“นายจะไปไหนน่ะ”
เมื่อขึ้นรถมาแล้วคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอกอดอกบอกบุญไม่รับก็ถามเสียงแข็ง
“สำนักงาน”
“ฉันจะไปบ้านพัก”
“ไปทำไม”
“จะให้ฉันไปทำงานสภาพนี้หรือไง”
นิชาดาขึ้นเสียง แล้วก็ได้รับแววดุดันจากดวงตาคู่คมปลาบมองแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปทางข้างหน้า
“ก็มีเสื้อฉันแล้ว”
“นายจะให้ฉันใส่เสื้อตัวนี้เข้าสำนักงานน่ะเหรอ คนเขาจะคิดกันยังไง”
“พวกนั้นก็ฉันจูบเธอเต็มสองตา รู้ว่าเธอเป็นคนของฉันอยู่แล้ว จะเรื่องมากทำไม”
“โอ๊ย คนบ้า”
เธอหงุดหงิดจนอดไม่ได้แล้วจริงๆ
“น้อยๆ หน่อย เห็นว่าฉันขับรถก็เลยทำอะไรเธอไม่ได้หรือไง อย่าลืมว่าฉันจอดรถได้นะ”
นิชาดาพยายามสงบสติอารมณ์ที่กำลังปรี๊ดแตกของตัวเอง สองมือที่กอดอกลดลงกำแน่น การใช้อารมณ์ไม่มีประโยชน์ เธอต้องใจเย็นและมีสติ ไม่อย่างนั้นคงต่อกรกับคนป่าเถื่อนถือตัวเองเป็นใหญ่ยาก เห็นแล้วว่าแม้แต่ยายของเขาก็ยังตามใจแม้จะดุทว่าสุดท้ายก็ไม่ขัดชายหนุ่ม
“นายทำขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ ถึงฉันเป็นลูกหนี้แต่ต้องทำให้อับอายด้วยหรือไง แค่ไปส่งที่บ้านพักก็พอ นายจะไปทำงานหรือมีธุระก็ไปได้เลย ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะหาทางไปสำนักงานเอง”
เธอบอกด้วยเสียงอ่อนลงกึ่งขอร้องกลายๆ ทว่าราวอีกฝ่ายไม่ได้ฟัง
“พูดถึงเรื่องบ้านพัก เธอย้ายมาอยู่บ้านไม้ท้ายไร่ซะ”
“นี่นายไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยหรือไง”
“เลิกแว้ดเสียงดังใส่หูฉันสักทีนะ ไม่งั้นฉันจอดรถปล้ำในนี้จริงๆ ด้วย”
ชายหนุ่มเข่นเขี้ยว
นิชาดากัดริมฝีปาก หายใจแรงด้วยความขุ่นเคือง ทว่าเขาอ้อมไปทางหนึ่ง มองไปไกลๆ เห็นเป็นเส้นเข้าสู่บ้านพักของคนงานในไร่ จึงยอมเงียบและลุ้นอยู่ในใจกระทั่งชายหนุ่มหักเลี้ยวไปทางนั้นก็พอโล่งใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ไม่ต้องบากหน้าไปสำนักงานในสภาพนี้
“หลังไหน”
เสียงเข้มถามขึ้นโดยไม่ได้มองเธอ
“ซอยที่สามฝั่งขวา หลังที่สอง”
อีกฝ่ายขับมาตามที่เธอบอกกระทั่งรถคันโตหยุดลงหน้าบ้านพักของเธอกับกัญญา
“เย็นนี้เก็บของซะด้วย ฉันจะมารับค่ำๆ”
นิชาดาจะสวนกลับ ทว่าชายหนุ่มเท้าแขนข้างหนึ่งที่พวงมาลัยพร้อมหันมามองด้วยดวงตาคู่คมเข้มที่เต็มไปด้วยแววคุกคาม เธอจึงเปลี่ยนคำพูดให้ดูไม่แข็งจนเกินไป
“ไว้ก่อนไม่ได้เหรอ ฉันเพิ่งมาทำงานที่นี่ มาถึงปุ๊บก็ไปอยู่กับนายของไร่ปั๊บ น่าเกลียดจะตายไป อย่างน้อย...เอ่อ...แต่งงานก่อนก็ยังดี”
หญิงสาวเอ่ยอย่างจำใจทั้งที่ไม่อยากแต่ง
