Share

ของรักของข้า

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-24 18:57:12

....เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดแรกเพิ่งสาดผ่านกลุ่มควันเตาถ่าน ร้านตีเหล็กของเลี่ยหยางยังคงมีเสียงค้อนกระทบเหล็กดังกังวาน ตึง! ตึง! ตึง! ทว่าเสียงนั้นกลับถูกกลบด้วยเสียงเกราะเหล็กกึกก้องย่ำพื้นดินเป็นจังหวะ พริบตาเดียว หน้าร้านก็ถูกทหารติดอาวุธครบมือหลายสิบคนล้อมแน่น

เลี่ยหยางสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก แต่ใบหน้าเขาพยายามนิ่งเฉย ไม่ให้เห็นความคิดข้างในใจ

"ตามข้ามา!"

เลี่ยหยางทำสัญญาณมือบอกลูกน้องของเขาเองที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านว่าห้ามเคลื่อนไหว

เสียงโซ่เหล็กกระทบกัน กรุ๊งกริ๊ง… ดังสะท้อนออกมา มีเจ้าหน้าที่ 2 นายก้าวเข้ามาจับแขนเลี่ยหยางบิดไพล่หลัง แล้วใช้โซ่ล่ามรัดแน่นจนเส้นเอ็นปูดโปน เลี่ยหยางยังคงนิ่ง สายตาคมเย็นไม่ไหวติง 

ทหารกดบ่าของเขา บังคับให้ก้าวเดินต่อหน้าผู้คนในตลาด ผู้คนแตกตื่นแห่กันมามุงดู บางคนซุบซิบด้วยความหวาดกลัว บางคนเพียงยืนนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ภาพช่างตีเหล็กที่เคยส่งเสียงหัวเราะยียวนกลับถูกลากไปดั่งนักโทษโฉด มันเหมือนฟ้าผ่าลงกลางเมือง

พวกเจ้าหน้าที่พาเขาฝ่าฝูงชน ก้าวเข้าสู่ถนนใหญ่ที่มุ่งตรงไปยังว่าการอำเภอ เสียงกลองยามดัง ตึง…ตึง…ตึง คล้ายประกาศให้ทั้งเมืองรู้ว่าวันนี้มีคนถูกจับฐานก่อเหตุใหญ่

เลี่ยหยางถูกลากเข้าห้องสอบสวนของว่าการอำเภอ ความเย็นของหินอัดใต้ฝ่าเท้าและกลิ่นน้ำมันหมึกโบราณฉุนเข้าจมูก ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกบีบอัดอยู่กลางกำแพงเหล็ก

ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้น สายตาก็หยุดชะงัก ตาเฒ่านั่น....ผู้อาวุโสตระกูลไป๋จากเมืองหลวงที่เพิ่งปรากฏตัวเมื่อวานนั่งอยู่เคียงข้างนายอำเภอ

ใบหน้าเหี่ยว ๆ แก่ ๆ นั่นยังคงแฝงรอยแค้นของเมื่อวานไว้เต็มเปี่ยม เลี่ยหยางเพียงถอนหายใจเบา ๆ และร้องอ๋อออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ราวกับสะท้อนความคุ้นเคย

นายอำเภอเริ่มตั้งข้อหาใส่ร้ายเลี่ยหยางหลากหลายเรื่อง ตั้งแต่ยุ่งเกี่ยวกับเหตุอื้อฉาวในตลาด ไปจนถึงกล่าวหาว่าเขาเป็นภัยต่อความสงบของเมือง เสียงคำกล่าวร้านพวกนั้นฟังเหมือนค้อนทุบลงบนกระดูก เลี่ยหยางจึงหัวเราะออกมา และหัวเราะเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับคนบ้าที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว

ทำให้ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ขมวดคิ้ว “เจ้าคนนี้…ช่างบังอาจนัก...ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ”

นายอำเภอหันหน้าไปรับทราบ แล้วหันมาสั่งให้เจ้าหน้าที่ตบปากเลี่ยหยางทันที ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2…เลือดแดงสดกระเด็นลงพื้น เหมือนน้ำหมึกบนกระดาษเก่า แต่เลี่ยหยางกลับยิ้มเยาะ เขาถุยน้ำลายเลือดนั้นลงพื้นและยิ้มเยาะด้วยท่าทีไม่เกรงกลัว

เสียงนายอำเภอหัยมามองผู้อาวุโสตระกูลไป๋ที่ทำหน้าไม่พอใจ เขาจึงหันมาสั่ง

“โปยมัน… 40 ไม้!”

