ดีลลับ หมอมาเฟีย

ดีลลับ หมอมาเฟีย

last updateTerakhir Diperbarui : 2025-04-08
Bahasa: Thai
goodnovel18goodnovel
Belum ada penilaian
37Bab
609Dibaca
Baca
Tambahkan

Share:  

Lapor
Ringkasan
Katalog
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi

"ทุกอย่างมีราคาต้องจ่าย..." ชายหนุ่มบอกกับฉันว่าอย่างนั้น ในความหมายของเขา คือหากต้องการเงิน ก็ต้องเอาร่างกายมาแลก ภายใต้หน้ากากกระต่ายที่เขาใช้บดบังใบหน้าเพื่อปกปิดตัวตน ฉันต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจมากที่สุด แม้ว่านั่น จะแลกมาด้วยอิสระที่หายไปร่วมสองเดือน ไม่ว่าเขาจะเรียกเมื่อไหร่ฉันก็ต้องมา เขาต้องการที่ไหน เมื่อไหร่ ท่าไหน ฉันก็ต้องทำ และกฎเพียงข้อเดียวที่ต้องรักษา คือ...ห้ามเห็นหน้าเขาอย่างเด็ดขาด "ทุกอย่างมีราคาต้องจ่าย อ้าขาออก"

Lihat lebih banyak

Bab 1

บทที่ 1 ทำไมต้องมีแค่ฉันที่เจ็บปวด...

โลกนี้มันไม่มีหรอก คนที่จะโชคร้ายไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าเราจะเจอเรื่องเลวร้ายมากมายแค่ไหนในชีวิต แต่สุดท้ายแล้วก็จะมีสักวันที่เป็นของเรา...

ฉันเองก็เชื่ออย่างนั้นมาตลอด จนกระทั่งได้รับข้อความแบบนี้จากทางโรงพยาบาล

‘คุณแม่ของหนูจะต้องใช้ตัวยาที่แพงขึ้นในการรักษา แต่ว่าทางเราไม่สามารถเบิกจ่ายยาตัวนั้นมาใช้ได้ ยังไงรบกวนจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่ค้างเอาไว้ก่อนนะคะ’

บางทีฉันก็ตลกชีวิตตัวเองนะ แม่เคยเล่าว่าแม่เป็นลูกสาวของตระกูลผู้ดีเก่า ยายของฉันมีเชื้อสายของผู้ดีในวังซึ่งตอนนี้มีธุรกิจติดต่อกับต่างชาติทรัพย์สินกว่าร้อยล้าน แต่เพราะเรื่องที่แม่ท้องตอนอายุ 15 กับผู้ชายที่ท่านไม่รู้แม้แต่ชื่อ ทำให้ท่านถูกไล่ออกจากบ้านพร้อมทั้งห้ามเอ่ยถึงเรื่องที่มีเชื้อสายกับตระกูลนั้นอีก ตั้งแต่เกิดมาฉันเคยเจอยายครั้งหนึ่งตอนที่อายุ 7 ขวบ ตอนนั้นแม่ที่ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าว ได้บากหน้าพาฉันไปขอเงินจากยาย ฉันจำได้ติดตาว่ายายโยนเงินมาให้หนึ่งพันบาท หลังจากนั้นก็ไล่ตะเพิดเราสองแม่ลูกออกมา

ฉันในวัยเพียง 7 ขวบ มองเข้าไปในบ้านที่แสนโอ่อ่าหลังนั้น ก่อนจะพบว่ายายเองกำลังเอาอกเอาใจเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน ทำให้ฉันตั้งคำถามกับแม่ซ้ำๆ

ฉันผิดอะไร แม่ผิดอะไร...ทำไมเราทั้งคู่ต้องถูกเกลียดด้วย แต่แม่ไม่เคยพูดถึงยายในทางที่ไม่ดีเลย ท่านมีเพียงคำว่า ท่านเสียใจที่ทำให้ยายร้องไห้ ถ้าทำได้ ท่านก็อยากขอโทษเพื่อให้ฉันได้มีชีวิตที่ดีขึ้น