“ลูกหนี้ไม่มีสิทธิ์เลือก”
ชายหนุ่มเอ่ยหน้าตาย
ท่าทางกวนโมโหของอีกฝ่ายทำให้นิชาดาอยากข่วนหน้าเขานัก หากก็ได้เพียงคิดในใจ
“ให้เวลาฉันหน่อยเถอะนะ”
เธอพยายามขอร้องด้วยเสียงที่อ่อนลงไปอีก และชายหนุ่มก็เงียบไปชั่วครู่ราวใช้ความคิด
“ไม่ย้ายก็ได้ แต่คืนวันศุกร์กับเสาร์ต้องไปนอนกับฉัน”
สีหน้าแววตาปฏิเสธและต่อต้านของเธอคงสื่อออกไปชัดเจน อีกฝ่ายจึงเอ่ยสำทับ
“ถ้าเรื่องมากก็ขนของมันตอนนี้เลย”
“ก็ได้”
นิชาดาจำต้องตอบไปอย่างจำใจ
“ก็แค่นั้น”
เพราะไม่พอใจคนที่เอาแต่ออกคำสั่งควบคุมเธอ นิชาดาอยากหนีลงจากรถไม่อยากพูดอะไรอีกแต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้
“ขอมือถือฉันคืนด้วย”
“ฉันจะคืนให้เย็นวันศุกร์”
เย็นวันศุกร์ วันนี้วันพุธก็อีกตั้งสองวันสองคืน อีกอย่างทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือแทบจะเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของมนุษย์แล้ว
“ฉันจำเป็นต้องใช้ ตอนนี้ก็ต้องโทรหาเพื่อนให้เอากุญแจบ้านมาให้”
เธอไม่มีอะไรติดตัวมาเลย
“ก็บอกให้ไปที่สำนักงานแต่แรก”
ชายหนุ่มยังวนกลับไปเรื่องเดิม
“ฉันก็อายเป็นนะ ให้เพื่อนเห็นสภาพนี้คนเดียวยังดีกว่าคุณวัชกับพี่รินเห็นด้วย”
นิชาดาอุบอิบพลางค้อนคนที่ไม่ยอมจบ
“รูมเมทเธอ กุ๊กใช่ไหม”
“อืม”
“ฉันจะโทรไปบอกให้เขาฝากเคาน์เตอร์ไว้กับรินสักครู่เอง เธอรออยู่นี่”
“ฉันแค่ขอมือถือ นายจะทำให้ยุ่งยากทำไม”
เธอรู้สึกว่าตัวเองขอเพื่อนให้ช่วยน่าจะดีกว่าชายหนุ่มโทรให้ได้อาย
“คนที่เรื่องมากแล้วก็ทำให้ยุ่งยากก็คือเธอเอง ฉันสั่งยังไงเพื่อนเธอก็ต้องมาโดยที่กล้าไม่ซักถามอะไร มันง่ายกว่าไม่ใช่เหรอ”
มันก็จริงกับสิ่งที่ชายหนุ่มบอก นิชาดาลังเลขณะที่ธีรดนย์ล้วงมือถือของเขาขึ้นมา รอสายไม่นานก็เอ่ยขึ้น
“กุ๊ก มาเปิดบ้านให้เพื่อนเธอหน่อย ฝากเคาน์เตอร์กับรินไว้ บอกว่าฉันสั่ง”
เมื่อวางสายก็มองเธอด้วยแววตาที่ราวกับถามว่า เขาพูดถูกใช่ไหม นิชาดาหน้างอ เม้มปากอย่างขัดใจ
“ขอมือถือฉันคืนได้ไหม”
อย่างไรเธอก็อยากได้มือถือของตนคืน อยากคุยกับพี่ชาย คิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นห่วงและเธอก็มีเรื่องต้องถามเขา
น้ำเสียงหญิงสาวติดอ้อนเล็กน้อยทำให้คิ้วเข้มกระตุก แล้วก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“มาจูบใหม่แบบดีๆ หวานๆ สิ”
ริมฝีปากอิ่มสีหวานเผยอค้าง ดวงตาคู่กลมโตมองเขานิ่งพร้อมใบหน้าที่เหวอนิดๆ ทำให้คนเห็นถูกใจแปลกๆ ทั้งสะใจทั้งนึกขำระคนกัน
======