เลี่ยหยางถูกไม้กระทบหลังเขาเป็นจังหวะ เสียง ตึง! ตึง! ตึง! ดังสนั่นจนชาวบ้านทุกคนที่มายืนดูหลับตาไม่กล้ามอง แต่เลี่ยหยางกลับนอนตัวตรง ไม่ร้องสักแอะ  และยิ้ม ซอกฟันมีแต่เลือด ดวงตาคมสั่นระริกแน่วแน่ 

เลือดแดงสดผสมกับฝุ่นลาน กลายเป็นภาพสัญลักษณ์ของความท้าทายต่ออำนาจ 

นายอำเภอสั่งด้วยเสียงกังวาน “นำมันแขวนที่ลานกลางเมือง…7 วัน! ให้ทุกคนได้จดจำว่าการไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง จะจบเช่นไร!”

เจ้าหน้าที่ 2 นายช่วยกันยกเลี่ยหยางลากไปที่ลานกลางเมืองและยกขึ้นผูกไว้กับเสากลางลาน ใช้โซ่รัดร่างเขาแน่น แขวนกลางแจ้ง ผู้คนด้านล่างที่ยืนดูต่างช็อก สักพักก็เริ่มแห่กันมาดู บ้างซุบซิบ บ้างตื่นกลัว บ้างยืนก้มหน้า

นายอำเภอและผู้อาวุโสตระกูลไป๋ยืนยิ้มเยาะคู่กันอย่างสะใจ

....ทันใดนั้น ท้องฟ้าเมฆคล้อยราว เลี่ยหยางมองบนฟ้า และเงาร่างหนึ่งพุ่งลงมาอย่างรวดเร็วจากด้านบน เบื้อหลังเป็นดวงอาทิตย์ ช่างแสบตา ราวกับเขาลงมาจากสรวงสวรรค์

....ไป๋เยว่หลิง!...

ฝูงชนกรีดร้องด้วยความดีใจโดยเฉพาะสาวๆ ทหารที่ยืนอยู่รีบยกดาบและหอกขึ้นเตรียมจับกุม แต่สายตาของนายอำเภอสั่งห้าม ทุกคนจึงเก็บอาวุธอย่างไม่เต็มใจ 

ดวงตาไป๋เยว่หลิงจับจ้องโซ่ใหญ่ที่รัดเลี่ยหยางไว้ มือที่ถือกระบี่ของเขานั้นฟาดฟันลงไปที่โซ่ ประกายแสงไฟเหล็กกระทบเหล็กสะท้อนเต็มกลางลาน

แต่...โซ่ใหญ่เกินกว่าที่กระบี่บาง ๆ จะตัดขาดได้ ทุกครั้งที่กระบี่ปะทะ เสียงโลหะดังก้องเหมือนฟ้าผ่ากลางเมือง

“คุณชาย…ไม่เป็นไร ข้าซึ้งน้ำใจท่านแล้ว พอได้แล้ว....” 

แต่ไป๋เยว่หลิงไม่สนใจคำพูดเลี่ยหยาง ใบหน้าทั้งดุทั้งเย็น มือที่จับกระบี่ยังคงฟันโซ่ต่อไป จนในที่สุดกระบี่ก็ทนไม่ไหวแตกหักเป็น 2 ท่อน เสียงกระบี่หักสะท้อนไปทั่วลาน

เขาไม่หยุด ยังคงฟันต่อไปด้วยกระบี่หัก มือเริ่มชุ่มไปด้วยเลือด แต่สายตาไม่วอกแว่ก 

ฝูงชนเงียบกริบ ทุกคนจับจ้องด้วยความตื่นตะลึง 

เลี่ยหยางมองไป๋เยว่หลิง น้ำตาคลอเล็กน้อยแต่ปากยังยิ้ม

“คุณชาย…พอเถอะ”

ทันใดนั้นก็มีมีดอีโต้หั่นหมูลอยขึ้นมาที่ลานตรงที่เยว่หลิงยืน

“เจ้าหนู…ใช้นี่!”

