เธอคือสาวโลกสวยที่รักการทำอาหารมากที่สุด เป็นหญิงสาวที่ใช้ชีวิตธรรมดามีความสุขอยู่กับยายและน้าของเธอที่ชนบทอันแสนเรียบง่ายและเป็นผู้จัดการร้านให้กับร้านขนมหวานแห่งหนึ่งใกล้ๆบ้านและแล้ววันนึงชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อวันที่เลี้ยงฉลองวันเกิดของเจ้านายของเธอ(เจ้าของร้านขนมหวาน) คืนนั้นเป็นคืนที่ความทรงจำของเธอเลือนรางไม่นานนักเธอก็ได้ตั้งครรภ์ ใช่....คืนนั้นเธอพลาดไปนอนกับผู้ชายแปลกหน้าที่รู้จักกันได้เพียงไม่ถึงวันเท่านั้นและเขาก็ยังเป็นคาสโนว่าหนุ่มหล่อแห่งวงการไฮโซที่ฐานะและการใช้ชีวิตต่างจากเธอราวฟ้ากับเหวแบบนี้เรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นเช่นไรจะสุขมากกว่าทุกข์หรือทุกข์มากกว่าสุขติดตามอ่านได้ในเรื่อง ดั่งหทัยภูผาได้เลยนะคะ
Lihat lebih banyakร้านบ้านของหวาน
ณ ร้านคาเฟ่เล็กๆน่ารักๆสไตล์มินิมอลที่แม่ริมจ.เชียงใหม่ตอนนี้เป็นช่วงเย็นของวันลูกค้าก็เริ่มจะเยอะขึ้นส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นเสียมากกว่าที่มาทานอาหารและหาที่ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลกัน
คาเฟ่แห่งนี้มีเพียงฟ้าคุณหนูไฮโซลูกเจ้าของโรงแรมใหญ่ในกรุงเทพอายุยี่สิบสี่ปีเรียนจบเมืองนอกเมืองนามาเมื่อกลับมาแล้วก็ไม่อยากบริหารงานที่โรงแรมอยากเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆในต่างจังหวัดมากกว่าจึงมาเปิดร้านที่นี่ได้ปีหนึ่งแล้ว
และมีผู้จัดการร้านคือผ้าแพรหญิงสาววัยยี่สิบสองที่พึ่งเรียนจบคหกรรมมาหมาดๆก็มาสมัครงานที่นี่ฝีมือของเธอถูกใจเพียงฟ้าอย่างมากจึงรับเข้าทำงานทันทีโดยไม่ลังเลว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์ทั้งจ้างเด็กเสริฟและลูกมือผ้าแพรอีกสองสามคนเท่านั้น ที่นี่แม้จะเป็นคาเฟ่เล็กๆแต่ก็ได้รับความนิยมพอสมควรเพราะอาหารอร่อยทั้งยังติดกับธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น
“กลับกับยายเดี๋ยวนี้ยายมีเรื่องจะคุยกับเรา” คนในร้านและพนักงานต่างก็มองกันมาเป็นตาเดียวเมื่อพิกุลหญิงชราวัยหกสิบแต่ยังท่าทางแข็งแรงเดินเข้ามาจูงผ้าแพรหลานสาวของเธอในขณะที่กำลังยืนต้อนรับลูกค้าให้กลับไปคุยกับเธอที่บ้านด้วยท่าทางที่ดูจะโมโหจากอะไรบางอย่างเอามากๆ
“ยายคะมีเรื่องอะไรเหรอคะ” ผ้าแพรหญิงสาวร่างเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มตอนนี้สีหน้าของเธอเจื่อนจนซีดลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะไม่เคยเห็นว่ายายของตนนั้นโมโหขนาดนี้มาก่อน