ไหนบอกห่วยแตก ยังจะบอกให้หมอกจูบตัวเองอีกนะนายดนย์ ^-^"
ปลายนิ้วแกร่งไล้แผ่วผิวตรงข้างเอวสูงขึ้นมาวนเวียนปลายยอดอกแล้วขยำเบาๆ ทำเอานิชาดาสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นกลางดึก พร้อมกับที่ริมฝีปากอุ่นพรมไต่จากต้นแขนมายังไหล่มน ซอกคอจนถึงใบหูก่อนกระซิบ“หมอกจ๋า รักกันนะจ๊ะ”“คุณดนย์ นี่บ้านใหญ่นะคะ ลูกก็อยู่ด้วย”เธองัวเงียห้ามเสียงเบาเพราะเกรงจะทำให้ลูกชายตื่นและตนเองก็พึ่งหลับไปไม่นานหลังจากป้อนนมหนูน้อยจึงยังเพลียอยู่ ทั้งนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มนักอยู่แล้ว ยังดีที่เวลากลางวันมีคุณนายแสงหล้ากับเหมยช่วยดูลูกพอให้ได้งีบบ้าง“น่านะ รับรองเบ๊าเบา ลูกไม่ตื่นแน่”สามียังกระซิบเสียงทุ้มนุ่ม มือก็เคล้าคลึงทรวงอกที่อวบอัดขึ้นของตนทำเอานิชาดาอกใจสั่นไหวไม่น้อย จะว่าไปตนก็คิดถึงสัมผัสจากชายหนุ่มอยู่เหมือนกัน หากก็ยังกังวล“ได้ด้วยเหรอคะ”“เดี๋ยวทำให้ดู”พร้อมพูดชายหนุ่มก็เชยคางให้เธอหันกลับไปรับจูบนุ่มนวลก่อนจะค่อยเพิ่มแรงจูบเม้มและกัดกลีบปากอิ่มด้านล่างให้เธอเผยอรับลิ้นร้อน นิชาดาขยับตัวพลิกมาโอบรอบลำคอหนาตอบรับจูบลึกซึ้งอย่างไม่ยอมน้อยหน้าร่างสองสองขยับเสียดสีเบาๆ ในสัดส่วนที่แตกต่างหากสอดรับกันอย่างลงตัว ลูกชายตัวน้อยนั้นนอนในเปลสี่เหลี่ยมไม่ต้องเกรงว่าแรงเคลื่อ
“คุณดนย์คะ”กลางดึกคืนหนึ่งหลังจากมาพักโรงแรมได้สองวันนิชาดาก็รู้สึกปวดท้องแล้วเหมือนมีบางอย่างไหลออกมา หญิงสาวพึมพำเรียก ชายหนุ่ม เพียงแตะแขนอีกฝ่ายก็รู้สึกตัวแล้วขยับนั่งเปิดโคมไฟทันที“เจ็บท้องเหรอหมอก”“ค่ะ...น่าจะน้ำเดินแล้ว”เธอพูดจนแทบไม่มีเสียงเพราะเจ็บ“งั้นหมอกอยู่นิ่งๆ ก่อนนะ แป๊บเดียว”ร่างสูงใหญ่รีบลุกขึ้นใส่เสื้อโดยเร็วแล้วคว้ากระเป๋าที่เตรียมเอาไว้ก่อนมาประคองร่างที่อุ้ยอ้ายขึ้นของภรรยา“เดินพอไหวไหม”“ค่ะ”นิชาดายังพอไหวจึงกัดฟันค่อยๆ เดินไปพร้อมกับที่ชายหนุ่มพยุง ธีรดนย์ตั้งใจเลือกห้องพักใกล้ลิฟต์จึงไม่ต้องเดินไกลมากหญิงสาวนอนรอเพื่อให้ปากมดลูกเปิดและปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสามีอยู่ข้างๆ เป็นทั้งคนปลอบใจให้กำลังใจและที่ระบายของตนเพราะบ่อยครั้งที่เธอมักจะจิกเล็บลงบนหลังมือหนาที่กุมมือตนไว้“อื้อ เจ็บจังค่ะ”ยิ่งเห็นดวงหน้าสวยซีดเผือด เหงื่อผุดพราย ทรมานด้วยความเจ็บปวดชายหนุ่มก็ทุรนทุรายตาม เพราะหญิงสาวนอนอยู่แบบนี้มาสามชั่วโมงแล้ว ก้มลงไปจูบหน้าผากมนเช็ดเหงื่อให้ก่อนจะกระซิบ“ฉันจะตามพยาบาลอีกรอบนะ”นิชาดาปล่อยให้ชายหนุ่มไปโดยไม่แย้ง เธอรู้สึกทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่น
