LOGIN.....หุบเขาเทียนกวง อยู่ท่ามกลางภูเขาสูงชัน สองฝั่งเขาสูงเสียดฟ้า ดุจกำแพงธรรมชาติ กั้นลมและเสียงจากโลกภายนอกกลางหุบเขาเป็น ลานประลองวงกลมขนาดใหญ่ พื้นหินสีขาวอมเทา แกะสลักเป็นลวดลาย มังกรพยัคฆ์คู่ สัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งและความสมดุลน้ำใสจากลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่านลานด้านข้าง สะท้อนแสงแดดเป็นประกายระยับราวกับดวงดาวด้านเหนือของลาน มีแท่นหินสูงชื่อแท่นประจักษ์ฟ้า เป็นที่ประทับของปรมาจารย์ยุทธภพที่ตัดสินการประลองมุมหนึ่งของแท่นมีต้นพลัมขาวเก่าแก่ ทิ้งดอกสีขาวราวปุยเมฆ เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความยุติธรรมวันนี้เป็นงานประลองทุก 10 ปีที่เหล่าจอมยุทธมากมายเดินทางมารวมตัวกันที่นี่"หลิงหลิง เจ้าดูนั่นสิ สำนักดังๆทั้งนั้นเลย" เลี่ยหยางตื่นเต้นมาก เขาไม่เคยเจอจอมยุทธมากมายขนาดนี้ในคราเดียวสักที แต่เยว่หลิงนั้นกลับยืนนิ่งด้วยใบหน้าเย็นชา"ดูนั่นสิ ไม่ผิดแน่ คุณชายชุดขาวหน้าตาหล่อราวเทพเซียนแบบนี้ เขาคือราชบุตรเขยไป๋เยว่หลิง" "เขาได้ยินข่าวลือว่าวิชากระบี่จันทรานั่นฟันตำหนักขาดครึ่งได้เชียวนะ!" เริ่มมีเสียงซุบซิบและหลายสายตามองมาทางคุณชายชุดขาวเลี่ยหยางงอน ไม่มีใครพูดถึงเขาเลย เขารีบ
....หิมะโปรยปรายลงมาอย่างช้าๆ เยว่หลิงและเลี่ยหยางค่อยๆเดินอย่างระมัดระวัง น้ำค้างแข็งเกาะบนกิ่งไม้เลี่ยหยางหันมามองเขา และยิ้มแบบเจื่อนๆ“หลิงหลิง ข้าว่าพวกเราหลงทางแล้วนะ?”เยว่หลิงทำหน้าตาเย็นชาและไม่พูด เลี่ยหยางเกาหัวแกร่กๆทั้งคู่เดินไปพลางหยอกล้อกัน แต่หมอกหนาและหิมะทำให้ ทิศทางเริ่มสับสนขึ้นเรื่อยๆทันใดนั้นก็เสียงกรอบแกรบจากพุ่มไม้ด้านข้าง ทำให้เลี่ยหยางหันไปและชักดาบขึ้นทันทีและแล้ว… หมีใหญ่ตัวหนึ่งก็ออกมาจากพุ่มไม้ ขนสีขาวอมเทาของมันดูคล้ายหมอกเคลื่อนไหว แววตาดูดุร้าย ไม่ได้มาอย่างเป็นมิตรเยว่หลิงรีบจับแขนเลี่ยหยางและวิ่ง“หนี!”ทั้งคู่รีบวิ่งออกจากตรงนั้น โดยมีเจ้าหมีตัวใหญ่วิ่งตามหลังไม่ลดละ เสียงกรงเล็บขูดพื้นดังเป็นระยะๆเลี่ยหยางหันหน้ามามองเยว่หลิง แล้วยักไหล่อย่างหมั่นไส้“หลิงหลิง เจ้าวิ่งไปทางไหนเนี่ย?”“หนีให้ได้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน” เยว่หลิงตอบ ก่อนที่ทั้งสองจะพุ่งเข้าป่าลึกกว่าเดิมแล้วทีนี้ก็ได้หลงกันจริงๆ ป่าไม้ทึบมากและอากาศเย็น แม้จะหลุดจากการตามล่าของหมียักษ์ได้ แต่ทั้งสองคนเริ่มมีอาการหนาวสั่นเพราะเสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ได้กันหนาวมากนัก ทั้งคู่เดินกันไ
