Beranda / วาย / ดาบสังหาร (Sword of Annihilation) / เอ้า! นี่กระบี่ของเจ้า!

Share

เอ้า! นี่กระบี่ของเจ้า!

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-24 18:52:55

....ยามเช้าในตลาดคึกคักด้วยเสียงเรียกขายของของพ่อค้าแม่ค้า กลิ่นหอมของเกี๊ยวนึ่งร้อนและชาใหม่ลอยคลุ้งปะปนกับกลิ่นควันถ่าน ผู้คนพลุกพล่านขวักไขว่ ทั้งเด็กวิ่งเล่น ทั้งชาวบ้านหาบหามของ มอบชีวิตชีวาให้แก่เมืองแห่งนี้

ณ หน้าร้านตีเหล็กเลี่ยวหยาง  ไป๋เยว่หลิงยืนนิ่งรอร้านเปิด มือขวาถือปิ่นโตข้างในมีชามโจ๊กใส่เนื้อและผลไม้อยู่ ข้างเอวมีฝักกระบี่เปล่าห้อยเหน็บอยู่

แต่ยืนรออยู่หลายชั่วยามร้านตีเหล็กก็ไม่เปิด จนป้าขายหมูร้านข้างๆหันมาบอกว่า

"พ่อหนุ่ม ข้าว่าเจ้าเลี่ยหยางมันเมาไม่สร่างแน่ๆเลย มันก็ยังงี้แหละชอบออกไปกินเหล้ากับกลุ่มเพื่อนดึกๆดื่นๆ เดี๋ยวถ้ามันเปิดร้านแล้วข้าจะบอกให้ ท่านมาวันหลังเถอะนะ"

ไป๋เยว่หลิงรับฟัง จึงนำปิ่นโตให้ท่านป้า "ท่านป้าข้าฝากให้เขาด้วย" แล้วเขาก็เดินจากไป...

จริงๆเลี่ยงหยางแอบมองจากด้านในร้านผ่านช่องเล็กๆ 

"ไอ้หน้าหล่อนี่ ตื้อข้าจริง!"

"เอายังไงดีหัวหน้า เมื่อคืนก็ต้องยกเลิกเพราะมัน" ลูกน้องข้าง ๆ พูดกับเลี่ยหยาง

"เราล้างสกุลมัน ตอนนี้มันล่วงรู้เงามือของเรา ไม่ควรปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป..."

เลี่ยหยางพูดขัด "รอก่อน ข้าอยากดูมันอีกสักพัก"

ลูกน้องคนสนิทไม่พอใจ แต่ก็ไม่อยากขัดใจผู้เป็นนายจึงได้แต่นิ่งไป

เลี่ยหยางมองลอดรูไม้ดูไป๋เยว่หลิงค่อยๆเดินหายไปโดยไม่กระพริบตา

......ไป๋เยว่หลิงก้าวเท้าเข้าประตูใหญ่ของตระกูลไป๋ บ้านหลังใหญ่เงียบสงัดผิดกับภาพในอดีตที่เคยคึกคัก เสียงก้าวเท้าเขาดังก้องไปตามทางเดินไม้ยาว มุมมืดของบ้านยังมี ผ้าขาว แขวนตามเสาและขอบประตู ดำเนินพิธีไว้ทุกข์ให้คนภายนอกเห็นได้ชัดเจน

ในห้องโถงกลาง บ้านยังตั้งโต๊ะบูชาและป้ายวิญญาณของสมาชิกทุกคนที่ตายไปอยู่ตรงกลาง แผ่นไม้แกะสลักชื่อเรียงรายอย่างเรียบร้อย แม้ศพจะถูกฝังไปแล้ว แต่ตะเกียงวิญญาณยังถูกจุดไว้ไม่ให้ดับ เปลวไฟสั่นไหวราวกับมีลมหายใจลึกลับคอยพัดผ่าน

