เข้าสู่ระบบโรสิตาหลบออกมานั่งเล่นบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างศาลา พลางระลึกถึงกัลยา ผู้เป็นป้า ที่มีบุญคุณกับเธออย่างเหลือล้น กัลยารับเธอมาเลี้ยงดูเป็นอย่างดีนับตั้งแต่วันที่เธอต้องกำพร้าพ่อแม่ ทางด้านตรัยผู้เป็นสามีของกัลยาก็ไม่เคยรังเกียจเธอแม้แต่น้อย ท่านกลับให้ความเมตตา และปฏิบัติต่อเธอราวกับเป็นลูกหลานคนหนึ่ง โรสิตาจึงมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะตอบแทนบุญคุณของท่านทั้งสอง
ทว่า...เธอไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
เพียงแค่คิด...ขอบตาก็ร้อนผ่าวเกิดเป็นหยดน้ำใสไหลลงมาจากดวงตากลมโตอันแดงช้ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“คุณโรส” เสียงเรียกจากถนัดศรี ดึงสติโรสิตาให้คืนกลับมา มือบางรีบปาดคราบน้ำตาอย่างรีบร้อนก่อนลุกขึ้นประคองหญิงสูงวัยนั่งลงบนม้านั่งปูน
“คุณโรสกินอะไรรองท้องหน่อยนะคะ เดี๋ยวป้าให้คนเตรียมให้”
“โรสไม่หิวค่ะ” เธอตอบพลางส่ายหน้าเล็กน้อย
“โธ่ คุณโรส” ถนัดศรีหมดปัญญาจะหว่านล้อมโรสิตา ในแต่ละวันหล่อนพูดจนปากเปียกปากแฉะนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อขอร้องให้โรสิตายอมกินข้าวกินปลาและนอนพักผ่อนบ้าง ทว่าสาวน้อยก็ยืนกรานปฏิเสธอย่างเดียว
ติณณ์ซึ่งกำลังยืนฟังอยู่ไม่ห่าง ตัดสินใจเดินเข้ามาหาหญิงต่างวัยทั้งสอง
“ป้าถนัดครับ ผมจะกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทางนี้ผมฝากป้าถนัดด้วยนะครับ”
“ค่ะ คุณติณณ์ไม่ต้องห่วงนะคะ ทางนี้มีคนช่วยเยอะแยะ”
“โรส” เสียงเข้มกล่าวขึ้น ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อย
“คะ?”
“กลับบ้าน”
“ไม่ค่ะ โรสไม่กลับ”
“กลับไปอาบน้ำพักผ่อนก่อน ตอนเย็นค่อยมาพร้อมกัน” ติณณ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงราวกับอ้อนวอนหญิงสาวไปในที ถนัดศรีถึงกับมองชายหนุ่มด้วยความสงสัย เพราะหล่อนรู้นิสัยความใจร้อนและเอาแต่ใจของติณณ์เป็นอย่างดี ไม่เคยมีใครบนโลกใบนี้ที่ชายหนุ่มจะยอมอ่อนข้อให้ง่าย ๆ
“ไม่ค่ะ”
สาวน้อยกลับยืนกรานเสียงแข็ง จนความอดทนของชายหนุ่มที่มีอยู่น้อยนิดเป็นอันหมดลง ติณณ์คว้าข้อมือเล็กดึงร่างบางลอยละลิ่วขึ้นจากม้านั่ง ทั้งคนถูกฉุดกระชากและคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตกใจไปตาม ๆ กัน
“ว๊าย/ว๊าย”
ติณณ์ลากโรสิตาเดินมาที่รถยนต์คันหรูซึ่งจอดรออยู่ด้านหน้า โรสิตาพยายามสะบัดข้อมือเพื่อให้หลุดพ้นจากอุ้งมือใหญ่ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะการที่เธอแทบไม่กินไม่นอนในช่วงสามวันที่ผ่านมา ทำให้ร่างกายของเธออ่อนล้าลงทุกวัน แล้วเธอจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาต่อต้านชายร่างยักษ์คนนี้