ผ้าแพรหญิงสาววัยยี่สิบสองตัวเล็กสูงเพียง155หนัก45หุ่นนาฬิกาทรายผิวขาวอมชมพูเป็นสาวหน้าหวานใบหน้ารูปไข่ผมสีน้ำตาลหนาถึงกลางหลังหยักศกคิ้วเรียวบางได้รูปจมูกเป็นสันตรงเล็กจิ้มลิ้มดวงตากลมโตขนตางอนยาวมีรักยิ้มที่สองพวงแก้มริมฝีปากบางอวบอิ่มเธอเป็นสาวโลกสวยค่อนข้างซื่อหัวอ่อนเพราะถูกเลี้ยงมาด้วยความทะนุถนอมโดยน้ากับยายอยู่ที่บ้านสวนของเธอ
“ไปคุยกันที่บ้านเดี๋ยวก็จะรู้เอง” พิกุลลากหลานสาวของเธอให้ขึ้นไปนั่งในรถเก๋งคันเก่า
“น้าพิมคะเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ” เพียงฟ้าดึงมือพิมพรรณหญิงสาววัยกลางคนเป็นน้าสาวของผ้าแพรก่อนที่จะเดินตามยายพิกุลและผ้าแพรไปว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นยายพิกุลถึงได้โมโหเดือดดาลขนาดนั้น
“ก็แม่น่ะสิเจอผลตรวจครรภ์ในห้องหนูแพรเข้าน่ะน้าไปก่อนนะคุณฟ้า” พิมพรรณหันมารีบตอบกับเพียงฟ้าด้วยท่าทีร้อนใจก่อนจะเดินกลับไปขับรถออกไปจากร้านให้เร็วที่สุด
“น..น้าพิม..ผลตรวจครรภ์งั้นเหรอนี่แสดงว่า..แย่แล้ว” เพียงฟ้าถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลงคอเธอยืนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ้าแพรชอบผะอืดผะอมอยู่บ่อยๆเป็นเพราะสาเหตุนี้เป็นแน่และเธอก็รู้ด้วยว่าเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดเพราะผ้าแพรนั้นคงไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจึงหยิบมือถือต่อสายหาใครบางคนทันที
“โอ้ยพี่ภูทำไมไม่รับสายกันนะโทรหาคุณย่าก็แล้วกัน” ผ่านไปเป็นสิบนาทีแล้วเพียงฟ้าก็ยังติดต่อคนที่เธอต้องการติดต่อไม่ได้เสียทีจึงตัดสินใจโทรหาอีกคนที่คิดว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้
“คุณย่าคะพอดีว่าตอนนี้คุณย่าพาพี่ภูบินด่วนมาที่เชียงใหม่ด่วนเลยได้หรือเปล่าคะ” เมื่อปลายสายกดรับหญิงสาวก็รีบบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับปลายสายได้ฟังทันทีเมื่อพูดจบเธอก็รีบขับรถไปที่สนามบินเพื่อรอรับการมาของคนที่เธอโทรหา
สองชั่วโมงผ่านไป
บ้านสวนพิกุล
บ้านสวนพิกุลเป็นเรือนไทยไม้สักขนาดใหญ่ยกใต้ถุนสูงหลังคาทรงจั่วเป็นเรือนแฝดมีชานหน้าบ้านเปิดโล่งมีรั้วโปร่งเตี้ยๆกั้นโดยรอบสำหรับนั่งรับลมตั้งอยู่ท่ามกลางสวนผลไม้นาๆชนิดล้อมรอบด้วยเนื้อที่หลายสิบไร่ซ้ำยังสงบร่มรื่นมากอีกด้วย
ตั้งแต่พิกุลพาหลานสาวของเธอกลับมาถึงบ้านได้ก็เค้นเสียงสั่นถึงเรื่องผลตรวจครรภ์ที่ชานหน้าเรือนในช่วงโพล้เพล้
