LOGIN“ก็เหี้ยเหมือนบิดามั้งครับ” ไอซ์ตอบทันควัน โดยไม่แม้แต่จะเหลือบตามองใคร
เสียงช้อนตกจากมือคะนึงเนตรเบา ๆ ก่อนที่เธอจะถอนหายใจแรง
“เฮ้อ หยุดทีเถอะสองพ่อลูก เจอกันทีไรเถียงกันตลอด แม่ปวดหัว!”
เวย์ที่นั่งกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ตลอดช่วงต้นเพียงเลิกคิ้วนิดหนึ่ง ก่อนจะวางตะเกียบลงช้า ๆ แล้วหันไปทางแม่
“ผมบอกมันแล้วนะแม่เนตร แต่สันดานอะ ใครจะเปลี่ยนมันได้” เขาเอ่ยเสียงเรียบ แต่ชัดเจนแล้วหันไปทางน้องชายคนเล็ก “มึงดูอย่างคินดิไอซ์ แชมป์รักเดียวใจเดียวไม่มีใครล้มได้”
คินที่กำลังตักต้มจืดเข้าปากชะงักไปทันที “โห แล้ววกมาเรื่องผมได้ไงเนี่ย”
“พ่อครับ พี่เวย์แกล้งผม” เขาทำเสียงเหมือนเด็กฟ้องครู แต่รอยยิ้มก็แอบซ่อนอยู่ที่มุมปาก
อิทธิพลหลุดหัวเราะในลำคอ “เอ้อ พวกมึงนี่ก็แกล้งแต่น้อง”
เวย์กับไอซ์หันไปมองกัน ก่อนจะเบ้ปากพร้อมกันอย่างรู้ทัน ไม่มีคำพูดใด แต่การสบตาสั้น ๆ นั้นบอกชัดว่า นี่คือธรรมเนียมของบ้านนี้ บ้านที่รักกันแบบประชดประชัน บ้านที่เสียงด่ายังดังพอ ๆ กับเสียงหัวเราะ
“พ่อครับ ผมอยากได้บิ๊กไบค์คันใหม่” จู่ ๆ น้องเล็กของบ้านก็พูดออดอ้อนผู้เป็นพ่อขึ้นมา
“หืม?”
“นะครับ พ่อ...” สายตาออดอ้อนเป็นประกายราวกับแมวน้อย
“บอกเหตุผลพ่อก่อน”
“ก็ไอ้คนที่มาจีบพี่เบนซ์มันขับบิ๊กไบค์รุ่นใหม่นี่ครับ แต่ว่า... ตอนนี้มีรุ่นใหม่ล่าสุดเพิ่งเปิดตัว มีแค่สิบคันในไทย นะครับพ่อ”
ทุกคนในโต๊ะถึงกับตะลึงกับเหตุผลของน้องเล็ก
“มึงนี่มัน ทำได้ทุกอย่างเพื่อสาวจริง ๆ ว่ะ นับถือเลย” เสียงพี่รองดังขึ้นด้วยใบหน้าเอือมระอาพฤติกรรมของน้องชายตัวเองสุด ๆ
“มึงก็อย่าว่าน้องสิ!” เสียงของอิทธิพลดังขึ้นก่อนจะหันไปมองลูกชายคนเล็ก “น้องยังเด็กอยู่”
เพียงคำพูดของผู้เป็นพ่อทำคินใบหน้าเปลี่ยนสีไปทันที จากเดิมที่เป็นแมวน้อยตอนนี้หน้าอย่างกับหมาหงอย “พ่อ! พ่อก็ว่าผมยังเด็กเหมือนพี่เบนซ์เลย เหอะ!”
