LOGIN“ไอซ์นี่แกจะให้พี่ปวดหัวกับแกไปถึงไหน”
เสียงบ่นอุบตั้งแต่เช้าตรู่ของ จีน จีรธาร นิโรพล ดังขึ้นพร้อมกับฝีเท้ากระแทกพื้นเร่งร้อนของรองเท้าส้นสูงสีดำสนิทที่ก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัววีไอพี ที่ตอนนี้กลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวของพระเอกสุดฮอตประจำวงการบันเทิงไทย
ธันวา รัตนวรากุล หรือ “ไอซ์” กำลังนั่งเอนตัวพิงพนักโซฟาหนังสุดหรู มือหนึ่งควงแก้วกาแฟ อีกมือลูบผมอย่างเกียจคร้าน แววตายังฉายแววลอย ๆ เหมือนไม่ได้ฟังจริงจัง
“รู้ไหมเมื่อคืนแม่นั่นเกือบไม่ยอม พี่ต้องกล่อมอยู่ตั้งนาน”
ไอซ์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะเหยียดปากถามกลับ
“หึ! แล้วหมดไปเท่าไหร่ล่ะ”
“แสนนึง พี่จะบ้าตาย”
“อ่า ซิงก็ไม่ซิง เอาครั้งเดียวเรียกเป็นแสนเลย” เขาเปรยเสียงเรียบ แต่หางเสียงแฝงความเบื่อหน่ายมากกว่าหื่นกระหาย “ไม่มันส์ด้วย เปลืองตังค์ชิบ!”
จีรธารถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะกระจกประจำห้องแต่งหน้า ริมฝีปากเม้มแน่นเหมือนจะกลั้นคำด่าไว้เต็มปาก
“โอ้ย นี่มันใช่เรื่องจะมาคิดว่ามันส์หรือไม่มันส์ไหมเนี่ย!”
“เอาน่าพี่ ก็จ่าย ๆ ไปเหอะ ขนหน้าแข้งท่านประธานไม่ร่วงหรอก”
ไอซ์กระตุกยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน ก่อนสายตาจะเลื่อนไปยังคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง
“แล้วนี่ใครวะพี่” เขาถามเสียงขรึม พร้อมเลิกคิ้วมองหญิงสาวตัวผอมในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีดำ ที่ดูจะเป็นทางการเกินไปไหม
“ผู้ช่วยไง นี่ เมษา” จีรธารแนะนำอย่างไม่ใส่ใจนัก ขณะลุกขึ้นมาเก็บแฟ้มเอกสารบนโต๊ะ
“ทำไมต้องมีผู้ช่วยเพิ่มอีก” ไอซ์ถามกลับทันที น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดจาง ๆ
“เมษาจะมาทำหน้าที่แทนพี่ชั่วคราว พี่ต้องไปดูแลใบชา งานเดินแบบที่อิตาลี”
“ใช่สิ ผมไม่ใช่ลูกรักพี่แล้วนี่” เขาเปรยติดประชด พร้อมกับหันไปหยิบบุหรี่ซองบางขึ้นมา แต่ยังไม่ได้จุดไฟ
“เอาน่า เดี๋ยวพี่ก็กลับมา”
“นานแค่ไหน?”