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องโดยสารด้านหลัง ก่อนยัดร่างเล็กเข้าไปอย่างไร้ซึ่งความปรานี
“อย่าลงมานะ ถ้าเธอกล้าลงมาได้เห็นดีกัน” เขากล่าวเสียงดุ และปิดประตูอย่างแรง
“คุณติณณ์” ถนัดศรีเดินเร็ว ๆ เข้ามาด้วยความเป็นห่วงโรสิตา
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่เอาไปฆ่าไปแกงหรอก ถ้าดื้อก็จะทุบให้สลบ จะได้นอนพักผ่อนบ้าง และถ้าไม่กินก็จะจับกรอกปาก ก็แค่นั้น”
“คุณติณณ์!!!” ถนัดศรีหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นทันที หล่อนมองชายหนุ่มสลับกับหญิงสาวภายในรถ คนหนึ่งช่างดื้อดึงเกินใคร อีกคนก็ใจร้อนดั่งพายุ
ติณณ์ไม่ปล่อยให้ถนัดศรีได้เทศนาต่อ ชายหนุ่มรีบเดินอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่งหนึ่งทันที ปล่อยให้หญิงสูงวัยมองตามท้ายรถที่ค่อย ๆ เคลื่อนที่ออกไปด้วยความกังวล
โรสิตานั่งหน้างอเป็นม้าหมากรุกมาตลอดทางกลับบ้าน เธอมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่ออยากจะหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่เพิ่งจะทำให้เธอโมโหจนแทบอยากจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ
เมื่อรถเคลื่อนที่เข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังงามของตระกูลรังสรรค์ประกาศิต โรสิตาก็เปิดประตูรถและรีบเดินเข้าบ้านไปทันทีโดยไม่รอชายหนุ่มเจ้าของบ้าน
ติณณ์เดินตามหญิงสาวเข้าบ้าน เป้าหมายของชายหนุ่มคือห้องนอนของเขา ซึ่งอยู่ติดกันกับห้องนอนของสาวน้อยที่กำลังเดินกระแทกเท้าตึงตังอยู่เบื้องหน้า ดวงตาคู่คมหรี่มองแผ่นหลังบอบบางที่เดินหายเข้าห้องไปพร้อมกับประตูห้องที่ปิดลงอย่างแรง
เมื่อติณณ์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มจึงลงมาห้องครัวเพื่อทำอาหารง่าย ๆ กินรองท้อง เพราะเด็กรับใช้ในบ้านไปช่วยงานที่วัดกันหมด เขาไม่ลืมที่จะทำเผื่อแผ่เด็กดื้อที่เขาหิ้วกลับมาจากวัดด้วย
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
ติณณ์เคาะประตูห้องนอนของโรสิตาอยู่นานสองนาน แต่ก็ไม่มีแม้เสียงตอบรับ
“โรส เปิดประตู”
“ปัง ปัง ปัง” เมื่อเธอไม่มาเปิด ชายหนุ่มจึงเพิ่มระดับความรุนแรงด้วยการทุบบานไม้สี่เหลี่ยมด้วยความหงุดหงิด
บานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มค่อย ๆ เปิดออก เผยให้เห็นดวงหน้าเศร้าหมองและขอบตาบวมช้ำ ซึ่งดูก็รู้ว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอีกครั้ง
“ยังไม่อาบน้ำ?”
หญิงสาวไม่ตอบแต่เดินกลับไปล้มตัวลงนอนบนเตียงเงียบ ๆ
“โรส ลุกขึ้น” ติณณ์สาวเท้าเข้ามาหยุดยืนมองคนตัวเล็กที่นอนคุดคู้กอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลไว้แนบอก
“...”
“โร-สิ-ตา-ลุก-ขึ้น”
“...”
