ฟางซินเย่ยังคงนอนนิ่งอย่างกำลังใช้ความคิด ฮวาอิงหลงหันไปมองเขาด้วยความครุ่นคิดเช่นเดียวกัน หลังจากนางยอมพลีกายให้เขาเชยชมจนสมใจ ทว่าท่าทีของเขากลับไม่เป็นที่น่าพอใจนัก เขาดูไม่ได้ยินดียินร้ายกับนางอีกเลย
ฮวาอิงหลงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ นางไม่มีวันยอมแพ้เป็นแน่ ดาราสาวสวยอย่างนางจะยอมให้เขาเด็ดดมแล้วทิ้งขว้างได้อย่างไรกัน
ฮวาอิงหลงพลิกกายพร้อมยกมือขึ้นโอบกอดร่างหนา ใบหน้าแนบชิดไปที่แผงอกใหญ่อย่างออดอ้อน มือเรียวบางเลื่อนไล้ไปตามหน้าอกอย่างเอาใจ
“ท่านแม่ทัพ อิงเอ๋อร์รับใช้ท่านได้ดีหรือไม่” ฮวาอิงหลงพูดเสียงหวานออกมาพร้อมส่งสายตาเว้าวอน
ฟางซินเย่หรี่ตามองฮวาอิงหลงอย่างพิเคราะห์อีกหน “ข้าก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะมาไม้ไหนกันแน่” เขาได้แต่คิดในใจพร้อมแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“เจ้าคิดว่าข้าควรพอใจหรือไม่” ฟางซินเย่ถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมกระชับร่างบางเข้าแนบกับร่างกายของเขาอีกครั้ง
ฮวาอิงหลงถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบที่น่าหงุดหงิดเช่นนี้ ก่อนจะปรับสีหน้ายิ้มหวานออกมาเท่าที่นางจะยิ้มได้ “ท่านแม่ทัพช่างอารมณ์ขันนัก หากท่านพูดเช่นนี้ ข้าคงต้องขอแก้ตัวอีกสักหนแล้วกัน”
ฮวาอิงหลงไม่เพียงพูดเปล่า นางยกตัวขึ้นคร่อมฟางซินเย่อีกหน ก่อนจะจ้องมองเขาด้วยดวงตาทอประกาย ฮวาอิงหลงได้แต่นึกโกรธขึ้งอยู่ในใจ หากนางต้องการพิชิตใจท่านแม่ทัพคนนี้ นางต้องลงทุนแปลงร่างเป็นแม่เสือสาวพราวเสน่ห์เลยหรืออย่างไร
ฮวาอิงหลงโน้มหน้าเข้าจุมพิตริมฝีปากบางอีกหน จูบครั้งนี้นางลงทุนยั่วเย้าอย่างหนัก บ้างก็รุกเร้ารุนแรง บ้างก็ผ่อนปรนถอยห่างออกมา ทำเอาฟางซินเย่ถึงกับครางออกมาอย่างขัดเคือง
ฮวาอิงหลงยกยิ้มขึ้นอย่างได้ที นางจูบไล้ลงตามซอกคอก่อนจะเคลื่อนลงมายังแผงอก ลิ้นร้อนเลียไล้ปุ่มปมที่แข็งนูนขึ้นมา อีกทั้งสองมือยังคงเลื่อนไล้มือบางไปตามร่างหนาไม่หยุด ปากบางยังคงครอบครองปุ่มปมข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็บีบเม้มถูไถปุ่มปมอีกข้างอย่างเป็นจังหวะ พร้อมส่งมือบางอีกข้างหนึ่งเคลื่อนลงมาถูไถแท่งร้อนที่ตอนนี้แข็งชันขึ้นมาอีกครั้ง
“อ่า...” ฟางซินเย่ถึงกับครางออกมาอย่างลืมตัว ฮวาอิงหลงรุกไล้จุดอ่อนไหวของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขาแทบระเบิดออกมา
