Home / โรแมนติก / ดีลลับ หมอมาเฟีย / บทที่ 3 ทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ!

Share

บทที่ 3 ทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ!

last update Huling Na-update: 2025-04-02 18:32:39

[Danica’s part]

แม่เจ้าโว้ยยยย ทำไมเจ๊หวานไม่บอกฉันก่อนว่าคุณคามินทร์และน้องชายของเขานั้นหล่อมากกกก หล่อลากดินชนิดที่ว่าดาราเกาหลียังต้องชิดซ้าย ฉันไม่เคยพบเคยเจอความหล่อระดับนี้มาก่อนในชีวิต...

เอ่อ...ถ้านับชีวิตฉันที่เจอผู้คนน้อยถึงน้อยมากอะไรพวกนั้นน่ะนะ

แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ใบหน้าคมเข้มของเขานั้นเกลี้ยงเกลาอย่างกับไม่รู้จักคำว่ารูขุมขน คิ้วดกดำหนากำลังดี ดวงตาเรียวยาวทว่ากลับซ่อนความอบอุ่นเอาไว้ในนั้นบอกไม่ถูก จมูกโด่งเป็นสันตามแบบฉบับลูกครึ่ง ริมฝีปากก็บางเฉียบเป็นสีชมพูระเรื่อมองแล้วอยากจะพุ่งเข้าไปจับจุ๊บให้รู้แล้วรู้รอด แม้ว่าหน้าเขาจะเหมือนกับคุณคามินทร์อย่างกับแกะ แต่กลับมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันหยุดจ้องเขาไม่ได้เลย

แล้วไหนจะรูปร่างสูงโปร่งเหมือนต้นไม้ใหญ่ให้พึ่งพิงของเขา มันทำให้หัวใจฉันเผลอเต้นแรงไปวูบหนึ่งยามที่จ้องมอง แล้วมันก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้งเพราะคำถามของเขา

“แล้วนี่...ทำอะไรเป็นบ้างล่ะเรา?”

การที่เขาถามแบบนี้นั่นหมายความว่าเขาจะเคลมฉันแล้วจริงๆ ใช่ไหม ตายล่ะ ฉันไม่ได้ถามเจ๊น้ำหวานเลยว่าแล้วทำได้ไหม แต่ปกติต้องไม่ได้สิ ฉันเป็นพนักงานระดับล่างที่ทำได้แค่บริการทั่วไป เอนเตอร์เทนแขก ชงเหล้า ทำให้แขกสนุกสนานในระหว่างที่กินดื่ม ถ้าจะได้รับอนุญาตให้ขายร่างกายนั่นต้องได้รับการเทรนจากเจ๊ก่อน

“หนูไม่รับแขกค่ะ”

ฉันบอกออกไปตามตรง ทว่าคนตรงหน้ากลับมองหน้าฉันนิ่ง ไม่รู้ว่าเขากำลังพอใจหรือไม่พอใจ ฉันเลยต้องรีบพูดต่อ

“คือว่าหนูไม่ได้รับอนุญาตให้มีอะไรกับแขกค่ะ แต่อย่างอื่นทำได้หมดเลยนะคะ”

ฉันกลั้นใจพูดออกไปด้วยความเขินอายนิดๆ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองต้องมาพูดอะไรแบบนี้ แต่ทันทีที่ได้ยินเขากลับกอดอกแล้วพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“แล้วคิดว่าตัวเองขึ้นมาที่นี่ทำไม?”

ท่าทางของเขาทำให้ฉันทำอะไรไม่ถูก อย่าบอกนะว่าเขากำลังจะโกรธแล้วไล่ฉันออกไปนอกห้อง ทำอย่างนั้นไม่ได้นะ เจ๊น้ำหวานบอกว่างานนี้ค่าตอบแทนสูง และฉันมีโอกาสได้ทิปหลักหมื่นจากเขา ไม่ว่าจะต้องใช้ไม้ไหนฉันเองก็ต้องอยู่ในห้องนี้ต่อให้ได้

ฉันยกมือขึ้นพนมตรงหน้า ก่อนจะไหว้ปลกๆ พร้อมทั้งแร๊พสิ่งที่เตรียมจะพูดออกมาจนหมดในไม่กี่วินาที