โรสิตายังคงนิ่งเฉยอยู่แบบนั้น ติณณ์ตัดสินใจช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มและพาเดินเข้ามายังห้องน้ำโดยไม่สนใจเสียงหวานที่ร้องโวยวาย ประท้วงการกระทำของชายหนุ่ม
“คุณติณณ์ปล่อยนะ”
ติณณ์วางเธอลงใต้เรนชาวเวอร์ก่อนจะออกคำสั่งเสียงดุ
“อาบน้ำเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะจับเธอแก้ผ้าและอาบให้เธอเอง”
“ทุเรศที่สุด คุณมันบ้า บ้าอำนาจ ไม่คิดถึงจิตใจคนอื่น ฉันเพิ่งจะเสียคุณป้ากับคุณลุงไป ฉันเสียใจ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ทำไมต้องบังคับกันด้วย ฮือ ฮือ” กล่าวจบเธอถึงกับปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่น
“โรสิตา ชื่อ โรสิตานี่แปลว่า คนเห็นแก่ตัว หรือว่า ตัวภาระ”
“...” โรสิตากลั้นสะอื้น พลางมองชายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ
“เธอสูญเสีย เธอเสียใจ เธอคิดว่ามีเธอคนเดียวหรือไง ฉันเสียพ่อไป ป้าถนัดและทุกคนสูญเสียเจ้านายทั้งสองคน มีแต่เธอที่เสียใจเหรอ”
“...”
“ฉันถาม ว่ามีแต่เธอคนเดียวที่เสียใจเหรอ”
“...” หญิงสาวก้มหน้านิ่ง ริมฝีปากเรียวบางเม้มเป็นเส้นตรง ติณณ์ยืนจ้องเธอเพื่อรอว่าจะต่อปากต่อคำอะไรอีกไหม เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของโรสิตาสงบลงแล้ว ติณณ์จึงเดินออกจากห้องน้ำ และก่อนประตูจะปิดลงชายหนุ่มนึกบางอย่างขึ้นได้จึงกล่าวเตือนสติเธอ
“ถ้าป้าเธอรู้ว่าเธออยู่ในสภาพนี้คงตายตาไม่หลับ” โรสิตาหันขวับไปมองตาขวางก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท
สุดท้ายโรสิตาก็ยอมอาบน้ำชำระล้างร่างกาย หลังจากที่ไม่ได้อาบมาร่วมสามวัน เธอออกมานั่งทบทวนการกระทำของตนเองจากคำพูดของติณณ์ พลางมองชามข้าวต้มและนมในแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง
‘โรสหลานป้า เกิดแก่เจ็บตาย มันเป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอนะลูก หนูต้องรับมือกับมันให้ได้นะ คิดเสียว่าพ่อแม่ท่านไปสบายแล้ว อย่าให้ท่านต้องเป็นห่วงเลยนะ’
กัลยาเคยพร่ำบอกเธอเมื่อครั้งที่บุพการีทั้งสองของโรสิตาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกจนเต็มปอดเพื่อรวบรวมสติ ก่อนยกถาดอาหารขึ้นมาวางบนเตียง และพยายามฝืนกินข้าวต้มรสชาติจืดชืดเข้าไปคำแล้วคำเล่า คละเคล้าหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลริน แม้เธอจะยังไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้ในตอนนี้ แต่เธอจะต้องกินต้องนอน เพื่อไม่ให้เป็นภาระคนอื่น ดังเช่นที่คนใจร้ายปรามาสเอาไว้