แต่สำหรับฉันแล้ว คนที่ไม่เห็นค่าของเรา คนที่ทำเหมือนกับว่าเราไม่ใช่คนพวกนั้น เราไม่จำเป็นต้องขอโทษหรือรู้สึกผิด ฉันเลยไม่เสียใจที่ต้องต่อสู้กับชีวิตที่โหดร้ายอยู่กับแม่เพียงสองคน

เพียงแต่ตอนนี้...แม่กำลังจะตาย ท่านเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้าย ค่ารักษาของแม่แพงหูฉี่จนฉันไม่อาจสู้ไหว แต่ฉันก็ยังกัดฟันทั้งเรียนทั้งทำงานเพื่อหาเงินมารักษาแม่ ทั้งยังพาแม่มารักษาในโรงพยาบาลที่เขาว่าดีที่สุดเรื่องการรักษามะเร็ง ด้วยเหตุผลเดียว...ฉันไม่อยากเสียแม่ไป

เรามีกันแค่สองคน ถ้าเสียท่านไปฉันคงไม่เหลืออะไรเลย

“มีอะไรแกบอกฉันได้นะดา ฉันอยู่ข้างแกเสมอนะ”

เสียงจากด้านหลังดังขึ้นพร้อมทั้งเพื่อนรักอย่าง เอแคลร์ เดินเข้ามานั่งที่ข้างฉัน เธอตบไหล่ฉันน้อยๆ เชิงให้กำลังใจก่อนจะยื่นกระป๋องโคล่ามาให้

“ขอบใจนะแคลร์”

ฉันรับมันมาเปิดดื่มโดยไม่ปฏิเสธ สายตาก็มองออกไปเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ตอนนี้เราโดดเรียนออกมานั่งเล่นที่ฝายน้ำล้นใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัย ซึ่งตรงนี้มีแม่น้ำใหญ่และสะพานกว้าง พร้อมทั้งเนินหญ้าที่เหมาะสำหรับมานั่งปิกนิก นอกจากพวกเราก็มีนักศึกษาคนอื่นๆ และชาวบ้านที่มาตกปลาเพื่อหาเลี้ยงชีพอยู่ด้วย

บรรยากาศมันช่างดีนัก ลมเย็นๆ กับเครื่องดื่มสุดสดชื่น มันผิดกับอารมณ์ของฉันในตอนนี้เลย

“เรื่องแม่แกอีกแล้วเหรอ ฉันบอกแล้วไงว่ายืมเงินฉันไปก็ได้ แม่รู้เรื่องนี้นะ ท่านไม่ว่า ไม่คิดดอกเบี้ยด้วย”

เอแคลร์พยายามที่จะยื่นข้อเสนอนี้มาให้ฉันหลายครั้ง ทว่าฉันกลับปฏิเสธเพราะไม่อยากรบกวนเพื่อนจนเกินไป แค่นี้เธอก็ช่วยฉันมามากพอแล้ว

เราทั้งคู่คบกันมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง ด้วยความที่เธอเป็นสาวขี้อาย ผิดกับฉันที่ปากกล้าและหน้าด้าน เลยทำให้ฉันได้ออกหน้าช่วยเธอในหลายๆ เรื่อง แต่ในสังคมมหาวิทยาลัยที่ผู้คนเหยียดกันเรื่องความรวยความจน เอแคลร์เป็นคนเดียวที่ไม่สนฐานะของฉัน และยังดีกับฉันมาจนถึงทุกวันนี้

ผิดกับคนอื่นๆ ในกลุ่มของเธอ ยัยพวกนั้นน่ะป่าเถื่อน รวยซะเปล่าแต่นิสัยไม่ดี

“ขอบใจมากนะ แต่เอาเป็นว่าฉันพาแกหนีเรียนครั้งนี้ก็มากพอแล้ว แกไม่ต้องช่วยเรื่องนั้นฉันหรอก”

“ได้ไงล่ะ เราเพื่อนกันนะ”