ไอซ์หรี่ตามอง รู้สึกไม่พอใจแบบที่ไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ
“หนึ่งเดือน”
“ห๊ะ!!! พี่ไปดูแลพี่ใบชา หรือไปเที่ยววะ”
“ก็ใบชาเขามีไปประเทศอื่นด้วยไง” จีรธารตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน พลางยกมือแตะคิ้วอย่างระอา “แล้วก็ทำตัวดี ๆ ด้วยช่วงพี่ไม่อยู่ อย่าให้ผู้ช่วยได้ปวดหัวนัก”
ไอซ์เบนสายตามองเมษาอีกครั้ง ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักอยู่เงียบ ๆ เมษายังคงยืนอยู่ตรงประตู มองทุกอย่างอย่างนิ่งสงบ แววตาเรียบเฉย แต่ไม่มีวี่แววประหม่า
“เดี๋ยวก่อน เอาบุหรี่มานี่เลย” เสียงจีรธารดังแทรกขึ้นกลางวงสนทนา พอ ๆ กับที่เจ้าตัวพุ่งพรวดไปคว้าซองบุหรี่จากมือไอซ์ด้วยความคล่องแคล่วแบบคนเคยชิน
ไอซ์ชะงัก แล้วหันขวับ
“อะนี่ เมษาเอาเก็บไว้ อย่าให้สูบจนกว่าจะถ่ายงานเสร็จ” เสียงผู้จัดการสาวสองสั่งเด็ดขาด ก่อนจะยัดซองบุหรี่ใส่มือผู้ช่วยหน้าใหม่อย่างไม่ถามความสมัครใจ
เมษารับไว้เงียบ ๆ พร้อมพยักหน้าสั้น ๆ ดวงตาซ่อนรอยขำไว้จาง ๆ เมื่อเห็นไอซ์หันมามองตาขวาง
“ขอมวนเดียวดิวะพี่” ดาราหนุ่มงอแงอย่างคนเคยได้ในสิ่งที่ต้องการเสมอ มือเอื้อมจะคว้าแต่โดนตีเบา ๆ เข้าให้อีกที
“ไม่ได้!” จีรธารขึ้นเสียง “มันจะเหม็นติดเสื้อผ้าติดผมอีก ลำบากคนอื่น”
“เหอะ!” ไอซ์ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะทิ้งตัวพิงพนักโซฟาแรง ๆ ราวกับประกาศกร้าวว่าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรมากกว่านั้น เพราะลึก ๆ แล้วเขารู้ดีว่าไม่มีใครในวงการนี้ห่วงเขาเท่าจีน
จีรธารเช็กเวลาด้วยมือถือเครื่องหรู ก่อนจะหันมาจัดแจงผ้าพันคอผืนบางให้เข้าที่ พร้อมคว้ากระเป๋าเดินทางล้อลากที่วางอยู่ข้างประตู
“เอาล่ะ พี่ไปก่อนนะ จะบินสิบโมง” เสียงของเธอฟังดูรีบร้อนแต่ยังแฝงความห่วงใย “ตั้งแต่ตอนนี้เมษาจะดูแลแทนพี่ โอเค๊”
“ครับ ๆ เซฟไฟล์ทพี่ ฝากทักทายพี่ใบชาด้วย” ไอซ์ยักไหล่ตอบอย่างขอไปที รู้ดีว่าแม้ปากจะบ่น แต่เขาก็ไม่ได้เกลียดการดูแลของจีรธารเท่าไหร่… เพียงแต่ยังไม่แน่ใจว่าเมษาที่มารับไม้ต่อ จะดูแลเขาได้ดีแค่ไหน เพราะดูจากการแต่งตัวของเธอแล้ว เขาแทบจะส่ายหน้า
ขณะที่จีรธารเดินออกไปจากห้องพร้อมเสียงลากกระเป๋า เมษาก็ยังคงยืนเงียบอยู่ข้างประตู ไม่มีคำพูดใดเพิ่มเติมจากเธอ แค่ยืน…และมอง เหมือนคนที่กำลังรอดูว่า... พายุที่ชื่อธันวา รัตนวรากุล…จะโหมมาแรงแค่ไหน
“ชื่อไรนะ” เสียงของไอซ์ดังขึ้น พลางหรี่ตาใส่หญิงสาวตรงหน้า ขณะที่มือยังเท้าพนักโซฟา ท่าทางไม่ต่างจากนักล่ากำลังประเมินเหยื่อ
“เมษา” อีกฝ่ายตอบสั้น ๆ น้ำเสียงเรียบเย็นไม่มีความลังเลหรือกลัวเกรง
“ชื่อจริง?”