ฮวาอิงหลงตั้งใจรุกฆาตแม่ทัพใหญ่ตรงหน้าในคราวเดียว นางจึงเคลื่อนกายลงต่ำ ริมฝีปากยังคงลากไล้ตามร่างบางไม่หยุด ไล่จากแผงอกเคลื่อนลงมาตรงหน้าท้องหนาที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนกายลงมาหยุดตรงแท่งร้อน ฮวาอิงหลงปรายตาขึ้นมองฟางซินเย่อีกครั้ง ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนแท่งร้อนอย่างแผ่วเบา ลิ้นร้อนเลียวนไปมา สลับกับดูดกลืนเข้าไปปาก มือบางลูบไล้ต้นขาอย่างเป็นจังหวะสอดรับกัน
“อ่า...เจ้า...” ฟางซินเย่ถึงกับกัดริมฝีปากแน่น เสียงครางดังลอดออกมาจากไรฟัน เขาเสียวซ่านไปกับสัมผัสอันวาบหวามที่ฮวาอิงหลงปรนเปรอให้ไม่หยุด มือใหญ่ดึงรั้งร่างบางขึ้นมาอย่างไม่อาจข่มกลั้น
ฮวาอิงหลงเคลื่อนตัวขึ้นตามมือหนาพร้อมบดเบียดร่างบางเข้าหาเขาอย่างแนบชิด “ท่านแม่ทัพ ต้องการข้าหรือไม่” ฮวาอิงหลงกระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงหวานล้ำ
“เจ้ามันปีศาจชัดๆ” ฟางซินเย่คำรามออกมาพร้อมมองหน้าฮวาอิงหลงด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ฮวาอิงหลงยังคงยิ้มหวานให้ฟางซินเย่อย่างถือเป็นคำชมเชย นางกดร่างเข้ากับแก่นกายของเขาจนเนื้อประสานกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว
“อ๊ะ...” ฮวาอิงหลงรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาจากความไม่คุ้นชิน นางกัดริมฝีปากแน่นอย่างต้องการข่มความเจ็บปวดที่มี ก่อนจะค่อยๆ ขยับกายเคลื่อนขึ้นเคลื่อนลงเป็นจังหวะ
มือหนาของฟางซินเย่กอบกุมสะโพกบางไว้แน่น ร่างหนาหยัดกายขึ้นรับ พร้อมบังคับโยกคลึงร่างบางไปตามแรงกระแทกกระทั้น อารมณ์รักพุ่งทะยานทำให้เขาเร่งจังหวะโยกโคลนอย่างเอาแต่ใจ
“อ่า...ท่านแม่ทัพ...ข้าเสียว” ฮวาอิงหลงครางกระเส่า เมื่อจังหวะสอดประสานรุนแรงจนเกินกว่าที่นางจะควบคุม
“คุณหนูฮวา...ข้าใกล้แล้ว...อ๊ะ...” ฟางซินเย่ครางออกมาเมื่อเข้าใกล้จุดสูงสุด เขายกร่างบางขึ้น พร้อมกดกระแทกลงมาเข้าหาตัวเขาอีกครั้ง
“อ่า....” ทั้งสองร้องครางเสียงระงมเมื่อทั้งคู่แตะขอบรักสูงสุด น้ำขุ่นขาวพุ่งเข้าร่างบางจนเอ่อล้นออกมา
ฮวาอิงหลงซบกายลงบนลำตัวของฟางซินเย่อย่างเหนื่อยอ่อน นางหายใจหอบถี่อย่างคนกำลังขาดอากาศหายใจ
ฟางซินเย่ถอนหายใจออกมาเมื่อเขาถูกฮวาอิงหลงล่อลวงจนถึงฝั่งฝัน เขามองหน้าฮวาอิงหลงอย่างยากที่จะเข้าใจ
ความหวานชื่นที่นางมอบให้ทำเอาเขาแทบเป็นบ้าไปเสียได้ แต่ความโกรธเคืองในใจที่ยังคงติดตรึงก็ทำให้เขาไม่อาจยอมใจอ่อนให้นางได้เช่นกัน
ฮวาอิงหลงขยับกายลงนอนด้านข้างฟางซินเย่ ร่างบางก็ยังคงโผเข้ากอดเขาไว้แน่น “ท่านแม่ทัพ อิงเอ๋อร์ปรนนิบัติท่านเช่นนี้ ท่านพอใจหรือไม่เจ้าคะ” ฮวาอิงหลงรีบออดอ้อนเอาใจเขาอย่างหนัก นางต้องรีบชิงรุกก่อนที่อารมณ์ใคร่จะดับลง