“หนูไปท้องกับใครบอกยายมาเดี๋ยวนี้นะ” พิกุลนั่งบนเก้าอี้ไม้สักตัวใหญ่จ้องหน้าหลานสาวของเธอที่พับเพียบสะอึกสะอื้นไม่ยอมตอบคำถามที่เธอต้องการเสียที
“ยายจ๋าหนูขอโทษ” ผ้าแพรเอาแต่นั่งสะอื้นตัวโยนยกมือไหว้ขอโทษยายของเธอประหงกๆเพราะเธอลำบากใจที่จะตอบเรื่องนี้จริงๆด้วยรู้ว่าพ่อของเด็กในท้องคงไม่เต็มใจที่จะรับผิดชอบแน่
“บอกยายมาว่าไปทำตัวง่ายกับใคร” พิกุลน้ำตาคลอเธอเค้นถามคำถามนี้มาพักใหญ่แล้วแม่หลานสาวของเธอก็ไม่ยอมตอบออกมาเสียทีว่าท้องกับใครเธอจะได้เรียกให้คนๆนั้นมารับผิดชอบ
“บอกยายไปสิแพรว่าเราท้องกับใคร” พิมพรรณนั่งข้างๆกับคนเป็นแม่เอเองก็ช่วยคะยั้นคะยอให้หลานเธอตอบก่อนที่แม่ของเธอจะโมดหไปมากกว่านี้และอาจจะถึงขั้นลงไม้ลงมือได้
“คือ น..หนู..ไม่รู้..ฮือๆๆๆ” ผ้าแพรเงยหน้าขึ้นมาตอบคนเป็นยายกับน้าในขณะที่มือน้อยๆยังคงยกมือไหว้อย่างรู้สึกผิดทั้งน้ำเสียงที่ออกมาก็ปนสะอื้นให้อย่างน่าสงสารเธอบอกยายของเธอไม่ได้จริงๆเรื่องพ่อของเด็ก
“ยายสอนหนูว่าอะไรเคยจำบ้างหรือเปล่าแม่เราก็คนนึงแล้ว” พิกุลลุกขึ้นมือไม้สั่นเธอผิดหวังกับพรทิพย์ลูกสาวคนโตแม่ของผ้าแพรคนหนึ่งแล้วที่อุ้มท้องกลับมาไม่มีพ่อให้ชาวบ้านเขานินทาแต่เธอก็ทนเลี้ยงหลานกันมาได้พอถึงรุ่นหลานก็ต้องมาเจอเรื่องซ้ำเดิมอีกเธอจึงเจ็บปวดใจเกินจะทนโทษตัวเองในใจว่าตนนั้นเลี้ยงลูกสอนหลานไม่ดีเรื่องอะไรถึงได้ใจง่ายไปเสียหมด
“ตีเสียให้ตายเลยดีไหม” ด้วยความโมโหที่หลานเธอนั้นไม่ยอมตอบออกมาเสียทีจึงเดินไปหยิบไม้หวายที่เอาไว้ไล่แมวขโมยของที่ตากอยู่ชานบ้านเหน็บอยู่ที่ฝาบ้านหมายจะตีหลานไม่รักดีเสียที
“ฟ้ายังไมได้พูดถึงพ่อเลี้ยงเลยนะคะ...แล้วแพรกับเด็กๆล่ะคะ” สาวเจ้าก้มหน้างุดโบ้ยไปคุยเรื่องอื่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นรู้ทันความคิดของเธอ“อยู่บ้านรอคุณพ่อน่ะถ้าคุณพ่อมาแล้วจะตามมา”“ฟ้าทำให้คุณพ่อเป็นกังวลอีกจนได้” เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่และแล้วเธอก็ทำให้พ่อของเธอต้องมาเป็นห่วงอีกจนได้“ใครจะคิดว่ามันจะเกิดล่ะอย่าคิดมากเลย” ภูผาทำได้เพียงแค่ปลอบใจเรื่องแบบนี้มีใครอยากจะให้เกิดแกร๊กก“คุณอัส” เพียงฟ้าหันมองไปทางประตูเมื่อมันมีเสียงเปิดแล้วเธอก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่เห็นอัสนีเข้ามา“คุณภูสวัสดีครับตาวินกวนหรือเปล่าครับ” “ไม่เลยครับพอมีเพื่อนเข้าก็อารมณ์ดีเลยครับ” เรื่องธาวินภูผาให้อัสนีเบาใจได