ไป๋เยว่หลิงมองไปที่โต๊ะบูชา มีผู้เฒ่าท่านหนึ่งกำลังอยู่ที่นั่น กลิ่นน้ำมันตะเกียง เสียงลมกระทบผ้าไว้ทุกข์ และแสงไฟที่ส่องบนป้ายวิญญาณ ทำให้เห็นใบหน้าชายผู้นี้ชัดเจน เป็นชายชราผมขาวนั่งอยู่หน้าโต๊ะบูชา ผิวพรรณเหี่ยวย่นแต่แววตายังเต็มไปด้วยความสง่าและความเคารพ เขาคือผู้แทนจากสกุลไป๋ตระกูลหลักที่เมืองหลวง กำลังคุกเข่าลงคำนับและตั้งจิตอธิษฐานต่อป้ายวิญญาณของตระกูลที่นี่

ไป๋เยว่หลิงเห็นดังนั้นก็ก้มคุกเข่าลงคำนับตามมารยาท แสดงความเคารพต่อผู้สูงอายุที่เป็นผู้แทนตระกูลหลัก จิตใจเคร่งขรึมและอ่อนโยน รู้สึกถึงความสำคัญของพิธีกรรมจีนโบราณและสายสัมพันธ์ระหว่างตระกูลย่อยกับตระกูลหลัก

“พ่อ แม่ พี่สาว น้องชาย…ร่างของเขายังมิทันเน่าเปื่อย เจ้ากลับไปเที่ยวหาความเพลิดเพลิน ณ สถานบันเทิง!"

"ช่างสมแล้วที่เป็นลูกชายของไอ้อัปยศนั่น! แค่มันตายไปก็ยังไม่เพียงพอที่มันทำให้สกุลไป่เสื่อมเสีย!”

แววตาเยว่หลิงเริ่มจมดิ่งลงสู่ความมืดและกดดัน 

"นังโสเภณีร่านราคะนั่น! แม่เจ้า! มันทิ้งบิดาเจ้า หนีไปผูกมัดตนกับบุรุษอื่น เจ้าก็สืบกมลนิสัยมักมากกามราคะจากนาง!!”

มือของเยว่หลิงกำหมัดจนสั่น ขบที่มุมปาก

"พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง เจ้าอุตส่าห์เมตตารับเลี้ยงเจ้า แทนที่จะอยู่แสดงความกตัญญูด้วยการนั่งจดบันทึกคุณความดีของพ่อแม่เลี้ยงเจ้าเพื่อให้ลูกหลานต่อ ๆ ไปรู้จัก"

ชายชราเดินมาถีบหน้าเยว่หลิงเต็มแรงจนเขาล้มลงกับพื้น

"ไอ้อกตัญญู!"

เยว่หลิงค่อยลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าต่อหน้าชายชราเช่นเดิมและก้มหน้า

ชายชรายังไม่หายโมโห เขาถอดรองเท้ามาตบหน้าหลายฉาดอย่างรุนแรง จนเยว่หลิงเลือดออกจากมุมปาก

เขายังคงนิ่ง ดวงตาราวกับไร้ชีวิต หยดเลือดสีแดงลงเปื้อนเสื้อสีขาวของเขา

ชายชราหมดแรง จึงเอ่ยปากว่า "ข้าได้ข่าวว่าเจ้าคือนักกระบี่อัจฉริยะ ถ้าเจ้าแสดงฝีมือให้ข้าเห็น ข้าจะยังไม่ตัดเจ้าออกจากสกุลไป๋"

แล้วชายชราก็เรียกบริวารเข้ามา เป็นชายกำยำถือกระบี่จริง 5 คนท่าทางดูเป็นนักกระบี่ที่มีฝีมือช่ำชอง

พวกมันล้อมหลินเซียนไว้รอบลานหินกลางบ้าน เยว่หลิงลุกขึ้นยืนในสภาพไร้ไฟชีวิต ชายชรากลับไปนั่งดูที่เก้าอี้