เป็นป้าร้านขายหมูที่เลี่ยหยางมักแซวพุงอ้วนๆของเธอทุกวัน

ไป๋เยว่หลิงจับอีโต้ขึ้นมาและฟันลงไปแรง ๆ หลายครั้งที่โซ่นั้นจนมันเริ่มบิ่น

เสียงโลหะดัง กรุ๊ง…กร๊ง… ออกเป็นจังหวะ ทุกการฟัน ทุกแรงสะท้อนความมุ่งมั่นและความดื้อรั้นของเขา

ในที่สุดอีโต้ก็หมดสภาพ บิ่นจนใช้งานไม่ได้

"เจ้าหนูใช้ขวานนี่!!" 

ลุงผ่าฟืนที่เลี่ยหยางมักตีก้นเขาตอนเขากำลังโก่งโค้งผ่าฟืน ชายร่างใหญ่เดินถือขวานขึ้นไปที่ลานด้วยท่าทางทรนง

เยว่หลิงรับขวานนั้น แต่ขวานนั้นหนักมาก ร่างผอมบางของเขาแกว่งยกมันแทบไม่ไหว

ทันใดนั้นขอทานเด็กคนหนึ่งก็วิ่งขึ้นไป เด็กน้อยใช้มือเล็ก ๆ จับมือเยว่หลิง "หนูช่วยพี่ค่ะ"

เขาคือคนที่เลี่ยหยางชี้ช่องให้ขโมซาลาเปาตอนเจ้าของร้านร้านทุกวันๆ (จริง ๆ เลี่ยหยางแอบเอาเงินจ่ายค่าซาลาเปาให้ทุกครั้ง)

ทีนี้ทั้งลุง ป้า ผู้ชาย ผู้หญิง ต่างขึ้นไปช่วยเยว่หลิงเต็มไปหมด ทั้งช่วยกันจับมือเยว่หลิงยกขวาน ทั้งวิ่งไปเอาเสียม จอบ มีดทำครัวตัวเองขึ้นไป 

แม้แต่พวกนางโลมก็ถอดปิ่นปักผมมาช่วยกระเทาะ ...ทุกคนช่วยกันทำลายโซ่ จนในที่สุดมันก็ขาด เยว่หลิงเข้าไปประคองเลี่ยวหยาง ชาวบ้านต่างโห่ร้องดีใจ 

นายอำเภอไม่กล้าทำอะไรเพราะมีมวลชนจำนวนมากได้แต่ทำปากเจ่อ ๆ  ผู้อาวุโสตระกุลไป๋มองนายอำเภอด้วยสายตาเหยียดหยาม

"ชิ!" แล้วเขาก็เดินหนีไป นายอำเภอก็รีบเดินตาม ทหารทั้งหมดก็ตามหลังจากไป

.....คืนนั้นผู้อาวุโสไป๋นั่งรถม้าโดยมีองครักษ์คุ้มกัน 10 คนประกบ เพื่อเดินทางกลับเมืองหลวง

เมื่อออกจากเมืองมาได้สักพัก ถึงบริเวณป่าที่ทางเปลี่ยว ก็มีชายชุดขาวคนหนึ่งยืนถือดาบขวางทางรถม้าอยู่ 

รถม้าของผู้อาวุโสไป๋หยุดกึกทันที เสียงล้อไม้กระทบหินดังก้องป่า ชายชุดขาวยืนเด่น มือขวาจับดาบยาว

องครักษ์ทั้งหมดชักดาบเตรียมต่อสู้ และเมื่อเมฆเคลื่อนตัวออกแสงจันทร์ก็ส่องมาที่ใบหน้าชาวชุดขาว

"ไป๋เยว่หลิง??"

ผู้อาวุโสไป๋รีบออกมาจากรถเพื่อดู เขาคือเจ้าเด็กเยว่หลิงไม่ผิดแน่ แต่...แววตาเย็นชานั่น ...ไอสังหารนั่น ด้วยประสบการณ์ เขาตัดสินใจทันที

"ฆ่ามัน!" 