.....เยว่หลิงและเลี่ยหยางเดินข้ามป่าและภูเขา แล้วก็เพราะเยว่หลิงชวนวิ่งเล่นออกนอกเส้นทาง ในที่สุดทั้งคู่ก็หลงอยุ่ในป่างตามลำพัง 2 คนจนได้ แต่ก็ไม่ได้แย่ไปเสียหมด เดินไปเดินมาเจอบึงน้ำใสถูกปกคลุมด้วยหิมะบางๆ แม้อากาศจะหนาว แต่ด้วยความเหนื่อยเหงื่อไคลไหลจนตัวเหม็นทั้งคู่จึงอดไม่ได้ที่จะลงไปอาบน้ำในบึงนั้น (จริงๆแล้วอากาศหนาว น้ำในสระ,บึง,ทะเลจะอุ่นกว่าบนบก)เยว่หลิงถอดชุดขาวสะอาดของตนออก วางไว้บนก้อนหินใกล้บึง ใบหน้าเรียบเย็นแต่แฝงความสงบ น้ำใสไหลลูบไล้ผิวพรรณเขา เส้นผมดำยาวลอยละล่องตามกระแสน้ำเลี่ยหยางยืนก็ถอดเสื้อลงอาบด้วยกัน แม้ร่างกายจะเปลือบเปล่าแต่เดี๋ยวนี้ทั้งคู่ไม่ค่อยจะเคอะเขินกันแล้ว “หลิงหลิง… น้ำเย็นจนหน้าซีดเลย อย่าอาบนานล้ะ”“ข้าสบายดี… อย่ามาวุ่นวายกับข้า”เลี่ยหยางหัวเราะในลำคอ เข้ามาใกล้ๆ และใช้มือตักน้ำใสไหลลูบไล้ร่างกายเยว่หลิง เยว่หลิงมีแก้มแดงนิดๆด้วยควมเขินอายสายตาซุกซนของเลี่ยหยาง“เจ้า… มองอะไรข้า?”เลี่ยหยางย่นจมูกเล็กน้อย มือกุมผ้าเช็ดน้ำหนักเบา “ข้าก็มองไปเรื่อยแหละ… อะไรน่ามอง ข้าก็มอง”ทั้งคู่หยอกล้อกันไปมา ท่ามกลางความเงียบสงบของป่า หิมะบางๆ ร่วงลงมาเป็
.......ภูเขาสั่นสะเทือน ภูติซ้าย ปากสั่น "นี่คือวิชาสวรรค์ไร้พ่ายขั้นที่ 8""ไม่น่าเชื่อว่าราชครูผังจะฝึกได้ถึงระดับนี้" จริงๆราชครูผังติดต่อกับพรรคมารนี้มาหลายปีแล้วเขาเป็นผู้สนับสนุนหลักแก่พรรคมาร และเขาได้ร่วมมือกับภูติซ้ายช่วยให้เข้าไปอ่านคัมภีร์สวรรค์ไร้พ่ายในห้องลับและแอบฝึกมานานแล้ว แต่ประมุขพรรคมารกลับไปได้แค่ขั้นที่ 4 ในขณะที่เขาแอบฝึกจนสำเร็จไปถึงระดับ 8 ทุกคนรีบช่วยกันจับภูติซ้ายมัดไว้ ภูติซ้ายมีอาการเพ้อ "ข้า....ข้าขอโทษ.....ท่านประมุข"ทุกคนเฝ้าจดจ้องวิชากระบี่ระดับเทพสวรรค์ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ผ่านไปสักพักภูเขาก็หยุดสั่นและทุกอย่างก็เงียบสักพักผู้เฒ่าเจ้าสำนักกระบี่ขาวก็ประคองไป่เยว่หลิงลงมา เขาอยู่ในสภาพใกล้หลับเพราะหมดแรง กระบี่ขาวสมบัติประจำสำนักยังไม่หักหรือสลายเป็นฝุ่นผง (โชคดีแล้วนะ)เลี่ยหยางรีบเข้าไปอุ้มไป๋เยว่หลิง และหันไปถามผู้เฒ่าชรา"เกิดอะไรขึ้น?"ท่านผู้เฒ่าส่ายหน้า "ทั้งคู่พลังปราณหมด ใช้กระบวนท่าสุดท้ายไม่ไหว จึงต่างฝ่ายต่างหนี""คัมภีร์สวรรค์ไร้พ่ายล่ะ?"ผู้เฒ่าชราหยิบออกมา แต่มันขาดครึ่ง"ดาบแรกก่อนหน้านี้ฟันคัมภีร์ขาดครึ่ง ราชครูคว้าครึ่งแรกหนีไป