“นะ...หนูขอโทษจริงๆ ค่ะคุณนาวินทร์ หนูไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร แต่ปล่อยหนูไปเถอะนะคะ หนูมาทำงานเพราะอยากได้เงิน หนูมีแม่ที่ต้องดูแล ท่านเป็นโรคร้ายต้องใช้เงินเยอะมากๆ หนูคิดว่าขึ้นมาตรงนี้ต้องได้เงินเยอะแน่ๆ หนูไม่ได้ตั้งใจจะหลอกคุณแต่หนูทำได้ทุกอย่างจริงๆ ยกเว้นเรื่องนั้น...”

ฉันจำเป็นต้องหยุดพูดสักสามสี่วิเพื่อสูดหายใจเข้าปอดหลังจากรัวคำพูดจนเกือบขาดใจตาย ตอนนี้ร่างกายมันร้อนแข่งกับแอร์ภายในห้องนี้ที่เย็นเฉียบ เหงื่อก็แตกพลั่กเพราะกำลังลุ้นกับท่าทีของคนตรงหน้า

“...ดังนั้น...คุณไม่ไล่หนูไปได้ไหมคะ?”

ถ้าพูดขนาดนี้แล้วเขายังไม่ใจอ่อนก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เขาเป็นหมอนี่นา จริงไหม อย่างที่ฉันได้ยินเมื่อกี้ คนเป็นหมอก็ต้องใจดีมีเมตตาสิ

ทว่าเขากลับแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดเสียงกลั้วหัวเราะ

“นี่เธอ คิดว่าฉันเป็นคนแบบไหนกันแน่ฮะ”

“คะ? กะ...ก็ เป็นน้องชายของคุณคามินทร์...” ไม่ได้สิ ถ้าฉันตอบออกไปแบบนี้รับรองถูกไล่ออกไปแน่ เอาใหม่ๆ “คือว่า คุณนาวินทร์เป็นคนที่หล่อมากๆ ค่ะ หน้าตาดีที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลย แล้วก็ดูนิสัยดี อบอุ่น น่าจะเป็นคนดีนะคะ”

“เธอมองคนว่าเป็นคนดีแค่เพราะเขาหน้าตาดีเหรอ?”

“อ่า...” ไม่ใช่เหรอวะ ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วไหม

แต่ไม่ได้ ฉันมาที่นี่เพื่อเงิน จะมาตอบอะไรตามใจไม่ได้อย่างเด็ดขาด

“เปล่าค่ะ คุณแค่ดูเป็นคนดี ฉันรู้สึกอย่างนั้น”

“โอเค ถือว่าตอบได้ถูกใจ”

คำตอบของเขาทำให้ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ทว่ายังหายใจหายคอไม่ได้ถึงสามวินาที จู่ๆ เขาก็พุ่งเข้ามาจนฉันต้องถอยกรูดไปติดกับมุมผนังโซฟาตัวแอลที่เรานั่งอยู่ ทว่าด้วยความไวของเขาก็ทำให้ชายหนุ่มนั้นเข้ามาประชิดตัวฉันได้อย่างรวดเร็วพร้อมทั้งเอามือกันไว้ไม่ให้ฉันหนีได้ทั้งซ้ายขวาอีกด้วย

ซวยแล้ว อีดาตายแน่ๆ

“คะ...คุณหมอคะ หนูว่าแบบนี้ไม่ดีแน่”

“อะไรที่ไม่ดี?”

“ก็...หนูบอกแล้วว่าหนูไม่รับงานอย่างว่า ยิ่งกับผู้ใหญ่อย่างคุณ...”

เขาเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด ยิ่งฉันบอกว่าไม่รับเขาก็ยิ่งโน้มตัวลงมา จนกระทั่งใบหน้าของเขาห่างกับฉันแค่คืบจนฉันต้องหลับตาปี๋เบี่ยงหน้าหลบ นั่นทำให้พวงแก้มเกิดเห่อร้อนด้วยความที่ลมหายใจอุ่นที่เจือด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ของเขาเป่าลงมาไม่หยุด

อ้ากกก ออกไปเดี๋ยวนี้นะ

“หน้าฉันมันเหมือนคนอายุเท่าไหร่ เธอลองว่ามาซิ”

“เอ๊ะ?”