องครักษ์ทั้งหมดกรูกันเข้าไปรุมไป๋เยว่หลิง มือถือดาบทุกคน แต่ไป่เยว่หลิงยังคงยืนนิ่ง แผ่นดินใต้เท้าสั่นสะเทือนราวคลื่นสายฟ้า ดวงตาเขาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของศัตรูทั้ง 10

ดาบที่ 1.... ไป๋เยว่หลิงเหินขึ้นด้วยวิชาตัวเบา ฟาดดาบอย่างรวดเร็วราวลมพายุ เสียง ฟิ้ววว… ดังตัดขาดแม้แต่ลม เขาสับองครักษ์คนแรกขาดครึ่ง ร่างแบะลงกับพื้นโดยไม่ทันตั้งตัว

ดาบที่ 2 .....ไป๋เยว่หลิงหมุนตัว ดาบฟาดเฉียงตัด 2 องครักษ์ที่พุ่งเข้ามา ร่างพวกเขาหมุนไปตามแรงเหวี่ยง กระเด็นกระแทกต้นไม้ โดนกิ่งไม้เสียบตาคาที่ทั้งคู่ 

ดาบที่ 3, 4, 5 .....เขาฟันต่อเนื่อง แต่ละองครักษ์ที่เข้ามา ไม่ทันได้ยกดาบฟันสกัด ดาบของไป๋เยว่หลิงเฉือนร่างพวกเขาขาดราวกับหั่นเต้าหู้  3 คนถูกแทงตัดขั้วหัวใจ อีกคนโดนฟันคอขาดกระเด็น เยว่หลิงสะบัดหยดเลือดออกจากดาบ โดยไม่กระพริบตาเลยสักนิด

3 องครักษ์ที่เหลือหันหน้ามองกันแล้วเข้าพร้อมกัน เยว่หลิงใช้ท่าเพลงดาบวงพระจันทร์ที่เขาได้แสดงไปเมื่อวาน แต่ครั้งนี้มันแตกต่าง มันไม่ใช่แค่สวยงาม แต่มันรวดเร็วและรุนแรงมาก แรงขนาดได้ยินเสียงลมถูกตัดขาด ร่างของทั้ง 3 คนขาดครึ่ง เลือดพุ่งสยดสยอง

แค่ 6 กระบวนท่า เขาปลิดชีพองครักษ์ฝีมือดีตาย 10 ศพ กลางป่าคืนนี้ มีนักดาบอัจฉริยะยืนอยู่ ฝีมือของเขานั้นเข้าขั้นปรมาจารย์ไปตั้งนานแล้ว ราวกับเทพสงครามลงมาจากสวรรค์ด้วยตัวเอง

เขาแค่ปิดบังความสามารถไว้ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น (ขนาดปิดบังทุกคนยังบอกว่าเขาคืออัจฉริยะ)

....ผู้อาวุโสไป๋ยืนนิ่งบนรถม้าและฉี่ราด ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและหวาดกลัวสุดขีด

“น…นี่ไม่ใช่ลูกหลานสกุลไป๋…มันปีศาจในร่างมนุษย์!”

ไป๋เยว่หลิงค่อย ๆ ลากปลายดาบอาบเลือดนั้นเดินเข้ามาจนถึงรถม้า เขายืนตรง ลมหายใจเรียบสงบ ดาบยังชุ่มเลือด

อากาศในป่าแม้จะเย็นยะเยือก แต่...สายตานั่นเขาเย็นชายิ่งกว่า ราวกับไม่มีความรู้สึกของมนุษย์หลงเหลืออยู่แล้ว

"ห....หลานข้า....ไม่สิ!....ท่านเซียน ...ได้โปรด ละเว้นข้า"

"เห็นแก่ที่ข้าเคยเลี้ยงดูบิดาของท่านในวัยเยาว์ ได้โปรดไว้ชีวิตข้า" ผู้อาวุโสหมอบกราบคำนับเยว่หลิงอย่างน่าสมเพช

เยว่หลิน ใช้มือเข้าไปช่วยประคองท่านผู้อาวุโสให้เงยหน้าขึ้น ผู้อาวุโสยิ้มดีใจ

"อ๊ากกก!"

ปลายดาบเฉือนหูผู้อาวุโสทีละข้างจนหมด

"นี่คือสิ่งตอบแทนที่ท่าน......หยามบิดาข้า..."

"อ...อย่า....ข้าขอร้อง....ได้โปรด"

เยว่หลินบีบปากดึงลิ้นเขาออกมาแล้วเฉือนลิ้นทิ้ง จนผู้อาวุโสเลือดเต็มปาก 

"นี่ที่ท่าน......หยามมารดาข้า..."