หลังเรื่องราวร้าย ๆ ได้ผ่านพ้นไป ชีวิตของติณณ์และโรสิตาเสมือนดังฟ้าหลังฝน จะทำอะไรก็มีแต่จะลุล่วงด้วยดีไปเสียทุกอย่าง จนถนัดศรีอดชื่นชมไม่ได้ว่าเป็นเพราะคุณหนูตัวน้อย ๆ ที่กำลังจะเกิดมาช่วยหนุนนำให้เกิดแต่สิ่งดีงามในวันเปิดตัวคอนโดสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และแขกเหรื่อจำนวนมาก ทุกยูนิตของโครงการถูกจองเต็มในเวลาอันรวดเร็วโดยงานนี้ ท่านประธานหนุ่มถือโอกาสเปิดตัวภรรยาคนสวยที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสกันมาหมาด ๆ หลังจากที่ทั้งคู่ออกจากโรงพยาบาล เรียกเสียงฮือฮาให้กับแขกเหรื่อ และพนักงานเป็นอย่างมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทุกคนล้วนแสดงความยินดีให้กับทั้งคู่หลังจากสิ้นสุดงานเปิดตัวคอนโด ติณณ์วางแผนลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์เต็ม เพื่อพาภรรยาและลูกน้อยในครรภ์ไปพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ ถึงแม้ตอนนี้อายุครรภ์จะยังอยู่ในช่วงไตรมาสแรก แต่ว่าที่คุณพ่อผู้แสนจะเห่อลูกคนแรกอย่างออกหน้าออกตา คอยพูดคุยกับหน้าท้องที่ยังแบนราบของภรรยาทุกคืนก่อนนอนในครั้งนี้ทั้งคู่เดินทางด้วยรถมินิแวนโดยมีคนขับรถประจำตำแหน่งท่านประธานทำหน้าที่เป็นสารถี ติณณ์บอกกับโรสิตาว่าจะพาไปพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศที่เพิ่งจ
“คุณโรสขา” ถนัดศรีเดินหน้าตาตื่นเข้ามาหาโรสิตาที่หน้าห้องฉุกเฉิน สภาพของหญิงสาวในเวลานี้ เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดแห้งกรังมากมายทำเอาหญิงชราลมแทบจับ อีกทั้งใบหน้าอันซีดขาวปราศจากสีเลือด และท่าทางอิดโรย ทำให้โรสิตาดูน่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน“ป้าถนัด” โรสิตาโผเข้ากอดถนัดศรี พร้อมกับทำนบน้ำตาที่ไหลทะลักออกมาอีกครั้ง“คุณโรส ทูนหัวของป้า ไม่ร้องนะคะ คุณติณณ์ถึงมือหมอแล้ว” มือเหี่ยวย่นลูบแผ่นหลังบอบบางปลอบโยนอย่างแผ่วเบา“โรสทำให้คุณติณณ์ต้องเป็นแบบนี้ค่ะ ฮือ ฮือ”“ไม่จริงนะคะคุณโรส คุณโรสห้ามคิดแบบนี้เด็ดขาดนะคะ” ถนัดศรีว่าพลางคลายอ้อมกอด และประคองโรสิตามานั่งลงบนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน“คุณโรสไม่ใช่คนยิงคุณติณณ์นะคะ ถ้าจะโทษต้องโทษนายคนนั้น” โรสิตาได้ฟังก็พยักหน้ารับรู้ ทว่าภายในใจเธอก็ยังรู้สึกตำหนิตัวเองที่คนรักต้องมาบาดเจ็บปางตายขนาดนี้หญิงต่างวัยทั้งสองนั่งกุมมือกันจ้องมองไปยังประตูห้องฉุกเฉิน เฝ้ารอเวลาให้ประตูบานนั้นเปิดออกมาพร้อมข่าวดี เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก คุณหมอหนุ่มในชุดกาวน์สีขาวก้าวออกมา โรสิตาจึงรีบเดินเข้าไปสอบถามด้วยความร้อนใจ“คุณหมอคะ คุณติณณ์เป็น