ฉันได้แต่กะพริบตาปริบๆ มองเขาอย่างไม่เข้าใจคำถาม แต่การที่หันหน้ากลับมามองเขาตรงๆ แบบนี้มันยิ่งทำให้หัวใจฉันเต้นแรงอย่างคุมไม่อยู่ สุดท้ายก็ต้องหันหน้าหลบตามเดิม

“เรื่องที่ไหว้ฉันเหมือนคนแก่ก็เรื่องหนึ่ง เรื่องที่หาว่าฉันจะปล้ำเธอก็อีกเรื่องหนึ่ง คิดว่าฉันอายุเท่าไหร่ ห้าสิบกว่าเหรอ?”

“ไม่นะคะ อย่างมากก็แค่สี่สิบต้นๆ”

“นี่เธอ...”

ไม่ถูกเหรอ? ดูจากผิวหน้าของเขาแล้วก็เหมือนวัยรุ่นอายุไม่ถึงสามสิบอยู่หรอก เพียงแต่ถ้าฉันตอบแล้วเด็กเกินไปจะเป็นการปรามาสเขาหรือเปล่า หรือว่าจริงๆ เขาอาจจะแก่กว่านั้น?

ไม่เดาแล้วดีกว่า ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะชวดเงินก็ได้

“หนูไม่รู้จริงๆ ค่ะ แต่รู้แค่ว่าหล่อ แค่นั้นไม่พอเหรอคะ”

ฉันเลือกตอบออกไปตามความคิด แต่คิ้วที่ขมวดมุ่นของเขากลับไม่คลายลงเลยแม้แต่น้อย ฉันเลยต้องหาอย่างอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขาแทน

“เธอคิดว่าตัวเองขึ้นมาบนนี้ทำไมกัน”

ในเมื่อเขาถาม ฉันก็จะตอบออกไปอย่างไม่ปกปิด

“เงินค่ะ”

“เงิน?”

“ค่ะ ตอนนี้แม่หนูป่วยนอนอยู่โรงพยาบาล ถ้าหนูไม่เอาเงินไปจ่ายค่ารักษาแม่ หนูอาจจะต้องพาแม่ไปรอความตายที่บ้าน”

มันไม่ใช่เรื่องราวน่าภูมิใจอะไรที่ควรเล่าให้คนอื่นฟังหรอก แต่ฉันไม่อยากถูกไล่ออกจากห้องนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม บางที...แค่บางที เผื่อว่าเขาอาจจะเกิดสงสารฉันขึ้นมาก็ได้

“นี่ไม่ใช่รายการเรียกคะแนนสงสารจากปมชีวิตนะ เอาดีๆ”

“หนูไม่ได้โกหกนะคะ”

“เท่าไหร่ล่ะที่ต้องจ่าย”

“ไม่ต้องรู้หรอกค่ะ รู้ไปทิปของคุณวันนี้ก็ไม่พอหรอก”

ในที่สุดชายหนุ่มก็ยอมปล่อยฉันให้เป็นอิสระ เขาถอยหลังไปนั่งที่เดิมก่อนจะกอดอกแล้วถามฉันเสียงเข้ม

“ก็รู้ว่าไม่พอ แล้วขึ้นมาทำไม?”

“มันไม่พอจ่าย แต่มันก็มากพอให้หนูกินข้าวอิ่มไปอีกหลายมื้อนะคะ นอกจากค่ารักษาแม่ก็มีค่าเทอม ค่ายา แล้วหนูก็ยังต้องไปเรียนด้วย”

ฉันพยายามกะพริบตาปริบๆ ให้เขาเห็นใจขึ้นมาบ้าง ดูจากสีหน้าของเขาฉันว่ามันต้องได้ผลแหละ เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงไล่ตะเพิดแล้วให้คนอื่นขึ้นมาแทนตั้งนานแล้ว

“แล้วคิดว่าฉันจะให้เท่าไหร่” นี่แหละคำถามที่ฉันรอคอย

“คุณอยากให้เท่าไหร่ก็ได้ค่ะ มันคือทิป ไม่ใช่ค่าจ้างนี่”

“งั้นก็ไม่ให้”

“ง่า...”