ฟางซินเย่หรี่ตามองนางก่อนจะแสยะยิ้มออกมา “นับว่าไม่เลวทีเดียว คืนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว”
คำพูดของฟางซินเย่ ทำเอาฮวาอิงหลงถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหูตนเอง นางลงทุนลงแรงขนาดนี้ เขายังไม่ใจอ่อนให้นางอีก หากพ้นคืนนี้ไปใช่ว่านางจะมีโอกาสอีกเสียเมื่อไหร่กัน
ฮวาอิงหลงพยักหน้าพร้อมตีสีหน้าเศร้าสร้อย นางค่อยๆ ขยับกายลุกด้วยท่าทางที่ยากลำบาก มือน้อยค่อยๆ บรรจงคลุมเสื้อไว้แนบกายด้วยมือที่สั่นเทา
“เช่นนั้นท่านแม่ทัพโปรดพักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ” ฮวาอิงหลงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอที่สองตาแต่ควบคุมไม่ให้ไหลออกมาจนดูน่ารังเกียจ
ฮวาอิงหลงค่อยๆ ลุกจากเตียงด้วยท่าทางอ่อนแรง นางเดินออกไปได้เพียงสองสามก้าวก็ล้มพับลงกับพื้นอย่างน่าสงสาร
ฟางซินเย่ที่จ้องมองฮวาอิงหลงอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นนางล้มลงกับพื้น เขาก็ตื่นตกใจ ฟางซินเย่รีบตรงเข้าพยุงร่างบางเอาไว้ “เจ้าเป็นอะไร” เขาถามขึ้นมาด้วยความตระหนก
ฮวาอิงหลงปรายตาขึ้นมองหน้าฟางซินเย่ น้ำตาหยดลงจากปรายหางตาอย่างได้จังหวะพอดิบพอดี “ท่านแม่ทัพเคี่ยวกรำข้า จนแข้งขาข้าล้าไปหมดเจ้าค่ะ” นางหลุบตาต่ำพร้อมแสดงสีหน้าน้อยใจอย่างที่สุด
ฟางซินเย่ถึงกับกระแอมออกมาด้วยความกระดากใจ ก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นแนบอก พร้อมเดินกลับมายังเตียงนอนอีกครั้ง เขาค่อยๆ บรรจงวางร่างบางลงนอนราบอย่างแผ่วเบา “เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็นอนที่นี่แล้วกัน”
ฟางซินเย่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่เต็มปาก เขาล้มตัวลงนอนพร้อมหันหลังให้ฮวาอิงหลงในทันที
ฮวาอิงหลงมองปฏิกิริยาดังกล่าวอย่างรู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก นางผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะโผกายเข้าสวมกอดร่างหนาจากทางด้านหลัง “ขอบคุณท่านแม่ทัพที่เมตตาเจ้าค่ะ” ฮวาอิงหลงยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยล้าในที่สุด