เราทั้งคู่นั่งดื่มกันไปคุยกันไปจนกระทั่งเครื่องดื่มหมดลง เป็นเวลาเดียวกับที่มือถือของเอแคลร์ดังขึ้นมาพอดิบพอดี

“สงสัยทรายโทร.ตามแล้วล่ะ ทำไงดี”

เธอยกมือถือของตัวเองขึ้นมาตรงหน้าฉัน ในนั้นแสดงชื่อของคนที่เธอได้บันทึกเอาไว้

ทรายแก้ว...กำลังโทรหาคุณ

ยัยนี่แหละคือคนนิสัยไม่ดีที่ฉันว่า เธอเป็นลูกสาวของอธิบดีมหาลัยเรา คิดว่าตัวเองทั้งสวยรวยเก่ง พ่อแม่ก็มีอำนาจ ก็เลยชอบใช้ความรวยมาข่มฉันบ่อยๆ แต่ด้วยความที่ฉันไม่ใช่คนเล่นง่าย เวรกรรมเลยไปตกที่เอแคลร์ผู้อ่อนแอแทน

“แกจะกลับไปเรียนก็ได้นะ ฉันต้องเข้างานแล้ว ขอโดดคาบนี้แล้วกัน”

ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ก็บ่ายโมงครึ่งแล้ว ฉันต้องไปถึงร้านก่อนบ่ายสองเพื่อเตรียมเปิดร้าน ดูท่าว่าจะไปหาแม่ก่อนคงไม่ทัน

“เอาอย่างนั้นเหรอ” เอแคลร์ยังคงชั่งใจอยู่

“อืม แกกลับไปเถอะ บอกพวกทรายด้วยว่ารายงานพรุ่งนี้ฉันปริ้นไปให้นะ ไม่ต้องห่วง”

“ก็ได้ๆ ถ้ายังไงถึงร้านแล้วทักบอกด้วยนะ”

“จ้า”

เธอโบกมือหย็อยๆ ให้ฉันก่อนจะเดินไปขึ้นรถเก๋งคันหรูของตัวเองแล้วขับออกไปจากตรงนี้ ส่วนฉันก็เรียกแกร๊บแล้วตรงไปที่ร้านในทันที

คลับ KMnxx

ที่นี่คือที่ทำงานของฉันเอง เป็นคลับขนาดกลางที่มีกลุ่มลูกค้ากว้างที่สุดในย่านเลยก็ว่าได้ การตกแต่งของที่นี่นั้นจะเน้นความหรูหราที่ทันสมัย ทว่าก็มีความงดงามประณีตให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในปราสาทหรูๆ หลังหนึ่ง ดังนั้นกลุ่มลูกค้าหลักก็จะเป็นคนมีเงินที่เป็นวัยทำงานขึ้นไป แต่ในโซนหน้าเวทีด้านล่างเองก็มีลูกค้าวัยรุ่นมาใช้บริการกันเยอะ โดยที่ทุกคนต้องมีคุณสมบัติเดียวกัน นั่นก็คือ มีเงิน

“มาเร็วจังเลยนะ เจ๊บอกว่ามาสักบ่ายสามก็ได้ ไม่ซีเรียสหรอก”

คนที่ออกมาจากหลังร้านทักทายฉันอย่างอารมณ์ดีคนนี้คือ เจ๊น้ำหวาน คนที่เป็นยายทวดของทวดของทวดรหัสของฉันเอง พี่แกเรียนจบมาหลายปีแล้วและได้ทำงานเป็นผู้จัดการที่นี่ เลยใช้เส้นยัดฉันเข้ามาทำงานทั้งที่การแข่งขันสูงปรี๊ด ด้วยความที่เป็นคลับถูกกฎหมายและยังมีแต่ลูกค้าทิปหนัก เลยทำให้มีนักศึกษาอยากเข้ามาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่กันเป็นจำนวนมาก

“หนูโดดเรียนเพราะไม่ชอบอาจารย์น่ะค่ะ เลยเข้ามาเร็ว”