เอาจริงเหรอคุณหมอ เขาเองก็ดูภูมิฐานน่าจะมีหน้าที่การงานที่ดี เงินเล็กน้อยแค่นี้คงไม่งกถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง

“เธอรู้ไหมว่าคนที่จะได้ทิปหนักขนาดนั้นเขาต้องทำอะไรบ้าง อย่างแรกเลย เขาต้องพูดจาหวานๆ ไม่ใช่เสียงแข็งใส่ลูกค้าแบบนี้”

“อ๋า...อย่างนั้นหนูก็ทำได้ค่ะ คุณนาวินทร์ขา อยากดื่มอะไรดีคะ?”

ในเมื่อเขาว่าอย่างนั้นฉันก็จัดให้แบบไม่มีขัดขืน พูดจาหวานๆ เอาอกเอาใจลูกค้าเหรอ ได้สิ แต่ทนความหวานในแบบของฉันให้ได้ก็แล้วกัน

ฉันรินเหล้าใส่แก้วของเขาก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะเขยิบเข้าไปใกล้จนตัวเราแทบจะติดกันเป็นแฝดสยาม แล้วเอาแก้วเหล้ายื่นไปที่ปากของเขา

“ให้ดาป้อนนะคะคุณวินทร์”

เจอลูกอ้อนแบบนี้เข้าไปเขาถึงกับชะงักงันทำอะไรไม่ถูก แม้ใบหน้าจะไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา แต่ใบหูของเขากลับแดงฉ่าจนเหมือนจะมีควันน้อยๆ ออกมา

“คุณวินทร์อยากให้ดาทำอะไรอีกคะ?”

“อะแฮ่ม” เขากระแอมน้อยๆ ก่อนจะขยับออกไปสองสามคืบ “ไม่ต้องเรียกคุณ”

“คะ?”

“เรียก พี่วินทร์ก็ได้ ฉันไม่ติด”

“ได้ค่ะ พี่วินทร์”

ฉันก็ทำตามใจเขาแล้วนะ ทว่าพอฉันขยับเข้าไปหาชายหนุ่มกลับขยับออกไปอีกครั้ง แต่ในเมื่อเขาหนี ฉันก็จะตาม บอกแล้วว่าลูกอ้อนของฉันมันไม่เหมือนใคร เอาให้รำคาญกันไปข้าง

แต่เหมือนเขาจะลืมว่าโซฟาตัวนี้มันมีจุดสิ้นสุด ในจังหวะสุดท้ายที่เราขยับไปพร้อมๆ กัน ทำให้ทั้งเขาและฉันร่วงลงไปกองที่พื้นในขณะที่แก้วเหล้าในมือฉันหกกระจาย

ซ่า...

เสียงน้ำราดลงกับพื้นพรมตามด้วยเสียงแก้วตกดังตุ้บ ฉันไม่ได้สนใจว่ามันจะแตกหรือไม่แตก ตอนนี้ดวงตาของฉันกำลังเบิกโพลง เพราะไอ้การล้มเมื่อกี้ฉันได้ร่วงลงมาทับบนตัวของเขาที่นอนหงายอยู่กับพื้น และริมฝีปากของเรากำลังประกบกันเข้าเต็มๆ

มันจะไม่เป็นไรเลยถ้าฉันจะเคยจูบใครมาก่อน ไม่นะ จูบแรกที่แสนสำคัญของฉัน ม่ายยยย มันจะมาเสียเพราะสถานการณ์อย่างนี้ไม่ได้

ฉันพยายามที่จะดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากตัวของเขาทันทีที่รู้ตัว แต่ไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะรังแกฉันด้วยการเอื้อมมือมาล็อกเอวฉันไว้ไม่ให้ลุกไปไหน ฉันยังไม่ทันได้ตั้งสติถามอะไรออกไปทั้งนั้น มืออีกข้างของเขาก็สอดเข้ามายังบริเวณท้ายทอย ก่อนจะกดใบหน้าฉันให้ลงไปจูบกับเขาให้แนบแน่นกว่าเดิม