ไม่พอเยว่หลินเฉือนจมูกออกอีกด้วย

ผู้อาวุโสทรมานมาก ทั้งดิ้นอย่างเจ็บปวด ทั้งร้องแต่เสียงที่ออกมานั้นไม่ใช่ภาษามนุษย์เพราะเขาไม่มีลิ้น!!

"ท่านดมกลิ่นตัวเขานานเกินไป… ข้าจึงทำให้จมูกนี้ไม่มีโอกาสดมอะไรได้อีกตลอดชีวิต" 

"ของรักของข้า...(หมายถึงเลี่ยหยาง)"

เยว่หลิงควักห่อสมุนไพรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าที่เอว แล้วจับมันกรอกใส่ปากผู้อาวุโสจนหมด

"แต่ข้าจะไม่ฆ่าท่าน"

"ท่านจะกลายเป็นเพียงศพที่มีชีวิต ยานี่จะทำให้ท่านเป็นอัมพาตขยับได้แค่ลูกตาไปจนสิ้นอายุขัย"

ผู้อาวุโสไป๋เบิกตากว้าง น้ำตาไหลพราก ก่อนจะหมดสติไปเพราะเยว่หลินเขาเข็มแทงจุดที่ทำให้สลบ

ไป๋เยว่หลิน นำเข็มที่เหลือและยาออกมา เข็มส่วนหนึ่งฝังที่

1. บนมือ ระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ 

2. ใต้เข่า 

3. บริเวณข้างปีกจมูกหรือใกล้โหนกแก้ม 

เพื่อชะลอและห้ามเลือด โดยทุกการฝังเข็มเขาถ่ายพลังปราณของตัวเองลงไปด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ส่วนเข็มอีกเล่มที่เหลือเขานำสุราราดลงบนเข็ม แล้วใช้ไหมแทนด้ายเย็บแผลที่หู ปาก และจมูกให้อย่างปราณีต พร้อมทายารักษาชั้นเลิศให้อีกด้วย ก่อนจะนำผ้าขาวสะอาดมาปิดแผลให้ แล้วอุ้มผู้อาวุโสกลับขึ้นไปนอนบนรถ พลางตบม้าให้วิ่งไปตามทางข้างหน้า

ดาบที่ไป๋เยว่หลินถือถูกนำไปโยนทิ้งที่หน้าผาสูงชัน เขาเผาชุดที่เปื้อนเลือด แล้วเปลี่ยนชุดขาวอีกชุดที่เตรียมไว้บนอานม้า

ซึ่งเขาผูกม้าไว้ต้นไม้ในมุมหนึ่งของป่า แล้วก็ขึ้นขี่ควบม้ารีบกลับมาที่บ้านสกุลไป๋

เลี่ยหยางนอนหลับอยู่ที่นั่น หลังของเขามีแผลจากการถูกโบยจนเนื้อหลุดลอกไปแต่รับการทายารักษาแล้ว เขาหลับสนิทด้วยควันยาผ่อนคลาย

เยว่หลิงค่อยๆ เดินอย่างเงียบ ๆ มาอยู่ข้างๆ เลี่ยหยาง ภายใต้แสงตะเกียงเล็กๆ นั้น เขานั่งเฝ้าโดยมองหน้าเลี่ยหยางอยู่ทั้งคืน......