“คุณล่ะก็!” คะนึงเนตรสะกิดแขนสามีของเธอเบา ๆ “แม่ขอประกาศว่าคำนี้เป็นคำต้องห้าม ใครว่าคินเป็นเด็กแม่จะตัดโบนัส”
“โถ่... แม่เนตรครับ” เสียงของไอซ์ดังขึ้น แต่ก็ยังไม่วายจะล้อเลียนน้องชาย “มึงนี่มันเด็กเกินไปจริง ๆ ว่ะคิน”
“ไอซ์ สิ้นปีนี้ลูกโดนตัดโบนัสหนึ่งแสน”
“แม่เนตร! ตัดเยอะไปเปล่าครับ”
“ไอ้คิน เพราะมึงคนเดียวเลย ไอ้เด็...” ไอซ์ยังไม่ทันได้พูดจบคนึ่งเนตรก็พูดตัดประโยคขึ้นมา
“แหนะ! หรืออยากโดนตัดเพิ่มอีกสักแสน”
“ไม่ครับ ยอมแล้วครับ สิ้นปีผมว่าจะไปยุโรปด้วยสิ โดนตัดบ่อย ๆ แบบนี้ คงไปได้แค่แถบเอเชีย หรือไม่ก็เผลอ ๆ ออกจากไทยยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
เวย์ผู้มองดูสถานการณ์นี้อย่างเงียบ ๆ ก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ “มึงก็ลองหาแฟนเป็นตัวเป็นตนสิไอซ์ จะได้ไม่ต้องเอาคนอื่นไปเรื่อย เปลืองค่าปิดปากชิบหาย”
“พี่มึงพูดถูกว่ะไอซ์ อันนี้พ่อเห็นด้วย”
“ทำไมผมถึงรู้สึกว่าผมโดนโจมตีอยู่คนเดียววะ” ไอซ์พูดประท้วงขึ้นด้วยท่าทางเง่างอน
เสียงหัวเราะของทุกคนดังขึ้น พร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับการแสดงออกของดาราหนุ่มเบอร์ใหญ่ ที่ตอนนี้ตกเป็นเป้าโจมตีของทุกคนในโต๊ะไปแล้ว
หลังจบมื้ออาหาร เสียงหัวเราะและบทสนทนาเบา ๆ ยังคงดังแว่วจากห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบหรู สามพี่น้องรัตนวรากุลเอนตัวนั่งบนโซฟานุ่ม ล้อมโต๊ะกาแฟที่วางหนังสือพิมพ์และแก้วสีอำพันกันคนละมุม ไม่มีคำหวาน ไม่มีการแสดงออกเกินจริง แต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความสบายใจที่หาได้ยาก
“พี่เวย์ อย่าลืมจองรถให้ผมด้วย” เสียงคินดังขึ้นจากมุมโซฟา ฝ่ามือกดจอโทรศัพท์อย่างเพลิน ๆ แต่สายตายังหันไปมองพี่ชายเป็นระยะ
“อืม” เวย์ตอบสั้น ๆ พลางยกแก้วชาขึ้นจิบตามสไตล์คนขี้เก๊กที่ไม่เคยเสียมาด
“พี่ใจดีที่สุดเลย” คินยิ้มกว้าง ส่งเสียงออดอ้อนแบบแกล้ง ๆ
เวย์หรี่ตา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบ “อย่ามาอ้อน ขอร้อง”
เสียงถอนหายใจยาว ๆ ดังขึ้นจากไอซ์ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ฝั่งตรงข้าม ท่าทางเก๊กจัดเต็มราวกับอยู่ในกองถ่ายโฆษณาเสื้อผ้า
“เป็นไรอีกมึงนี่” เวย์ถามพลางเหลือบตาไปทางน้องชายคนกลาง
“พี่จีนไม่อยู่ กูมีผู้ช่วยคนใหม่มาดูแลแทน” ไอซ์ว่าเสียงเครียดนิด ๆ
“แล้วมันเป็นยังไง” เวย์ถามต่อ ทั้งที่ยังจ้องมือถือในมือตัวเอง
“ยัยนั้นแต่งตัวเฉิ่มมาก กูเป็นถึงพรีเซนต์เตอร์แบรนด์เสื้อผ้าระดับโลกเลยนะ” ไอซ์พูดแล้วสะบัดมือประกอบราวกับกำลังโชว์เดินแฟชั่น
เวย์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “แล้ว?”