ริมฝีปากนิ่มที่กำลังมอบความอุ่นแสนวาบหวามให้แก่ฉันทำให้ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย ดวงตาของฉันเบิกกว้างจนเห็นว่าเขากำลังหลับตาพริ้มในขณะที่วาดริมฝีปากด้วยอารมณ์ที่ฉันเองก็เดาไม่ถูก

นี่ฉันกำลัง...ถูกจูบงั้นเหรอ จูบที่แปลว่าจูบจริงๆ ไม่ใช่แค่ปากแตะกันเหมือนก่อนหน้านี้ มันน่าแปลกที่หัวใจของฉันไม่เต้นแรงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับได้ยินเสียงวิ้งๆ อยู่ในหูจนสมองมึนเบลอไปหมด

รอจนกระทั่งเขาถอยออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาใต้แว่นหนานั่นก็ทำให้ฉันได้สติจนหน้าร้อนฉ่าไปหมด

“ไหนบอกว่าทำได้ทุกอย่าง ที่เห็นเมื่อกี้มันไม่ใช่นะ”

เขากำลังล้อเล่นกับฉันอยู่งั้นเหรอ แค่เพราะฉันบอกว่าต้องการเงินเลยทำได้ทุกอย่างอย่างนั้นสินะ ตอนนี้อารมณ์ของฉันเริ่มเปลี่ยนไปเพราะคำพูดของเขา แค่อายที่ถูกเขาพรากจูบแรกไปก็แย่พออยู่แล้ว นี่ยังมาเจอคำพูดที่เหมือนจะดูถูกนั่นอีก

“ถ้าทำได้แค่นี้ก็อย่าหวังจะได้เงินเยอะๆ จากฉันหรือคนอื่นเลย...”

ฉันพยายามควบคุมอารมณ์อย่างหนักไม่ให้หงุดหงิดไปกับการยั่วยุของเขา ทว่าก่อนที่ประโยคสุดท้ายของเขาจะพูดจบ ฉันก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

“กลับไปฝึกมาใหม่...อั้ก!!!”

หมัดแน่นๆ ของฉันทุบเข้าที่กลางอกของเขาอย่างจังจนไอ้ชีกอตรงหน้าฉันยอมปล่อยในที่สุด แม้ว่าการกระทำนั้นอาจจะทำให้ฉันไม่ได้เงินจากงานนี้ แต่ตอนนี้ฉันไม่สนหรอก ทำขนาดนี้ก็แล้วถูกเขาจูบก็แล้วยังจะมาบอกว่าจะไม่ให้เงินอีก ช่างเถอะ เสียเวลาไปแล้วก็ช่างมัน ได้ทุบเขาสักครั้งก็พอใจแล้ว เชอะ

“เดี๋ยวสิ นั่นเธอจะไปไหน”

เขาลุกขึ้นมากุมหน้าอกพลางเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของชายหนุ่มนั้นขึ้นสีแดงก่ำจนน่ากลัว แต่ฉันก็ไม่ได้มีความคิดที่จะสงสารเขา รีบเดินมาที่ประตูด้วยความรวดเร็ว

“ไม่ให้เงินก็อย่าคิดจะแอ้มให้ยาก นอนจุกตายไปเถอะ ชิ”

ไอ้คนบ้า ขอชีวิตนี้อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ดีลลับ หมอมาเฟีย   ตอนจบ