“เมษา สุทธิกันต์”
ไอซ์เลิกคิ้วทันที รอยยิ้มเย้ย ๆ ผุดขึ้นมาที่มุมปาก “เกิดเดือนเมษาสินะ ฤดูร้อนซะด้วย แต่ดูทรงไม่ร้อนแรงเหมือนชื่อเลย”
“แล้วจะทำไม” คำตอบของเมษเฉือนกลับมาแบบไม่ต้องรอจังหวะ น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบ แต่แววตาคมกริบจ้องตอบอย่างไม่ลดละ
“เชี่ย! พูดไม่มีหางเสียงด้วยว่ะ” ดาราหนุ่มพูดเหมือนจะขำ แต่มือข้างหนึ่งเริ่มกำแน่นขึ้นเล็กน้อย “อายุเท่าไหร่เนี่ย ดูแล้วก็น้อยกว่ากูแน่ ๆ”
“อายุน้อยกว่าแล้วจะทำไม” เมษาขยับแว่นบาง ๆ อย่างใจเย็น “ฉันไม่พูดเพราะกับคนหยาบคายหรอก”
คำพูดนั้นทำเอาไอซ์นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะแห้ง ๆ แล้วเอียงคอจ้องเขม็ง “อ้าว เธอนี่ ทำงานวันแรกก็วอนโดนไล่ออกซะแล้ว”
“แล้วไง ใครแคร์” เสียงตอบกลับชัดเจน จนบรรยากาศในห้องเริ่มแน่นตึงเหมือนหม้อแรงดัน “คุณคิดว่าจะหาคนดูแลดาราผู้ฉาวโฉดอย่างคุณได้ง่าย ๆ เหรอ”
ไอซ์กำหมัดแน่น หายใจเข้าลึกเหมือนกำลังพยายามควบคุมตัวเอง ‘นี่พี่จีนปล่อยกูไว้กับคนแบบไหนวะเนี่ย! แต่งตัวก็เชย ปากดีชิบหาย’ เขาคิดในใจแทบจะตะโกน ดวงตาสีเข้มวาวโรจน์ด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ก่อนที่อะไรจะเดือดไปกว่านี้ เสียงฝีเท้าเร่งรีบและเสียงหวานใสของทีมงานก็ดังขึ้นหน้าห้องแต่งตัว “คุณไอซ์คะ ใกล้ถึงคิวแล้วค่ะ สแตนด์บายได้เลยนะคะ”
ดาราหนุ่มสะบัดหน้า ก่อนจะหันหน้าไปทางประตูอย่างพยายามกลบเกลื่อนความฉุนเฉียว แต่สิ่งที่ทำให้เขาอึ้ง…กลับเป็นเสียงถัดมาที่พูดขึ้นอย่างสุภาพและมืออาชีพสุดขีด
“เชิญค่ะคุณไอซ์” เมษา คนเดิมเพิ่มเติมคือพูดเสียงเรียบเนียนจนเหมือนคนละคนกับเมื่อครู่ น้ำเสียงนั้นสุภาพ หวาน นิ่ง และเป๊ะจนทีมงานหญิงยิ้มหวานให้ราวกับเธอเป็นผู้หญิงที่มีวาจาไพเราะยิ่งกว่าใครในโลกนี้
ไอซ์หันกลับมามองอีกฝ่ายตาค้าง ในหัวมีแต่คำถามเดียวดังลั่น ‘นี่มันอะไรกันครับ คนสองบุคลิกเหรอวะ!?’