้เพราะรายนั้นพอเจอน้องชายก็เล่นด้วยกันจนน่าจะลืมความกลัวจากเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว“ค่อยโล่งอก” อัสนียิ้มออกกะว่าเดี๋ยวช่วงเย็นก็จะไปรับธาวินกลับแล้วเพราะไม่อยากรบกวนผ้าแพรกับภูผานาน“คุณเป็นยังไงบ้าง” อัสนีเดินเข้ามานั่งที่ข้างเตียงของเพียงฟ้าตรงข้ามกับที่ภูผานั่ง“คนอย่างเพียงฟ้าเจ็บแค่นี้จิ้บๆ” สีหน้าของหญิงสาวดูจะเบิกบานกว่าตอนที่คุยกับคนเป็นพี่ชายมากจนภูผาอดจะหมั่นไส้ไม่ได้ทีเห็นเขาทำห
“ฉันมาได้ก็แล้วกันลูกฉันอยู่ไหนเอาลูกฉันคืนมาเดี๋ยวนี้” เพียงฟ้าไม่ยอมบอกว่าเธอตามทุกคนมาได้อย่างไรเธอรีบแผดเสียงใส่มนัสกับลูกน้องอีกสองสามคนที่ยืนอยู่ด้วยความโมโห“เฮ้ยย” มนัสออกคำสั่งให้ลูกน้องจับตัวหญิงสาวเอาไว้“ลองมาจับฉันสิแม่จะยิงให้ไส้กระจุยเลย” ก่อนที่ลูกน้องสองสามคนของมนัสจะเข้ามาประชิดตัวของเธอหญิงสาวจึงรีบควักปืนออกจากกระเป๋าออกมาป้องกันตัวอย่างไม่เกรงกลัว“ลองยิงดูสิ” มนัสรีบเปิดประตูรถอีกคันที่มีธาวินอยู่ด้านในและจ่อปืนไปที่เจ้าก้อนกลมที่กำลังร้องเรียกหาคนเป็นแม่น้ำตาพรั่งพรู“แม่ๆ..แง้งๆๆๆ”“เอาลูกฉันมาเดี๋ยวนี้นะจำเอาไว้ว่าถ้าลูกฉันเป็นอะไรแกไม่ตายดีแน่” เพียงฟ้ามือไม้สั่นไม่คิดว่าพวกคนชั่วพวกนี้จะเอาเด็กมาเป็นเครื่องมือทั้งที่ธาวินนั้นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย“คุณฟ้า” อัสนีที่นั่งซุ่มดูเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมกับคนินทร์เมื่อเห็นว่าเพียงฟ้ากำลังอยู่ในอันตรายเขาจึงจะรีบเขาไปช่วยแต่ก็ถูกคนินทร์นั้นรั้งเอาไว้ก่อน“อย่าพึ่งเข้าไป” คนินทร์มองเกมส์ออกว่าตอนนี้มนัสคงยังไม่ทำอะไรทั้งเพียงฟ้าและและธาวินแน่นอนแต่หากเพื่อนเขาออกไปแล้วก็ไม่แน่จึงอยากจะรอให้กำลังเสริมมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว
ครู่ต่อมา“เดี๋ยวนี้ทานข้าวเก่งจังเลยนะครับฝีมือแม่อร่อยใช่ม้า...” เพียงฟ้ายิ้มหน้าบานเมื่อธาวินนั้นถูกใจในฝีมือการทำข้าวบดของเธอจนตอนนี้กินจนหมดถ้วยแล้ว“หม่ำๆๆ..” เด็กชายจ้องมองไปที่ถ้วยในมือของคนเป็นแม่ว่าเมื่อไรจะป้อนอีกเพราะเจ้าตัวนั้นยังไม่อิ่ม“ยังไม่อิ่มอีกเหรอข้าวหมดแล้วด้วยสิรอแม่เดี๋ยวนะครับเดี๋ยวแม่เอาน้ำผักมาให้เข้าใจไหมครับ” “ฮับ” เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก“เก่งที่สุดเลย” สาวเจ้ารีบลุกออกจากระเบียงบ้านเข้าไปในครัวเพื่อไปเอาน้ำผักในตู้เย็นมาให้ธาวินกินแก้หิวในระหว่างที่เธอไปทำอาการให้เด็กชายใหม่สถานีตำรวจ“ไหนคุณว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วไงทำไมถึงมีหมายจับออกมาได้” ศรีน่านเข้ามาที่สถานีตำรวจตามหมายจับอย่างหัวเสียเพราะเขาคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไรที่จะต้องมาที่นี่แล้วเสียอีก“ผมบอกกับเสี่ยว่าไม่มีปัญหาตอนขนของไม่ได้รับปากนี่ครับว่าจะไม่มีหมายจับออกมา” คนินทร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อน“แก..” ศรีน่านกัดฟันกรอดคิดในใจว่าเขาไม่น่าเสียรู้สารวัตรละอ่อนนี่เลย“การลงทุนครั้งนี้ถือว่าไม่สูญเปล่านะครับเสี่ย” อัสนีเข้ามาในห้องและหย่อนก้นนั่งลงข้างๆศรีน่านด้วยสีหน้าระรื่น“อัสนี” ศรีน่านขมวดคิ้วแปลก
“ผมไม่เคยพูดเล่น”“คุณอัส..เมื่อวานฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุไม่ดีขึ้นเลยนะคะฉันก็เสียใจเหมือนกันในที่ตาวินต้องเจ็บเพราะฉัน”“ออกไปได้แล้ว” อัสนียังคงยืนยันเสียงแข็งสิ้นเสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่มดวงตากลมโตของหญิงสาวก็เหลือบมองเด็กชายที่นั่งยิ้มให้เธออยู่ตาละห้อยหากตอนนี้เธอต้องไปจริงๆคงคิดถึงธาวินแย่แต่ในเมื่อเจ้าของบ้านไม่ยอมใจอ่อนให้เธอขนาดนี้อยู่ไปก็คงจะอึดอัดกันน่าดูจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินหันหลังออกไปด้วยสีหน้าที่ห่อเหี่ยว“แม่..แม่..” เด็กชายส่งเสียงเรียกคนเป็นแม่พร้อมมองตาแป๋วด้วยความไร้เดียงสา“ครับลูก” เพียงฟ้าแทบน้ำตาตกเมื่อได้ยินธาวินเรียกเธอเอาไว้“ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย” อัสนีกัดฟันกรอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะหันไปบอกกับหญิงสาวเสียงแข็ง“ฉันจะรักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดีค่ะ” ริมฝีปากบางที่กำลังบุ้ยอยู่คราแรกตอนนี้ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจรีบสัญญากับอีกฝ่ายว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ธาวินมีอันตรายอย่างครั้งก่อนแน่นอนหลายวันต่อมาเพียงฟ้าและอัสนีได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกเกือบเดือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นเรื่อยๆจนทั้งคู่รู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆแต่ก็ยังไม่มีใครรู้คว