    [Navin’s part]‘แม่อยากให้ลูกของแม่มีความสุขที่สุด อย่าโกรธพ่อกับย่า แค่นั้น...วินทร์ทำให้แม่ได้ไหมลูก?’มันเป็นคำพูดสุดท้ายที่แม่ทิ้งเอาไว้ก่อนที่จะจากผมไป แม่เป็นผู้หญิงที่หวังดีกับคนอื่นเสมอ แม้แต่คนที่ทำให้แม่ต้องเจ็บปวดหัวใจ แม่ก็ยังไม่โกรธพวกเขาเลยสักนิดเดียวผมยังคงคิดถึงวันเวลาที่เราต่างก็ร้องไห้ไปกับช่วงเวลาเลวร้ายในวาระสุดท้ายของชีวิตแม่ ผมลืมเรื่องนั้นไม่ได้ และไม่กล้าที่จะให้อภัยคนที่ทำร้ายพวกเราจนกระทั่งวันหนึ่ง ผมเจอหญิงสาวอีกคน หญิงสาวที่ทำให้ผมรู้ว่า นี่คือความรักแสนใจดีที่ผมต้องรักษามันเอาไว้ให้ดีที่สุดถึงแม่ที่อยู่บนสวรรค์แม่ครับ...ผมนาวินทร์ ลูกชายของแม่ ตอนนี้แม่สบายดีไหมครับ ที่ตรงนั้นคงจะเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ความคิดถึง และเสียงร้องไห้ของผมที่ส่งไปให้แม่ แต่วันนี้ลูกชายคนเล็กของแม่คนนี้ไม่ร้องไห้แล้วนะครับ ผมเป็นคนที่เข้มแข็งมากพอที่จะดูแลผู้หญิงที่ผมรัก และสามารถให้อภัยย่าได้แล้ววันนี้ผมพาดานิกามาหาย่าครับแม่ ผมเคยพาเธอไปไหว้หลุมศพแม่สองสามครั้ง แม่จำเธอได้ไหมครับ ดานิกาเป็นคนที่มีรอยยิ้มสดใส เธอเป็นแรงใจให้ผมได้ทุกครั้งที่ได้มอง ในวันนั้นที่แม่จากผมไป เธอ

  • ดีลลับ หมอมาเฟีย   บทที่ 36 คิดถึงเหลือเกิน

    เคยไหม ความรู้สึกที่รักเขา คิดถึงเขา เจอกันทุกวัน...แต่กลับไปรักกันไม่ได้แล้วฉันยังคงมาอยู่ที่หน้าห้องพักของแม่ จ้องมองประตูบานนั้นที่ฉันเคยเปิดเข้าไปเจอแม่อย่างทุกครั้ง ความทรงจำทั้งสุขและทุกข์ที่เราเคยผ่านด้วยกันมา ทำให้ฉันต้องหยุดมองทุกครั้งที่เดินผ่านมันเป็นเรื่องที่เจ็บปวด แต่ฉันก็ยังชอบที่จะมายืนจ้องหน้าห้องพักเดิมของแม่อยู่อย่างนี้และเหมือนว่าเขาจะรู้...พี่วินทร์สั่งปิดชั้นนี้ไม่ให้มีใครขึ้นมา และย้ายผู้ป่วยทั้งวอร์ดไปไว้ตึกใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ เพื่อไม่ให้ใครขึ้นมารบกวนฉันที่มักจะเหม่อถึงแม่...ฉันรู้ว่าเขารักและหวังดีกับฉันเสมอ แต่ว่านะ...เรากลับไปรักกันเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว ทุกครั้งที่เราเดินสวนทางกัน เป็นฉันที่พยายามมองหน้าให้เขาจ้องตอบกลับมาแม้สักนิด แต่สุดท้ายเขาก็ยังทำเหมือนกับว่าฉันไม่มีตัวตนเขาไม่ได้บอก...แต่ฉันรู้ว่าเขากำลังพยายามทำให้ฉันไม่รู้สึกอึดอัดแต่ทั้งที่ฉันเป็นคนบอกเลิกเขาเองแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นฉันที่ยังโหยหา ยังคิดถึง แต่ก็ไม่สามารถที่จะเดินไปบอกเขาได้ตรงๆ“เอสเปรสโซ่ไม่หวานหนึ่งแก้วครับ”ฉันมักจะได้ยินอย่างนี้ในทุกเช้าเสมอ คุณหมอหนุ่มที่มักจะ