หนึ่งเดือนต่อมาบริษัทรังสรรค์พรอพเพอร์ตี้ มีกำหนดการการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ทำให้ติณณ์และโรสิตางานยุ่งตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทว่าทั้งสองคนก็ยังคงหมั่นเติมความหวานให้กันอยู่เสมอ หากวันไหนเลิกงานเร็วติณณ์ก็จะพาโรสิตาไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนบ้าง ดูหนังรอบดึกบ้าง ขับรถสปอร์ตเปิดประทุนกินลมชมวิวในยามค่ำคืนบ้าง หากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ติณณ์ก็จะพาโรสิตาไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้าง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศสัปดาห์ที่แล้วติณณ์มีธุระต้องเดินทางไปอเมริกาอีกครั้ง ครั้งนี้ชายหนุ่มพาโรสิตาไปด้วย เพราะไม่อยากคิดถึงถึงเธอจนทนไม่ไหวเหมือนคราวที่แล้ว เธอเองก็เช่นกันธุระของติณณ์ คือ การขายหุ้นธุรกิจที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นมาให้แก่หุ้นส่วน นั่นทำให้โรสิตาตกใจมาก เพราะเธอรู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของชายหนุ่ม ที่เขาสร้างขึ้นมาเองด้วยสมองและสองมือ“พี่ไม่อยากเอาเปรียบเพื่อน ตั้งแต่พี่ตัดสินใจกลับไปอยู่ไทยถาวร พี่ก็คิดเรื่องนี้มานาน จนวันที่พี่ต้องกลับมาสะสางปัญหาที่นี่ การที่พี่ต้องห่างจากโรส ทำให้พี่ตัดสินใจได้ทันที โรสไม่ต้องคิดมากนะ
แสงแดดยามสาย สาดส่องลอดผืนผ้าม่านเข้ามากระทบบนดวงหน้าสวย เรียกสติให้หญิงสาวที่นอนหลับใหลภายในอ้อมกอดชายหนุ่มฟื้นขึ้น ร่างบางพยายามบิดไปมาเพื่อขับไล่ความปวดเมื่อยตามร่างกาย อันเป็นผลมาจากกิจกรรมเร่าร้อนที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนจนเกือบรุ่งสาง“คุณติณณ์ปล่อยโรสค่ะ โรสจะกลับห้อง” สองมือเล็กผลักไสท่อนแขนแข็งแรงให้พ้นจากเอวบาง“วันนี้วันหยุด จะรีบตื่นไปไหน มากินกันก่อนอีกสักรอบเร็ว” ชายหนุ่มว่าพลางกระชับกอดรอบเอวคนรักแน่นขึ้น“คุณติณณ์!!!” โรสิตาได้ยินแบบนั้นจึงแหวเสียงสูง ตั้งแต่เมื่อคืน เธอแทบจะไม่ได้หลับได้นอน เพราะต้องรับศึกหนักที่ชายหนุ่มเคี่ยวกรำตลอดคืน“เมื่อไหร่โรสจะเลิกเรียกคุณ ๆ ๆ ฟังแล้วดูห่างเหิน ใจคอไม่ดี”“แล้วจะให้โรสเรียกว่าอะไรคะ ในเมื่อคุณติณณ์ก็ยังเป็นเจ้านายโรส”“เป็นเมียด้วย”ติณณ์ว่าพร้อมพลิกกายขึ้นคร่อมร่างบางกักขังเธอเอาไว้ ก่อนซุกไซร้ลงบนซอกคอเรียวระหง โรสิตาแหงนหน้ารับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอันเปี่ยมสุข“อื้อ เป็นเมีย แสดงว่าโรสก็มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในบ้านหลังนี้ใช่ไหมคะ”“อืม ใช่”“งั้นโรสเรียกคุณว่า ติณณ์ หรือ ตินติน ดีน้า” โรสิตาว่าพลางหัวเราะคิกคัก“ลามปามแล้ว