....จอมยุทธทุกคนตกใจ คุณชายไป๋คนนี้วิชาตัวเบาสูงส่งเหลือเกิน ยมฑูตโลหิตยิ้มดีใจ ในที่สุดข้าก็ได้เจอผู้ที่คู่ควรแก่ข้าแล้ว แล้วเสียงก็อึกทึก หัวหน้าพรรคฝ่ายธรรมะต่างตะโกนหาคุณชายไป๋ แต่เขาไม่สนใจพลิกอ่านตำรานั้นอย่างรวดเร็ว "นี่ของปลอม...""หลิงหลิงมือเจ้า!" ที่นิ้วมือมีสีเขียว คัมภีร์มีพิษ!แต่นั่นไม่ใช้ปัญหาสำหรับคุณชายไป๋ เขาเอาเข็มออกมาแทงตามจุดต่างๆของร่างกายอย่างรวดเร็ว เข็มหนึ่งเจาะฝ่ามือ และยกฝ่ามือไปทางภูติขวา ซัดพลังปราณปล่อยพิษใส่ภูติขวาโดนพิษนั้นจนใบหน้ากลายเป็นสีเขียวดิ้นทุรนทุรายเจ็บปวดด้วยพิษของตนเอง และตายในเวลาถัดมาทุกคนตะลึง ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก คุณชายชุดขาวคนนี้....ข้าว่าแล้วเขาต้องไม่ธรรมดา หัวหน้าสำนักกระบี่ขาวนึกในใจ"หลิงหลิง กลับมานี่ เร็วๆ" เลี่ยหยางตะโกนเรียกจากด้านหลังสุดแต่ไป๋เยว่หลิงไม่ไป เขามองไปทั่วห้องโถง และมองผุ้คุมกฎทั้ง 4 แล้วจึงตะโกนหาเลี่ยหยาง"เลี่ยหยาง หมุนแท่งโลหิตกลางห้อง"เลี่ยหยางรีบแทรกเข้ามาหมุน ส่วนเยว่หลิงกระโดดขึ้นไปเหยียบหัวผู้คุมกฎทั้ง 4 แรงๆจนพื้นมีแรงกระแทกใช่แล้วผู้คุมกฎทั้ง 4 ยืนตรงตำแหน่งกลไกไว้นั่นเองแล้วประตูห้องลับที
.....การเดินทางจากลั่วหยางไปกว่างโจว ถือเป็นเส้นทางยาวเหยียดผ่านทั้ง หุบเขา ลำน้ำ และแล้วก็มาถึงหุบเขาเซียงหยู เขตแดนที่ปกคลุมด้วยกลิ่นคาวเลือดของยุทธภพ นั่นคือ "หุบเขาเซียงหยู"หุบเขาเซียงหยูตั้งอยู่ระหว่างเขตแดนระหว่างลั่วหยางกับกว่างโจว เป็นหุบเขาที่แม้แต่พ่อค้าเกวียนหรือพรานป่าก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ผู้คนในละแวกนั้นเรียกขานมันว่าหุบเหวของเสียงคร่ำครวญ ยามค่ำคืนจะมีเสียงลมคล้ายเสียงคนร้องไห้ลอดออกมาจากซอกเขา บ้างว่าคือเสียงภูต บ้างว่าคือเสียงของเหล่าผู้ฝึกยุทธที่สิ้นชีพ ณ ที่แห่งนั้นหุบเขานี้ยาวราว 30 ลี้ ขนาบด้วยผนังหินสูงชันประดุจกำแพงสวรรค์ที่ผ่าลงจากเบื้องบน ยอดไม้โบราณสูงเทียมเมฆขึ้นแทรกอยู่ตามรอยแยกของหิน มอสสีเขียวและเถาวัลย์ปกคลุมราวกับม่านผืนยักษ์ที่ธรรมชาติขึงไว้ที่นี่เป็นที่ตั้งของ “สำนักกระบี่ขาว” และ “พรรคมารโลหิตคราม” ซึ่งสู้รบกันจนเลือดสาดหลายครั้งกลางช่องแคบหุบเขาเซียงหยู มีสะพานโบราณทอดข้ามเหวลึกในขณะที่ไป่เยว่หลิงและเลี่ยหยางกำลังเดินข้ามสะพานนั้น ก็มีจอมยุทธกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ที่ทางลงท้ายสะพาน"หยุด! ผู้ที่มาเป็นใคร?" จอมยุทธถือกระบี่สีขาวผู้เป็นหัวหน้าถาม"แหะๆ พ





![นายบำเรอของมาเฟีย [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