  • ดีลลับ หมอมาเฟีย   บทที่ 35 ความสูญเสีย

    [Danica’s part]‘แม่คะ ทำไมแม่ถึงตั้งชื่อหนูว่าดานิกาเหรอคะ?’‘ดานิกา แปลว่าดวงดาวในรุ่งอรุณลูก หนูเป็นเด็กที่มีรอยยิ้มสดใส เหมือนกับดวงดาวที่เปล่งประกายในยามรุ่งเช้าไงลูก’‘งั้นหนูจะยิ้มทุกวันเลย ให้สมกับชื่อดานิกา ดีไหมคะ?’จบแล้วเหรอ...จบลงง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ...ทุกอย่างที่ฉันพยายามมา ความหวังที่ว่าสุดท้ายแล้วแม่จะหายดีและกลับไปอยู่กับฉันอย่างมีความสุขอีกครั้ง เราจะไปเที่ยวด้วยกัน มองฉันเป็นดีไซเนอร์มากฝีมืออย่างที่แม่ใฝ่ฝัน ทั้งการทำงานอย่างหนัก ต่อสู้กับคำพูดและสายตาของคนทั้งมหา’ลัย พาตัวเองขึ้นประมูลซิง ทุกอย่างมันจบลงแล้วใช่ไหมฉันเดินกลับเข้ามาในห้องที่ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างวิ่งกันจ้าละหวั่นเพื่อช่วยชีวิตของแม่ ทว่าสุดท้ายแล้วความตายก็ยังชนะความพยายามพวกนั้น พยาบาลคนสุดท้ายได้ออกไปจากห้องนี้แล้ว เหลือเพียงฉันและร่างที่แน่นิ่งของแม่ที่นอนอยู่บนเตียง“แม่คะ...”แม่มักจะยิ้มให้ฉัน บอกฉันว่าไม่เป็นไร ไม่ว่าฉันจะกลับมาดึกแค่ไหนแม่จะตื่นขึ้นมา ลูบใบหน้าที่เปื้อนเหงื่อแล้วบอกให้ฉันไปอาบน้ำ แต่วันนี้ภายในห้องนี้...เหลือเพียงความเย็นยะเยือก เงียบเหงา บรรยากาศอึมทึมจนฉันอยากจะร้องไห้ออกม

  • ดีลลับ หมอมาเฟีย   บทที่ 34 เส้นความอดทนสุดท้าย

    [Navin’s part]“คนไข้นอนทับสายน้ำเกลือค่ะ แล้วก็สายออกซิเจนหลุด เลยขาดอากาศหายใจไปช่วงหนึ่ง ตอนนี้พยายามปั๊มหัวใจแล้ว แต่อาการไม่ดีเลยค่ะท่านผอ.”พยาบาลที่ผมว่าจ้างมาดูแลแม่ของดาเอ่ยเสียงสั่นทำอะไรไม่ถูก ผมแน่ใจว่าเธอเป็นคนที่รอบคอบและทำงานดีมากคนหนึ่ง ไม่มีทางหรอกที่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้จะเกิดขึ้นได้แล้วผมก็คิดถึงคนที่โทรมาบอกดาเอแคลร์...“เรื่องเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วมีใครเข้าออกห้องนี้บ้าง”“ก็...มีเพื่อนคุณดาค่ะ ที่ชื่อชิดภู มาตอนเย็นแล้วไม่เจอ ก็เลยฝากขนมกับน้ำไว้ให้”“แค่นั้นเหรอ มีใครอีก”ชิดภูไม่ทำหรอก ต่อให้มันจะปากหมาใจกล้าเกินคน แต่ก็จริงใจกับดาอยู่พอสมควร“เอ่อ...” พยาบาลทำท่านึก แต่นานจนผมร้อนใจทนไม่ไหวตวาดออกไปเสียงดัง“เร็วสิ ถามว่าใครอีก!”“มะ...มีผู้หญิงอีกคนค่ะ เข้ามาก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมงได้ ตอนนั้นดิฉันอยากเข้าห้องน้ำ เลยฝากคนไข้ไว้ค่ะ”ผมเปิดมือถือ เข้าไลน์ของย่าที่มักจะชอบส่งรูปต่างๆ มาให้ และในนั้นก็มีรูปของเอแคลร์ด้วย“คนนี้หรือเปล่า”“ชะ...ใช่ค่ะท่านผอ. คนนี้เลย ดิฉันจะมีความผิดอะไรหรือเปล่าคะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะที่ดูแลคนไข้ไม่ดีทำให้เกิดเรื่องแบ