“ทำหน้าที่สามี”ติณณ์จ้องมองดวงหน้าหวานด้วยความรักใคร่ อดีตเด็กสาวในวันวาน บัดนี้เธอเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง เมื่อไหร่กันที่โรสิตาเข้ามาจับจองพื้นที่ในหัวใจของเขา พอรู้ตัวอีกที ทั้งสี่ห้องหัวใจก็ถูกเธอครอบครองเอาไว้จนหมดสิ้นชายหนุ่มกระตุกปลายเชือกเสื้อคลุมของโรสิตา และแหวกสาบเสื้อสองข้างแยกออกจากกัน ดึงเจ้าเสื้อคลุมเกะกะออกไปจนพ้นกายบาง เผยให้เห็นอาภรณ์ชั้นในที่มีเพียงชุดนอนสายเดี่ยวเนื้อผ้าบางเบาซึ่งไม่อาจบดบังความใหญ่โตของทรวงอกเต่งตึงเอาไว้ได้เรียวนิ้วสากจรดลงบนคอเรียวเล็ก ลากไล้ลงมาตามไหปลาร้า ผ่านรอยรักสีกุหลาบที่เขาได้ฝากเอาไว้ มันจืดจางหายไปตามกาลเวลา จนแทบจะมองไม่เห็น ทุกสัมผัสของชายหนุ่ม ทำให้ร่างเล็กสั่นสะท้าน ด้วยความหวามไหว“รอยจางหมดแล้ว เดี๋ยวทำให้ใหม่นะ”ยังไม่ทันที่โรสิตาจะได้ร้องห้ามปราม ชายหนุ่มก็ฝังใบหน้าหล่อเหลาลงบนซอกคอระหง สูดกลิ่นหอมกรุ่น ขณะเดียวกันฝ่ามือสองข้างบีบคลึงความอวบอิ่มไว้เต็มไม้เต็มมือ“อื้อ คุณติณณ์ อย่าทำรอยที่คอนะคะ”ติณณ์ผละออกซอกคอหอมกรุ่นอย่างอาลัยอาวรณ์ ชายหนุ่มเอื้อมจับบั้นท้ายกลมกลึงยกร่างอรชรขึ้นมานั่งคร่อมบนตักแกร่ง ฝ่ามือหนารั้งชายชุดนอน
ณ คฤหาสน์รังสรรค์ประกาศิตหลังอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อย โรสิตาก็ลงมาช่วยถนัดศรีเตรียมของใส่บาตรสำหรับพรุ่งนี้เช้า หญิงสาวนั่งใจลอยพับดอกบัว แม้มือจะเคลื่อนไหวพับไปด้วยความเคยชิน แต่ใจกลับคิดถึงชายหนุ่มที่อยู่บนห้องตลอดทางที่นั่งรถมา ติณณ์ไม่พูดกับเธอสักคำเดียว เธอทำได้เพียงลอบมองสีหน้าบึ้งตึงของชายหนุ่ม และหลังมือที่มีรอยแตกเป็นแผล อันเกิดจากการชกหน้ากิตติเพื่อปกป้องเธอ โรสิตาไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้น หากไม่ได้ติณณ์เข้าไปช่วยไว้“คุณโรสคะ คุณโรส”“คะ?”“ดอกบัวป้า เหลือแต่ก้านแล้วค่ะ” โรสิตาก้มมองดอกบัวในมือ ช่างน่าสงสาร เจ้าดอกบัวที่มีกลีบดอกอยู่หร็อมแหร็ม ส่วนกลีบที่เหลือถูกโรสิตาเด็ดทิ้งเกลื่อนเต็มโต๊ะ เพราะเธอมัวแต่เหม่อลอย“อุ๊ย ป้าถนัด โรสขอโทษค่ะ” โรสิตาว่าพลางใช้สองมือรวบรวมกลีบดอกบัวที่กระจัดกระจายทิ้งลงถังขยะถนัดศรีโคลงศีรษะเบา ๆ พร้อมยิ้มเอ็นดูสาวน้อย ก่อนวางมือจากการเตรียมเครื่องต้มยำ และเดินลงมานั่งข้างโรสิตา“คุณโรสคะ มีเรื่องอะไรกับคุณติณณ์หรือเปล่าคะ”ตั้งแต่เจ้านายทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน ถนัดศรีสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึมที่เกิดขึ้นระหว่างติณณ์และ







