูดถึงพ่อเลี้ยงเลยนะคะ...แล้วแพรกับเด็กๆล่ะคะ” สาวเจ้าก้มหน้างุดโบ้ยไปคุยเรื่องอื่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นรู้ทันความคิดของเธอ“อยู่บ้านรอคุณพ่อน่ะถ้าคุณพ่อมาแล้วจะตามมา”“ฟ้าทำให้คุณพ่อเป็นกังวลอีกจนได้” เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่และแล้วเธอก็ทำให้พ่อของเธอต้องมาเป็นห่วงอีกจนได้“ใครจะคิดว่ามันจะเกิดล่ะอย่าคิดมากเลย” ภูผาทำได้เพียงแค่ปลอบใจเรื่องแบบนี้มีใครอยากจะให้เกิดแกร๊กก“คุณอัส” เพียงฟ้าหันมองไปทางประตูเมื่อมันมีเสียงเปิดแล้วเธอก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่เห็นอัสนีเข้ามา“คุณภูสวัสดีครับตาวินกวนหรือเปล่าครับ” “ไม่เลยครับพอมีเพื่อนเข้าก็อารมณ์ดีเลยครับ” เรื่องธาวินภูผาให้อัสนีเบาใจได้เพราะรายนั้นพอเจอน้องชายก็เล่นด้วยกันจนน่าจะลืมความกลัวจากเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว“ค่อยโล่งอก” อัสนียิ้มออกกะว่าเดี๋ยวช่วงเย็นก็จะไปรับธาวินกลับแล้วเพราะไม่อยากรบกวนผ้าแพรกับภูผานาน“คุณเป็นยังไงบ้าง” อัสนีเดินเข้ามานั่งที่ข้างเตียงของเพียงฟ้าตรงข้ามกับที่ภูผานั่ง“คนอย่างเพียงฟ้าเจ็บแค่นี้จิ้บๆ” สีหน้าของหญิงสาวดูจะเบิกบานกว่าตอนที่คุยกับคนเป็นพี่ชายมากจนภูผาอดจะหมั่นไส้ไม่ได้ทีเห็นเขาทำห
“ฉันมาได้ก็แล้วกันลูกฉันอยู่ไหนเอาลูกฉันคืนมาเดี๋ยวนี้” เพียงฟ้าไม่ยอมบอกว่าเธอตามทุกคนมาได้อย่างไรเธอรีบแผดเสียงใส่มนัสกับลูกน้องอีกสองสามคนที่ยืนอยู่ด้วยความโมโห“เฮ้ยย” มนัสออกคำสั่งให้ลูกน้องจับตัวหญิงสาวเอาไว้“ลองมาจับฉันสิแม่จะยิงให้ไส้กระจุยเลย” ก่อนที่ลูกน้องสองสามคนของมนัสจะเข้ามาประชิดตัวของเธอหญิงสาวจึงรีบควักปืนออกจากกระเป๋าออกมาป้องกันตัวอย่างไม่เกรงกลัว“ลองยิงดูสิ” มนัสรีบเปิดประตูรถอีกคันที่มีธาวินอยู่ด้านในและจ่อปืนไปที่เจ้าก้อนกลมที่กำลังร้องเรียกหาคนเป็นแม่น้ำตาพรั่งพรู“แม่ๆ..แง้งๆๆๆ”“เอาลูกฉันมาเดี๋ยวนี้นะจำเอาไว้ว่าถ้าลูกฉันเป็นอะไรแกไม่ตายดีแน่” เพียงฟ้ามือไม้สั่นไม่คิดว่าพวกคนชั่วพวกนี้จะเอาเด็กมาเป็นเครื่องมือทั้งที่ธาวินนั้นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย“คุณฟ้า” อัสนีที่นั่งซุ่มดูเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมกับคนินทร์เมื่อเห็นว่าเพียงฟ้ากำลังอยู่ในอันตรายเขาจึงจะรีบเขาไปช่วยแต่ก็ถูกคนินทร์นั้นรั้งเอาไว้ก่อน“อย่าพึ่งเข้าไป” คนินทร์มองเกมส์ออกว่าตอนนี้มนัสคงยังไม่ทำอะไรทั้งเพียงฟ้าและและธาวินแน่นอนแต่หากเพื่อนเขาออกไปแล้วก็ไม่แน่จึงอยากจะรอให้กำลังเสริมมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว
ครู่ต่อมา“เดี๋ยวนี้ทานข้าวเก่งจังเลยนะครับฝีมือแม่อร่อยใช่ม้า...” เพียงฟ้ายิ้มหน้าบานเมื่อธาวินนั้นถูกใจในฝีมือการทำข้าวบดของเธอจนตอนนี้กินจนหมดถ้วยแล้ว“หม่ำๆๆ..” เด็กชายจ้องมองไปที่ถ้วยในมือของคนเป็นแม่ว่าเมื่อไรจะป้อนอีกเพราะเจ้าตัวนั้นยังไม่อิ่ม“ยังไม่อิ่มอีกเหรอข้าวหมดแล้วด้วยสิรอแม่เดี๋ยวนะครับเดี๋ยวแม่เอาน้ำผักมาให้เข้าใจไหมครับ” “ฮับ” เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก“เก่งที่สุดเลย” สาวเจ้ารีบลุกออกจากระเบียงบ้านเข้าไปในครัวเพื่อไปเอาน้ำผักในตู้เย็นมาให้ธาวินกินแก้หิวในระหว่างที่เธอไปทำอาการให้เด็กชายใหม่สถานีตำรวจ“ไหนคุณว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วไงทำไมถึงมีหมายจับออกมาได้” ศรีน่านเข้ามาที่สถานีตำรวจตามหมายจับอย่างหัวเสียเพราะเขาคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไรที่จะต้องมาที่นี่แล้วเสียอีก“ผมบอกกับเสี่ยว่าไม่มีปัญหาตอนขนของไม่ได้รับปากนี่ครับว่าจะไม่มีหมายจับออกมา” คนินทร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อน“แก..” ศรีน่านกัดฟันกรอดคิดในใจว่าเขาไม่น่าเสียรู้สารวัตรละอ่อนนี่เลย“การลงทุนครั้งนี้ถือว่าไม่สูญเปล่านะครับเสี่ย” อัสนีเข้ามาในห้องและหย่อนก้นนั่งลงข้างๆศรีน่านด้วยสีหน้าระรื่น“อัสนี” ศรีน่านขมวดคิ้วแปลก
“ผมไม่เคยพูดเล่น”“คุณอัส..เมื่อวานฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุไม่ดีขึ้นเลยนะคะฉันก็เสียใจเหมือนกันในที่ตาวินต้องเจ็บเพราะฉัน”“ออกไปได้แล้ว” อัสนียังคงยืนยันเสียงแข็งสิ้นเสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่มดวงตากลมโตของหญิงสาวก็เหลือบมองเด็กชายที่นั่งยิ้มให้เธออยู่ตาละห้อยหากตอนนี้เธอต้องไปจริงๆคงคิดถึงธาวินแย่แต่ในเมื่อเจ้าของบ้านไม่ยอมใจอ่อนให้เธอขนาดนี้อยู่ไปก็คงจะอึดอัดกันน่าดูจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินหันหลังออกไปด้วยสีหน้าที่ห่อเหี่ยว“แม่..แม่..” เด็กชายส่งเสียงเรียกคนเป็นแม่พร้อมมองตาแป๋วด้วยความไร้เดียงสา“ครับลูก” เพียงฟ้าแทบน้ำตาตกเมื่อได้ยินธาวินเรียกเธอเอาไว้“ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย” อัสนีกัดฟันกรอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะหันไปบอกกับหญิงสาวเสียงแข็ง“ฉันจะรักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดีค่ะ” ริมฝีปากบางที่กำลังบุ้ยอยู่คราแรกตอนนี้ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจรีบสัญญากับอีกฝ่ายว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ธาวินมีอันตรายอย่างครั้งก่อนแน่นอนหลายวันต่อมาเพียงฟ้าและอัสนีได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกเกือบเดือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นเรื่อยๆจนทั้งคู่รู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆแต่ก็ยังไม่มีใครรู้คว