"เริ่มได้" ชายชราตะโกน

...ไป๋เยว่หลิงยืนอยู่กลางลาน ฝักกระบี่เปล่าในมือเหมือนไร้พลัง แต่แววตาของเขาเยือกเย็นราวน้ำแข็งในฤดูหนาว ชายถือกระบี่ทั้ง 5 คนรุมเข้ามาไป๋เยว่หลิงตาเลื่อนลอย เขาพลิกฝักกระบี่ในมืออย่างลื่นไหล ราวกับมันคือกระบี่จริง เสียงลมฟาดดังฉับพลันเมื่อฝักกระบี่เหินตัดอากาศ ชายคนแรกฟาดกระบี่เข้าที่หน้าอก เขาเพียงสะบัดฝักกระบี่ บังคับแรงลมให้กระบี่คู่ต่อสู้ กระเด็นตกพื้น

ชายคนที่ 2 พุ่งเข้าประชิด ฟันกระบี่ราวกับจะแทงทะลุหน้า เขาใช้ฝักกระบี่หมุนตัว ปลายฝักฟาดเข้าที่แขนคู่ต่อสู้ กระเด็นไปชนเพดานกำแพง จนกระบี่ร่วง

อีก 3 คนพยายามล้อม ทั้งโจมตีแบบซิกแซก แต่ฝักกระบี่เปล่าของเขา ทุกจังหวะก้าวเหยียบจังหวะหายใจของศัตรู พลิกตัว หมุนข้อมือ ทุกฝักกระบี่ที่ฟาดออกไปเหมือน สายน้ำตัดหิน

คนแรกลุกขึ้นมายืนรอจังหวะแล้วฟันเข้าแรงจนไป๋เยว่หลิงต้องถอย แต่เพียงเสี้ยววินาที เขาใช้ฝักกระบี่ ดันแรงลมย้อนกลับ ส่งชายคนนั้นล้มกระเด็นออกไปจนกระบี่หลุดมืออีกครั้ง

อีก 2 คนเข้าฟันกระชั้นติดกัน ฝักกระบี่ของเขาพลิ้วเหมือนเงา สอดประสาน จังหวะเดียวปลายฝักกระบี่แตะกระบี่ทั้งสองจนกระเด็นตกพื้นพร้อมเสียงโลหะกระทบ

เสียงลมและเสียงโลหะดังก้องกลางลาน เสียงหัวใจชายถือกระบี่เต้นแรงขึ้นทุกวินาที ฝักกระบี่เปล่าของไป๋เยว่หลิงเคลื่อนตัวเหมือน กระบี่จริงหนึ่งเล่มฟาดฟันพร้อมกันหลายทิศ

ในเวลาเพียงเสี้ยวลมหายใจ ชายถือกระบี่ทั้ง 5  ล้มกระเด็นไปตามมุมลาน กระบี่ร่วงกองกับพื้น ฝักกระบี่เปล่าในมือเขากลับอยู่ในมือโดยไม่สั่นแม้แต่น้อย

ชายชรานั่งดูที่เก้าอี้ด้วยคนตะลึง เด็กคนนี้คืออัจฉริยะผู้ถือกระบี่ในรอบ 100 ปีจริงๆ

“แม้มือว่างเปล่า หากใจเฉียบคมก็สามารถตัดฟ้าได้...”