เสียงสั่งงานดังลั่นไปทั่วกองถ่าย ขณะที่ไฟสปอร์ตไลต์ค่อย ๆ สว่างขึ้นเหนือฉากห้องนอนจำลอง บนเตียงขาวสะอาดถูกจัดแต่งอย่างประณีต ดอกไม้สดประดับบนหัวเตียง กล้องถูกตั้งอยู่หลายมุม พร้อมแผ่นสะท้อนแสงที่เจ้าหน้าที่กำลังปรับตำแหน่งให้ลงตัวที่สุด
“ซีนนี้ถ่ายแค่ระหว่างพระเอกกับนางเอกนะครับ” ผู้กำกับเอ่ยเสียงดัง “อารมณ์ต้องโรแมนติกแบบนิ่ง ๆ นะครับคุณไอซ์ คุณพิม อย่าลืมคิวสบตาแล้วหายใจสั่นเบา ๆ ก่อนพูดประโยคนั้น”
“รับทราบครับ” ไอซ์พยักหน้า พร้อมส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับนางเอกสาวที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างนุ่มนวล
เมษายืนดูอยู่ด้านข้าง…สายตาแทบไม่ละจากร่างสูงของดาราหนุ่มตรงหน้า เพียงแค่ไอซ์ก้าวเข้าสู่เซ็ตการถ่ายทำ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ราวกับสลัดคราบคนปากเสียในห้องแต่งตัวทิ้งไปหมดสิ้น
ท่าทางของเขานุ่มนวล ทุกการเคลื่อนไหวดูสงบและน่าดึงดูด ไอซ์เดินไปยังนางเอกด้วยก้าวที่มั่นคง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างเธอบนเตียงในจังหวะพอดิบพอดี มือเขายกขึ้นแตะแก้มเธอเบา ๆ และเอ่ยประโยคที่เหมือนละลายคนทั้งกอง
“ถึงเธอจะไม่รักตัวเอง แต่สำหรับฉัน…เธอคือโลกทั้งใบที่ฉันอยากจะรักษาไว้”
นางเอกสาวถึงกับกลืนน้ำลายเบา ๆ ก่อนจะพูดบทของตัวเอง แต่ก็หลุดยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจเมื่อสบตากับไอซ์ นั่นไม่ใช่การแสดง…เธอกำลังเขินจริง ๆ
เสียง “คัต!” ดังขึ้น
ทีมงานหลายคนปรบมือ
“ดีมากครับ ดีมากกกกกกกกกก!” ผู้กำกับตบมือรัว
“เทคเดียวผ่าน ไอซ์ นายสุดยอดไปเลย!”
“ขอบคุณครับ” ไอซ์ยิ้มให้ทั้งทีมงาน ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันไปพูดกับ
สตาฟคนหนึ่งที่ถือน้ำอยู่“เหนื่อยหน่อยนะครับวันนี้” เขาหยิบขวดน้ำแล้วยกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ
เมษายืนนิ่ง กะพริบตาช้า ๆ ขณะมองภาพตรงหน้า นี่มันคนเดียวกับที่พูดกูมึงกับเธอเมื่อกี้จริงเหรอ? หน้ากล้องเขาดูสุภาพ อ่อนโยน อ่อนน้อมกับทุกคน เหมือนจะเข้าใจจังหวะของทุกอย่าง รู้ว่าควรยิ้มเมื่อไร ก้มศีรษะยังไงให้ดูใจดีแต่ไม่ต่ำต้อย
‘นี่สินะ…คาสโนว่าตัวพ่อของวงการบันเทิง’ เธอกวาดสายตามองรอบกอง… และก็จริงอย่างที่เธอเคยได้ยิน ดูสายตาผู้หญิงพวกนั้นสิ แต่ละคนมองไอซ์เหมือนจะยอมเป็นของว่างให้เขากินได้ตั้งแต่บนเซ็ต ราวกับแค่ได้อยู่ในเฟรมเดียวกับเขาก็ถือว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดในชีวิต
เมษาขยับแว่นอย่างไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
‘…แต่ฉันไม่ใช่หนึ่งในนั้น’
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาอมส้มเมื่อแดดบ่ายคล้อยลง งานถ่ายทำจบเร็วกว่ากำหนด ทุกคนทยอยเก็บของ บางคนกำลังถ่ายรูปกับนักแสดง บ้างนั่งพัก บ้างยืนคุยกันเป็นกลุ่ม แต่ดารานำชายกลับแยกตัวมาอยู่หลังรถตู้วีไอพีที่จอดอยู่มุมลานจอด
ไอซ์ยืนพิงขอบรถ คาดแว่นกันแดดทับผมที่ยุ่งนิด ๆ อย่างไม่ตั้งใจ สูทที่ใส่ถ่ายงานยังอยู่กับตัวแต่ปลดกระดุมออกหมด เผยให้เห็นช่วงอกผิวแทนกับรอยขีดเบา ๆ จากไมค์ไร้สาย
“บุหรี่ล่ะ” เสียงของเขาดังขึ้นโดยไม่หันมองใคร
“นี่” เมษายื่นซองบุหรี่ให้ ราวกับคาดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าต้องถูกถาม
“ขอไฟดิ”
“นี่”
ไฟแช็กถูกยื่นมาเงียบ ๆ พร้อมสายตาที่ไม่มีความรู้สึก แต่มีแววเบื่อความขี้เก๊กซ่อนอยู่จาง ๆ ไอซ์จุดบุหรี่ สูดควันเข้าไปช้า ๆ ริมฝีปากคาบมวนไว้อย่างไม่เร่งรีบ ก่อนจะเป่าควันพ่นออกมาทางซ้ายแบบตั้งใจไม่ให้โดนคนอื่น เขาพ่นลมหายใจตามบุหรี่ แล้วปรายตามองเมษที่ยังยืนตรง ราวกับเป็นป้อมเฝ้าระวังไม่รู้จักเหนื่อย
“รู้ขอบข่ายงานของตัวเองชัดเจนอยู่แล้วใช่ไหม” เสียงเขาฟังดูสบาย ๆ แต่แฝงความหมายลึกเกินกว่าจะมองข้าม
เมษาปรายตามองกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนเอ่ยเสียงเนิบ “วันนี้อยากพาสาวคนไหนขึ้นเตียงอีกล่ะ?”
ไอซ์ชะงักไปนิด ก่อนจะหัวเราะพรืดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ตรงเกินสัด!”
เขาสะบัดเถ้าบุหรี่ลงพื้น ก่อนจะเปลี่ยนโทนเสียงเป็นจริงจังแบบไม่มีบทพูดในกล้อง “งั้นไม่อ้อมค้อม... วันนี้จะปิดเกมยัยคนนั้น”
ประโยคนั้นทำให้เมษเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนหยิบมือถือขึ้นมาจดอะไรบางอย่างอย่างไม่ต้องให้สั่งซ้ำ
“อ่าห้ะ เดี๋ยวเตรียมเอกสารสัญญาให้” เธอพูดอย่างมืออาชีพ พร้อมพิมพ์ข้อความลงในแอปโน้ตเรียบร้อย
“ดี” ไอซ์พยักหน้าแล้วสูบมวนสุดท้ายของบุหรี่ก่อนจะดีดมันทิ้งใส่ถังขยะเหล็กข้างรถพอดิบพอดี
“ยัยคนนั้น” … ไม่ใช่นางเอก ไม่ใช่คนเด่น ไม่ใช่ผู้หญิงสวยหวือหวา แค่หนึ่งในทีมสไตลิสต์ที่บังเอิญหันมายิ้มให้เขานานเกินไป และบางที…ก็มองนานเกินกว่าจะรอดจากสายตาของธันวา รัตนวรากุล ไปได้
เมื่อส่งหญิงสาวตรงหน้าสู่ฝั่งฝัน เขาถอดถอนนิ้วยาวออกจากร่องสวาท ก่อนจะปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเอง เผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องแน่น ๆ สายตาคมกริบยังคงจับจ้องไปที่ร่างบางที่อยู่ใต้ร่างเขา พลางใช้มือรูดซิปกางเกงออกเหลือเพียงสิ่งบดบังแก่นกายที่ปวดหนึบเพียงชิ้นเดียว“ลุกขึ้น” เสียงของเขาออกคำสั่งอย่างเจ้าเล่ห์เธอเองก็ลุกขึ้นอย่างว่าง่าย ใบหน้ายังเปรอะไปด้วยคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งเหือดจากสมรภูมิความเสียวซ่านเมื่อครู่“ถอดของฉันออก”เธอเอื้อมมือไปดึงสิ่งบดบังชิ้นสุดท้ายออกอย่างว่าง่าย แก่นกายที่ได้รับอิสระตอนนี้กำลังชูชันชี้หน้าเธอ“ชิมดูสิ”“หืม?” เมษาทำหน้าสงสัย“อ้าปาก แล้วเอามันเข้าไป”เธออ้าปากออกตามที่เขาบอก ก่อนจะกลืนกินแก่นกายชายเข้าไปในปากจนสุด มันทำให้เธอแทบสำลักกับความยาว มือหนึ่งจับประคองไว้ที่โคน ก่อนจะค่อย ๆ ใช้ปากรูดขึ้นลงอย่างช้า ๆ“เลียด้วย”ลิ้นเล็กตวัดรัวใส่แก่นกายชายพร้อมทั้งรูดขึ้นลง มือแกร่งจับประคองศีรษะของเธอไว้เพื่อนสอนจังหวะให้เร็วขึ้น“อื้ม...”เสียงครางทุ้มต่ำเล็ดลอดออกมาจากลำคอเขาเมื่อปลายลิ้นเล็ก ๆ ตวัดเลียรอบแก่นกายที่กำลังสั่นกระตุกเป็นจังหวะ มือเล็กยังคงรูดขึ้นลงช้า
“คุณ... สอนฉันหน่อย”เสียงเธอสั่นนิด ๆ แต่สายตากลับนิ่งแน่วแน่ ไอซ์เลิกคิ้วขึ้นทันที “หือ? สอนอะไร?” เขาถามด้วยความงุนงง สองตามองสบกับใบหน้าเธอที่ยังแดงก่ำจากน้ำตาเมื่อครู่“เรื่องที่คุณถนัด” เมษาตอบเสียงแน่นไอซ์หัวเราะหึ ๆ ในลำคอ ทำทีเป็นเล่น “อ๋อ การแสดงสินะ...”แต่ยังไม่ทันขาดคำ เมษาพูดสวนขึ้นมา เสียงหนักแน่นจนเขาชะงัก“เรื่องบนเตียง... คืนนี้เอากับฉันไหม”คำพูดนั้นเหมือนตบหน้าเขาฉาดใหญ่ ไอซ์นิ่งไปทันที ร่างแข็งค้างในวินาทีนั้น สองตาเบิกนิด ๆ มองเธอด้วยความตกใจ“รู้ตัวป่ะเนี่ย ว่าพูดอะไรออกมา?” น้ำเสียงเขาเริ่มจริงจังขึ้นทันทีรู้สิ... นอนกับฉันไหม” เธอพูดซ้ำ พลางยกมือซับคราบน้ำตาบนแก้มแล้วเงยหน้ามองเขาเต็มตา สายตาที่สะท้อนทั้งความบาดเจ็บและ... ความกล้าในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนไอซ์หันหน้าหนี ถอนหายใจเฮือกยาวเหมือนกำลังเรียบเรียงความคิด“นี่เมษา! ฉันไม่เอากับคนที่ไม่ยินยอมหรอกนะ เธอก็รู้” เขามองเธออีกครั้ง คราวนี้ดวงตามีแววเข้มจริงจังมากกว่าเดิม“…” เมษานิ่งไป พลางนึกย้อนถึงเรื่องราวของเธอกับผู้ชายคนนั้น คนที่หักหลังเธออย่างเลือดเย็นเมื่อก่อนไม่ว่าเธอจะแต่งตัวแบบไหน หรือต่อให้ไ