ฉันตอบออกไปตามตรง อันที่จริงก็ไม่ถือว่าไม่ชอบอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าการเข้าไปฟังเจ๊แกเล่าประวัติชีวิตตัวเองเทียบกับการมาหาเงินรักษาแม่ อันหลังน่าจะดีกว่า

“ตายแล้วนังเด็กนี่ พูดจาแบบนี้เดี๋ยวแม่ก็หยิกกีเขียวเลย มีโอกาสเรียนไม่เรียน”

“เอาน่าเจ๊ หนูยังโดดได้อีกคาบสองคาบ ไม่เป็นไรหรอก”

ระหว่างนั้นฉันก็เอากระเป๋าเข้าไปเก็บที่หลังร้าน ที่นี่นั้นจะแบ่งโซนของพนักงานเอาไว้เป็นสัดส่วน พนักงานประจำจะแต่งตัวและเก็บของที่ชั้นบนซึ่งหรูหราและดูดีกว่าตรงนี้มาก ส่วนพนักงานพาร์ทไทม์อย่างฉันจะมีล็อกเกอร์ส่วนตัวพร้อมกระจกเล็กๆ ให้ที่ฝาล็อกเกอร์ ห้องแต่งตัวก็คือห้องน้ำ และมีชุดที่คนข้างบนใส่จนเบื่อแล้วมาแขวนไว้ให้เปลี่ยน แต่ถ้าใครมีชุดมาเองไม่อยากใส่ตรงนี้ก็ไม่ว่ากัน

“เออนี่ดา ฉันยังไม่ได้ถามเลยว่าแม่แกเป็นไงบ้าง ช่วงนี้ยุ่งๆ เลยไม่ได้เข้าไปเยี่ยมเลยอะ”

ตอนที่เปลี่ยนชุดอยู่เจ๊น้ำหวานก็เข้ามาถามพร้อมทั้งช่วยฉันรูดซิปชุดไปด้วย ที่ฉันเลือกวันนี้เป็นเดรสสีแดงสดที่พอดีตัวที่สุดในราว มันเป็นเดรสกำมะหยี่เรียบๆ มีสายเดี่ยวเล็กๆ พอให้มันไม่หล่นไปกองที่พื้น เพราะหน้าอกหน้าใจของฉันก็ใช่ว่าจะมีพื้นที่ให้เกาะอะไรมากมาย

“หมอว่าอาการไม่ค่อยดีเลยค่ะเจ๊ หนูว่าต้องเพิ่มกะกลางวันเข้าไปด้วยแล้วเพราะหมอบอกว่าต้องใช้เงินเยอะ แล้วหนูต้องจ่ายค่ารักษาที่ค้างแล้วด้วย”

“เท่าไหร่ล่ะเผื่อเจ๊ช่วยได้”

“อืม...ก็เกือบสามล้านอะ”

“ตาเถร!! เยอะอย่างนั้นเชียว”

เจ๊น้ำหวานถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่แปลกหรอก แค่ฉันคิดถึงยอดก็ท้อแล้ว ทั้งชีวิตนี้ฉันจะไปหามาจากไหนกันนะ แล้วในระยะเวลาอันสั้นอีก

“ฉันล่ะสงสารแกจริงๆ เลยดานิกาเอ๊ย เกิดมามีเวรมีกรรมอะไรนักหนา”

“หนูต้องขอบคุณเจ๊นะคะที่ให้หนูได้มาทำงานที่นี่ อย่างน้อยๆ บางวันที่หนูได้หลายพันก็พอเอาไปจ่ายให้หนี้มันลดลงได้บ้าง”

“แต่มันไม่พอไง แกต้องทำงานกี่ปีหนี้ถึงจะหมดล่ะนั่น”

“หนูไม่รู้จะทำยังไงดีนี่คะ จะให้ไปประมูลซิงอย่างที่เจ๊เคยบอกเหรอ หนูไม่เอาด้วยหรอก งานขายร่างกายมันไม่ได้ต่ำนะ แต่หนูคงทำไม่ได้”