“ก็รุ่นน้องนักแสดงแม่ง! เดินมากระซิบกูว่า ‘ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนนี้ผู้จัดการพี่ แต่งตัวไม่สมกับเป็นผู้จัดการเจ้าพ่อแฟชั่นเลย’ ” ไอซ์พูดพลางถอนหายใจรัว ๆ เหมือนโลกแตก “แต่งตัวเชยจัดจนกูขายหน้าไปหมด”
คินที่ฟังเงียบ ๆ มาตลอดเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เรื่องแค่นี้พี่ก็เอามาปรึกษาพี่เวย์เนี่ยนะ?”
เวย์หัวเราะในลำคอ หันไปส่งซิกให้คินแล้วตอบนิ่ง ๆ “มึงต้องทำใจว่ะคิน พี่มึงไม่มีเพื่อนคบไง เลยต้องปรึกษากูแทน”
“กูจริงจังนะเนี่ย” ไอซ์ขมวดคิ้วแน่น ทำหน้าเคร่งเหมือนเรื่องนี้สำคัญระดับชาติ “จัดการไงดีวะ”
“ให้กูจัดการรุ่นน้องนักแสดงมึงเลยไหมล่ะ โทษฐานปากดี”
“ไอ้พี่นี่ก็! เอะอะก็จะจัดการคนเลย” ไอซ์ส่ายหน้าอย่างเอือม ๆ กับคำตอบของพี่ชายก่อนจะพูดต่อ “จัดการผู้ช่วยกูก่อนนี่ ทำไงดีวะ”
เวย์ถอนหายใจแล้วพูดง่าย ๆ “มึงก็บอกผู้ช่วยมึงไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ดิ เอาบัตรให้เขาไป”
“เอางั้นเหรอวะพี่ มันจะไม่ทำให้เขาคิดว่ากูมีใจเหรอ?” ไอซ์ทำหน้าเหลอ ๆ พลางเอียงหัวนิด ๆ
“แล้วมึงทำไรให้เขาคิดแบบนั้นป่ะล่ะ?” เวย์ย้อนกลับแบบตรงประเด็น
“ไม่มีนะ เจอกันวันแรกกูยังพูดกูมึงด้วยเลย” ไอซ์รีบแก้ตัว
คินส่ายหัวเบา ๆ พลางหัวเราะหึ ๆ “อ่า... พี่กูเหี้ยชิบหาย กับผู้หญิงยังพูดไม่เพราะด้วยเลย”
ไอซ์หันขวับทันที มองน้องชายตัวดีตาเขม็ง “มึงนี่มัน...!”
“มึงต้องไปเจอก่อน มันพูดไม่มีหางเสียงกับกูก่อนเองนะ” ไอซ์พูดย้ำเหมือนจะให้ความยุติธรรมกับตัวเอง “ผู้หญิงแต่ละคนที่เจอมีแต่พูดเพราะ ๆ กับกูทั้งนั้น”
คินยักไหล่หันไปหาพี่ชายอีกคน “ใครจะไปอยากพูดเพราะกับคนหยาบคายล่ะ จริงไหมพี่เวย์?”