ชายชราพยักหน้าบอกรหัสลับลูกน้องทั้ง 5 พวกมันหยิบถุงบางอย่างออกมาจากเอวแล้วเขวี้ยงใส่แยว่หลิงจากทุกทิศ 

เยว่หลิงใช้ฝักกระบี่ปัด ปรากฎว่ามันคือฝุ่นควันสมุนไพรบางอย่างที่ฟุ้งจนเยว่หลิยแสบจมูกแสบตามากจนน้ำตาไหลไม่หยุด หูอื้อ

ชายคนหนึ่งสบโอกาสฟาดกระบี่เข้าพร้อมกัน

....ทันใดนั้น! กระดูกหมูชิ้นใหญ่ถูกเขวี้ยงมาชนมือจนกระบี่หลุด

อีก 4 คนหันไปเจอกระดูกหมูขว้างใส่เต็มหน้า

"รีบๆกินซะ! ไอ้พวกสุนัข! กระดูกหมูเจ๊สี่นี่อร่อยที่สุดแล้ว!"

"ใคร???" ชายชรามองไปที่ประตูและตระโกนเสียงดัง

คนผู้นั้นเป็นชายวัย 17 ปี หน้าหล่อ อกใหญ่ กล้ามแขนกล้ามขาแน่น แต่งตัวด้วยชุดชาวบ้านโทรม ๆ มีผ้าโพกศรีษะสีแดง มือข้างหนึ่งถือผลไม้ใส่ปากกินอยู่

เยว่หลิงมองเลือนลาง แต่เขาจำผลไม้ที่เขาซื้อได้(เพราะเขาเลือกอยู่นาน) เขายิ้มที่มุมปาก นี่เป็นรอยยิ้มแรกของเยว่หลิงในหลายวันนี้

มืออีกข้างถือกระบี่ที่ไม่มีฝักพาดไหล่อยู่ ตัวคมกระบี่มันวาวดูแหลมคมยิ่งนัก

"ข้าซ่อมเสร็จแล้ว เอ้า!" เลี่ยหยางโยนกระบี่เข้าไปกลางวง 

ทันทีที่เยว่หลิงจับกระบี่ได้ เขาสูดลมหายใจ หลับตา ยืนนิ่ง รวบรวมลมปราณ

"พวกเจ้ารออะไรอยู่ รีบจัดการให้เด็ดขาด!" ชายชราตะโกนเสียงดัง

ชายถือกระบี่ทั้ง 5 คนรีบตั้งท่า พร้อมจะใช้ท่าไม้ตายของแต่ละคน และพุ่งเข้าหาไป๋เยว่หลิงพร้อม ๆ กัน

ไป๋เยว่หลิงจับฝักกระบี่ในมือขวาแน่น แววตาเยือกเย็นเหมือนกระจกสะท้อนความมืดในใจ เขาปล่อยพลังปราณออกมา เศษลมราวกับหมุนวนรอบตัวเอง เสียงซู่ดังขึ้นราวฟ้าผ่า กระบี่ถูกแรงปราณดันลอยขึ้น หมุนเวียนเป็นวงกลมจากด้านหลังร่าง กลับมาถือกระบี่ในมือซ้าย

แรงเหวี่ยงนั้นสะบัดตัดกระบี่ที่พุ่งเข้ามาหักขาดทั้งหมด ศัตรูทั้งหลายถอยกระเด็นไปตามแรงลม จนล้มกระแทกพื้นและกระอักเลือด

ราวกับจังหวะสัญชาตญาณจากสวรรค์ กระบี่หมุนวนจากมือขวาอ้อมลงสู่มือซ้ายของเขาอย่างนุ่มนวลและแม่นยำ แสงลมสะท้อนบนกระบี่ราวกับวงพระจันทร์

กลางวงแหวนกระบี่มีไป๋เยว่หลิงยีนอยู่นั้นราวกับเป็นเทพกระบี่จากสวรรค์ลงมาจุติบนโลก

นี่คือ "กระบี่จันทรา" ที่ไป๋เยว่หลิงคิดค้นขึ้นเอง

"งดงาม!" เลี่ยหยางถึงกับอ้าปากค้างจนผลไม้หล่นตกลงพื้น

ชายชราอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก เดินมาเตะลูกน้องทั้ง 5 คนโมโห แล้วรีบจ้ำเดินออกจากบ้านไปพร้อมลูกน้อง เขาเดินสวนกับเลี่ยหยางที่ยิ้มกวนๆให้ ชายชราด้วยความไม่พอใจจึงเอามือปิดจมูกและสถบออกมา "เหม็นสาปพวกชั้นต่ำ" แล้วเดินออกไป