ไร่ชาดิฐวัฒน์ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสอากาศบริสุทธิ์แห่งขุนเขา นอนในบ้านท่ามกลางไร่ชาเขียวชอุ่ม มองเห็นเมฆลอยต่ำปกคลุมยอดเขา การเก็บชาก็ได้รับความนิยม มีคนจองคิวเต็มจำนวนในทุกวันนิชาดาที่ออกมาเก็บภาพบรรยากาศวันหยุดเพื่อโพสต์ในเว็บและโซเชียลต่างๆ ของไร่ยืนมองผู้คนที่มีความสุขกับการได้มาไร่นี้อย่างภูมิใจ ตอนนี้นอกจากเพจแล้วเธอเปิดแอคเคาต์โซเชียลของไร่เพิ่มขึ้นจนครบถ้วน เพราะโลกออนไลน์เป็นสิ่งที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในยุคสมัยนี้“ชอบไหมเจ้า”ส้มที่เป็นคนถ่ายภาพให้เธอเปิดกล้องให้ดู ขณะที่นิชาดามากับมธุรินซึ่งยืนเป็นเพื่อนและคอยดูแลเธอที่ท้องแก่ใกล้คลอด ความจริงธีรดนย์ไม่อยากให้หญิงสาวมาทำงานแต่นิชาดาไม่อยากอยู่เฉยๆ การได้ขยับตัวเดินไปเดินมาจะช่วยให้เธอคลอดธรรมชาติได้ง่ายขึ้น หากก็ต้องดูว่าเด็กกลับหัวด้วยหรือไม่เหมือนกัน“อืม ชอบจ้ะ ไปเก็บภาพมุมโน้น ให้เห็นคาเฟ่กับร้านอาหารด้วยนะจ๊ะ”“เจ้า”“พี่ไปกับส้มเองก็ได้ หมอกเข้าไปนั่งพักในคาเฟ่ดีกว่า”มธุรินเอ่ยปากเพราะดูท่าเหมือนภรรยาเจ้าของไร่จะเดินไปอีกไกลกับส้ม“ถ้าอย่างนั้นฝากพี่รินด้วยนะคะ แล้ว
“พอใจหรือยังเมียจ๋า”“อะไรคะ”“ก็รู้แล้วว่าฉันไม่ได้พลาดพลั้งเสียท่าคุณภัทร ฉันเป็นของหมอกคนเดียวมาตั้งแต่จดทะเบียนแล้วไงล่ะ”พร้อมกับถามใบหน้าคมเข้มก็ขยับมาชิด หน้าผากจรดแนบหน้าผากเธอ ส่งสายตาออดอ้อนก่อนจะดันตัวเธอให้ค่อยๆ ถอยไปชิดเตียง แต่เขาทิ้งตัวเองลงหงายหลังแล้วรั้งเธอให้นอนลงไปบนร่างแกร่งนิชาดายิ้มหวาน ไม่ได้ฝืนตัวเพราะตัวเองก็ไม่ได้ขุ่นเคืองอะไร เพียงแค่สงสัยเพราะธีรดนย์ไม่ได้กลับบ้านดึกนัก ยกเว้นช่วงก่อนจัดงานแต่ง“พอใจค่ะ”เธอตอบเสียงเบาชายหนุ่มก็ยิ้มมุมปาก“ผัวเป็นคนดี ไม่วอกแวก รักเมียคนเดียว เมียไม่ให้รางวัลหน่อยเหรอจ๊ะ”คนใต้ร่างอ้อนเสียงทุ้ม แววในดวงตาคู่คมเข้มนั้นหวานฉ่ำจนนิชาดารู้สึกว่าหัวใจตนกำลังละลายไปกับความหวานที่ส่งมาให้“อืม”ปลายนิ้วเรียวไล้วนเหนืออกกว้างพลางทำท่าทีราวครุ่นคิด“อยากได้รางวัลเล็กหรือรางวัลใหญ่คะ”“ชุดใหญ่สิจ๊ะเมียจ๋า”นิชาดาไม่ตอบรับทว่ามือบางเปลี่ยนเป็นลูบแผงอกหนาของคนไม่ใส่เสื้อ แล้วเห็นชายหนุ่มสูดหายใจลึก ยิ่งมือเธอลากลงต่ำ อีกฝ่ายก็ถึงกับกลืนน้ำลายมือนุ่มไม่ได้ต่ำลงไปอย่างที่เขาคาดหวังหากไล้แผ่วเพียงตรงช่วงเอว แต่ชายหนุ่มก็พอใจเพราะร่างหอ