“อืม” เวย์ตอบสั้น ๆ พลางยกแก้วขึ้นจิบอีกครั้ง
“นี่พี่ก็เห็นด้วยกับมันเหรอเนี่ย” ไอซ์บ่นอุบอิบ พลางเอามือเสยผมอย่างหัวเสีย
เวย์วางแก้วลงแล้วพูดตัดบท “เอาน่า ก็อย่างที่บอก เอาบัตรให้เขาไปซื้อเสื้อผ้าเถอะ ถือว่าเป็นสวัสดิการที่ทำงานกับดาราใหญ่อย่างมึง”
“เหอะ! ดูพูดเข้า แต่คำว่าดาราใหญ่ก็เหมาะกับกูดี”
“พี่เวย์... แล้วมึงล่ะ ไม่มีอะไรอยากบ่นบ้างเหรอ?” ไอซ์ถามขึ้นทันที พลางเลิกคิ้วมองพี่ชายอย่างท้าทาย แววตานั่นเหมือนกำลังหาเรื่องคุยต่อให้โต๊ะไม่เงียบเกินไป “รับฟังแต่เองน้องอยู่นั่นแหละ”
เวย์หัวเราะหึ ๆ สั้น ๆ ก่อนตอบเรียบ ๆ “ชีวิตกูสงบดีว่ะ ไม่มีผู้ช่วยจ้องจะกัดเหมือนมึงด้วย”
“เหอะ! พี่นี่มัน...” ไอซ์เบ้ปากแต่ก็ยอมเงียบ เพราะรู้ดีว่าสู้ด้วยปากกับเวย์ยังไงก็แพ้
คินแอบอมยิ้ม ก่อนเงยหน้าขึ้นถามแซว “แล้วผู้ช่วยพี่น่ะชื่ออะไรนะพี่ไอซ์? เมษาใช่ปะ?”
“เออ เมษา... เมษาอะไรสักอย่าง จำไม่ได้” ไอซ์ตอบพลางโบกมือไปมาไม่ใส่ใจนัก
เวย์ยกหางคิ้วขึ้นช้า ๆ “แสดงว่ามึงยังไม่รู้จักเขาดีพอว่ะ”
“แล้วกูต้องรู้จักขนาดไหนวะพี่? ผู้ช่วยนะ ไม่ใช่เพื่อนเล่น” ไอซ์ว่าเสียงห้วน
คินยิ้มขำ ๆ แล้วทิ้งประโยคสั้น ๆ ทิ้งท้ายเหมือนเล่น ๆ แต่กลับทำให้ไอซ์ชะงักไปครู่หนึ่ง
“ระวังเหอะพี่... คนที่พี่มองข้าม เขาอาจจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมก็ได้นะ” คินพูดขึ้นพร้อมควงน้ำสีอำพันในแก้ว ก่อนจะพูดต่อ “ทำงานสัปดาห์แรกก็ทำเอาพี่ผมพูดถึงได้แล้ว ไม่ธรรมดาจริง ๆ”
ห้องนั่งเล่นเงียบลงทันตา เวย์แค่หันไปยิ้มมุมปาก ส่วนไอซ์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วลุกขึ้นยืน
“เออ ๆ เลิกพูดมากได้ละ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า กูกลับก่อนละ” เขาพูดพลางคว้ากุญแจรถบนโต๊ะ
คินลุกขึ้นตาม “เดี๋ยวผมไปด้วยพี่ ไปรถคันเดียวกันเลย”
เวย์พยักหน้านิด ๆ “โอเค ขับดี ๆ”
“แล้วพี่ไม่กลับพร้อมกันอ่ะ” ไอซ์ถาม
“อีกสักหน่อย กูต้องคุยงานกับพ่อก่อน”
“เออ ๆ งั้นพี่ก็กลับดีดีล่ะ”
เมื่อส่งหญิงสาวตรงหน้าสู่ฝั่งฝัน เขาถอดถอนนิ้วยาวออกจากร่องสวาท ก่อนจะปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเอง เผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องแน่น ๆ สายตาคมกริบยังคงจับจ้องไปที่ร่างบางที่อยู่ใต้ร่างเขา พลางใช้มือรูดซิปกางเกงออกเหลือเพียงสิ่งบดบังแก่นกายที่ปวดหนึบเพียงชิ้นเดียว“ลุกขึ้น” เสียงของเขาออกคำสั่งอย่างเจ้าเล่ห์เธอเองก็ลุกขึ้นอย่างว่าง่าย