บรรยากาศงานเลี้ยงในโซนวีวีไอพีของบาร์หรู ‘The Midnight Trap’ยังคงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและแสงไฟระยิบระยับ แขกแต่ละคนแต่งตัวกันจัดเต็มไม่แพ้กัน ดาราและเซเลบริตี้ชื่อดังในวงการบันเทิงทยอยกันมาร่วมงานอย่างต่อเนื่อง โต๊ะเครื่องดื่มชั้นดีถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ส่วนมุมถ่ายรูปเต็มไปด้วยเสียงแฟลชและกล้องมือถือที่กดรัวไม่หยุดไอซ์เดินเคียงข้างเมษาที่ในค่ำคืนนี้แทบจะเป็นคนละคนกับที่ทุกคนเคยเห็น เดรสเข้ารูปสีน้ำเงินเมทัลลิคสะท้อนแสงไฟแบบมีรสนิยม ทรงผมสลวยที่ดูเป็นธรรมชาติแต่เนี้ยบกริบ และใบหน้าที่ผ่านการแต่งแต้มจนเปล่งประกาย เธอก้าวขาอย่างระมัดระวังในรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ แต่ก็สง่างามจนใครต่อใครต้องหันมามองไอซ์ปรายตามองเธอด้วยความพึงพอใจ ‘โคตรคุ้ม...’ เขาคิดในใจ ‘แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าผู้ช่วยของกู’เพียงแค่เขาเดินเข้าไปในงาน เหล่าดาราและเซเลบที่สนิทกันก็ต่างยกแก้วเข้ามาทักทายทันที รอยยิ้มและการทักทายที่คล่องแคล่วของไอซ์ทำให้บรรยากาศตรงจุดนั้นคึกคักทันตา“ว้าว วันนี้ควงสาวออกงานด้วยเหรอคะ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านข้าง พิม ดาราสาวสุดฮอตที่เพิ่งร่วมงานกับไอซ์เมื่อไม่นานมานี้ เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ
ณ ห้างสรรพสินค้าเดอลารัตน์ห้างหรูใจกลางเมืองในช่วงเย็นคึกคักไปด้วยผู้คน แต่โซนบูติกระดับไฮเอนด์กลับเงียบสงบ มีเพียงร่างสูงของดาราหนุ่มที่สวมใส่หน้ากากอนามัยสีดำปกปิดตามสไตล์ดาราดัง ตอนนี้เขากำลังเดินนำผู้ช่วยสาวก้าวฉับ ๆ เข้ามาในร้านแฟชั่นชื่อดังที่เต็มไปด้วยชุดหรูเรียงราย“เอ่อ… ฉันว่าแค่นี้ก็ดูดีแล้วนะคุณไอซ์ เราจะเลือกชุดใหม่อีกทำไม…” เมษาเอ่ยเสียงอ่อย ๆ พลางมองซ้ายขวาอย่างประหม่า“เงียบไปเลย วันนี้จัดเต็ม เปลี่ยนเธอให้เลิกดูเป็นแม่บ้านได้แน่” ไอซ์หันมามองตาเป็นประกายแล้วหันไปสั่งพนักงานเสียงเข้ม “ขอชุดคอลเลกชั่นล่าสุดที่เป็นเดรสค็อกเทลและชุดออกงานทั้งหมด เอาที่ดูไม่โป๊จนเกินไป แต่ต้องสวย ดึงดูด และดูแพง!”พนักงานตาลุกวาว รีบจัดการหยิบชุดออกมาเรียงรายเป็นสิบ ๆ ชุดราวกับรอคิวประกวดแฟชั่นโชว์“เข้าไปลอง! ทุกชุด! แล้วออกมาให้ดูทีละชุด!” ไอซ์สั่งพลางดันหลังเมษาให้เดินเข้าห้องลองเสื้อ“หาาา! คุณจะบ้าหรือไง ตั้งเยอะขนาดนี้!?”“เถียงมาก ชุดละไม่ถึงห้านาที เร็ว!” ดาราหนุ่มกอดอกยืนรอแบบไม่ยอมอ่อนข้อเมษาถอนหายใจอย่างจำยอม แล้วเริ่มสวมชุดแรก ไม่นานนัก เธอเดินออกมาในชุดเดรสแขนกุดสีดำเข้ารูปย