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   ออกเดินทาง

    ......เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งคู่ก้าวย่างเดินออกจากประตูเมืองทางตะวันออก พอพ้นมาได้นิดเดียวเยว่หลิงก็หันหน้ามามองเลี่ยหยาง "กว่างโจวไปทางไหน?"เลี่ยหยางเกาหัวแกร่กๆ "ก็ต้องลงใต้ ถ้าจะเดินทางบนบกจากตรงนี้ก็ต้องไปลั่วหยางก่อน แล้วผ่านลงไปเรื่อยๆถึงเมืองฉางซา เลยไปอีกก็ถึงกว่างโจวละ""แต่...ถ้าเจ้าอยากไปทางน้ำเราอาจต้องอ้อมหน่อยไปทางตะวันออกเพื่อขึ้นเรือที่ท่าเรือหางโจวแล้วจึงลงใต้"เยว่หลิงมองหน้าอย่างเฉยชา เลี่ยหยางคิดในใจ "ให้ตรูตัดสินใจแทนอีกแล้วชิมิ""ถ้าเจ้าอยากกินซุปน้ำแกงและอาหารดอกโบตั๋น (ใช้ดอกไม้ในอาหาร) รวมถึงงานเลี้ยงรื่นเริงที่เสิร์ฟอาหารเยอะๆ 10-20 อย่าง ก็ลั่วหยาง""แต่...ถ้าเจ้าอยากกินปลามังกรน้ำใสตุ๋น, เนื้อหมูตงพอ และชาหลงจิ่ง และเจอพวกนักกลอนกวีเยอะๆ ก็ต้องหางโจว"เลี่ยอยางเอามือแตะที่ท้องบางๆของเยว่หลิง "ถามทาเถี่ย(สัตว์ในตำนานยุคโบราณ)ในท้องเจ้าดูว่ามันอยากกินอะไร?"เยว่หลิงมองหน้าอย่างเฉยชาเช่นเดิม เลี่ยหยางถอนหายใจแรง"งั้นก็ไปลั่วหยาง! เฮฮาดี ข้าเกลียดพวกกวีตุ๊งติ้ง" ว่าแล้วเลี่ยหยางก็เดินนำเลย โดยมีเยว่หลิงเดินตามหลังต้อยๆ.....เดินทางมาสักพักทั้งคู่ก็มาถึงที่ราบกว้า

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) ค่ำคืนสุดท้ายที่ฉางอัน...

    ...คืนนี้เรือนพักเงียบสงบ มีเพียงแสงจากตะเกียงน้ำมันส่องวูบวาบไหวบนโต๊ะไม้ แสงนั้นทอดลงบนหน้าอกแน่นๆของเลี่ยหยาง เขาร้อนมากจึงถอดเสื้อออก เปลือยเปล่าท่อนบน กล้ามเนื้อไหล่และเแผ่นอกตึงแน่นมองเห็นได้ชัดเจน มีเหงื่อบางๆไหลซึมตามผิวอก และกล้ามท้องซิกแพ็คแน่น ๆ ของเขาเยว่หลิงอดไม่ได้ที่จะแอบดูรูปร่างอันเซ็กซี่นั้น จนเลี่ยหยางสังเกตุเห็น"อากาศว่าร้อนแล้ว แต่สายนั้นของเจ้าร้อนยิ่งกว่าอีกนะ หลิงหลิง"เลี่ยหยางยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาเยว่หลิง ใบหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจประสานกัน ริมฝีปากแทบจะแตะต้องกัน เยว่หลิงถอยไปจนพิงขอบประตู"หลิงหลิงเจ้าก็ถอดบ้างสิ ร้อนซะขนาดนี้"เลี่ยหยางใช้มือขวาแกะเสื้อเยว่หลิงออก จนเสื้อแหวกออกทำให้เห็นหน้าอกแล้วซิกแพ็คลีนๆของเยว่หลิง ผิวที่ขาวเนี่ยนละเอียดนั่นพอต้องแสงตะเกียงแล้วมันช่างสว่างในที่มืดเสียจริง ราวกับปุยนุ่น เลี่ยหยางกลืนน้ำลายดังอึ่ก เขาอดใจไม่ได้ที่จะใชเปลายนิ้วสัมผัสผิวขาวออร่านั้น เขาใช้ปลายนิ้วสัมผัสค่อยๆไล่จากหน้าอกลงมาถึงใต้สะดือนิดหน่อย"ผิวเจ้านี่นุ่มดีจัง มีกลิ่นหอมนิดๆด้วย" เขาเผลอพูดออกไป เยว่หลิงเอามือจับหน้าอกแน่นๆของเลี่ยหยางคืน "อกเจ้าก็ชุ