ใบหน้ายังเปรอะไปด้วยคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งเหือดจากสมรภูมิความเสียวซ่านเมื่อครู่“ถอดของฉันออก”เธอเอื้อมมือไปดึงสิ่งบดบังชิ้นสุดท้ายออกอย่างว่าง่าย แก่นกายที่ได้รับอิสระตอนนี้กำลังชูชันชี้หน้าเธอ“ชิมดูสิ”“หืม?” เมษาทำหน้าสงสัย“อ้าปาก แล้วเอามันเข้าไป”เธออ้าปากออกตามที่เขาบอก ก่อนจะกลืนกินแก่นกายชายเข้าไปในปากจนสุด มันทำให้เธอแทบสำลักกับความยาว มือหนึ่งจับประคองไว้ที่โคน ก่อนจะค่อย ๆ ใช้ปากรูดขึ้นลงอย่างช้า ๆ“เลียด้วย”ลิ้นเล็กตวัดรัวใส่แก่นกายชายพร้อมทั้งรูดขึ้นลง มือแกร่งจับประคองศีรษะของเธอไว้เพื่อนสอนจังหวะให้เร็วขึ้น“อื้ม...”เสียงครางทุ้มต่ำเล็ดลอดออกมาจากลำคอเขาเมื่อปลายลิ้นเล็ก ๆ ตวัดเลียรอบแก่นกายที่กำลังสั่นกระตุกเป็นจังหวะ มือเล็กยังคงรูดขึ้นลงช้า
“คุณ... สอนฉันหน่อย”เสียงเธอสั่นนิด ๆ แต่สายตากลับนิ่งแน่วแน่ ไอซ์เลิกคิ้วขึ้นทันที “หือ? สอนอะไร?” เขาถามด้วยความงุนงง สองตามองสบกับใบหน้าเธอที่ยังแดงก่ำจากน้ำตาเมื่อครู่“เรื่องที่คุณถนัด” เมษาตอบเสียงแน่นไอซ์หัวเราะหึ ๆ ในลำคอ ทำทีเป็นเล่น “อ๋อ การแสดงสินะ...”แต่ยังไม่ทันขาดคำ เมษาพูดสวนขึ้นมา เสียงหนักแน่นจนเขาชะงัก“เรื่องบนเตียง... คืนนี้เอากับฉันไหม”คำพูดนั้นเหมือนตบหน้าเขาฉาดใหญ่ ไอซ์นิ่งไปทันที ร่างแข็งค้างในวินาทีนั้น สองตาเบิกนิด ๆ มองเธอด้วยความตกใจ“รู้ตัวป่ะเนี่ย ว่าพูดอะไรออกมา?” น้ำเสียงเขาเริ่มจริงจังขึ้นทันทีรู้สิ... นอนกับฉันไหม” เธอพูดซ้ำ พลางยกมือซับคราบน้ำตาบนแก้มแล้วเงยหน้ามองเขาเต็มตา สายตาที่สะท้อนทั้งความบาดเจ็บและ... ความกล้าในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนไอซ์หันหน้าหนี ถอนหายใจเฮือกยาวเหมือนกำลังเรียบเรียงความคิด“นี่เมษา! ฉันไม่เอากับคนที่ไม่ยินยอมหรอกนะ เธอก็รู้” เขามองเธออีกครั้ง คราวนี้ดวงตามีแววเข้มจริงจังมากกว่าเดิม“…” เมษานิ่งไป พลางนึกย้อนถึงเรื่องราวของเธอกับผู้ชายคนนั้น คนที่หักหลังเธออย่างเลือดเย็นเมื่อก่อนไม่ว่าเธอจะแต่งตัวแบบไหน หรือต่อให้ไ