  • ดีลลับ หมอมาเฟีย   บทที่ 33 มาไม่ทันตั้งตัว

    “เจ๊!!!”“ยัยดา กรี๊ด!!!”ฉันกับเจ๊น้ำหวานเจอกันก็ไม่ต่างอะไรกับชะนีสองตัวที่วนเจอในกิ่งเดียวกัน เจ๊นี่ดีดสุดอะไรสุด ทิ้งเครื่องสำอางทิ้งทุกอย่างมากอดฉันอย่างไว เรากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งมีคนหวงดึงฉันออก“พอแล้ว จะกอดให้ละลายตัวติดกันไปเลยหรือไง”พี่วินทร์หน้างอคอหักตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว ก็มาเที่ยวผับทั้งทีฉันก็ต้องแต่งตัวให้มันเข้ากับสถานที่ เลยใส่เป็นกางเกงยีนขาสั้นกับเสื้อครอปแขนกุด เขาเองมองฉันหัวจรดท้าตั้งแต่ออกมาจากห้องแต่งตัว แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร“แหมคุณหมอคะ อย่ามาทำเป็นหวงไปหน่อยเลย ทีเมื่อก่อนมาฝากไว้กับเจ๊ เจ๊ก็ดูแลให้อย่างดีเลยนะคะ”“เอามาฝากอะไรเหรอคะ?”เหมือนว่าฉันจะเจอเรื่องที่น่าสนใจเข้าให้แล้ว พอเจ๊น้ำหวานพูดแบบนั้นฉันก็หันไปมองพี่วินทร์ด้วยความสงสัย“ก็แหม เมื่อก่อนคนที่บอกเจ๊ว่าให้ติดต่อน้องดาไปคือคุณหมอเนี่ยแหละ เขารักเขาหวงมาตั้งแต่แกจะรู้ว่าเขามีตัวตนด้วยซ้ำนะ คลั่งรักนะเนี่ย”“จริงเหรอคะ?”เรื่องที่ได้ยินยิ่งทำให้ฉันมองหน้าเขาหนักยิ่งกว่าเดิม มีเรื่องอะไรอีกบ้างนะของเขาที่ฉันยังไม่รู้ สำหรับผู้ชายคนนี้ในสายตาฉันเขาคือคุณหมอที่แสนจะเพอร์เฟค ไม่มีว

  • ดีลลับ หมอมาเฟีย   บทที่ 32 หน่วง

    [Danica’s part]ช่วยด้วยค่ะ ตอนนี้พบคนแก่ไม่อยากไปทำงานหนึ่งอัตรา ตั้งแต่กลับมาจากสวนสนุกเมื่อวานเขาก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้อง เล่นมือถือบ้าง คอมฯบ้าง จนฉันทนความอึดอัดไม่ไหวต้องออกมาทำกับข้าวข้างนอกแต่ยังออกมาไม่ทันถึงสามนาที แครอทยังปอกไม่หมดด้วยซ้ำ ก็มีอ้อมกอดอุ่นเข้ามากอดจากทางด้านหลัง พร้อมทั้งคางแหลมๆ ของเขาวางลงที่หัวของฉัน“ทำอะไรครับเนี่ย”“ทำกับข้าวง้อคนค่ะ”ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขาที่กำลังมองลงมาเช่นกัน แต่ไม่คิดว่าจะถูกคนตัวสูงขโมยจูบไปหนึ่งที“อื้อ...แกล้งหนูอะ”ถึงเราจะอยู่ด้วยกันมาสักพักแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่ชินกับการชอบสกินชิพของเขาแบบนี้สักที หน้ามันยังคงร้อนผะผ่าวทุกครั้งที่ถูกเขาจูบ เขาหอม เขา...พอแล้วๆ ไม่คิดแล้วดีกว่า“ง้อเรื่องอะไรครับ พี่ไม่ได้งอนหนูซะหน่อย”แล้วก็เรื่องที่เขาเรียกฉันว่า หนู ตั้งแต่กลับมาจากสวนสนุกก็ไม่ได้ยินชื่อฉันจากปากเขาอีกเลย ไม่รู้ว่าซ้อมไว้เผื่อเรียกกิ๊กแบบไม่ให้ฉันจับได้หรือเปล่า“ไม่ได้งอนนะคะ แต่หน้างอเลย เป็นอะไรคะ หรืองอนเรื่องที่หนูไม่เปิดตัวกับเพื่อนเมื่อวันก่อน?”“รู้ทันอีก”ฉันรู้หรอกน่าว่าเขากำลังนอยด์เรื่องอะไร เลยเลือกจะทำอาหารง้อหลัง

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status