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) คำอธิษฐานแห่งดวงดาว

    .....เช้าวันนี้เลี่ยหยางชวนเยว่หลิงไปไหว้ศาลเจ้าเทพแห่งดาวดาวซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของนครฉางอัน ศาลแห่งนี้สูงสง่า ประตูไม้ทาสีดำสนิท สลักลายกลุ่มดาวนับพัน เสมือนจักรวาลทั้งปวงถูกรวมไว้ในบานประตูเดียว ภายในศาลเจ้า เงียบสงัด มีเพียงกลิ่นธูปลอยคลุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า บนเพดานมีการวาดดาวฤกษ์เป็นจุดแสงทองคำ เมื่อจุดตะเกียงน้ำมันยามค่ำคืน จะระยิบระยับราวกับท้องฟ้าแท้จริงผู้คนเชื่อว่า หากมากราบไหว้จะได้รับการปกปักคุ้มครองจากเทพเจ้าแห่งดวงดาว ให้เดินทางปลอดภัย และชะตาชีวิตรุ่งเรืองทั้งสองประนมมือไหว้ แล้วเดินชมรอบ ๆ เลี่ยหยางชวยเยว่หลิงเขียนป้ายคำอธิษฐานแขวนไว้ในศาลเจ้า(ฉีหย่วนไผ๋)เหมือนคนอื่น ๆ ที่เขียนหอยแขวนไว้มากมายหลายพันชิ้น เยว่หลิงไม่ได้สนใจแต่ไม่อยากขัดเลี่ยอยางจึงนำแผ่นไม้หอมมาเขียนคำอธิษฐานโดยเลี่ยหยางไปเชื่อนักพรตในศาลเจ้าจ่ายเงินซื้อหยดหมึกผสมน้ำฟ้า(หมึกพิเศษผสมแร่เงิน) ซึ่งจะทำให้แสงจันทร์สะท้อนเป็นประกายเงิน คล้ายป้ายเรืองแสงยามราตรีได้ เสร็จแล้วทั้งคู่ก็นำไปแขวนไว้ที่เสาศิลาแกะสลักรูปดาว"เราใช้หมึกพิเศษ พอตกกลางคืนเมื่อแสงตะเกียงและแสงดาวตกกระทบ ป้ายพวกเราจะสะท้อนแสงวิบวับราวกับ

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) ในคืนจันทร์เพ็ญ

    ....คืนนั้นแสงจันทร์สาดส่องลงมาบน สวนดอกท้อของโรงแรม ดอกสีชมพูอ่อนร่วงโปรยปรายตามทางเดิน เสียงลมพัดผ่านกิ่งไม้ประสานกับเสียงน้ำในสระเล็กที่ถูกลมเย็นๆพัดจนเกิดเป็นระลอกคลื่นจาง ๆ สร้างบรรยากาศเงียบสงบและโรแมนติกเยว่หลิงและเลี่ยหยาง นั่งบนก้อนหินที่วางอยู่ใต้ต้นท้อ โต๊ะเล็กวางไหสุราเสียน กลิ่นหอมของข้าวหมักผสมสมุนไพรลอยอบอวลในอากาศเลี่ยหยางรินสุราลงจอก ดวงตาเปล่งประกายสะท้อนแสงจันทร์บนกลีบดอกท้อ เขายกจอกขึ้นจิบ รสเข้มขมแรกแต่กลับหวานนุ่มลึกในลำคอ ส่วนเยว่หลิงแก้มเดาเพราะเมาสุราเล็กน้อย เขาเป่าขลุ่ยเสียงช่างไฟเราะแก่ผู้ฟังยิ่งนัก จนเจ้าแมวขาวประจำโรงแรมเข้ามานอนที่ตักเลี่ยหยางนอนฟังเสียงดนตรี“สุรานี้ช่างหอมเยี่ยงกลิ่นบุปผาในยามราตรี” “แต่สุขที่แท้… มิใช่รสสุรา หากคือผู้ร่วมจอกตรงหน้า” เลี่ยหยางมองหน้าเยว่หลิงด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็เมานิด ๆ สุภาษิตจีนว่าเหล้าดีหนึ่งจอก ดีกว่าทองพันชั่ง หากดื่มกับมิตรแท้ใต้เงาดอกท้อนั้นทั้งสองดื่มด่ำความสุขเรียบง่ายดั่งปุถุชนสามัญทั่วไปแล้วจู่ๆก็มีกู่เจิง(เครื่องดนตรีประเภทสายของจีน)ดังสมทบขึ้น เสียงขลุ่ยและกู่เจิงนั้นเข้ากันได้อย่างดี ฟังดูยิ่งไพเร