บทที่ 72 เริ่มต้นวันใหม่ค่ำคืนอันเงียบสงบ แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างที่เปิดออกเล็กน้อย ลมพัดเบาๆ พาเอากลิ่นหอมของดอกเหมยที่บานสะพรั่งอยู่รอบจวนลอยมาแตะจมูก ภายในห้องนอนใหญ่ท่ามกลางแสงสลัวนั้น ฟางซินเย่นอนมองหน้าฮวาอิงหลงนอนคุดคู้อยู่บนเตียง นางดูน่าหลงใหลยิ่งขึ้นเมื่อแสงจันทร์ตกกระทบบนใบหน้าที่ผุดผาดฮวาอิงหลงยิ้มยั่วยวนเมื่อเห็นสายตาของฟางซินเย่ที่มองมาด้วยความปรารถนาอันเร่าร้อนที่ไม่อาจซ่อนเร้น“อิงเอ๋อร์...” ฟางซินเย่ยื่นมือขึ้นลูบไล้ไปตามลำแขนขาวก่อนจะไล่ลงมาตามลำตัวจนกระทั่งถึงหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมา “พ่อเจ้าต้องการแม่เจ้าเหลือเกิน เจ้าอนุญาตหรือไม่” ฟางซินเย่เพ้อออกมาด้วยเสียงกระเส่า เขาพูดไปพลางปรายตามองฮวาอิงหลงด้วยสายตากรุ้มกริ่มฮวาอิงหลงยิ้มเขินออกมาอย่างรู้ทัน นางโน้มตัวขึ้นเกยบนร่างหนาของฟางซินเย่ในทันที สองมือของฟางซินเย่ช้อนร่างบางขึ้นคร่อมตัวเขาอย่างระมัดระวังด้วยเกรงจะกระทบถึงบุตรในท้องฟางซินเย่หยัดกายขึ้นเล็กน้อยพร้อมสองมือที่ยังคงลูบไล้ไปตามหน้าอกอิ่มนูนของฮวาอิงหลงอย่างหลงใหล ลมหายใจเริ่มติดขัดขึ้นมาพร้อมกับปากที่เป่าลมร้อนออกอย่างต้องการสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ฮว
บทที่ 71 อำลาเมืองหลวงเสียงกลองและแตรสัญญาณดังกึกก้องไปทั่วบริเวณลานวังหลวง ขันทียกราชโองการขึ้นประกาศ “ฮ่องเต้มีราชโองการ ด้วยบุญบารมีของราชวงศ์โจวทำให้เชื้อพระวงศ์กลับคืนสู่ราชวงศ์ ข้าขอแต่งตั้งฟางซินเย่เป็นองค์ชายโจวซินเย่ แต่งตั้งฮวาอิงหลงเป็นพระชายาอ๋อง และแต่งตั้งเฉินเม่าเป็นองค์หญิงโจวเหยาหยาง จบราชโองการ” ฟางซินเย่โน้มรับราชโองการด้วยใบหน้าเรียบสงบ เผยให้เห็นความสง่าผ่าเผยอยู่ในที ในขณะที่ฮวาอิงหลงและเฉินเม่ากลับแสดงสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งเกร็งด้วยความตื่นเต้นกังวลกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ จากสาวใช้ในจวนแม่ทัพคนหนึ่งได้เป็นองค์หญิง ส่วนอีกคนได้เป็นพระชายาอ๋องช่างเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่งนักหลังเสร็จสิ้นการประกาศแต่งตั้งเฉินเม่าก็ได้ย้ายไปอยู่ที่จวนโจวหนานเอ๋อร์ ผู้เป็นมารดาของนาง ทว่าสำหรับฟางซินเย่นั้นกลับเลือกที่จะขอพำนักที่จวนแม่ทัพตามเดิมโจวหนานเอ๋อร์แม้จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจมากนัก แต่ก็ไม่ต้องการหักหาญน้ำใจของบุตรชาย นางจึงเพียงกำชับฮวาอิงหลงให้หมั่นไปเยี่ยมเยียนตนที่จวนให้บ่อยครั้งในช่วงบ่ายวันหนึ่ง ฟางซินเย่และฮวาอิงหลงเดินทางไปยังจวนฉางกงจู่ โจวหนานเอ๋อร์และเฉ