....เมื่อเหลือกันอยู่แค่ 2 คนแล้ว เลี่ยหยางก็โบกมือ และหันหลังจะกลับ

"ช้าก่อน!" เยว่หลิงเรียก

"มีอะไรรึ?" เลี่ยหยางหันข้างมาถาม

"ป....เปล่า....ข...ข้า...." เยว่หลิงมีอาการเหนื่อย ไม่ใช่จากการต่อสู้ แต่เพราะฤทธิ์ผงสมุนไพรพิษเมื่อกี้ยังมีผลอยู่

"งั้นข้าไปล่ะ ขอบคุณ ๆ คุณชายมากนะขอรับที่ใช้บริการ"

แล้วเลี่ยงหยางก็เดินออกจากประตูไป ทิ้งไป่เยว่หลิงให้มองตามแผ่นหลังเขาจนบานประตูปิดลง....

.

.

.

.

ป.ล. จริงๆเยว่หลิงจะถามเลี่ยหยางว่าผลไม้ที่ข้าเลือกซื้อให้ เจ้าไม่ชอบเหรอ? ถึงกินไม่หมด...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   ออกเดินทาง

    ......เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งคู่ก้าวย่างเดินออกจากประตูเมืองทางตะวันออก พอพ้นมาได้นิดเดียวเยว่หลิงก็หันหน้ามามองเลี่ยหยาง "กว่างโจวไปทางไหน?"เลี่ยหยางเกาหัวแกร่กๆ "ก็ต้องลงใต้ ถ้าจะเดินทางบนบกจากตรงนี้ก็ต้องไปลั่วหยางก่อน แล้วผ่านลงไปเรื่อยๆถึงเมืองฉางซา เลยไปอีกก็ถึงกว่างโจวละ""แต่...ถ้าเจ้าอยากไปทางน้ำเราอาจต้องอ้อมหน่อยไปทางตะวันออกเพื่อขึ้นเรือที่ท่าเรือหางโจวแล้วจึงลงใต้"เยว่หลิงมองหน้าอย่างเฉยชา เลี่ยหยางคิดในใจ "ให้ตรูตัดสินใจแทนอีกแล้วชิมิ""ถ้าเจ้าอยากกินซุปน้ำแกงและอาหารดอกโบตั๋น (ใช้ดอกไม้ในอาหาร) รวมถึงงานเลี้ยงรื่นเริงที่เสิร์ฟอาหารเยอะๆ 10-20 อย่าง ก็ลั่วหยาง""แต่...ถ้าเจ้าอยากกินปลามังกรน้ำใสตุ๋น, เนื้อหมูตงพอ และชาหลงจิ่ง และเจอพวกนักกลอนกวีเยอะๆ ก็ต้องหางโจว"เลี่ยอยางเอามือแตะที่ท้องบางๆของเยว่หลิง "ถามทาเถี่ย(สัตว์ในตำนานยุคโบราณ)ในท้องเจ้าดูว่ามันอยากกินอะไร?"เยว่หลิงมองหน้าอย่างเฉยชาเช่นเดิม เลี่ยหยางถอนหายใจแรง"งั้นก็ไปลั่วหยาง! เฮฮาดี ข้าเกลียดพวกกวีตุ๊งติ้ง" ว่าแล้วเลี่ยหยางก็เดินนำเลย โดยมีเยว่หลิงเดินตามหลังต้อยๆ.....เดินทางมาสักพักทั้งคู่ก็มาถึงที่ราบกว้า

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) ค่ำคืนสุดท้ายที่ฉางอัน...