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) ท่านต้องเลือก

    .....เมืองเริ่มกลับมาเป็นปกติ ร้านค้าหลาย ๆ ร้านกลับมาเปิดดังเดิม เลี่ยหยางและเยว่หลิงหลังกินโจ๊กร้อนในตลาดช่วงเช้าตรู่กันไปแล้ว คุณชายไป๋ยังอยากเดินหาของกินเพิ่มอีก ทำไมมันกินเยอะขนาดนี้ ตัวก็ผอม ๆ ลีน ๆ ท้องเจ้าหมอนี่ต้องมีทาเถี่ย(สัตว์ในตำนานยุคโบราณ)อยู่จริง ๆ นั่นแหละคุณชายไป๋หยุดที่ร้านขายฮู่ปิ่ง(พิซซ่าโบราณ) มันเป็นแป้งอบแบนโรยงาด้านบน เยว่หลิงนอกจากจะซื้อแล้วยังขอเข้าไปดูว่าเขาทำยังไงอีกด้วยพอออกมาเขาก็เดินไปซื้อเจียวจื่อ ซึ่งเป็นซาลาเปาห่อไส้ รสชาติที่กัดลงไปนั้นมีเครื่องเทศจากด่านแดน(เอเชียกลาง)อยู่ด้วย มันดูแปลกใหม่กว่าซาลาเปาที่อื่นจริง ๆ สมแล้วที่เป็นเมืองแห่งเส้นทางสายไหมสำคัญที่มีหลากหลายชาติพันธุ์อยู่ที่นี่ผลไม้ก็เช่นกัน ลูกอินทผาลัมแห้ง หรือแม้แต่อแปริคอตเชื่อมก็มี แต่ราคาแพงพอสมควร ซึ่งไม่เป็นปัญหากับคุณชายกระเป๋าหนักสกุลไป๋เลยแม้แต่น้อย เขากินทุกอย่างที่เขาอยากกิน ทั้งคู่เดินตลาดกันจนถึงเกือบเที่ยง "กลับที่พักกันเถอะหลิงหลิง เจ้าเดินกินมานานแล้วนะ ข้าเดินจนเมื่อยแล้ว"แล้วเลี่ยหยางก็แอบเห็นใครสักคนกำลังวิ่งหลบเข้าไปในมุมตึก เขาคือนักฆ่ากลุ่มเจ๊แพะตุ๋นนั่นเองเล

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) เพื่อบะหมี่ซานซี

    .....ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในงานเทศกาลโคมนั้นทำให้ทั้งเมืองฉางอันวุ่นวายกันไปเป็นสัปดาห์ ร้านค้าที่เคยคึกคักก็ไม่กล้าเปิด ทหารก็เดินตรวจตรากันหนาแน่น เลี่ยหยางนั่งเซ็ง ๆ อยู่ที่หน้าต่างในโรงแรมมองดูถนนด้านล่าง"เซ็ง เซ็ง เซ็งโว้ย!"แล้วเยว่หลิงก็เดินเข้ามาใกล้ เขาจับชายเสื้อเลี่ยหยางอยากมีเลศนัย"ข้า....อยากกินบะหมี่ซานซี..." เยว่หลิงกลืนน้ำลายยลงคอดังอึก เนื่องจากเขาเป็นคนผอมสูงอยู่แล้ว เห็นลูกกระเดือกชัดเจน เวลาเขากลืนน้ำลายยิ่งทำให้เห็นการเคลื่อนไหวที่คอนั้นชัดเจนเลี่ยหยางถอนหายใจ "เห้ออออ หลิงหลิง เจ้าก็ดูสิ ร้านอร่อยตรงโน้น ๆ ๆ ๆ มันปิดหมดเลยอ่ะ ข้าก็จนปัญญาจะพาเจ้าไปกิน รออีกหน่อยได้ป่าว?"เลี่ยหยางรีบเตือนเยวหลิงก่อนเลยว่า "แล้วเจ้าอย่าโดดขึ้นไปยอดหอคอยอีกนะ ทหารเต็มไปหมดแบบนี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นไปกินข้าวในคุกเอาง่าย ๆ"เยว่หลิงทำปากเบ้ใส่ แววตาเคืองอย่างชัดเจน ทำเอาเลี่ยหยางยิ่งถอนหายใจใหญ่"ท่านลุงช่วงนี้ก็ต้องอยู่นิ่ง ๆ ไปก่อนยังไปติดต่อท่านไม่ได้..."เยว่หลิงทำสายตาน้อยใจ เลี่ยหยางมองดวงตาคู่นั้นพรางนึกในใจ นี่ข้าไม่ต่างจากมารดาเจ้าหลิงหลิงเลย ต้องเอาอกเอาใจดูแลทุกอย่าง ยังก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status