ที่นี่ไม่ได้มีแค่เรื่องถูกกฎหมายเท่านั้น แต่ที่ชั้น VVIP ก็มีเรื่องอย่างนั้นเช่นกัน และที่ยิ่งไปกว่าค้าบริการ เรื่องที่รู้กันเฉพาะคนวงในนั่นก็คือ การประมูลซิง โดยจะต้องเป็นหญิงสาวที่มีคุณสมบัติสามประการ

1.สวย

2.หุ่นดี

3.ยังเวอร์จิ้น

การประมูลนั้นก็แสนจะสบาย บางรายก็ได้เงินหลักล้าน หลักสิบล้านกลับบ้าน โดยที่คนประมูลนั้นแค่มีอะไรด้วยคืนเดียวแล้วก็ไม่ยุ่งด้วยอีกเลย แต่ก็มีบางคนที่ได้ทำสัญญาเป็นเด็กเลี้ยงอารมณ์ประมาณเด็กเสี่ย มีเงินเดือนใช้ไปหลายปี เลยทำให้มีคนหลายคนอยากเข้าร่วม แต่สำหรับฉันแล้วคิดว่าตัวเองคงไม่มีคุณสมบัติพอ

เรื่องความสวยเหรอ ฉันก็ไม่เท่าไหร่ แค่พอไปวัดไปวา หุ่นดีเหรอ ถ้าตามที่แขกว่ากันก็ออกจะผอมแห้งแรงน้อยไปหน่อย ส่วนซิง...อันนี้ได้แค่ข้อเดียว

“ไม่ลองก็ไม่รู้นะแก ใครๆ ก็อยากทำกันทั้งนั้น เอาไว้แกอยากทำเมื่อไหร่ค่อยมาบอก ฉันลัดคิวให้ได้เลย”

“เจ๊นี่เหมือนแม่เล้าเข้าไปทุกทีแล้วนะ” ฉันแซวขำๆ ไม่คิดว่าเจ๊น้ำหวานจะวี้ดว้ายออกมาเสียงดัง

“อีบ้า แม่เล้าบ้าบออะไร”

“ล้อเล่นน่า หนูไปเช็กสต๊อกก่อนนะเจ๊ ก่อนคนอื่นมา”

“อืมๆ”

เจ๊พยักหน้าตอบ ฉันเลยจะเดินออกไปจากห้องล็อกเกอร์เพื่อดูภายในร้านต่อ แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นธรณีประตูก็ถูกเรียกไว้อีกครั้ง

“เออๆ เดี๋ยวก่อนดา”

“คะ?”

“เย็นนี้มีแขกวีไอพีจองโต๊ะไว้ อยากได้เด็กไปดูแล สนใจไหม?”

คำว่า แขกวีไอพี ทำให้ฉันตาโตทันที ใครๆ ต่างก็รู้ว่าแขกกลุ่มนี้นั้นทิปหนัก แล้วยังสุภาพสมกับเป็นคนรวย งานสบายแล้วยังเงินดี ก็ตอบแบบไม่ต้องคิดมากไปเลยสิคะ

“เอาค่ะ!”

“แต่แขกคนนี้เอาใจยากหน่อยนะ เห็นว่าเป็นน้องชายคุณคามินทร์”

“น้องชาย?”

คามินทร์ คัลเลน เขาเป็นเจ้าของที่นี่ เป็นผู้ชายหน้าตาดีตัวสูงโปร่งเหมือนนายแบบ ออร่ากระจายแบบที่ใครเห็นเป็นต้องหลง แต่ที่พูดนี่ฉันยังไม่เคยเจอหรอกนะ เพราะทางเข้าของคนอย่างเขาไม่ใช่ทางที่พนักงานระดับล่างอย่างฉันจะเจอได้ง่ายๆ

แต่จะว่าไป...ถ้าฉันได้ไปดูแลน้องชายของเขา ก็หมายความว่าต้องได้เจอเขาด้วยน่ะสิ โอกาสดีๆ แบบนี้จะหาได้ที่ไหนอีกล่ะ

Tampilkan Lebih Banyak
Bab Selanjutnya
Unduh

Bab terbaru

Bab Lainnya

Komen

Tidak ada komentar
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status