บทที่ 70 ลูกของข้าราชโองการถูกประกาศปล่อยตัวฟางซินเย่ในวันต่อมาโดยทันที ในที่สุดฟางซินเย่ก็ถูกปล่อยตัวหลังจากถูกคุมขังมาเป็นเวลาหลายวันเมื่อฟางซินเย่ได้รับอิสรภาพ เขาก้าวออกจากคุกด้วยความมุ่งมั่นและดวงตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึงฮวาอิงหลง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความถวิลหานาง ดั่งว่านี่คือการเดินทางที่ยาวนานที่สุดของชีวิตเขา“อิงเอ๋อร์...ข้าไม่ยอมสูญเสียเจ้าไปเป็นอันขาด” ฟางซินเย่กล่าวกับตนเองขณะที่ก้าวขึ้นม้าด้วยความกระตือรือร้น ก่อนจะพุ่งตรงไปยังจวนอ๋องเมื่อฟางซินเย่ถึงจวนอ๋อง เขาปรี่ตรงเข้าไปหาโจวอี้เสวียนในทันที สองมือกุมคอเสื้อของโจวอี้เสวียนอย่างไม่นึกหวั่นเกรงสิ่งใดอีกต่อไป ดวงตาแดงก่ำด้วยโทสะที่มี พร้อมกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงกัดฟันกรอด “อิงเอ๋อร์...อยู่ที่ใด”โจวอี้เสวียนหันมามองเขาด้วยดวงตาเย็นชา ใบหน้าของชายหนุ่มที่พรากหัวใจของหญิงสาวคนรักของตนไปทำให้เขานึกครึ้มอย่างจะกลั่นแกล้งฟางซินเย่อีกสักหน่อย โจวอี้เสวียนยิ้มเยาะขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ...เหตุใดข้าต้องตอบคำถามเจ้าด้วยเล่า”คำพูดยียวนทำเอาฟางซินเย่ถึงกับบันดาลโทสะ เขาง้างมือขึ้นเตรียมจะชกหน้าโจวอี้เสวียน แต่องครักษ์ข้างกายของโจวอ
บทที่ 69 ฝืนยอมรับในท้องพระโรงที่โอ่โถง บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียดและกดดัน โจวจางเย่วประทับอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าเข้มขรึมและดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว โจวอี้เสวียนที่ยืนหน้าเครียดอยู่ด้านข้าง ทั้งสองกำลังถกเถียงกันอย่างดุดัน“อี้เสวียน...เจ้าช่างบังอาจนัก เจ้ากล้าทำเรื่องเช่นนี้เพียงเพื่อสตรีนางเดียวอย่างนั้นหรือ” โจวจางเย่วชี้นิ้วไปยังโจวอี้เสวียนด้วยความเกรี้ยวกราดโจวอี้เสวียนยืนนิ่งเงียบแต่ดวงตาเต็มไปด้วยความดื้อรั้น “ข้าไม่มีทางเลือก ในเมื่อเสด็จพ่อมิทรงทำสิ่งใด เช่นนั้นข้าก็จำเป็นต้องหาทางของข้าเอง”“เจ้านี่ช่างโง่เขลายิ่งนัก” โจวจางเย่วแค่นเสียงออกมาด้วยความขัดเคืองใจ “ความรักของเจ้าทำให้เจ้าลืมเลือนความเป็นบุตรหลานแห่งราชวงศ์แล้วหรือ เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้ามีสถานะเช่นใด เจ้าลืมแล้วหรือว่าบัลลังก์แห่งนี้วันหน้าต้องเป็นของเจ้า เจ้ากลับผิดแผนชั่วเพื่อแย่งชิงภรรยาผู้อื่น เช่นนั้นต่อไปจะมีผู้ใดในแคว้นเคารพและนับถือเจ้า จะมีผู้ใดยอมรับใช้ถวายหัวให้กับเจ้า แม่ทัพฟางเป็นเสาหลักของแคว้น หากเจ้ากำจัดเขาทิ้ง เจ้าคิดหรือว่าบัลลังก์แห่งนี้จะมั่นคงอยู่ได้”โจวอี้เสวียนกัด