    ...คืนนี้เรือนพักเงียบสงบ มีเพียงแสงจากตะเกียงน้ำมันส่องวูบวาบไหวบนโต๊ะไม้ แสงนั้นทอดลงบนหน้าอกแน่นๆของเลี่ยหยาง เขาร้อนมากจึงถอดเสื้อออก เปลือยเปล่าท่อนบน กล้ามเนื้อไหล่และเแผ่นอกตึงแน่นมองเห็นได้ชัดเจน มีเหงื่อบางๆไหลซึมตามผิวอก และกล้ามท้องซิกแพ็คแน่น ๆ ของเขาเยว่หลิงอดไม่ได้ที่จะแอบดูรูปร่างอันเซ็กซี่นั้น จนเลี่ยหยางสังเกตุเห็น"อากาศว่าร้อนแล้ว แต่สายนั้นของเจ้าร้อนยิ่งกว่าอีกนะ หลิงหลิง"เลี่ยหยางยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาเยว่หลิง ใบหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจประสานกัน ริมฝีปากแทบจะแตะต้องกัน เยว่หลิงถอยไปจนพิงขอบประตู"หลิงหลิงเจ้าก็ถอดบ้างสิ ร้อนซะขนาดนี้"เลี่ยหยางใช้มือขวาแกะเสื้อเยว่หลิงออก จนเสื้อแหวกออกทำให้เห็นหน้าอกแล้วซิกแพ็คลีนๆของเยว่หลิง ผิวที่ขาวเนี่ยนละเอียดนั่นพอต้องแสงตะเกียงแล้วมันช่างสว่างในที่มืดเสียจริง ราวกับปุยนุ่น เลี่ยหยางกลืนน้ำลายดังอึ่ก เขาอดใจไม่ได้ที่จะใชเปลายนิ้วสัมผัสผิวขาวออร่านั้น เขาใช้ปลายนิ้วสัมผัสค่อยๆไล่จากหน้าอกลงมาถึงใต้สะดือนิดหน่อย"ผิวเจ้านี่นุ่มดีจัง มีกลิ่นหอมนิดๆด้วย" เขาเผลอพูดออกไป เยว่หลิงเอามือจับหน้าอกแน่นๆของเลี่ยหยางคืน "อกเจ้าก็ชุ

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) คำอธิษฐานแห่งดวงดาว

    .....เช้าวันนี้เลี่ยหยางชวนเยว่หลิงไปไหว้ศาลเจ้าเทพแห่งดาวดาวซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของนครฉางอัน ศาลแห่งนี้สูงสง่า ประตูไม้ทาสีดำสนิท สลักลายกลุ่มดาวนับพัน เสมือนจักรวาลทั้งปวงถูกรวมไว้ในบานประตูเดียว ภายในศาลเจ้า เงียบสงัด มีเพียงกลิ่นธูปลอยคลุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า บนเพดานมีการวาดดาวฤกษ์เป็นจุดแสงทองคำ เมื่อจุดตะเกียงน้ำมันยามค่ำคืน จะระยิบระยับราวกับท้องฟ้าแท้จริงผู้คนเชื่อว่า หากมากราบไหว้จะได้รับการปกปักคุ้มครองจากเทพเจ้าแห่งดวงดาว ให้เดินทางปลอดภัย และชะตาชีวิตรุ่งเรืองทั้งสองประนมมือไหว้ แล้วเดินชมรอบ ๆ เลี่ยหยางชวยเยว่หลิงเขียนป้ายคำอธิษฐานแขวนไว้ในศาลเจ้า(ฉีหย่วนไผ๋)เหมือนคนอื่น ๆ ที่เขียนหอยแขวนไว้มากมายหลายพันชิ้น เยว่หลิงไม่ได้สนใจแต่ไม่อยากขัดเลี่ยอยางจึงนำแผ่นไม้หอมมาเขียนคำอธิษฐานโดยเลี่ยหยางไปเชื่อนักพรตในศาลเจ้าจ่ายเงินซื้อหยดหมึกผสมน้ำฟ้า(หมึกพิเศษผสมแร่เงิน) ซึ่งจะทำให้แสงจันทร์สะท้อนเป็นประกายเงิน คล้ายป้ายเรืองแสงยามราตรีได้ เสร็จแล้วทั้งคู่ก็นำไปแขวนไว้ที่เสาศิลาแกะสลักรูปดาว"เราใช้หมึกพิเศษ พอตกกลางคืนเมื่อแสงตะเกียงและแสงดาวตกกระทบ ป้ายพวกเราจะสะท้อนแสงวิบวับราวกับ