บรรยากาศงานเลี้ยงในโซนวีวีไอพีของบาร์หรู ‘The Midnight Trap’ยังคงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและแสงไฟระยิบระยับ แขกแต่ละคนแต่งตัวกันจัดเต็มไม่แพ้กัน ดาราและเซเลบริตี้ชื่อดังในวงการบันเทิงทยอยกันมาร่วมงานอย่างต่อเนื่อง โต๊ะเครื่องดื่มชั้นดีถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ส่วนมุมถ่ายรูปเต็มไปด้วยเสียงแฟลชและกล้องมือถือที่กดรัวไม่หยุดไอซ์เดินเคียงข้างเมษาที่ในค่ำคืนนี้แทบจะเป็นคนละคนกับที่ทุกคนเคยเห็น เดรสเข้ารูปสีน้ำเงินเมทัลลิคสะท้อนแสงไฟแบบมีรสนิยม ทรงผมสลวยที่ดูเป็นธรรมชาติแต่เนี้ยบกริบ และใบหน้าที่ผ่านการแต่งแต้มจนเปล่งประกาย เธอก้าวขาอย่างระมัดระวังในรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ แต่ก็สง่างามจนใครต่อใครต้องหันมามองไอซ์ปรายตามองเธอด้วยความพึงพอใจ ‘โคตรคุ้ม...’ เขาคิดในใจ ‘แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าผู้ช่วยของกู’เพียงแค่เขาเดินเข้าไปในงาน เหล่าดาราและเซเลบที่สนิทกันก็ต่างยกแก้วเข้ามาทักทายทันที รอยยิ้มและการทักทายที่คล่องแคล่วของไอซ์ทำให้บรรยากาศตรงจุดนั้นคึกคักทันตา“ว้าว วันนี้ควงสาวออกงานด้วยเหรอคะ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านข้าง พิม ดาราสาวสุดฮอตที่เพิ่งร่วมงานกับไอซ์เมื่อไม่นานมานี้ เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ
ณ ห้างสรรพสินค้าเดอลารัตน์ห้างหรูใจกลางเมืองในช่วงเย็นคึกคักไปด้วยผู้คน แต่โซนบูติกระดับไฮเอนด์กลับเงียบสงบ มีเพียงร่างสูงของดาราหนุ่มที่สวมใส่หน้ากากอนามัยสีดำปกปิดตามสไตล์ดาราดัง ตอนนี้เขากำลังเดินนำผู้ช่วยสาวก้าวฉับ ๆ เข้ามาในร้านแฟชั่นชื่อดังที่เต็มไปด้วยชุดหรูเรียงราย“เอ่อ… ฉันว่าแค่นี้ก็ดูดีแล้วนะคุณไอซ์ เราจะเลือกชุดใหม่อีกทำไม…” เมษาเอ่ยเสียงอ่อย ๆ พลางมองซ้ายขวาอย่างประหม่า“เงียบไปเลย วันนี้จัดเต็ม เปลี่ยนเธอให้เลิกดูเป็นแม่บ้านได้แน่” ไอซ์หันมามองตาเป็นประกายแล้วหันไปสั่งพนักงานเสียงเข้ม “ขอชุดคอลเลกชั่นล่าสุดที่เป็นเดรสค็อกเทลและชุดออกงานทั้งหมด เอาที่ดูไม่โป๊จนเกินไป แต่ต้องสวย ดึงดูด และดูแพง!”พนักงานตาลุกวาว รีบจัดการหยิบชุดออกมาเรียงรายเป็นสิบ ๆ ชุดราวกับรอคิวประกวดแฟชั่นโชว์“เข้าไปลอง! ทุกชุด! แล้วออกมาให้ดูทีละชุด!” ไอซ์สั่งพลางดันหลังเมษาให้เดินเข้าห้องลองเสื้อ“หาาา! คุณจะบ้าหรือไง ตั้งเยอะขนาดนี้!?”“เถียงมาก ชุดละไม่ถึงห้านาที เร็ว!” ดาราหนุ่มกอดอกยืนรอแบบไม่ยอมอ่อนข้อเมษาถอนหายใจอย่างจำยอม แล้วเริ่มสวมชุดแรก ไม่นานนัก เธอเดินออกมาในชุดเดรสแขนกุดสีดำเข้ารูปย