บทที่ 68 พบพานภายในห้องขังที่แสนอับชื้นและเหน็บหนาว เสียงกุญแจที่บานประตูคุกหลวงสะท้อนเสียงดังไปทั่ว ฟางซินเย่ที่นั่งพิงผนังหินเย็นเฉียบตาแดงก่ำมองดูหนังสือหย่าที่เพิ่งได้รับ มือของเขาสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ริมฝีปากแห้งผากเผยอเบาๆ ออกมาราวกับจะกล่าวคำใด แต่ทุกคำกลายเป็นเพียงเสียงหายใจที่ตัดรอน “อิงเอ๋อร์...” ฟางซินเย่พร่ำเอ่ยชื่อของฮวาอิงหลงออกมาด้วยดวงตาสั่นไหวที่คงความขมขื่นไว้ในห้วงแห่งความโศกเศร้า“อิงเอ๋อร์...เหตุใดต้องทำเช่นนี้เพื่อข้า” ฟางซินเย่คร่ำครวญออกมา ใบหน้าเปลี่ยนสีแดงก่ำราวกับเปลวเพลิงร้อนรุ่ม “เจ้ายอมแต่งงานกับโจวอี้เสวียนเพียงเพื่อรักษาชีวิตข้า...ข้าคือผู้ชายที่ไร้ค่าเพียงนี้เชียวหรือ...” เขาหัวเราะออกมาด้วยเสียงที่ขาดหายราวกับจะกลั้นไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา ความรันทดอดสูใจทำให้เขาถึงกับกุมหมัดขึ้นทุบผนังหิน เลือดไหลซึมออกมาหยดลงเป็นทางยาว ความเจ็บปวดของร่างกายกลับไม่อาจเทียบความเจ็บปวดภายในใจที่มีได้ในขณะที่บรรยากาศคุกขังอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง ภายในเฉินเม่าและเสี่ยวม่านกลับไม่อาจทนอยู่เฉยได้อีกต่อไป ความทุกข์ร้อนของพี่น้องร่วมสาบานเช่นฮวาอิง
บทที่ 67 แผนร้ายภายในโถงใหญ่ในจวนอ๋อง โจวอี้เสวียนที่หน้าตาเคร่งเครียดยืนอยู่อย่างหัวเสีย ความหงุดหงิดก่อตัวภายในใจที่นึกไว้ใจคนที่ไม่ได้เรื่องเช่นเฉินเฉียวเหยา หากนางไม่ไร้ความสามารถเช่นนี้โอกาสที่เขาจะกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจอย่างฟางซินเย่ย่อมเห็นเป็นรูปร่างมากขึ้น ข้าวของถูกปาแตกกระจายด้วยโทสะที่คุกรุ่นอยู่ภายใน เขาก้าวเดินวนไปมาอย่างต้องการใช้ความคิดสักครู่หนึ่งโจวอี้เสวียนตะโกนเรียกองครักษ์คนสนิทเข้ามา “พวกเจ้าจงไปทำตามที่ข้าสั่งให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้” โจวอี้เสวียนออกคำสั่งด้วยเสียงเข้มขรึม ดวงตาคมเข้มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่รู้จักพ่ายแพ้องครักษ์ค้อมศีรษะรับคำสั่งทันที “ขอรับท่านอ๋อง”โจวอี้เสวียนเหม่อมองออกไปภายนอกห้องด้วยความคิดอันแยบยล หากแผนการแรกผิดพลาด เขาย่อมต้องมีแผนที่สองเตรียมรับมือไว้เป็นแน่ผ่านไปเพียงไม่ถึงเดือน กองกำลังทหารของโจวอี้เสวียนก็เข้าปิดล้อมจวนแม่ทัพอย่างรวดเร็ว ฟางซินเย่เดินอย่างอาจหาญออกมาเผชิญหน้าเหล่าทหารของโจวอี้เสวียน โดยมีเหล่าทหารกองทัพของฟางซินเย่ยืนประจัญบานเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี“แม่ทัพฟางซินเย่ ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้ตรวจค้นจวนของท่าน โปรดใ