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) ในคืนจันทร์เพ็ญ

    ....คืนนั้นแสงจันทร์สาดส่องลงมาบน สวนดอกท้อของโรงแรม ดอกสีชมพูอ่อนร่วงโปรยปรายตามทางเดิน เสียงลมพัดผ่านกิ่งไม้ประสานกับเสียงน้ำในสระเล็กที่ถูกลมเย็นๆพัดจนเกิดเป็นระลอกคลื่นจาง ๆ สร้างบรรยากาศเงียบสงบและโรแมนติกเยว่หลิงและเลี่ยหยาง นั่งบนก้อนหินที่วางอยู่ใต้ต้นท้อ โต๊ะเล็กวางไหสุราเสียน กลิ่นหอมของข้าวหมักผสมสมุนไพรลอยอบอวลในอากาศเลี่ยหยางรินสุราลงจอก ดวงตาเปล่งประกายสะท้อนแสงจันทร์บนกลีบดอกท้อ เขายกจอกขึ้นจิบ รสเข้มขมแรกแต่กลับหวานนุ่มลึกในลำคอ ส่วนเยว่หลิงแก้มเดาเพราะเมาสุราเล็กน้อย เขาเป่าขลุ่ยเสียงช่างไฟเราะแก่ผู้ฟังยิ่งนัก จนเจ้าแมวขาวประจำโรงแรมเข้ามานอนที่ตักเลี่ยหยางนอนฟังเสียงดนตรี“สุรานี้ช่างหอมเยี่ยงกลิ่นบุปผาในยามราตรี” “แต่สุขที่แท้… มิใช่รสสุรา หากคือผู้ร่วมจอกตรงหน้า” เลี่ยหยางมองหน้าเยว่หลิงด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็เมานิด ๆ สุภาษิตจีนว่าเหล้าดีหนึ่งจอก ดีกว่าทองพันชั่ง หากดื่มกับมิตรแท้ใต้เงาดอกท้อนั้นทั้งสองดื่มด่ำความสุขเรียบง่ายดั่งปุถุชนสามัญทั่วไปแล้วจู่ๆก็มีกู่เจิง(เครื่องดนตรีประเภทสายของจีน)ดังสมทบขึ้น เสียงขลุ่ยและกู่เจิงนั้นเข้ากันได้อย่างดี ฟังดูยิ่งไพเร