ร่างอรชรออกมายืนหน้าระเบียง มองพระจันทร์ดวงโตผ่านแมกไม้แล้วก็เอาโทรศัพท์ถ่ายก่อนจะอัปโซเชียล ก็มีคนทักและพิมพ์คอมเม้นต์ว่าคิดถึงหลายคน ปกตินิชาดาอัปเดตบ่อยทว่านับแต่มาอยู่ที่นี่ก็ห่างหายเพราะปัญหาต่างๆ ที่รบกวนจิตใจและทุ่มเทความตั้งใจกับงานใหม่ของตน ทั้งยังไม่ได้ตัดวิดีโอที่ถ่ายขณะเดินทางมาไร่ดิฐวัฒน์ด้วย ช่องของเธอพร้อมโซเชียลหยุดเคลื่อนไหวมาสามเดือนแล้ว มานึกขึ้นได้ในตอนนี้ คิดว่าน่าจะพอมีเวลาทำงานตัวเองในวันหยุดได้ เพราะตอนนี้งานในไร่ลงตัวและมีกำหนดปล่อยคลิป Vlog เดือนละครั้ง“จะว่าไป เราไม่เคยชมจันทร์ด้วยกันเลยนะ ออกมาก็น่าจะรอฉันก่อน”เสียงเข้มดังขึ้นและผ้าคลุมที่มาพร้อมการโอบกอดจากด้านหลัง ธีรดนย์คุยงานกับวัชพลนิชาดาก็แวบไปอาบน้ำก่อนแล้วจำได้ว่าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงซึ่งตนเองยังไม่เคยได้มองดูอย่างจริงจังว่าจะสวยดวงโตแค่ไหน ทั้งยังมีเรื่องให้คิดอยากให้ธรรมชาติยามค่ำคืนช่วยบำบัดความตึงเครียด จึงออกมาหน้าระเบียงในตอนชายหนุ่มอาบน้ำธีรดนย์วางคางบนบ่าเธอ กรุ่นกลิ่นครีมอาบน้ำอบอวลพร้อมไออุ่นจากร่างสูงใหญ่โอบล้อมทำให้หญิงสาวเอนอิงอีกฝ่ายราวต้องการความอบอุ่น“ก็เพราะเอะอะคุณดนย์ก็อุ้มเ
“ฉันเปล่า....”ภัทรดาส่ายหน้าพลางถอยหลังเสียงสั่นมากขึ้น“กลัวทุกคนจะรู้ว่าคุณมาถึงไร่หลังฉันเกิดอุบัติเหตุใช่ไหมคะ”นิชาดาจะไม่ไล่บี้อีกฝ่ายเลยหากเจ้าตัวไม่บอกว่าเธอใส่ร้าย“เธอเกิดเรื่องเมื่อไรฉันก็ไม่รู้ ฉันแค่มาทำงาน ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”“ไม่เป็นไร ดูกล้องก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะผมจำเวลาที่หมอกเกิดเรื่องได้ ถ้าคุณไม่รู้อะไรจริงก็รอให้การณ์กับตำรวจ”“คุณดนย์”คนที่หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งตาโต พึมพำพลางถอยหลังช้าๆ“ภัทรไม่ได้ทำนะคะคุณดนย์ ไม่ใช่ภัทรนะ เมียคุณใส่ร้ายภัทร”“ถ้าไม่ได้ทำคุณก็ไม่ต้องกลัวอะไร ไม่ต้องห่วงไปหรอก ตำรวจก็แค่สอบถามเท่านั้น”ยิ่งธีรดนย์เอ่ยถึงตำรวจซ้ำอีกภัทรดายิ่งหวาดกลัวมากขึ้น หญิงสาวรีบหันหลังจะกลับไปขึ้นรถ“ไม่ ภัทรไม่ผิด ภัทรไม่ได้ทำอะไร อย่ามายุ่งกับภัทร”ภัทรดาเหมือนสติหลุดขยับพรวดออกไปราวต้องการหนี ขณะนั้นมีรถคันหนึ่งขึ้นเนินมา ซึ่งก่อนหน้านี้แต่ละคนก็ไม่ทันได้สังเกตสิ่งอื่นเช่นกันเพราะรถของภัทรดาจอดบังทางที่จะเห็นได้ และต่างก็กำลังสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่พอเห็นรถทั้งหมดก็ตะโกนรั้ง“คุณภัทร!”“กรี๊ดดด!”เอี๊ยด!!เสียงรถเบรกดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าภัทรดาก็ถูกเ