“กริ๊ง กรื๊ง!”เสียงกริ่งหน้าประตูเพนท์เฮาส์หรูดังขึ้นต่อเนื่องในยามเช้าที่เงียบสงบ บนเตียงนุ่ม ๆ ร่างสูงของดาราหนุ่มเจ้าของห้องนอนยังคงขดตัวซุกอยู่ในผ้าห่ม เขาขมวดคิ้ว หงุดหงิดเต็มที่เมื่อเสียงกริ่งยังดังไม่หยุด มือควานหาโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียงมาเปิดดูเวลา“เจ็ดโมงเช้า... ใครมาปลุกแต่เช้าวะเนี่ย!”เขาพึมพำงัวเงียก่อนจะซุกหน้ากลับลงกับหมอนทันที มืออีกข้างยกขึ้นปิดหูอย่างหัวเสีย“ติ๊ด!”เสียงประตูล็อคที่ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย บ่งบอกว่าแขกคนนั้นมีรหัสเข้าห้อง หลังจากดูแลดาราหนุ่มมาได้ไม่นานนักก็เรียกได้ว่าเธอรู้ไส้รู้พุงเขาหมดทุกเรื่องเลยแหละ ร่างของเมษาในเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงสแลคสีดำเดินเข้ามาด้วยท่าทีมั่นใจ สายตากวาดมองรอบห้องนั่งเล่นก่อนจะตรงเข้าไปที่ห้องนอนทันที“คุณไอซ์! วันนี้มีถ่ายงานตอนเก้าโมงเช้า” เสียงเธอดังขึ้นหน้าประตูห้องนอนอย่างไม่เกรงใจไม่มีเสียงตอบกลับ เธอขมวดคิ้วแล้วเคาะแรงขึ้น“คุณตื่นหรือยัง!”“นี่คุณ มันจะเสียเวลานัดลูกค้านะ เข้าใจไหม?”“จะให้คนทั้งกองรอคุณคนเดียวหรือยังไง!”รอแล้วก็ยังเงียบ เมษากัดฟันแน่น ก่อนสูดหายใจเข้าลึกแล้วตะโกนสุดเสียง “คุณไอซ์ ตื่นนนนนนนนนนน!!!
“ก็เหี้ยเหมือนบิดามั้งครับ” ไอซ์ตอบทันควัน โดยไม่แม้แต่จะเหลือบตามองใครเสียงช้อนตกจากมือคะนึงเนตรเบา ๆ ก่อนที่เธอจะถอนหายใจแรง“เฮ้อ หยุดทีเถอะสองพ่อลูก เจอกันทีไรเถียงกันตลอด แม่ปวดหัว!”เวย์ที่นั่งกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ตลอดช่วงต้นเพียงเลิกคิ้วนิดหนึ่ง ก่อนจะวางตะเกียบลงช้า ๆ แล้วหันไปทางแม่“ผมบอกมันแล้วนะแม่เนตร แต่สันดานอะ ใครจะเปลี่ยนมันได้” เขาเอ่ยเสียงเรียบ แต่ชัดเจนแล้วหันไปทางน้องชายคนเล็ก “มึงดูอย่างคินดิไอซ์ แชมป์รักเดียวใจเดียวไม่มีใครล้มได้”คินที่กำลังตักต้มจืดเข้าปากชะงักไปทันที “โห แล้ววกมาเรื่องผมได้ไงเนี่ย”“พ่อครับ พี่เวย์แกล้งผม” เขาทำเสียงเหมือนเด็กฟ้องครู แต่รอยยิ้มก็แอบซ่อนอยู่ที่มุมปากอิทธิพลหลุดหัวเราะในลำคอ “เอ้อ พวกมึงนี่ก็แกล้งแต่น้อง”เวย์กับไอซ์หันไปมองกัน ก่อนจะเบ้ปากพร้อมกันอย่างรู้ทัน ไม่มีคำพูดใด แต่การสบตาสั้น ๆ นั้นบอกชัดว่า นี่คือธรรมเนียมของบ้านนี้ บ้านที่รักกันแบบประชดประชัน บ้านที่เสียงด่ายังดังพอ ๆ กับเสียงหัวเราะ“พ่อครับ ผมอยากได้บิ๊กไบค์คันใหม่” จู่ ๆ น้องเล็กของบ้านก็พูดออดอ้อนผู้เป็นพ่อขึ้นมา“หืม?”“นะครับ พ่อ...” สายตาออดอ้อนเป็นประกายร