“กริ๊ง กรื๊ง!”เสียงกริ่งหน้าประตูเพนท์เฮาส์หรูดังขึ้นต่อเนื่องในยามเช้าที่เงียบสงบ บนเตียงนุ่ม ๆ ร่างสูงของดาราหนุ่มเจ้าของห้องนอนยังคงขดตัวซุกอยู่ในผ้าห่ม เขาขมวดคิ้ว หงุดหงิดเต็มที่เมื่อเสียงกริ่งยังดังไม่หยุด มือควานหาโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียงมาเปิดดูเวลา“เจ็ดโมงเช้า... ใครมาปลุกแต่เช้าวะเนี่ย!”เขาพึมพำงัวเงียก่อนจะซุกหน้ากลับลงกับหมอนทันที มืออีกข้างยกขึ้นปิดหูอย่างหัวเสีย“ติ๊ด!”เสียงประตูล็อคที่ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย บ่งบอกว่าแขกคนนั้นมีรหัสเข้าห้อง หลังจากดูแลดาราหนุ่มมาได้ไม่นานนักก็เรียกได้ว่าเธอรู้ไส้รู้พุงเขาหมดทุกเรื่องเลยแหละ ร่างของเมษาในเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงสแลคสีดำเดินเข้ามาด้วยท่าทีมั่นใจ สายตากวาดมองรอบห้องนั่งเล่นก่อนจะตรงเข้าไปที่ห้องนอนทันที“คุณไอซ์! วันนี้มีถ่ายงานตอนเก้าโมงเช้า” เสียงเธอดังขึ้นหน้าประตูห้องนอนอย่างไม่เกรงใจไม่มีเสียงตอบกลับ เธอขมวดคิ้วแล้วเคาะแรงขึ้น“คุณตื่นหรือยัง!”“นี่คุณ มันจะเสียเวลานัดลูกค้านะ เข้าใจไหม?”“จะให้คนทั้งกองรอคุณคนเดียวหรือยังไง!”รอแล้วก็ยังเงียบ เมษากัดฟันแน่น ก่อนสูดหายใจเข้าลึกแล้วตะโกนสุดเสียง “คุณไอซ์ ตื่นนนนนนนนนนน!!!
“ก็เหี้ยเหมือนบิดามั้งครับ” ไอซ์ตอบทันควัน โดยไม่แม้แต่จะเหลือบตามองใครเสียงช้อนตกจากมือคะนึงเนตรเบา ๆ ก่อนที่เธอจะถอนหายใจแรง“เฮ้อ หยุดทีเถอะสองพ่อลูก เจอกันทีไรเถียงกันตลอด แม่ปวดหัว!”เวย์ที่นั่งกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ตลอดช่วงต้นเพียงเลิกคิ้วนิดหนึ่ง ก่อนจะวางตะเกียบลงช้า ๆ แล้วหันไปทางแม่“ผมบอกมันแล้วนะแม่เนตร แต่สันดานอะ ใครจะเปลี่ยนมันได้” เขาเอ่ยเสียงเรียบ แต่ชัดเจนแล้วหันไปทางน้องชายคนเล็ก “มึงดูอย่างคินดิไอซ์ แชมป์รักเดียวใจเดียวไม่มีใครล้มได้”คินที่กำลังตักต้มจืดเข้าปากชะงักไปทันที “โห แล้ววกมาเรื่องผมได้ไงเนี่ย”“พ่อครับ พี่เวย์แกล้งผม” เขาทำเสียงเหมือนเด็กฟ้องครู แต่รอยยิ้มก็แอบซ่อนอยู่ที่มุมปากอิทธิพลหลุดหัวเราะในลำคอ “เอ้อ พวกมึงนี่ก็แกล้งแต่น้อง”เวย์กับไอซ์หันไปมองกัน ก่อนจะเบ้ปากพร้อมกันอย่างรู้ทัน ไม่มีคำพูดใด แต่การสบตาสั้น ๆ นั้นบอกชัดว่า นี่คือธรรมเนียมของบ้านนี้ บ้านที่รักกันแบบประชดประชัน บ้านที่เสียงด่ายังดังพอ ๆ กับเสียงหัวเราะ“พ่อครับ ผมอยากได้บิ๊กไบค์คันใหม่” จู่ ๆ น้องเล็กของบ้านก็พูดออดอ้อนผู้เป็นพ่อขึ้นมา“หืม?”“นะครับ พ่อ...” สายตาออดอ้อนเป็นประกายร