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) ท่านต้องเลือก

    .....เมืองเริ่มกลับมาเป็นปกติ ร้านค้าหลาย ๆ ร้านกลับมาเปิดดังเดิม เลี่ยหยางและเยว่หลิงหลังกินโจ๊กร้อนในตลาดช่วงเช้าตรู่กันไปแล้ว คุณชายไป๋ยังอยากเดินหาของกินเพิ่มอีก ทำไมมันกินเยอะขนาดนี้ ตัวก็ผอม ๆ ลีน ๆ ท้องเจ้าหมอนี่ต้องมีทาเถี่ย(สัตว์ในตำนานยุคโบราณ)อยู่จริง ๆ นั่นแหละคุณชายไป๋หยุดที่ร้านขายฮู่ปิ่ง(พิซซ่าโบราณ) มันเป็นแป้งอบแบนโรยงาด้านบน เยว่หลิงนอกจากจะซื้อแล้วยังขอเข้าไปดูว่าเขาทำยังไงอีกด้วยพอออกมาเขาก็เดินไปซื้อเจียวจื่อ ซึ่งเป็นซาลาเปาห่อไส้ รสชาติที่กัดลงไปนั้นมีเครื่องเทศจากด่านแดน(เอเชียกลาง)อยู่ด้วย มันดูแปลกใหม่กว่าซาลาเปาที่อื่นจริง ๆ สมแล้วที่เป็นเมืองแห่งเส้นทางสายไหมสำคัญที่มีหลากหลายชาติพันธุ์อยู่ที่นี่ผลไม้ก็เช่นกัน ลูกอินทผาลัมแห้ง หรือแม้แต่อแปริคอตเชื่อมก็มี แต่ราคาแพงพอสมควร ซึ่งไม่เป็นปัญหากับคุณชายกระเป๋าหนักสกุลไป๋เลยแม้แต่น้อย เขากินทุกอย่างที่เขาอยากกิน ทั้งคู่เดินตลาดกันจนถึงเกือบเที่ยง "กลับที่พักกันเถอะหลิงหลิง เจ้าเดินกินมานานแล้วนะ ข้าเดินจนเมื่อยแล้ว"แล้วเลี่ยหยางก็แอบเห็นใครสักคนกำลังวิ่งหลบเข้าไปในมุมตึก เขาคือนักฆ่ากลุ่มเจ๊แพะตุ๋นนั่นเองเล

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) เพื่อบะหมี่ซานซี

    .....ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในงานเทศกาลโคมนั้นทำให้ทั้งเมืองฉางอันวุ่นวายกันไปเป็นสัปดาห์ ร้านค้าที่เคยคึกคักก็ไม่กล้าเปิด ทหารก็เดินตรวจตรากันหนาแน่น เลี่ยหยางนั่งเซ็ง ๆ อยู่ที่หน้าต่างในโรงแรมมองดูถนนด้านล่าง"เซ็ง เซ็ง เซ็งโว้ย!"แล้วเยว่หลิงก็เดินเข้ามาใกล้ เขาจับชายเสื้อเลี่ยหยางอยากมีเลศนัย"ข้า....อยากกินบะหมี่ซานซี..." เยว่หลิงกลืนน้ำลายยลงคอดังอึก เนื่องจากเขาเป็นคนผอมสูงอยู่แล้ว เห็นลูกกระเดือกชัดเจน เวลาเขากลืนน้ำลายยิ่งทำให้เห็นการเคลื่อนไหวที่คอนั้นชัดเจนเลี่ยหยางถอนหายใจ "เห้ออออ หลิงหลิง เจ้าก็ดูสิ ร้านอร่อยตรงโน้น ๆ ๆ ๆ มันปิดหมดเลยอ่ะ ข้าก็จนปัญญาจะพาเจ้าไปกิน รออีกหน่อยได้ป่าว?"เลี่ยหยางรีบเตือนเยวหลิงก่อนเลยว่า "แล้วเจ้าอย่าโดดขึ้นไปยอดหอคอยอีกนะ ทหารเต็มไปหมดแบบนี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นไปกินข้าวในคุกเอาง่าย ๆ"เยว่หลิงทำปากเบ้ใส่ แววตาเคืองอย่างชัดเจน ทำเอาเลี่ยหยางยิ่งถอนหายใจใหญ่"ท่านลุงช่วงนี้ก็ต้องอยู่นิ่ง ๆ ไปก่อนยังไปติดต่อท่านไม่ได้..."เยว่หลิงทำสายตาน้อยใจ เลี่ยหยางมองดวงตาคู่นั้นพรางนึกในใจ นี่ข้าไม่ต่างจากมารดาเจ้าหลิงหลิงเลย ต้องเอาอกเอาใจดูแลทุกอย่าง ยังก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status