“ตาวินเป็นอะไรคะ” เพียงฟ้าได้ยินเสียงร้องของธาวินดังขึ้นจึงรีบวิ่งเข้ามาในบ้านหน้าตาตื่นอย่างรวดเร็ว“ลูกอมในโหลนี่ของคุณใช่หรือเปล่า” อัสนีมองต่ำไปที่พื้นทั้งพูดกับเพียงฟ้าเสียงแข็ง“อืมใช่..” หญิงสาวพยักหน้ายอมรับว่าเจ้าโถลูกอมเป็นของเธอแต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ทำไมมาอยู่กับพื้นได้“คุณเกือบทำให้ตาวินตายแล้วรู้ตัวหรือเปล่าผมไม่น่าไว้ใจคุณเลย” “ฮือๆๆๆ”“ฉันทำอะไร” สองหนุ่มสาวสาดอารมณ์ใส่กันในขณะที่ธาวินยังคงสะอึกสะอื้นไม่หยุด“ก็ไอ้นี่มันอยู่ในคอตาวินไงดีนะที่ลุงพันช่วยไว้ทัน” อัสนีหยิบลูกอมชิ้นที่ติดคอธาวินเมื่อครู่ชูให้เพียงฟ้าได้ดู“แต่โหลแก้วนี่ฉันจำได้ว่าเอาไว้บนโต๊ะนี่คะ” เพียงฟ้าค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่ได้หยิบโถลูกอมลงมาเพราะเธอจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไรในเมื่อธาวินนั่งเล่นอยู่กับพื้น“ยังจะแก้ตัวอีกแค่ยอมรับว่าตัวเองผิดมันยากนักหรือไง” อัสนีแผดเสียงฝาดจนเพียงฟ้าสะดุ้งตัวโยนพูดอะไรไม่ออก“ใจเย็นๆกันก่อนเถอะครับ” ประพันธ์เห็นท่าอัสนีจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จึงอาศัยความเป็นผู้ใหญ่ของตนปรามเอาไว้ก่อนเพราะเขาก็เข้าใจว่าเพียงฟ้าคงไมได้ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้เหมือนกันจี๊ดๆๆๆ“อีตา
“อ้าวคุณจันทร์มีเอกสารที่ต้องเซ็นเหรอครับ” อัสนีเห็นณจันทร์เขชาก็พึ่งนึกได้ว่าเขาไม่ได้เข้าไปที่สำนักงานลายวันที่หญิงสาวมาที่นี่คงเป็นเรื่องเอกสารเป็นแน่“ค่ะ..”“สักครู่นะครับ..ฝากตาวินหน่อยคุณ”“อืม..ไปจัดการธุระของคุณเถอะ”ชายหนุ่มวางธาวินลงให้เพียงฟ้านั้นช่วยดูและเดินออกไปที่ห้องรับแขกเพื่อคุยธุระเรื่องงานกับณจันทร์เป็นการส่วนตัว“เธออยู่ที่นี่เหรอคะ” ในขณะที่อัสนีกำลังเซ็นเอกสารณจันทร์ก็ถือโอกาสถามเรื่องเพียงฟ้าด้วยเลยเพราะเธอรู้ว่าเพียงฟ้านั้นรับเป็นแม่บุญธรรมให้กับธาวินแต่ไม่คิดว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่กับอัสนีด้วย“เห็นเธอว่าอย่างนั้นนะครับ” อัสนีเลยหน้าขึ้นมาให้คำตอบกับณจันทร์ครู่หนึ่งแล้วจึงก้มมองเอกสารต่อ“อ่อ..ค่ะ” ณจันทร์พยักหน้ารับเบาๆ“เรียบร้อยแล้วครับ...ช่วงนี้ผมคงไม่ค่อยได้เข้าไปที่สำนักงานคงต้องลำบากคุณจันทร์มาที่นี่บ่อยๆแล้วล่ะครับ”“ไม่เป็นไรเลยค่ะจันทร์ยินดี” ณจันทร์ยิ้มอ่อนเธอไม่ได้ลำบากเลยที่จะมาที่นี่“ขอบคุณนะครับ” หลายวันต่อมา“รีสอร์ทฉันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วนะคุณรั้วรอบขอบชิดก็มีแล้วตอนนี้มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะมั้งคุณไม่ต้องลำบากส่งคนมาเฝ้าก็ได้”ว
Komen