“ตาวินเป็นอะไรคะ” เพียงฟ้าได้ยินเสียงร้องของธาวินดังขึ้นจึงรีบวิ่งเข้ามาในบ้านหน้าตาตื่นอย่างรวดเร็ว“ลูกอมในโหลนี่ของคุณใช่หรือเปล่า” อัสนีมองต่ำไปที่พื้นทั้งพูดกับเพียงฟ้าเสียงแข็ง“อืมใช่..” หญิงสาวพยักหน้ายอมรับว่าเจ้าโถลูกอมเป็นของเธอแต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ทำไมมาอยู่กับพื้นได้“คุณเกือบทำให้ตาวินตายแล้วรู้ตัวหรือเปล่าผมไม่น่าไว้ใจคุณเลย” “ฮือๆๆๆ”“ฉันทำอะไร” สองหนุ่มสาวสาดอารมณ์ใส่กันในขณะที่ธาวินยังคงสะอึกสะอื้นไม่หยุด“ก็ไอ้นี่มันอยู่ในคอตาวินไงดีนะที่ลุงพันช่วยไว้ทัน” อัสนีหยิบลูกอมชิ้นที่ติดคอธาวินเมื่อครู่ชูให้เพียงฟ้าได้ดู“แต่โหลแก้วนี่ฉันจำได้ว่าเอาไว้บนโต๊ะนี่คะ” เพียงฟ้าค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่ได้หยิบโถลูกอมลงมาเพราะเธอจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไรในเมื่อธาวินนั่งเล่นอยู่กับพื้น“ยังจะแก้ตัวอีกแค่ยอมรับว่าตัวเองผิดมันยากนักหรือไง” อัสนีแผดเสียงฝาดจนเพียงฟ้าสะดุ้งตัวโยนพูดอะไรไม่ออก“ใจเย็นๆกันก่อนเถอะครับ” ประพันธ์เห็นท่าอัสนีจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จึงอาศัยความเป็นผู้ใหญ่ของตนปรามเอาไว้ก่อนเพราะเขาก็เข้าใจว่าเพียงฟ้าคงไมได้ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้เหมือนกันจี๊ดๆๆๆ“อีตา
“อ้าวคุณจันทร์มีเอกสารที่ต้องเซ็นเหรอครับ” อัสนีเห็นณจันทร์เขชาก็พึ่งนึกได้ว่าเขาไม่ได้เข้าไปที่สำนักงานลายวันที่หญิงสาวมาที่นี่คงเป็นเรื่องเอกสารเป็นแน่“ค่ะ..”“สักครู่นะครับ..ฝากตาวินหน่อยคุณ”“อืม..ไปจัดการธุระของคุณเถอะ”ชายหนุ่มวางธาวินลงให้เพียงฟ้านั้นช่วยดูและเดินออกไปที่ห้องรับแขกเพื่อคุยธุระเรื่องงานกับณจันทร์เป็นการส่วนตัว“เธออยู่ที่นี่เหรอคะ” ในขณะที่อัสนีกำลังเซ็นเอกสารณจันทร์ก็ถือโอกาสถามเรื่องเพียงฟ้าด้วยเลยเพราะเธอรู้ว่าเพียงฟ้านั้นรับเป็นแม่บุญธรรมให้กับธาวินแต่ไม่คิดว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่กับอัสนีด้วย“เห็นเธอว่าอย่างนั้นนะครับ” อัสนีเลยหน้าขึ้นมาให้คำตอบกับณจันทร์ครู่หนึ่งแล้วจึงก้มมองเอกสารต่อ“อ่อ..ค่ะ” ณจันทร์พยักหน้ารับเบาๆ“เรียบร้อยแล้วครับ...ช่วงนี้ผมคงไม่ค่อยได้เข้าไปที่สำนักงานคงต้องลำบากคุณจันทร์มาที่นี่บ่อยๆแล้วล่ะครับ”“ไม่เป็นไรเลยค่ะจันทร์ยินดี” ณจันทร์ยิ้มอ่อนเธอไม่ได้ลำบากเลยที่จะมาที่นี่“ขอบคุณนะครับ” หลายวันต่อมา“รีสอร์ทฉันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วนะคุณรั้วรอบขอบชิดก็มีแล้วตอนนี้มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะมั้งคุณไม่ต้องลำบากส่งคนมาเฝ้าก็ได้”ว